ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อมวลชนทุกประเภทได้นำเสนอวาทะวิพากษ์รัฐบาล ภายใต้การนำของนายสมัคร สุนทรเวช ของอาจารย์ธีรยุทธ บุญมี ว่าเป็นรัฐบาลลูกกรอก 1 โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลชุดนี้มีคนคอยบงการให้ดำเนินการในทำนองเกี่ยวกับกุมารทองที่มีจอมขมังเวทปลุกเสก และคอยสั่งการ และแถมด้วยว่ามีรักเลี้ยบ และยมมิ่งซึ่งมีฤทธิ์เดช รวมทั้งมีกุมารทองสองตน คือ กุมารทองคะนองปาก และกุมารทองคะนองอำนาจ สุดท้ายอาจารย์ธีรยุทธได้คาดการณ์ว่ารัฐบาลชุดนี้อยู่ได้ไม่นานจะถูกผู้ต่อต้าน ต้องจบลงภายใน 6 เดือนหรือไม่เกิน 1 ปี นี่คือใจความย่อๆ ในส่วนของวาทะที่เปรียบเทียบรัฐบาล
นอกจากนี้ อาจารย์ธีรยุทธได้พูดถึงปัจจัยเอื้อความรุนแรง และทางออกของรัฐบาลเพื่อความอยู่รอดไว้ด้วย ดังที่สื่อต่างๆ นำเสนอไปแล้ว
แต่ในที่นี้ ผู้เขียนเห็นว่ามีส่วนหนึ่งที่น่าจะได้นำมาอธิบายขยายความให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และส่วนนั้นก็คือส่วนของคำเปรียบเปรยรัฐบาลด้วยคำว่า ลูกกรอก รักยม และกุมารทอง ทั้งนี้เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจง่าย และลงลึกได้มากยิ่งขึ้น
เริ่มด้วยคำว่า ลูกกรอก ซึ่งหมายถึงซากทารกที่ตายอยู่ในท้อง และคลอดออกมาตัวเล็กผิดปกติ ซึ่งผู้เป็นพ่อแม่และพี่น้องได้เชิญผู้รู้เกี่ยวกับไสยศาสตร์มาทำพิธีอัญเชิญวิญญาณเด็กเข้าสิงร่าง และนำศพมาใส่พานบูชาด้วยเครื่องเซ่นขนมนมเนย รวมทั้งของเด็กเล่น ด้วยเชื่อว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ตนเองและครอบครัว รวมไปถึงคนที่มาแสดงความเคารพนับถือจะได้รับโชคลาภ และได้รับการปกป้องให้รอดพ้นจากอันตรายต่างๆ ได้
คำว่า รักยม หมายถึงรูปเด็กที่แกะสลักจากไม้มะยม และต้นรักเป็นรูปเด็กมีจุกแล้วทำพิธีปลุกเสกโดยจอมขมังเวทเพื่อให้เกิดความขลัง และมีพลังในการดลบันดาลสิ่งต่างๆ ให้แก่ผู้ที่นำไปบูชา โดยการใส่ขวดที่มีน้ำมันจันทน์และบูชาด้วยเครื่องเซ่น ในทำนองเดียวกับลูกกรอก และหวังผลในทำนองเดียวกัน
คำว่า กุมารทอง หมายถึง ศพเด็กที่นำมาจากท้องแม่ที่ตายทั้งกลม (คือแม่ตายในขณะที่ท้องอยู่) และนำมาทำพิธีปลุกเสกเพื่อให้เกิดความขลังโดยผู้มีเวทมนตร์ และวิญญาณของเด็กที่ผ่านการปลุกเสกในทำนองนี้แล้วเชื่อกันว่า จะมีฤทธิ์เดชคุ้มครองผู้ที่เป็นเจ้าของ รวมไปถึงสามารถทำร้ายศัตรูได้ด้วย
โดยความหมายรวมทั้งลูกกรอก รักยม และกุมารทอง โดยเนื้อแท้แล้วก็คือการนำวิญญาณเด็กมาใช้งานโดยผ่านการทำพิธีทางไสยศาสตร์นั่นเอง
ดังนั้น การที่อาจารย์ธีรยุทธได้นำคำ 3 คำนี้มาเปรียบเปรยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ก็น่าจะอนุมานได้ว่าหมายถึงรัฐบาลนี้คือเด็กที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุม และสั่งการของจอมขมังเวทผู้ปลุกเสกนั่นเอง และโดยนัยแห่งการเปรียบเปรยนี้ ก็จะทำให้มองเห็นพฤติกรรมทางการเมืองของรัฐบาลลูกกรอก ได้ดังนี้
1. ถึงแม้จะมีอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบโดยกฎหมาย แต่ก็ไม่มีความอิสระในการดำเนินงานใดๆ นอกเหนือไปจากที่จอมขมังเวทสั่งการ และมีเจตนารมณ์ให้ทำ
2. ในวันใดที่จอมขมังเวทเสื่อมจากการเป็นจอมขมังเวทด้วยการเจ็บป่วย การตาย หรือถูกทำลายด้วยจอมขมังเวทฝ่ายตรงกันข้าม รัฐบาลที่มีฐานะเป็นลูกกรอกก็จะเสื่อมอำนาจไปตาม
3. ถึงแม้ว่าจอมขมังเวทไม่เสื่อมจากคาถาอาคม แต่ลูกกรอก หรือรักยม หรือกุมารทองเกิดอาการดื้อแพ่งต่อจอมขมังเวท โอกาสที่ลูกกรอก กุมารทอง และรักยมจะถูกจอมขมังเวทผู้ซึ่งปลุกเสกขึ้นมาด้วยมือ ก็จะทำลายสิ่งที่ว่านี้ด้วยตนเองได้เช่นกัน
โดยนัยแห่งพฤติกรรม 3 ประการดังกล่าวข้างต้น ถ้านำมาเปรียบเทียบกับพฤติกรรมทางการเมืองอันอาจเกิดขึ้นกับรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนี้แล้ว ก็พอจะมองเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมได้ดังนี้
1. พรรคพลังประชาชนซึ่งนำโดย นายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาบริหารประเทศในฐานะผู้ที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นเสียงข้างมาก 233 เสียง และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคอื่นๆ อีก 5 พรรค รวมเป็น 6 พรรค ได้ตกเป็นข่าวมาตลอดว่าเป็นรัฐบาลตัวแทนกลุ่มอำนาจเก่า โดยได้รับเลือกเข้ามาด้วยอำนาจทุนของกลุ่มอำนาจเก่า และมีบุคลากรจากกลุ่มอำนาจเก่าหลายคนได้ส่งตัวแทนเข้ามาเป็นส่วนประกอบของพรรคนี้ รวมทั้งคอยบงการให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในทุกเรื่อง เริ่มตั้งแต่การจัดตั้ง ครม.ไปจนถึงการกำหนดทิศทางทางการเมืองต่อเนื่องมาตลอด และที่สำคัญที่สุดก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างความผิดให้แก่กลุ่มอำนาจเก่า จึงเท่ากับบทพิสูจน์ว่าเป็นลูกกรอกที่ถูกคนคอยสั่งการนั่นเอง
2. ในขณะนี้และเวลานี้ ผู้นำกลุ่มอำนาจเก่ากำลังตกที่นั่งลำบาก ทั้งในทางการเมือง และทางสังคม จนเกือบจะเรียกได้ว่าอยู่ในภาวะเสื่อมจากความเป็นจอมขมังเวท จึงเท่ากับทำให้ภาวะแห่งความมีพลังของลูกกรอกกำลังจะเสื่อมถอยไปตาม และถ้าเผอิญจอมขมังเวทสิ้นฤทธิ์ด้วยถูกศาลพิพากษาให้แพ้คดี ก็เท่ากับจอมขมังเวทย์สิ้นสภาพ และลูกกรอกจะอยู่ได้อย่างไร
3. ถึงแม้ว่าผู้ที่คอยแสดงพลังช่วยเหลือลูกกรอกให้แผลงฤทธิ์อวดศักดาไม่เสื่อมถอยจากความเป็นจอมขมังเวท
แต่เกิดมีจอมขมังเวทฝ่ายตรงกันข้ามมีเวทมนตร์แก่กล้ากว่าใช้อาคมสะกดเรียกลูกกรอก และสั่งการให้แสดงอาการกระด้างกระเดื่องต่อจอมขมังเวท ผู้ปลุกเสกโดยไม่ยอมอยู่ภายใต้คำสั่งการ จอมขมังเวทย์ก็เหลืออยู่ทางเดียวคือ ต้องจำใจใช้เวทมนตร์ทำลายลูกกรอกที่ตนเองปลุกเสกขึ้นมา หรือถึงแม้ไม่ทำลาย สุดท้ายลูกกรอกที่ตนเองปลุกเสกมาก็อาจหันกลับมาทำลายตัวเองได้
จากพฤติกรรม 3 ประการอันอาจเกิดขึ้นกับลูกกรอก ผู้เขียนเชื่อว่าประการที่ 2 และประการที่ 3 คงจะเกิดขึ้นแน่นอนในไม่ช้านี้ จากการสังเกตพฤติกรรมของกุมารทองที่ทั้งคะนองปาก และคะนองอำนาจแล้ว เห็นว่าได้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากการงดพูดในรายการที่เคยพูด และจากการแสดงอำนาจท้าทายใครต่อใครของกุมารทองคะนองอำนาจได้ลดน้อยถอยลงเหมือนประหนึ่งว่าจะมีปรากฏการณ์อันใดอันหนึ่งเกิดขึ้น และทำให้สภาวะแห่งความเป็นกุมารทองถึงกาลอวสานได้
ทั้งหมดที่นำมาเขียนอธิบายขยายความ ขอให้ท่านผู้อ่านอ่านไปคิดไป และอย่าเพิ่งเชื่อเพราะนี่คือการขยายความโดยตรรกะ ได้มีข้อมูลใดๆ มารองรับการอธิบาย แต่อย่าเพิ่งปฏิเสธว่าเกิดขึ้นไม่ได้
ทางที่ดีขอให้อ่านแล้วคิด คิดแล้วหาเหตุผลมารองรับความเชื่อหรือปฏิเสธ ก็น่าจะทำให้ได้ความรู้ความคิดได้พอสมควร ดีกว่าดูการเมืองน้ำเน่ารายวันที่เป็นอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้ อาจารย์ธีรยุทธได้พูดถึงปัจจัยเอื้อความรุนแรง และทางออกของรัฐบาลเพื่อความอยู่รอดไว้ด้วย ดังที่สื่อต่างๆ นำเสนอไปแล้ว
แต่ในที่นี้ ผู้เขียนเห็นว่ามีส่วนหนึ่งที่น่าจะได้นำมาอธิบายขยายความให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และส่วนนั้นก็คือส่วนของคำเปรียบเปรยรัฐบาลด้วยคำว่า ลูกกรอก รักยม และกุมารทอง ทั้งนี้เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจง่าย และลงลึกได้มากยิ่งขึ้น
เริ่มด้วยคำว่า ลูกกรอก ซึ่งหมายถึงซากทารกที่ตายอยู่ในท้อง และคลอดออกมาตัวเล็กผิดปกติ ซึ่งผู้เป็นพ่อแม่และพี่น้องได้เชิญผู้รู้เกี่ยวกับไสยศาสตร์มาทำพิธีอัญเชิญวิญญาณเด็กเข้าสิงร่าง และนำศพมาใส่พานบูชาด้วยเครื่องเซ่นขนมนมเนย รวมทั้งของเด็กเล่น ด้วยเชื่อว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ตนเองและครอบครัว รวมไปถึงคนที่มาแสดงความเคารพนับถือจะได้รับโชคลาภ และได้รับการปกป้องให้รอดพ้นจากอันตรายต่างๆ ได้
คำว่า รักยม หมายถึงรูปเด็กที่แกะสลักจากไม้มะยม และต้นรักเป็นรูปเด็กมีจุกแล้วทำพิธีปลุกเสกโดยจอมขมังเวทเพื่อให้เกิดความขลัง และมีพลังในการดลบันดาลสิ่งต่างๆ ให้แก่ผู้ที่นำไปบูชา โดยการใส่ขวดที่มีน้ำมันจันทน์และบูชาด้วยเครื่องเซ่น ในทำนองเดียวกับลูกกรอก และหวังผลในทำนองเดียวกัน
คำว่า กุมารทอง หมายถึง ศพเด็กที่นำมาจากท้องแม่ที่ตายทั้งกลม (คือแม่ตายในขณะที่ท้องอยู่) และนำมาทำพิธีปลุกเสกเพื่อให้เกิดความขลังโดยผู้มีเวทมนตร์ และวิญญาณของเด็กที่ผ่านการปลุกเสกในทำนองนี้แล้วเชื่อกันว่า จะมีฤทธิ์เดชคุ้มครองผู้ที่เป็นเจ้าของ รวมไปถึงสามารถทำร้ายศัตรูได้ด้วย
โดยความหมายรวมทั้งลูกกรอก รักยม และกุมารทอง โดยเนื้อแท้แล้วก็คือการนำวิญญาณเด็กมาใช้งานโดยผ่านการทำพิธีทางไสยศาสตร์นั่นเอง
ดังนั้น การที่อาจารย์ธีรยุทธได้นำคำ 3 คำนี้มาเปรียบเปรยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ก็น่าจะอนุมานได้ว่าหมายถึงรัฐบาลนี้คือเด็กที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุม และสั่งการของจอมขมังเวทผู้ปลุกเสกนั่นเอง และโดยนัยแห่งการเปรียบเปรยนี้ ก็จะทำให้มองเห็นพฤติกรรมทางการเมืองของรัฐบาลลูกกรอก ได้ดังนี้
1. ถึงแม้จะมีอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบโดยกฎหมาย แต่ก็ไม่มีความอิสระในการดำเนินงานใดๆ นอกเหนือไปจากที่จอมขมังเวทสั่งการ และมีเจตนารมณ์ให้ทำ
2. ในวันใดที่จอมขมังเวทเสื่อมจากการเป็นจอมขมังเวทด้วยการเจ็บป่วย การตาย หรือถูกทำลายด้วยจอมขมังเวทฝ่ายตรงกันข้าม รัฐบาลที่มีฐานะเป็นลูกกรอกก็จะเสื่อมอำนาจไปตาม
3. ถึงแม้ว่าจอมขมังเวทไม่เสื่อมจากคาถาอาคม แต่ลูกกรอก หรือรักยม หรือกุมารทองเกิดอาการดื้อแพ่งต่อจอมขมังเวท โอกาสที่ลูกกรอก กุมารทอง และรักยมจะถูกจอมขมังเวทผู้ซึ่งปลุกเสกขึ้นมาด้วยมือ ก็จะทำลายสิ่งที่ว่านี้ด้วยตนเองได้เช่นกัน
โดยนัยแห่งพฤติกรรม 3 ประการดังกล่าวข้างต้น ถ้านำมาเปรียบเทียบกับพฤติกรรมทางการเมืองอันอาจเกิดขึ้นกับรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนี้แล้ว ก็พอจะมองเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมได้ดังนี้
1. พรรคพลังประชาชนซึ่งนำโดย นายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาบริหารประเทศในฐานะผู้ที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นเสียงข้างมาก 233 เสียง และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคอื่นๆ อีก 5 พรรค รวมเป็น 6 พรรค ได้ตกเป็นข่าวมาตลอดว่าเป็นรัฐบาลตัวแทนกลุ่มอำนาจเก่า โดยได้รับเลือกเข้ามาด้วยอำนาจทุนของกลุ่มอำนาจเก่า และมีบุคลากรจากกลุ่มอำนาจเก่าหลายคนได้ส่งตัวแทนเข้ามาเป็นส่วนประกอบของพรรคนี้ รวมทั้งคอยบงการให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในทุกเรื่อง เริ่มตั้งแต่การจัดตั้ง ครม.ไปจนถึงการกำหนดทิศทางทางการเมืองต่อเนื่องมาตลอด และที่สำคัญที่สุดก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างความผิดให้แก่กลุ่มอำนาจเก่า จึงเท่ากับบทพิสูจน์ว่าเป็นลูกกรอกที่ถูกคนคอยสั่งการนั่นเอง
2. ในขณะนี้และเวลานี้ ผู้นำกลุ่มอำนาจเก่ากำลังตกที่นั่งลำบาก ทั้งในทางการเมือง และทางสังคม จนเกือบจะเรียกได้ว่าอยู่ในภาวะเสื่อมจากความเป็นจอมขมังเวท จึงเท่ากับทำให้ภาวะแห่งความมีพลังของลูกกรอกกำลังจะเสื่อมถอยไปตาม และถ้าเผอิญจอมขมังเวทสิ้นฤทธิ์ด้วยถูกศาลพิพากษาให้แพ้คดี ก็เท่ากับจอมขมังเวทย์สิ้นสภาพ และลูกกรอกจะอยู่ได้อย่างไร
3. ถึงแม้ว่าผู้ที่คอยแสดงพลังช่วยเหลือลูกกรอกให้แผลงฤทธิ์อวดศักดาไม่เสื่อมถอยจากความเป็นจอมขมังเวท
แต่เกิดมีจอมขมังเวทฝ่ายตรงกันข้ามมีเวทมนตร์แก่กล้ากว่าใช้อาคมสะกดเรียกลูกกรอก และสั่งการให้แสดงอาการกระด้างกระเดื่องต่อจอมขมังเวท ผู้ปลุกเสกโดยไม่ยอมอยู่ภายใต้คำสั่งการ จอมขมังเวทย์ก็เหลืออยู่ทางเดียวคือ ต้องจำใจใช้เวทมนตร์ทำลายลูกกรอกที่ตนเองปลุกเสกขึ้นมา หรือถึงแม้ไม่ทำลาย สุดท้ายลูกกรอกที่ตนเองปลุกเสกมาก็อาจหันกลับมาทำลายตัวเองได้
จากพฤติกรรม 3 ประการอันอาจเกิดขึ้นกับลูกกรอก ผู้เขียนเชื่อว่าประการที่ 2 และประการที่ 3 คงจะเกิดขึ้นแน่นอนในไม่ช้านี้ จากการสังเกตพฤติกรรมของกุมารทองที่ทั้งคะนองปาก และคะนองอำนาจแล้ว เห็นว่าได้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากการงดพูดในรายการที่เคยพูด และจากการแสดงอำนาจท้าทายใครต่อใครของกุมารทองคะนองอำนาจได้ลดน้อยถอยลงเหมือนประหนึ่งว่าจะมีปรากฏการณ์อันใดอันหนึ่งเกิดขึ้น และทำให้สภาวะแห่งความเป็นกุมารทองถึงกาลอวสานได้
ทั้งหมดที่นำมาเขียนอธิบายขยายความ ขอให้ท่านผู้อ่านอ่านไปคิดไป และอย่าเพิ่งเชื่อเพราะนี่คือการขยายความโดยตรรกะ ได้มีข้อมูลใดๆ มารองรับการอธิบาย แต่อย่าเพิ่งปฏิเสธว่าเกิดขึ้นไม่ได้
ทางที่ดีขอให้อ่านแล้วคิด คิดแล้วหาเหตุผลมารองรับความเชื่อหรือปฏิเสธ ก็น่าจะทำให้ได้ความรู้ความคิดได้พอสมควร ดีกว่าดูการเมืองน้ำเน่ารายวันที่เป็นอยู่ในขณะนี้