ขอเริ่มต้นทวนความในอดีตแบบตรงไปตรงมาว่า..
ยุค ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีการกระทำจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่ได้ก้าวล่วงไปในทางหมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์มากมาย ตั้งแต่การบังอาจเข้าไปนั่งทำพิธีกรรมในวัดพระแก้ว การกล่าววาจาไม่บังควรมากมาย รวมทั้งเซ็นชื่อลงบนธนบัตรที่มีพระบรมฉายาลักษณ์แจกแท็กซี่ ที่ทำเนียบรัฐบาลฯ เป็นต้น
ทำให้เป็นหนึ่งในข้ออ้างที่ทหารออกมารัฐประหาร 19 กันยายน 2549!
23 ธันวาคม 2550 เปิดฉากยุครัฐบาลกุมารทอง-ลูกกรอก นอมินีของ“ขุนแผน-ทุนนิยมสามานย์” ทักษิณ ชินวัตร
เมื่อการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ทักษิณ ชินวัตร นำพรรคพลังประชาชนและนักการเมืองนอมินีใช้ทั้งเล่ห์กลและอาวุธทุกอย่างประดามี ชิงเสียงประชาชนในชนบทอย่างโจ๋งครึ่ม จนชนะการเลือก
ตั้งได้ ส.ส.มาเป็นอันดับหนึ่ง
ยิ่ง กกต.องค์กรที่ประชาชนหวังว่า จะเป็นด่านกรองคนดีเข้าสภาฯ ทว่า กกต.บางคนกลับมีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล ไม่ทำหน้าที่เอาคนดีเข้าสภาฯ อย่างจริงจังเท่าที่ควร ยังผลให้บรรดาคนเลวไม่น้อยเข้าไปนั่งหน้าสลอนในสภาฯ
ทุกประเทศในโลกประชาธิปไตย หากการเลือกตั้งที่ใดมีทั้งการใช้เงินซื้อเสียง ผสานกับการโกงสารพัดวิธี รวมทั้งองค์กรตรวจสอบการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ทั้งหลาย ไร้ประสิทธิภาพและไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมเสียเอง ต้องถือว่าการเลือกตั้งนั้นไม่ชอบธรรม และไม่เป็นประชาธิปไตย รวมทั้งเป็นการปล้นอำนาจรัฐของประชาชนไปอย่างหน้าด้านๆ ไร้ยางอาย!
ต้องกล่าวหาตรงๆ เลยว่า คนใน กกต.บางส่วนเป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญยิ่ง ที่ทำให้ประเทศไทยก้าวสู่สภาวะใกล้กลียุค เพราะทำงานช้าไม่ทันการณ์และไม่ยึดกฎหมายเป็นตัวตั้ง ทั้งยังมีท่าทีบ่อยครั้งเข้าข้างคนทำผิดให้ลอยนวล จนเกิดผลพวงทางการเมืองต่อชาติดังนี้
ทักษิณ ชินวัตร ที่แจกจ่ายวีซีดีช่วยพรรคพลังประชาชนหาเสียงอย่างโจ๋งครึ่ม อีกทั้งยอมรับซึ่งๆ หน้าว่าพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของตน ตามด้วยนายสมัคร สุนทรเวช ก็ยอมรับเช่นกัน ว่าเป็นนอมินีของทักษิณ ชินวัตร แต่พรรคการเมืองและคนเหล่านั้นยังลอยนวลไร้การลงโทษ
คนโกงการเลือกตั้งจนโดนใบแดงอย่าง “ยุทธตู้เย็น” ที่ควรต้องโทษโดยพลัน กลับเอ้อละเหยลอยนวลจน“ยุทธตู้เย็น” ได้รับรางวัลจากการโกงให้เป็นประธานสภาฯ
การปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ทำให้ได้นายกรัฐมนตรีนอมินีสมัคร สุนทรเวช คนปากไม่เคยสมานฉันท์ ร่วมกับทักษิณตั้งรัฐบาลนอมินี ที่มีเสนาบดีถ่อยสถุลมากหน้าหลายตา จนกลายเป็นรัฐบาลขี้เหร่ที่สุดที่สังคมรับไม่ได้
แถมด้วยเสนาบดีหน้าตุ๋ยตุ่ย จักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปก.ที่เคยพาประชาชนจัดตั้งบุกไปด่าป๋าเปรมฯ ประธานองคมนตรีอย่างหยาบช้าถึงหน้าบ้านสี่เสาฯ จนเกิดการจลาจลย่อยขึ้นที่นั่น
จักรภพที่เคยพูดว่า“ผมยอมรับระบบศักดินาไม่ได้” และประกาศ ”ผมจะทำสงครามประชาชนครั้งใหม่” ได้รับรางวัลให้เป็นรัฐมนตรีคุมสื่อสารมวลชนอย่างเบ็ดเสร็จ
ซึ่งยังผลให้ช่วงวันจักรี 6 เมษายน2551และวันสงกรานต์ ทีวีช่อง11ที่เป็นของรัฐและจักรภพกำกับดูแล ได้นำเสนอสารคดีการโค่นล้มพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และการปฏิวัติล้มระบอบกษัตริย์ฝรั่งเศส สารคดีการล้มล้างระบอบกษัตริย์อังกฤษ โดย โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ ซึ่งทำให้พระเจ้าจอห์นที่ 1สิ้นอำนาจ นอกจากนั้นยังนำเสนอสารคดีจุดจบของราชวงศ์เนปาล แบบไม่รอบด้านและไม่จำแนกความแตกต่างระหว่างระบอบพระมหากษัตริย์ไทยกับเนปาลอีกด้วย
ขบวนการให้ร้ายป้ายสีพระมหากษัตริย์ไทย ของขบวนการชื่นชอบระบอบสาธารณรัฐยังเลยเถิดไปจนถึงขั้น เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2550 ตำรวจนนทบุรี ได้จับนายชาญวิทย์ จริยานุกูล คาหนังคาเขาขณะแจกจ่ายใบปลิว ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท ข้างเวทีปราศรัยของนายจาตุรนต์ ฉายแสง หนึ่งในกลุ่มบ้านเลขที่ 111 ของพรรคไทยรักไทย ขณะรณรงค์ต่อต้านคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญปี 2550
นายชาญวิทย์ผู้นี้ใกล้ชิดกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง และฝ่ายซ้ายในสายเหมาอิสต์ของทักษิณ เคยเข้าป่าจับปืนร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ (เหมาอิสต์) แห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่ม นปก.ที่สนับสนุนทักษิณอย่างแข็งขันมาโดยตลอด
ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ฉายา “แมมมอส” หรือที่นักศึกษาบางคนเรียกว่า “พี่โฉด” เป็นอดีตรองเลขาธิการ สนนท.ปี 2544-2545 และเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่ม นปก.เช่นกัน
นายโชติศักดิ์หรือ “โฉด” ผู้นี้ ได้กระทำเหตุมิบังควรด้วยการไม่ยอมลุกขึ้นยืน ถวายความเคารพต่อพระบรมฉายาลักษณ์ ขณะเพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้นในโรงภาพยนตร์ อีกทั้งยังจงใจทำตนให้เป็นข่าวลงตามหน้าสื่อทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการถือป้ายเป็นภาษาอังกฤษ และใส่เสื้อ “ไม่ยืน ไม่ใช่อาชญากร” ด้วยหวังให้ผู้คนทั้งในและต่างประเทศเข้าใจผิด อันจะยังผลเสียหายต่อสถาบันที่ประชาชนเทิดทูนเคารพรักอีกด้วย!
กลุ่มความคิดแบบนายโชติศักดิ์นั้น ได้อิทธิพลความคิดจากนักวิชาการระดับดร.ที่อยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศบางคน โดยสื่อสารผ่านเว็บไซต์หลายแห่ง เช่น เว็บไซต์ “ประชาไท” ที่ได้เงินสนับสนุนส่วนหนึ่งจากภาครัฐ
นอกจากนั้นยังมีวารสารและเว็บไซต์ “ฟ้าเดียวกัน” ที่สนับสนุนโดยนาย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หลานชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาฯ พรรคไทยรักไทย นายธนาธรเป็นอดีตนักเคลื่อนไหวนิยมลัทธิมาร์กซ์ และยังใกล้ชิดสนิทสนมกับ “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ชนิดกิน-นอน-เที่ยว-เรียนด้วยกันอีกต่างหาก
หนังสือ “ฟ้าเดียวกัน” นี้ มักนำเสนอข้อเขียนโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์เสมอ ในอดีตเป็นหนังสือกึ่งลับ ทว่า..ยุคทักษิณเป็นต้นมา หนังสือเล่มนี้วางแผงขายตามร้านหนังสืออย่างโจ่งแจ้งแล้ว
ในขณะเดียวกันพวกเหมาอิสต์และพลพรรคใกล้ชิดคนหน้าเหลี่ยมบางคน ก็ยังคงดำเนินการเคลื่อนไหวโจมตีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต่อไปอย่างกำเริบเสิบสาน โดยมิได้แยแสต่อความเป็นประธานองคมนตรีแม้นแต่น้อย
เรียกว่ากระบวนการโจมตีระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น ดำเนินการอย่างสามานย์ทั้งลับและเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง โดยไม่กริ่งเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมกันอีกต่อไปแล้ว
ต้องถือว่า..ยุค ทักษิณ ชินวัตร ต่อเนื่องมาจนรัฐบาลนอมินี สมัคร สุนทรเวช ที่รู้กันอยู่ว่ามี “คนหน้าเหลี่ยม” บัญชาการอยู่เบื้องหลังนั้น เป็นยุคที่การให้ร้ายป้ายสีโจมตีสถาบันสำคัญของชาติ นับวันยิ่งเหิมเกริมหนักข้อ และขยายเครือข่ายมากขึ้นในทุกๆ ด้านอย่างน่าตระหนก!
ท่านผู้อ่านต้องทราบก่อนนะครับว่า หากใครก็ตามที่ต้องการจะเปลี่ยนระบอบการเมือง ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ไปสู่ระบอบสาธารณรัฐแห่งประเทศไทย อันมีประธานาธิบดีเป็นประมุขนั้น
เบื้องแรกที่ต้องทำให้สำเร็จ คือ ทำลายความมั่นคงของพระมหากษัตริย์ทุกวิถีทาง รวมทั้งบิดเบือนเบี่ยงเบนความจริงจนประชาชนเข้าใจผิดว่า ระบอบประชาธิปไตยไม่มีความจำเป็น และไม่สำคัญที่ต้องมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกต่อไปแล้วฯลฯ!
นี่มิใช่การ“เขียนเสือให้วัวกลัว” หากแต่ฝ่ายความมั่นคงของชาติหน้าไหนจะปฏิเสธไหมว่า ทุกวันนี้มีขบวนการทำร้ายทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ทุกวิธีการทุกวิถีทางอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจากการเลือกตั้งชุดทักษิณและสมัคร ไม่มีการดำเนินการเอาผิดคณะบุคคลผู้บังอาจเหล่านั้นอย่างจริงจังเท่าที่ควรเลย!
แถมผู้คนยังรู้ๆ กันอยู่ว่า บางคนของพวกไม่หวังดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ ก็อยู่ในกลุ่มผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่มาจากการซื้อตั้งลากตั้งนั่นแหละ!
หากผู้เกี่ยวข้องและคนรักระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยังคงเฉยชา ไม่ตื่นตัว ไม่ไยดี ไม่ใส่ใจ ไม่ต่อต้าน-เปิดโปง-ต่อสู้ ฯลฯ กับคณะบุคคลที่กำลังให้ร้ายป้ายสี-ทำร้าย-ทำลายพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพเทิดทูนพระองค์นี้!!
ก็ต้องถือว่า..ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กำลังตกอยู่ในห้วงอันตรายที่น่ากลัว และนับวันจะร้ายแรงน่ากลัวยิ่งขึ้นทุกที..ทุกที..!!!
แม้นว่าวันนี้..เหตุการณ์ในประเทศเนปาล ยังไม่ได้เกิดกับประเทศไทย เพราะไทยไม่ใช่เน
ปาล-เนปาลก็ไม่ใช่ไทย แต่มิใช่จะเกิดไม่ได้นะครับ..อ่านต่อตอนสามแล้วจะหนาววว..
ยุค ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีการกระทำจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่ได้ก้าวล่วงไปในทางหมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์มากมาย ตั้งแต่การบังอาจเข้าไปนั่งทำพิธีกรรมในวัดพระแก้ว การกล่าววาจาไม่บังควรมากมาย รวมทั้งเซ็นชื่อลงบนธนบัตรที่มีพระบรมฉายาลักษณ์แจกแท็กซี่ ที่ทำเนียบรัฐบาลฯ เป็นต้น
ทำให้เป็นหนึ่งในข้ออ้างที่ทหารออกมารัฐประหาร 19 กันยายน 2549!
23 ธันวาคม 2550 เปิดฉากยุครัฐบาลกุมารทอง-ลูกกรอก นอมินีของ“ขุนแผน-ทุนนิยมสามานย์” ทักษิณ ชินวัตร
เมื่อการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ทักษิณ ชินวัตร นำพรรคพลังประชาชนและนักการเมืองนอมินีใช้ทั้งเล่ห์กลและอาวุธทุกอย่างประดามี ชิงเสียงประชาชนในชนบทอย่างโจ๋งครึ่ม จนชนะการเลือก
ตั้งได้ ส.ส.มาเป็นอันดับหนึ่ง
ยิ่ง กกต.องค์กรที่ประชาชนหวังว่า จะเป็นด่านกรองคนดีเข้าสภาฯ ทว่า กกต.บางคนกลับมีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล ไม่ทำหน้าที่เอาคนดีเข้าสภาฯ อย่างจริงจังเท่าที่ควร ยังผลให้บรรดาคนเลวไม่น้อยเข้าไปนั่งหน้าสลอนในสภาฯ
ทุกประเทศในโลกประชาธิปไตย หากการเลือกตั้งที่ใดมีทั้งการใช้เงินซื้อเสียง ผสานกับการโกงสารพัดวิธี รวมทั้งองค์กรตรวจสอบการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ทั้งหลาย ไร้ประสิทธิภาพและไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมเสียเอง ต้องถือว่าการเลือกตั้งนั้นไม่ชอบธรรม และไม่เป็นประชาธิปไตย รวมทั้งเป็นการปล้นอำนาจรัฐของประชาชนไปอย่างหน้าด้านๆ ไร้ยางอาย!
ต้องกล่าวหาตรงๆ เลยว่า คนใน กกต.บางส่วนเป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญยิ่ง ที่ทำให้ประเทศไทยก้าวสู่สภาวะใกล้กลียุค เพราะทำงานช้าไม่ทันการณ์และไม่ยึดกฎหมายเป็นตัวตั้ง ทั้งยังมีท่าทีบ่อยครั้งเข้าข้างคนทำผิดให้ลอยนวล จนเกิดผลพวงทางการเมืองต่อชาติดังนี้
ทักษิณ ชินวัตร ที่แจกจ่ายวีซีดีช่วยพรรคพลังประชาชนหาเสียงอย่างโจ๋งครึ่ม อีกทั้งยอมรับซึ่งๆ หน้าว่าพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของตน ตามด้วยนายสมัคร สุนทรเวช ก็ยอมรับเช่นกัน ว่าเป็นนอมินีของทักษิณ ชินวัตร แต่พรรคการเมืองและคนเหล่านั้นยังลอยนวลไร้การลงโทษ
คนโกงการเลือกตั้งจนโดนใบแดงอย่าง “ยุทธตู้เย็น” ที่ควรต้องโทษโดยพลัน กลับเอ้อละเหยลอยนวลจน“ยุทธตู้เย็น” ได้รับรางวัลจากการโกงให้เป็นประธานสภาฯ
การปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ทำให้ได้นายกรัฐมนตรีนอมินีสมัคร สุนทรเวช คนปากไม่เคยสมานฉันท์ ร่วมกับทักษิณตั้งรัฐบาลนอมินี ที่มีเสนาบดีถ่อยสถุลมากหน้าหลายตา จนกลายเป็นรัฐบาลขี้เหร่ที่สุดที่สังคมรับไม่ได้
แถมด้วยเสนาบดีหน้าตุ๋ยตุ่ย จักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปก.ที่เคยพาประชาชนจัดตั้งบุกไปด่าป๋าเปรมฯ ประธานองคมนตรีอย่างหยาบช้าถึงหน้าบ้านสี่เสาฯ จนเกิดการจลาจลย่อยขึ้นที่นั่น
จักรภพที่เคยพูดว่า“ผมยอมรับระบบศักดินาไม่ได้” และประกาศ ”ผมจะทำสงครามประชาชนครั้งใหม่” ได้รับรางวัลให้เป็นรัฐมนตรีคุมสื่อสารมวลชนอย่างเบ็ดเสร็จ
ซึ่งยังผลให้ช่วงวันจักรี 6 เมษายน2551และวันสงกรานต์ ทีวีช่อง11ที่เป็นของรัฐและจักรภพกำกับดูแล ได้นำเสนอสารคดีการโค่นล้มพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และการปฏิวัติล้มระบอบกษัตริย์ฝรั่งเศส สารคดีการล้มล้างระบอบกษัตริย์อังกฤษ โดย โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ ซึ่งทำให้พระเจ้าจอห์นที่ 1สิ้นอำนาจ นอกจากนั้นยังนำเสนอสารคดีจุดจบของราชวงศ์เนปาล แบบไม่รอบด้านและไม่จำแนกความแตกต่างระหว่างระบอบพระมหากษัตริย์ไทยกับเนปาลอีกด้วย
ขบวนการให้ร้ายป้ายสีพระมหากษัตริย์ไทย ของขบวนการชื่นชอบระบอบสาธารณรัฐยังเลยเถิดไปจนถึงขั้น เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2550 ตำรวจนนทบุรี ได้จับนายชาญวิทย์ จริยานุกูล คาหนังคาเขาขณะแจกจ่ายใบปลิว ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท ข้างเวทีปราศรัยของนายจาตุรนต์ ฉายแสง หนึ่งในกลุ่มบ้านเลขที่ 111 ของพรรคไทยรักไทย ขณะรณรงค์ต่อต้านคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญปี 2550
นายชาญวิทย์ผู้นี้ใกล้ชิดกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง และฝ่ายซ้ายในสายเหมาอิสต์ของทักษิณ เคยเข้าป่าจับปืนร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ (เหมาอิสต์) แห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่ม นปก.ที่สนับสนุนทักษิณอย่างแข็งขันมาโดยตลอด
ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ฉายา “แมมมอส” หรือที่นักศึกษาบางคนเรียกว่า “พี่โฉด” เป็นอดีตรองเลขาธิการ สนนท.ปี 2544-2545 และเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่ม นปก.เช่นกัน
นายโชติศักดิ์หรือ “โฉด” ผู้นี้ ได้กระทำเหตุมิบังควรด้วยการไม่ยอมลุกขึ้นยืน ถวายความเคารพต่อพระบรมฉายาลักษณ์ ขณะเพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้นในโรงภาพยนตร์ อีกทั้งยังจงใจทำตนให้เป็นข่าวลงตามหน้าสื่อทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการถือป้ายเป็นภาษาอังกฤษ และใส่เสื้อ “ไม่ยืน ไม่ใช่อาชญากร” ด้วยหวังให้ผู้คนทั้งในและต่างประเทศเข้าใจผิด อันจะยังผลเสียหายต่อสถาบันที่ประชาชนเทิดทูนเคารพรักอีกด้วย!
กลุ่มความคิดแบบนายโชติศักดิ์นั้น ได้อิทธิพลความคิดจากนักวิชาการระดับดร.ที่อยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศบางคน โดยสื่อสารผ่านเว็บไซต์หลายแห่ง เช่น เว็บไซต์ “ประชาไท” ที่ได้เงินสนับสนุนส่วนหนึ่งจากภาครัฐ
นอกจากนั้นยังมีวารสารและเว็บไซต์ “ฟ้าเดียวกัน” ที่สนับสนุนโดยนาย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หลานชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาฯ พรรคไทยรักไทย นายธนาธรเป็นอดีตนักเคลื่อนไหวนิยมลัทธิมาร์กซ์ และยังใกล้ชิดสนิทสนมกับ “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ชนิดกิน-นอน-เที่ยว-เรียนด้วยกันอีกต่างหาก
หนังสือ “ฟ้าเดียวกัน” นี้ มักนำเสนอข้อเขียนโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์เสมอ ในอดีตเป็นหนังสือกึ่งลับ ทว่า..ยุคทักษิณเป็นต้นมา หนังสือเล่มนี้วางแผงขายตามร้านหนังสืออย่างโจ่งแจ้งแล้ว
ในขณะเดียวกันพวกเหมาอิสต์และพลพรรคใกล้ชิดคนหน้าเหลี่ยมบางคน ก็ยังคงดำเนินการเคลื่อนไหวโจมตีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต่อไปอย่างกำเริบเสิบสาน โดยมิได้แยแสต่อความเป็นประธานองคมนตรีแม้นแต่น้อย
เรียกว่ากระบวนการโจมตีระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น ดำเนินการอย่างสามานย์ทั้งลับและเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง โดยไม่กริ่งเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมกันอีกต่อไปแล้ว
ต้องถือว่า..ยุค ทักษิณ ชินวัตร ต่อเนื่องมาจนรัฐบาลนอมินี สมัคร สุนทรเวช ที่รู้กันอยู่ว่ามี “คนหน้าเหลี่ยม” บัญชาการอยู่เบื้องหลังนั้น เป็นยุคที่การให้ร้ายป้ายสีโจมตีสถาบันสำคัญของชาติ นับวันยิ่งเหิมเกริมหนักข้อ และขยายเครือข่ายมากขึ้นในทุกๆ ด้านอย่างน่าตระหนก!
ท่านผู้อ่านต้องทราบก่อนนะครับว่า หากใครก็ตามที่ต้องการจะเปลี่ยนระบอบการเมือง ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ไปสู่ระบอบสาธารณรัฐแห่งประเทศไทย อันมีประธานาธิบดีเป็นประมุขนั้น
เบื้องแรกที่ต้องทำให้สำเร็จ คือ ทำลายความมั่นคงของพระมหากษัตริย์ทุกวิถีทาง รวมทั้งบิดเบือนเบี่ยงเบนความจริงจนประชาชนเข้าใจผิดว่า ระบอบประชาธิปไตยไม่มีความจำเป็น และไม่สำคัญที่ต้องมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกต่อไปแล้วฯลฯ!
นี่มิใช่การ“เขียนเสือให้วัวกลัว” หากแต่ฝ่ายความมั่นคงของชาติหน้าไหนจะปฏิเสธไหมว่า ทุกวันนี้มีขบวนการทำร้ายทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ทุกวิธีการทุกวิถีทางอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจากการเลือกตั้งชุดทักษิณและสมัคร ไม่มีการดำเนินการเอาผิดคณะบุคคลผู้บังอาจเหล่านั้นอย่างจริงจังเท่าที่ควรเลย!
แถมผู้คนยังรู้ๆ กันอยู่ว่า บางคนของพวกไม่หวังดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ ก็อยู่ในกลุ่มผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่มาจากการซื้อตั้งลากตั้งนั่นแหละ!
หากผู้เกี่ยวข้องและคนรักระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยังคงเฉยชา ไม่ตื่นตัว ไม่ไยดี ไม่ใส่ใจ ไม่ต่อต้าน-เปิดโปง-ต่อสู้ ฯลฯ กับคณะบุคคลที่กำลังให้ร้ายป้ายสี-ทำร้าย-ทำลายพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพเทิดทูนพระองค์นี้!!
ก็ต้องถือว่า..ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กำลังตกอยู่ในห้วงอันตรายที่น่ากลัว และนับวันจะร้ายแรงน่ากลัวยิ่งขึ้นทุกที..ทุกที..!!!
แม้นว่าวันนี้..เหตุการณ์ในประเทศเนปาล ยังไม่ได้เกิดกับประเทศไทย เพราะไทยไม่ใช่เน
ปาล-เนปาลก็ไม่ใช่ไทย แต่มิใช่จะเกิดไม่ได้นะครับ..อ่านต่อตอนสามแล้วจะหนาววว..