นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาวิพากษ์รัฐบาลเป็นรัฐบาลลูกกรอก 1 และเป็นยุคนักการเมืองชั่วครองเมืองว่า ถือเป็นการใช้คำที่แรง ยอมรับว่านักการเมืองมีทั้งที่ดีและไม่ดี ซึ่งคงเป็นการ แสดงความเป็นห่วงเพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้คนไม่ดีเข้ามาปกครองประเทศ แต่ไม่ควรเหมารวมว่าการเมืองหรือนักการเมืองทุกคนทุกพรรคจะต้องเลวร้ายเสมอไป ดังนั้นนักการเมืองต้องพิสูจน์ตัวเอง เพราะขณะนี้มีคนจำนวนมากมองว่า นักการเมือง คำนึงถึงประโยชน์ของตนเองเป็นใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ยิ่งเป็นการตอกย้ำความเข้าใจนี้ ดังนั้นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต้องช่วยกันกอบกู้ภาพลักษณ์ของการเมือง ไม่ใช่ทำอะไรเพื่อตนเอง
ส่วนรัฐบาลที่ได้ฉายาลูกกรอกนั้น ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงาน ทุกฝ่ายอยากให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งประสบความสำเร็จในการบริหาร หากกระตือรือร้นที่จะแก้ปัญหาให้ตรงจุดอย่างรวดเร็ว การวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้จะลดลง ขอย้ำว่าสิ่งที่ดีกว่าการตอบโต้คือการทำงาน เพราะการตอบโต้ด้วยคำพูด หรือไปสร้างปมขัดแย้งไม่ช่วยอะไร
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว. มหาดไทย กล่าวว่า นายธีรยุทธ เป็นนักวิชาการ และเป็นนักต่อสู้ประชาธิปไตย ที่ออกมาวิจารณ์รัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ และนายธีรยุทธ์พูดก็ถูกต้อง ว่าถ้าใครก็ตามที่เป็นคนชั่วปกครองประเทศไม่ได้ แต่ตนยืนยันว่าพวกตนไม่ใช่คนชั่ว แต่มาตามตรอกออกตามประตู
ส่วนที่นายธีรยุทธวิจารณ์ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ยาวนานหรือไม่อยู่ที่การกระทำนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็รับฟัง อะไรเป็นข้อวิจารณ์ก็นำมาปรับปรุงดูแล แต่สิ่งไหน เป็นเรื่องไม่เป็นประโยชน์เราก็ไม่รับฟัง เพราะการจะเป็นรัฐบาล บริหารประเทศได้ มันต้องเป็นตัวของตัวเองพอสมควร ทั้งนี้ไม่ใช่รับฟังเฉพาะยสบธีรยุทธ์ เท่านั้น แต่เราต้องรับฟังให้รอบด้าน
“แต่อย่างน้อย ๆ อาจารย์ธีรยุทธ์ ควรภูมิใจว่าพวกผมมาจากการเลือกตั้งของประชาชน มาด้วยความถูกต้องชอบธรรม และเป็นบุคคลที่ถูกตรวจสอบได้ การวิจารณ์วิจารณ์ว่าเป็นยุคคนชั่วครองเมือง อาจารย์พูดให้ชัดว่าหมายถึงใคร ถ้าพูดแบบคาบลูกคาบดอก มันก็จะเสียบุคลิกของอาจารย์เอง เพราะไหนบอกว่า เป็นคนวิจารณ์ตรงไปตรงมา ต้องพูดให้ชัด คนชั่วใครครองเมือง ผมไม่ใช่คนชั่ว ผมเป็นคนดี แต่อาจไม่ดีในสายตาคนที่ไม่ชอบ ซึ่งพวกผมก็ถือเป็นสิทธิ์”
ส่วนที่ นายธีรยุทธ ระบุว่าถ้าเร่งแก้รัฐธรรมนูญจะเกิดเหตุการณ์บานปลาย จนถึงขั้นวิกฤตนองเลือด รมว.มหาดไทย กล่าวว่า คนที่ออกมาวิจารณ์รู้หรือยังว่า เขาจะแก้ไขรัฐธรรมนูญกันแบบไหน และเห็นหรือไม่ว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้พรรคได้บอกตลอดอยู่แล้วว่า จะแก้รัฐธรรมนูญหากได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาล นายธีรยุทธ ไปอยู่ที่ไหนมา ไม่เคยฟังหรือ ตนปราศรัยทั้งที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และที่สนามหลวง และวันนี้ตนก็ยังยืนยันจะแก้ไขบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ
“ที่อาจารย์บอกว่า บ้านเมืองจะถล่มทลายจนอยู่ไม่ได้นั้น ขอถามว่า ได้เห็นตัวร่างแล้วหรือยัง ตนก็คิดว่าก็ยังไม่เห็น แต่ก็ยังดีที่รอบนี้ นายธีรยุทธ ยังเป็นกันเอง เพราะใส่เสื้อกั๊ก คราวที่แล้วใส่สูทผมก็เลยมองเป็นคนอื่น แต่ครั้งนี้ผมมองเป็นพรรคพวกกัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลรับปากหรือไม่ว่าจะไม่เกิดการเผชิญหน้าทางการเมือง และจะดูแลสถานการณได้หรือไม่ นั้น รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่เกิดเหตุ แน่นอน ตราบใดที่ตนดูแลในฐานะรมว.มหาดไทย จะไม่มีการเผชิญหน้า สุดท้ายก็จะได้ข้อยุติ ตนไม่มองการเมืองเป็นเรื่องซีเรียส ส่วนที่ผบ.ทร.ออกมาระบุว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะออกมาแก้ไขปัญหานั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าผู้ใหญ่ที่ผบ.ทร.พูดถึงนั้นหมายถึงใคร
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของนายธีรยุทธที่ระบุว่าเป็นรัฐบาลลูกกรอกว่า ขอบคุณที่คนไทยยังคงเห็นความสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ถึงขั้นมีการวิเคราะห์เจาะลึก สังคมต้องการประชาธิปไตย สร้างบรรยากาศที่วิพากษ์วิจารณ์กันได้ คิดว่า เป็นเรื่องที่ดี เ
ส่วนรัฐบาลเป็นอย่างที่นายธีรยุทธตั้งฉายาให้หรือไม่นั้น นายจักรภพ กล่าวว่า รัฐบาลมีอายุ 4 ปี ก็ต้องตั้งอีก 10-100 ฉายา รัฐบาลจะมีฉายาหรือไม่ไม่สำคัญ แต่สำคัญว่าเมื่อพ้นไปแล้วฉายาถาวรในประวัติศาสตร์เป็นอย่างไร ฉายานี้ก็ครึกครื้นดี ดูมันขลังดี จริงๆตอนนี้เราต้องการจะทำไส้กรอกมากกว่า ต้องการผลิตอาหารเพิ่มขึ้น เพื่อเลี้ยงคนไทยและชาวโลก เพราะตอนนี้น้ำมันแพงพาให้อาหารแพงไปด้วย
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลและตนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการวิพากษ์วิจารณ์ของนายธีรยุทธ และส่วนตัวตนรู้จักนายธีรยุทธอย่างดี เมื่อสมัยนายธีรยุทธเป็นนักศึกษาเข้าป่าไปเป็น คอมมิวนิสต์ ซึ่งนายตำรวจรุ่นของตนไปปราบปราบกลุ่มของนายธีรยุทธ ดังนั้นตนจึงไม่ให้ความสำคัญ
“รัฐบาลจะเป็นลูกกรอกหรือไม่ก็เป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะตัดสินว่าผลงานรัฐบาลเป็นอย่างไร วันวันหนึ่งผมว่านักวิชาการควรจะมาคิดว่าอันไหนเป็นปัญหาของประเทศชาติ แล้วมาช่วยกันแก้ไข คือถ้ามีคนพูดแต่ปัญหาอย่างเดียว ไม่เสนอแนะวิธีการแก้ไขให้เกิดประโยชน์ นักวิชาการถ้าจะติก็ควรจะติเพื่อก่อ เพราะว่าประชาชนที่เป็นเยาวชนก็ดูอยู่ว่านักวิชาการจะมีคุณูปการต่อประเทศชาติอย่างไรบ้าง ถ้ารัฐบาลเป็นรัฐบาลลูกกรอก นักวิชาการก็คงเป็นนักวิชาการลูกกลิ้ง”
ส่วนที่นายธีรยุทธ บอกว่ามีกุมารทอง 2 ตนในรัฐบาลนั้น พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ากุมารทองเป็นอย่างไร แต่ถ้าคนที่ตรวจสอบหรือนักวิชาการมีข้อมูลหลักฐานน่าจะระบุมาเลยว่าเป็นใคร ซึ่งทางรัฐบาลยินดีรับฟังและพร้อมจะแก้ไขปัญหาถ้ามีใครในคณะรัฐบาลไปทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง รัฐบาลจะไม่เอาไว้เลยจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
“ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะฟ้องหมิ่นประมาท แต่ที่ไม่กล้าพูดเพราะไม่เป็นเรื่องจริง หรือกลัวเขาฟ้องหมิ่นประมาท แล้วไปกลัวทำไม เพราะการที่ให้มาเป็นตัวหนังสือย่อ เป็นตัวสรรพนามอย่างนี้ผมอยากจะเรียนว่ากล้าหน่อยเถอะ ถ้าแน่จริงก็กล้าๆหน่อย คืออะไรก็ตามอย่าทำเป็นอีแอบที่บอกว่ามีนักการเมืองชั่ว”
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนสังเกตุมานานแล้วว่า นายธีรยุทธมักจะทำตัว เด่น ลอยตัวเหนือคนอื่น มีความสุข เมื่อได้วิพากษ์วิจารณ์แรงๆ ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า นายธีรยุทธ คงจะมีอาการโรคจิตอ่อนๆ ได้ต่อว่าคนอื่น แล้วเห็นคนที่ถูกต่อว่าเจ็บปวด แล้วตัวเองมีความสุข ทั้งนี้ตนกังขาในท่าทีของนายธีรยุทธมาตั้งแต่สมัย คมช. ฉีกรัฐธรรมนูญ แต่นายธีรยุทธ เก็บตัวเงียบไม่ออกมาต่อต้านคมช. แต่พอรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะแก้ไขไปใช้รัฐธรรมนูญปี 40 กลับออกมาขัดขวาง ตนไม่ทราบว่าจะเรียกนายธีรยุทธว่าเป็นบุคคลที่รักประชาธิปไตยได้อย่างไร การที่นายธีรยุทธ ออกมาวิเคราะห์ครั้งนี้ไม่ทราบว่าต้องการอะไร เพราะเหมือนชี้โพรงให้กระรอกว่านักการเมืองไม่ดี ให้อำนาจนอกระบบ เข้ามาปฏิวัติอีกครั้งหนึ่ง สำหรับนักการเมืองทุกคนไม่รู้สึกในคำพูด ของนายธีรยุทธ ที่ว่านักการเมือง ชั่ว นักการเมืองน้ำเน่า เพราะชินเสียแล้วเป็นเรื่องธรรมดา แต่นายธีรยุทธควรใช้ต้นทุนที่ตัวเองมีออกมา ช่วยกันต่อต้านเผด็จการ และที่นายธีรยุทธเคยพูดว่าเมืองไทยมี 5 เสื่อม ผมขอเพื่มไปอีก 1 เสื่อมคือ นักวิชาการเสื่อม มีสารปนเปื้อนตกค้างในความคิด แสดงความเห็นแบบอคติ เห็นคนอื่นแย่หมด ข้อมูลวิชาการก็ปนเปื้อน สังคมและสื่อ ไม่ควรให้ความสนใจ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผู้วิพากษ์วิจารณ์ควรพิจารณาข้อเท็จจริงก่อนจะหยิบยกมาพูดจา การที่ นายธีรยุทธ วิจารณ์ว่ารัฐบาลนี้อาจกลายเป็นนักการเมืองชั่วครองเมืองนั้น ตนอยากให้นายธีรยุทธ ได้ใช้เวลาและสติปัญญาไตร่ตรองให้มาก เพราะรัฐบาลนี้มาจากประชาชน ซึ่งหมายความว่าประชาชนได้ตัดสินใจมอบอำนาจบริหารบ้านเมืองให้รัฐบาลทำหน้าที่
ดังนั้น คำพูดดังกล่าวจึงหมายความว่านายธีรยุทธปฏิเสธวิจารณญาณของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศและจะชี้ขาดโดยยึดคำพูดของตัวเองคนเดียวใช่หรือไม่ ตนอยากให้นายธีรยุทธเข้าใจว่าในความเป็นประชาธิปไตย ประชาชนแม้จะเป็นตาสี ตาสา แต่เขาย่อมมีสติ ปัญญาพอที่จะตัดสินใจว่าจะมอบหมายให้ใครมาทำหน้าที่ บริหารบ้านเมือง
“หากงานของรัฐบาลง่ายเหมือนใช้เวลาทั้งชีวิตคิดถ้อยคำเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ คนอื่น ผมก็คิดว่าการพัฒนาบ้านเมืองก็คงประสบแต่ปัญหาเช่นทุกวันนี้ ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่อาจจะยอมรับฉายาลูกกรอกได้ และจะไม่ถือเป็นสาระ แต่ผมมองว่าอาการของนายธีรยุทธเป็นอาการย่องตอดแอบอยู่ตรงไหนไม่รู้ เผลอทีก็ออกมาตอดนิดตอดหน่อยที แล้วก็กลับไปแอบใหม่”
ส่วนรัฐบาลที่ได้ฉายาลูกกรอกนั้น ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงาน ทุกฝ่ายอยากให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งประสบความสำเร็จในการบริหาร หากกระตือรือร้นที่จะแก้ปัญหาให้ตรงจุดอย่างรวดเร็ว การวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้จะลดลง ขอย้ำว่าสิ่งที่ดีกว่าการตอบโต้คือการทำงาน เพราะการตอบโต้ด้วยคำพูด หรือไปสร้างปมขัดแย้งไม่ช่วยอะไร
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว. มหาดไทย กล่าวว่า นายธีรยุทธ เป็นนักวิชาการ และเป็นนักต่อสู้ประชาธิปไตย ที่ออกมาวิจารณ์รัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ และนายธีรยุทธ์พูดก็ถูกต้อง ว่าถ้าใครก็ตามที่เป็นคนชั่วปกครองประเทศไม่ได้ แต่ตนยืนยันว่าพวกตนไม่ใช่คนชั่ว แต่มาตามตรอกออกตามประตู
ส่วนที่นายธีรยุทธวิจารณ์ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ยาวนานหรือไม่อยู่ที่การกระทำนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็รับฟัง อะไรเป็นข้อวิจารณ์ก็นำมาปรับปรุงดูแล แต่สิ่งไหน เป็นเรื่องไม่เป็นประโยชน์เราก็ไม่รับฟัง เพราะการจะเป็นรัฐบาล บริหารประเทศได้ มันต้องเป็นตัวของตัวเองพอสมควร ทั้งนี้ไม่ใช่รับฟังเฉพาะยสบธีรยุทธ์ เท่านั้น แต่เราต้องรับฟังให้รอบด้าน
“แต่อย่างน้อย ๆ อาจารย์ธีรยุทธ์ ควรภูมิใจว่าพวกผมมาจากการเลือกตั้งของประชาชน มาด้วยความถูกต้องชอบธรรม และเป็นบุคคลที่ถูกตรวจสอบได้ การวิจารณ์วิจารณ์ว่าเป็นยุคคนชั่วครองเมือง อาจารย์พูดให้ชัดว่าหมายถึงใคร ถ้าพูดแบบคาบลูกคาบดอก มันก็จะเสียบุคลิกของอาจารย์เอง เพราะไหนบอกว่า เป็นคนวิจารณ์ตรงไปตรงมา ต้องพูดให้ชัด คนชั่วใครครองเมือง ผมไม่ใช่คนชั่ว ผมเป็นคนดี แต่อาจไม่ดีในสายตาคนที่ไม่ชอบ ซึ่งพวกผมก็ถือเป็นสิทธิ์”
ส่วนที่ นายธีรยุทธ ระบุว่าถ้าเร่งแก้รัฐธรรมนูญจะเกิดเหตุการณ์บานปลาย จนถึงขั้นวิกฤตนองเลือด รมว.มหาดไทย กล่าวว่า คนที่ออกมาวิจารณ์รู้หรือยังว่า เขาจะแก้ไขรัฐธรรมนูญกันแบบไหน และเห็นหรือไม่ว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้พรรคได้บอกตลอดอยู่แล้วว่า จะแก้รัฐธรรมนูญหากได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาล นายธีรยุทธ ไปอยู่ที่ไหนมา ไม่เคยฟังหรือ ตนปราศรัยทั้งที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และที่สนามหลวง และวันนี้ตนก็ยังยืนยันจะแก้ไขบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ
“ที่อาจารย์บอกว่า บ้านเมืองจะถล่มทลายจนอยู่ไม่ได้นั้น ขอถามว่า ได้เห็นตัวร่างแล้วหรือยัง ตนก็คิดว่าก็ยังไม่เห็น แต่ก็ยังดีที่รอบนี้ นายธีรยุทธ ยังเป็นกันเอง เพราะใส่เสื้อกั๊ก คราวที่แล้วใส่สูทผมก็เลยมองเป็นคนอื่น แต่ครั้งนี้ผมมองเป็นพรรคพวกกัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลรับปากหรือไม่ว่าจะไม่เกิดการเผชิญหน้าทางการเมือง และจะดูแลสถานการณได้หรือไม่ นั้น รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่เกิดเหตุ แน่นอน ตราบใดที่ตนดูแลในฐานะรมว.มหาดไทย จะไม่มีการเผชิญหน้า สุดท้ายก็จะได้ข้อยุติ ตนไม่มองการเมืองเป็นเรื่องซีเรียส ส่วนที่ผบ.ทร.ออกมาระบุว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะออกมาแก้ไขปัญหานั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าผู้ใหญ่ที่ผบ.ทร.พูดถึงนั้นหมายถึงใคร
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของนายธีรยุทธที่ระบุว่าเป็นรัฐบาลลูกกรอกว่า ขอบคุณที่คนไทยยังคงเห็นความสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ถึงขั้นมีการวิเคราะห์เจาะลึก สังคมต้องการประชาธิปไตย สร้างบรรยากาศที่วิพากษ์วิจารณ์กันได้ คิดว่า เป็นเรื่องที่ดี เ
ส่วนรัฐบาลเป็นอย่างที่นายธีรยุทธตั้งฉายาให้หรือไม่นั้น นายจักรภพ กล่าวว่า รัฐบาลมีอายุ 4 ปี ก็ต้องตั้งอีก 10-100 ฉายา รัฐบาลจะมีฉายาหรือไม่ไม่สำคัญ แต่สำคัญว่าเมื่อพ้นไปแล้วฉายาถาวรในประวัติศาสตร์เป็นอย่างไร ฉายานี้ก็ครึกครื้นดี ดูมันขลังดี จริงๆตอนนี้เราต้องการจะทำไส้กรอกมากกว่า ต้องการผลิตอาหารเพิ่มขึ้น เพื่อเลี้ยงคนไทยและชาวโลก เพราะตอนนี้น้ำมันแพงพาให้อาหารแพงไปด้วย
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลและตนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการวิพากษ์วิจารณ์ของนายธีรยุทธ และส่วนตัวตนรู้จักนายธีรยุทธอย่างดี เมื่อสมัยนายธีรยุทธเป็นนักศึกษาเข้าป่าไปเป็น คอมมิวนิสต์ ซึ่งนายตำรวจรุ่นของตนไปปราบปราบกลุ่มของนายธีรยุทธ ดังนั้นตนจึงไม่ให้ความสำคัญ
“รัฐบาลจะเป็นลูกกรอกหรือไม่ก็เป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะตัดสินว่าผลงานรัฐบาลเป็นอย่างไร วันวันหนึ่งผมว่านักวิชาการควรจะมาคิดว่าอันไหนเป็นปัญหาของประเทศชาติ แล้วมาช่วยกันแก้ไข คือถ้ามีคนพูดแต่ปัญหาอย่างเดียว ไม่เสนอแนะวิธีการแก้ไขให้เกิดประโยชน์ นักวิชาการถ้าจะติก็ควรจะติเพื่อก่อ เพราะว่าประชาชนที่เป็นเยาวชนก็ดูอยู่ว่านักวิชาการจะมีคุณูปการต่อประเทศชาติอย่างไรบ้าง ถ้ารัฐบาลเป็นรัฐบาลลูกกรอก นักวิชาการก็คงเป็นนักวิชาการลูกกลิ้ง”
ส่วนที่นายธีรยุทธ บอกว่ามีกุมารทอง 2 ตนในรัฐบาลนั้น พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ากุมารทองเป็นอย่างไร แต่ถ้าคนที่ตรวจสอบหรือนักวิชาการมีข้อมูลหลักฐานน่าจะระบุมาเลยว่าเป็นใคร ซึ่งทางรัฐบาลยินดีรับฟังและพร้อมจะแก้ไขปัญหาถ้ามีใครในคณะรัฐบาลไปทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง รัฐบาลจะไม่เอาไว้เลยจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
“ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะฟ้องหมิ่นประมาท แต่ที่ไม่กล้าพูดเพราะไม่เป็นเรื่องจริง หรือกลัวเขาฟ้องหมิ่นประมาท แล้วไปกลัวทำไม เพราะการที่ให้มาเป็นตัวหนังสือย่อ เป็นตัวสรรพนามอย่างนี้ผมอยากจะเรียนว่ากล้าหน่อยเถอะ ถ้าแน่จริงก็กล้าๆหน่อย คืออะไรก็ตามอย่าทำเป็นอีแอบที่บอกว่ามีนักการเมืองชั่ว”
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนสังเกตุมานานแล้วว่า นายธีรยุทธมักจะทำตัว เด่น ลอยตัวเหนือคนอื่น มีความสุข เมื่อได้วิพากษ์วิจารณ์แรงๆ ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า นายธีรยุทธ คงจะมีอาการโรคจิตอ่อนๆ ได้ต่อว่าคนอื่น แล้วเห็นคนที่ถูกต่อว่าเจ็บปวด แล้วตัวเองมีความสุข ทั้งนี้ตนกังขาในท่าทีของนายธีรยุทธมาตั้งแต่สมัย คมช. ฉีกรัฐธรรมนูญ แต่นายธีรยุทธ เก็บตัวเงียบไม่ออกมาต่อต้านคมช. แต่พอรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะแก้ไขไปใช้รัฐธรรมนูญปี 40 กลับออกมาขัดขวาง ตนไม่ทราบว่าจะเรียกนายธีรยุทธว่าเป็นบุคคลที่รักประชาธิปไตยได้อย่างไร การที่นายธีรยุทธ ออกมาวิเคราะห์ครั้งนี้ไม่ทราบว่าต้องการอะไร เพราะเหมือนชี้โพรงให้กระรอกว่านักการเมืองไม่ดี ให้อำนาจนอกระบบ เข้ามาปฏิวัติอีกครั้งหนึ่ง สำหรับนักการเมืองทุกคนไม่รู้สึกในคำพูด ของนายธีรยุทธ ที่ว่านักการเมือง ชั่ว นักการเมืองน้ำเน่า เพราะชินเสียแล้วเป็นเรื่องธรรมดา แต่นายธีรยุทธควรใช้ต้นทุนที่ตัวเองมีออกมา ช่วยกันต่อต้านเผด็จการ และที่นายธีรยุทธเคยพูดว่าเมืองไทยมี 5 เสื่อม ผมขอเพื่มไปอีก 1 เสื่อมคือ นักวิชาการเสื่อม มีสารปนเปื้อนตกค้างในความคิด แสดงความเห็นแบบอคติ เห็นคนอื่นแย่หมด ข้อมูลวิชาการก็ปนเปื้อน สังคมและสื่อ ไม่ควรให้ความสนใจ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผู้วิพากษ์วิจารณ์ควรพิจารณาข้อเท็จจริงก่อนจะหยิบยกมาพูดจา การที่ นายธีรยุทธ วิจารณ์ว่ารัฐบาลนี้อาจกลายเป็นนักการเมืองชั่วครองเมืองนั้น ตนอยากให้นายธีรยุทธ ได้ใช้เวลาและสติปัญญาไตร่ตรองให้มาก เพราะรัฐบาลนี้มาจากประชาชน ซึ่งหมายความว่าประชาชนได้ตัดสินใจมอบอำนาจบริหารบ้านเมืองให้รัฐบาลทำหน้าที่
ดังนั้น คำพูดดังกล่าวจึงหมายความว่านายธีรยุทธปฏิเสธวิจารณญาณของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศและจะชี้ขาดโดยยึดคำพูดของตัวเองคนเดียวใช่หรือไม่ ตนอยากให้นายธีรยุทธเข้าใจว่าในความเป็นประชาธิปไตย ประชาชนแม้จะเป็นตาสี ตาสา แต่เขาย่อมมีสติ ปัญญาพอที่จะตัดสินใจว่าจะมอบหมายให้ใครมาทำหน้าที่ บริหารบ้านเมือง
“หากงานของรัฐบาลง่ายเหมือนใช้เวลาทั้งชีวิตคิดถ้อยคำเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ คนอื่น ผมก็คิดว่าการพัฒนาบ้านเมืองก็คงประสบแต่ปัญหาเช่นทุกวันนี้ ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่อาจจะยอมรับฉายาลูกกรอกได้ และจะไม่ถือเป็นสาระ แต่ผมมองว่าอาการของนายธีรยุทธเป็นอาการย่องตอดแอบอยู่ตรงไหนไม่รู้ เผลอทีก็ออกมาตอดนิดตอดหน่อยที แล้วก็กลับไปแอบใหม่”