” เติ้ง” ควันออกหู “ทรงศักดิ์” ลูกไล่ เนวิน สั่งประชุมด่วนเลือกประธานสภาวันนี้ ลั่น ชท.ไม่ใช่กระจอกต้องทำตามขั้นตอน ถาม "สมัคร-หมอเลี้ยบ"ไปไหนทำไมไม่ประสานมา ยันไม่ร่วมประชุมอ้างไปพบอัยการสูงสุด ส่วนมติที่ประชุม ชท.งดออกเสียง ระบุต้องให้บทเรียนกันบ้าง ด้าน “สมัคร” ชิงส่ง“หมอเลี้ยบรับศึกภายใน หลัง ส.ส.งอแงไม่เอา ”ชัย” นั่งประธานสภา ฝ่าย “ชัย” ใช้เสียงมากลากไปสกัดโหวตลับ ทำกลุ่มหนุน ”สมศักดิ์” ผวาไม่กล้าแตกแถวหวั่นถูกกาหัว ที่สุดมีมติหนุน 94 ค้าน 24 งดออกเสียง 9 แต่กลุ่มอีสานอาวุโส พปช.ยังยึกยักขอกำหนดท่าทีก่อนโหวตวันนี้ ขณะที่ ปชป.เตรียมส่ง "บัญญัติ" สู้
วานนี้(11 พ.ค.) เวลา 18.00 น. มีการประชุม ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน(พบช.)นัดพิเศษ โดยมีวาระเรื่องที่ คณะกรรมการบริหารพรรคจะแจ้งให้ส.ส.รับทราบมติของคณะกรรมการบริหารพรรค ที่เลือกนายชัย ชิดชอบ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร แทนนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ขอลาออกไป โดยจะมีการนำชื่อนายชัย เสนอต่อที่ประชุมสภาฯนัดพิเศษอย่างเร่งด่วนในวันนี้ (12 พ.ค.) โดยมีแกนนำพรรคเดินทางมารร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงหลังการประชุมว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้มอบหมายให้นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และ รมว.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นประธานในการประชุม โดยที่ประชุมมีวาระพิจารณาและขอมติกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติให้นายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังใช้เวลาประชุมนานกว่า 4 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 94 เสียง ไม่เห็นด้วย 24 คะแนน และงดออกเสียง 9 คะแนน ผลก็คือที่ประชุมเห็นชอบตามคณะกรรมการบริหารฯ ที่ให้เสนอชื่อนายชัย เป็นประธานสภาฯ โดยในที่ 12 พ.ค.จะได้นำวาระการประชุมสภาฯ เข้าที่ประชุมสภาในเวลา 09.00 น.
“การเลือกประธานสภาฯในวันพรุ่งนี้เป็นการพิสูจน์ว่าพรรคจะเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงหรือไม่ อย่างไรก็ตามมติดังกล่าวไม่สามารถบังคับส.ส.ได้ เพราะส.ส.ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งการลงคะแนนเป็นการลงคะแนนลับจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าใครลงคะแนนให้ใคร” ร.ท.กุเทพ กล่าว
** มั่นใจไม่มีใครกล้าโหวตสวนมติ
ส่วนการรับรองมติกรรมการบริหารพรรควันนี้ เท่ากับเป็นการบังคับให้ส.ส.สนับสนุนนายชัยใช่หรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เรามีขั้นตอนมาตั้งแต่เริ่มต้น โดยให้ลงมติ ก่อนว่าจะลงคะแนนลับหรือเปิดเผย ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมบอกให้ลงมติแบบ เปิดเผย ตรงนี้เป็นขั้นตอนตามประชาธิปไตย เป็นการเดินหน้าไปอีกก้าว
ส่วนหากการเลือกประธานในวันจันทร์ผลไม่เป็นไปตามที่คาดพรรค ได้มีแผนสำรองหรือจะเสนอใครขึ้นมาใหม่หรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เรายังไม่คิดไกลขนาดนั้น เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไร เพราะวันนี้เราพูดกันแบบเปิดอกมากที่สุด นพ.สุรพงษ์เองก็ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ และน้อมรับแนวความคิด
ผู้สื่อข่าวถามว่าหาก ส.ส.พรรคบางส่วนไปจับมือกับพรรคชาติไทยและพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเสนอชื่อแข่งจะทำเช่นไร ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์อาจจะต้องการเล่นเกมแต่เชื่อว่าคนของพรรคพลังประชาชนจะไม่หลงกล ดังนั้นบทพิสูจน์ของพรรคคือการลงมติในวันนี้
**ดักคอพรรคร่วมรัฐบาลต้องมีมารยาท
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หากมีการเสนอชื่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์นั้น นายสมศักดิ์จะมีถอนตัวหรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า วันนี้ระหว่างการอภิปราย นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาฯคนที่ 1 ก็ถูกเสนอชื่อขึ้นมาโดยนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน จากนั้นนายสมศักดิ์จึงลุกขึ้นยืนและขอให้นายสุนัย ถอนชื่อ แล้วนายสุนัยก็ยอมถอนชื่อ ในที่สุด อีกทั้งเชื่อว่าด้วยสถานภาพอันทรงเกียรติของนายสมศักดิ์ จะไม่หลงกลของ พรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรรคชาติไทยจะโนโหวตในการประชุมสภาฯวันจันทร์นี้ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ในวันนี้เราไม่มีการพูดถึงพรรคอื่นและดีใจที่กระบวนการวันนี้จบด้วยความเข้าในอันดีของสมาชิกพรรค ส่วนพรรคอื่นจะตัดสินใจอย่างไรนั้น เราคงไปก้าวก่ายไม่ได้ แต่เมื่อยุทธศาสตร์การทำงานร่วมกันของรัฐบาลคือต้องสนับสนุนแนวทางการทำงานที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ ซึ่งจะทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อไม่ให้บ้านเมืองถึงทางตัน ดังนั้นเชื่อว่าพรรครัฐบาลคงมีมารยาทตรงนี้
**สมศักดิ์กลัวขึ้นเขียงเลยขอให้ถอน
ด้านนายสุนัย จุลพงศธร กล่าวว่า ตนเป็นคนเสนอชื่อนายสมศักดิ์ให้ลงแข่งขันเองถึง 2 ครั้ง เพราะเห็นว่าในพรรคควรมีบรรยากาศเป็นประชาธิปไตย ควรมีการแข่งขันเพื่อไม่ให้ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านมาว่า พรรคเราได้ว่าไม่เป็นประชาธิปไตยแต่ในครั้งที่ 2 ที่จะเสนอผลักดันนายสมศักดิ์นั้น ถูกนายสมศักดิ์ขอร้องให้ถอนชื่อออก โดยบอกว่าให้ถอนเถอะ อย่าทำให้นายสมศักดิ์ต้องขึ้นเขียง ตนจึงถอนชื่อออก ทั้งนี้เมื่อพรรคมีมติออกมาทุกคนก็ควรเคารพในหลักการ และในการประชุมครั้งนี้ก็ไม่มีการลอบบี้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า พรรคชาติไทยจะโนโหวตนั้น นายสุนัย กล่าวว่า เชื่อมั่นในจิตวิญญาณของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะเชื่อมั่นในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะการเลือกนายชัยในวันนี้ถือเป็นกระบวนการประชาธิปไตยภายในพรรคพลังประชาชน ที่พรรคร่วมรัฐบาลเองต้องเคารพซึ่งกันและกัน รวมทั้งเป็นมารยาท
**กลุ่มหนุนชัยอ้างมีคดีปกติ
นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ส.ส.นครพนม ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนนายชัย ชิดชอบ กล่าวว่า ในการประชุมมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางตามหลักการประชาธิปไตย โดยส.ส.ส่วนหนึ่งแย้งว่ากรรมการบริหารไม่ควรมีมติก่อนที่จะมีการประชุมส.ส.พรรค นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีการหยิบยกคดีบุกรุกที่ดินของนายชัย เข้าสู่การหารือด้วย แต่มีส.ส.ในพรรคแย้งว่าการมีคดีติดตัวของนักการเมืองถือเป็นเรื่องธรรมดา
ขณะที่นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนนายชัย กล่าวว่า ที่ประชุมมีความเห็นต่างกันในเรื่องตัวบุคคล แต่เมื่อมติของที่ประชุมออกมาให้นายชัย เป็นประธานสภา ทุกคนก็ตรงเข้าไปจับมือแสดงความยินดีกับนายชัยด้วย ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่ร่วมลงมติสนับสนุนนายชัยนั้น ตนเห็นว่าเรื่องนี้ ไม่น่าเป็นกังวล เพราะถือเป็นความรับผิดชอบของพรรคร่วมรัฐบาล ที่แต่ละพรรคจะต้องไปบอก ส.ส.ของพรรคตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายสมศักดิ์ ได้เดินลงมา บริเวณชั้นหนึ่ง ซึ่งปรากฎว่าเมื่อเจอกับกลุ่มผู้สื่อข่าว นายสมศักดิ์ซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉย รีบชิงพูดก่อนว่า ไม่ขอแสดงความเห็น ไม่มีอะไร ไม่ให้สัมภาษณ์ และเดินออกไปทันที
**เผยถ้าโหวตลับเสียงค้านชัยตรึม
ด้าน นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคพลังประชาชน ในฐานะแกนนำกลุ่มส.ส.อีสานอาวุโส ซึ่งสนับสนุนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ให้เป็นประธานสภาฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ได้ทำทุกอย่างตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน โดยใช้เวทีที่ประชุมแสดงความเห็นเต็มที่แล้ว แต่ติดใจ ที่ได้เสนอให้ใช้ข้อบังคับการประชุมสภาโดยอนุโลมโดยลงคะแนนลับ เพราะเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ทำให้ที่ประชุมมีการลงคะแนนโดยเปิดเผย ผลคะแนนที่ออกมาจึงทิ้งห่างกันมาก เพราะคนที่ลงคะแนนมีความเกรงใจกัน โดยเฉพาะส.ส.ใหม่ แต่ถ้ามีการลงคะแนนลับ ผลคะแนนที่ไม่เห็นด้วยอาจมีมากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มอีสานอาวุโสจะทำอย่างไรต่อไป ในวันที่ 12 พ.ค.นายไพจิต กล่าวว่า จะนัดประชุมแลกเปลี่ยนกำหนดท่าทีกันอีกครั้งก่อนที่จะมีการประชุมสภา
**ปูดสมศักดิ์วืดเหตุแนะดึงแก้รธน.
ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า การเลือกประธานสภาจะเป็นไปตามที่พรรคมีมติ เพราะส.ส.มีวินัยและมีความรับผิดชอบ และพรรคเปิดโอกาสให้แสดงความเห็นอย่างเป็นประชาธิปไตย เรื่องทั้งหมดจะต้องจบลงที่พรรค การเลือกบุคคลที่มาเป็นประธานสภาฯ ไม่ได้พูดถึงคุณสมบัติส่วนตัว แต่พูดถึงสถานการณ์และวิธีคิดมากกว่า
นายวรวัจน์ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้เสียงส.ส.ในพรรคเอนเอียงไปจาก นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ไม่สนับสนุนเหมือนเดิมนั้น เนื่องจากนายสมศักดิ์เสนอว่า ให้ดึงเวลาการแก้รัฐธรรมนูญออกไป อาจจะใช้เวลา 2-3 ปี ทำให้ส.ส.บางส่วนที่เห็นว่า จำเป็นต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญเปลี่ยนความคิด เพราะบางคนมองว่าหากแก้ช้าไปจะไม่ทันการ ซึ่งนายสมศักดิ์เป็นคนเสนอที่จะขอพูดถึงประเด็นนี้เอง
**เติ้งฉุนลูกไล่เนวินสั่งประชุมด่วน
วันเดียวกันเวลา 18.00 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เรียกประชุมพรรคด่วน หลังมีการนัดประชุมสภานัดพิเศษเร่งด่วนผ่านเอสเอ็มเอส ในวันจันทร์ที่ 12 พ.ค. เพื่อเลือกประธานสภา
นายบรรหาร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า ตนไม่ได้รับเอสเอ็มเอสเชิญประชุมสภาฯด่วน ยังสงสัยว่ามีอะไรเร่งด่วนขนาดนั้น เมื่อเห็นจากแฟ็กซ์จึงทราบว่า มีการประชุมเลือกประธานสภาฯ ก็ยังเอะใจว่าเป็นวันพุธไม่ได้หรือ รอกันไม่ได้หรือ
"คนที่ให้ประชุมเลือกประธานสภาในวันจันทร์คือ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม ซึ่งเป็นลูกน้องนายเนวิน ชิดชอบ 1 ใน 111 กรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ถ้าอย่างนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่โต แล้วประมุขฝ่ายบริหารคือนายสมัคร สุนทรเวช และประมุขฝ่ายฝ่ายนิติบัญญัติก็สำคัญ"
นายบรรหาร กล่าวว่า พรรคชาติไทยไม่ได้เป็นพรรคเฉพาะกิจ ทำการเมืองมา 30 กว่าปี มีขั้นมีตอน ดังนั้นเมื่อพรรคพลังประชาชนจะเสนอใครมาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ผู้ใหญ่ในพรรคหายไปไหน เลขาธิการพรรคไปไหน ต้องมีคนประสานงานมาที่พรรค ว่าจะเอาใคร ตนจึงได้เรียกประชุมด่วน เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร เสนออย่างไร จะโหวตให้ใคร ก็ยังตอบไม่ได้
**ติงปธ.สภาต้องเป็นที่ยอมรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่าตามธรรมเนียมปฏิบัติเคยมีแบบนี้หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่มีแบบนี้ ซึ่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติสำคัญ ตนเคยติงไปแล้วแต่ไม่ขอพูดถึงตัวบุคคลว่าประธานรัฐสภาสำคัญมาก ต้องเป็นผู้ที่รอบรู้ มีคุณสมบัติที่ดี มีความรู้ความสามารถ และต้องเป็นที่ยอมรับของสภาฯและบุคคลทั่วไปด้วย ไม่ใช่ว่าจะหยิบยกใครขึ้นมาเป็นก็เป็นได้ง่ายๆ ตนจึงหารือกับนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทยว่าจะเรียกประชุมกัน เพื่อถามว่าสมาชิกพรรคจะเอายังไง พรรคชาติไทยเป็นตัวของตัวเอง ทำอะไรต้องมีขั้นตอน เราไม่ว่าจะเอาใครมานั่งประธานสภาฯ แต่ต้องมีขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ทักท้วงกับความเร่งรีบตรงนี้หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ยังไม่ได้ทักท้วง เพราะตนเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศวานนี้ (11พ.ค.) พอลงจากเครื่องก็เดินทางมาที่พรรคเลย แวะไปอาบน้ำใส่เสื้อสีแดงแล้วมาที่พรรค
ส่วนการหารือกันแบบนี้แนวทางจะออกมาเป็นอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ธรรมดาเขาไม่ทำกันหรอก
**สงสัยพปช.ใครควบคุมกันแน่
นายบรรหารกล่าวด้วยว่า "ต้องถามว่าในพรรคพลังประชาชนใครควบคุมกันแน่ เลขาธิการพรรค หรือบุคคลอื่นที่ควบคุม เพราะขั้นตอนแบบนี้ไม่มีหรอก ความจริงต้องมีการประสานงานมาแล้ว ได้ข่าวว่าก็ยังสับสนกันอยู่ ถึงต้องประชุมกรรมการบริหาร"
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเป็นมติของวิปรัฐบาล นายบรรหาร กล่าวว่า มติวิปไม่มี เมื่อวันพุธที่ผ่านมาก็น่าจะมีข่าวว่าจะมีการประชุมกัน ได้ข่าวแต่วันพุธก็ไม่เป็นไร แต่นี่มาเร่งกัน เมื่อถามว่ามีการเร่งรีบประชุมกันแบนี้คิดว่ามีนัยยะอะไรหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่รู้ ตนก็ไม่ทราบ ตอบไม่ได้
เมื่อถามว่าเบื้องต้นพรรคพลังประชาชนเสนอนายชัย ชิดชอบ นั่งประธานสภาฯ นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่ตอบ แต่วันที่ 12 พ.ค. ตนไม่อยู่ เพราะมีประชุมด่วน และตอนบ่ายจะเดินทางไปพบ อัยการสูงสุด เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมคดียุบพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเป็นอย่างนี้คนอื่นจะมองว่าท่านวอคเอ๊าท์หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ”ผมไม่ได้วอคเอ๊าท์ ผมเป็นตัวของตัวเอง ตอนที่จะให้ผมร่วมรัฐบาลโอ๊ยมากันเยอะแยะ ทั้งเลขาธิการพรรค รองหัวหน้าพรรค ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติต้องให้เกียรติกัน ผู้ใหญ่ต้องมาเจรจาว่าพรรคมีมติอย่างนี้นะ หัวหน้าพรรคเป็นอย่างนี้ พรรคชาติไทยไม่ได้กระจอก แล้วเป็นใครที่มาบอก นายทรงศักดิ์ เป็นใคร ผมไม่เข้าใจ”
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีผู้วิจารณ์ว่าถ้านายชัย นั่งประธานสภาฯ พรรคชาติไทยจะเกิดความอึดอัด ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ๆๆ ต้องรอประชุมและฟังเสียงสมาชิกพรรคก่อน ตนไม่มีอำนาจจะมาตัดสิน
**ชท.ให้บทเรียนพปช.มีมติงดออกเสียง
หลังการประชุมพรรคชาติไทย นายเอกพจน์ วงศ์นาค รองโฆษกพรรค แถลงว่า เสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมมีมติงดออกเสียงในการเลือกนายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาฯ เนื่องจากเห็นว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น เพราะการเลือกประธานสภาฯ ถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ เป็น 1 ใน 3 ของประมุขสถาบันสำคัญ การดำเนินการของพรรคพลังประชาชน เป็นการรวบรัดจนเกินไป และมีความผิดปกติ เพราะหนังสือลงวันที่ 8 พ.ค.เพื่อหวังผลให้ครบ 3 วัน ตามข้อบังคับพรรค แม้การส่ง เอสเอ็มเอสแจ้งไปยังสมาชิกจะไม่ผิดข้อบังคับ แต่พรรคชาติไทยเห็นว่าเป็นการกระทำไม่เหมาะสม ควรให้เกียรติสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ทั้งนี้ที่ประชุม มีความเห็นแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งต้องการให้ฟรีโหวต และอีกส่วนให้งดออกเสียง ในที่สุดเสียงส่วนใหญ่เห็นควรให้งดออกเสียงเพื่อเป็นการรอมชอม
นายเอกพจน์ กล่าวว่าการงดออกเสียงไม่มีผลกระทบอะไรต่อการปรับ ครม. และพรรคไม่ได้คำนึงถึงประเด็นนี้ อีกทั้งการเลือกประธานสภาฯ ถ้าพูดตามกฎหมายแล้ว ถือเป็นเรื่องเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค อีกทั้งพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้หารือแต่อย่างใด ส่วนที่มีความเห็นให้งดออกเสียงนั้น พรรคจำเป็นต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุม และคิดว่าการงดออกเสียงครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด
นายเอกพจน์ ยอมรับว่า ที่ประชุมบางส่วนต้องการหลีกเลี่ยงสนับสนุนนายชัย เพราะเห็นพฤติกรรมของการทำงานในสภาของนายชัย ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมพรรคชาติไทย แกนนำพรรคส่วนใหญ่จะไม่สนับสนุนนายชัย ชิดชอบ โดยได้นำประเด็นการเร่งประชุมอย่างไม่เหมาะสม ตัดตอนการเลือกประธานสภา โดยนายบรรหารแสดงความไม่พอใจมาก ส่งผลให้ที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องกันว่า ควรให้บทเรียนกับพรรคพลังประชาชนบ้าง
**ปชป.จ่อส่งบัญญัติสู้
สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ ในการส่งคนลงชิงประธานสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมสภาฯนัดพิเศษเพื่อเลือกประธานสภาฯในวัน ที่ 12 พ.ค.นี้ ล่าสุด นายชุมพล กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ในฐานะประธาน ส.ส.ของพรรค ได้เรียก ส.ส.ของพรรคเพื่อประชุมหารือเรืองดังกล่าวในวันที่ 12 พ.ค. นี้ เวลา 8.30 น. ที่ห้องสารนิเทศ อาคารรัฐสภา เพื่อขอมติที่ประชุมว่าจะส่งคนลงชิงประธานสภาฯ หรือไม โดยเบื้องต้นพรรคประชาธิปัตย์เตรียมเสนอคนลงชิงประธานสภาแต่ยังไม่สามารถตัดสินใจว่าจะส่งใคร
นายชุมพล เปิดเผยว่า ส่วนตัวเห็นว่าควรที่จะส่งคนของพรรคที่มีคุณสมบัติลงชิงตำแหน่ง เพื่อศักดิ์ศรีและหน้าตาของพรรค แม้จะรู้ว่าส่งใครลงไปก็ตาม ก็จะแพ้คนของพรรคพลังประชาชน ทั้งนี้ตนเห็นว่าบุคคลที่เหมาะสมในการลงชิงประธานสภาฯ ในพรรคประชาธิปัตย์ คือ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะทำงานประสานงานร่วมพรรค ฝ่ายค้าน (วิป ฝ่ายค้าน) ยืนยันว่าจะส่งคนของพรรคลงชิงตำแหน่งดังกล่าว ส่วนบุคคล ที่เหมาะสมนั้น ส.ส. 164 คนของพรรคมีความเหมาะสมทุกคน
**นพดลร้อนตัวยันย้ายขรก.ถูกต้อง
นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับครม.ว่า ตนไม่ทราบว่าจะมีการปรับเล็กหรือใหญ่ รวมทั้งจะปรับตนออกด้วยหรือไม่ แต่ที่ผ่านมายืนยันว่าการย้ายข้าราชการในกระทรวงต่างประเทศนั้นทำตามระบบ ซึ่งข้าราชการในกระทรวงต่างประเทศนั้นล้วนเป็นคนเก่ง คนที่ถูกปรับก็เป็นคนเก่ง คนที่มาแทนก็มีความสามารถ การที่มีคนเก่งมากนั้นก็ดีจริง แต่ช่วงบางจังหวะเวลาที่รัฐบาลต้องใช้คนนั้น ก็จะต้องเลือกคนที่เหมาะสมเข้ามา พูดไม่ชัด เรื่องโควตากลุ่มมุ้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะมีการปรับครม. พร้อมกันหลายตำแหน่ง นายนพดล กล่าวว่า ยอมรับว่าภายในพรรคเริ่มมีการพูดคุย ถึงเรื่องการปรับครม. แต่ตนไม่ทราบรายละเอียดว่าจะปรับตำแหน่งใดบ้าง แต่โดยหลักแล้วเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี และเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย
**ไชยากอดเก้าอี้แน่นลั่นอย่ามายุ่ง
ด้าน นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่าข่าวที่ว่านายสมัคร จะปรับ ครม.ใหญ่ เป็นเพียงแค่ข่าวเท่านั้น และตนก็เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องปรับ ครม.ใหญ่ ควรปรับเพียงตำแหน่งของนายสุธา ชันแสง ที่ลาออกจาก รมว.การพัฒนาสังคมฯเท่านั้น เพราะโดยทั่วไป เขาให้ทดลองงานกัน 3-6 เดือน แต่นี่แค่ 3 เดือนแล้วมาตัดสินว่าคนนั้นไม่ดีคงไม่ได้ และขณะนี้ยังไม่มีผู้ใหญ่ในพรรคมาหารือกับตนในเรื่องนี้แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่เมื่อมีกระแสปรับ ครม.ข่าวก็จะพุ่งมาที่ รมว.สาธารณสุข นายไชยา กล่าวว่า ยังไม่มี ถ้าจะปรับจะเอาตนไปไว้ไหน จะให้อยู่บ้านหรืออย่างไร
**โสภณชี้ชัยไม่เหมาะนั่งปธ.สภา
นายโสภณ เพชรสว่าง อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อแผ่นดิน ในฐานะสมาชิกกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ (12 พ.ค.) เวลา 10.00 น. กลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ 7 คนจะเดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อยื่นหนังสือถึง นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. เพื่อขอให้ประธาน กกต.ใช้อำนาจตามมาตรา 236(4) ขอตัว นายเกษม วัฒนธรรม อดีตรองผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ และอดีต ประธาน กกต.บุรีรัมย์ มาปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการ กกต. และขอให้ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล รอง ผกก.สภ.อ.บุรีรัมย์ อดีตหัวหน้าหนักงานสอบสวนคดีที่นายชัย ชิดชอบ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน ถูกกล่าวหาบุกรุกที่ดินในอ.สตึก กลับมาช่วยราชการในจ.บุรีรัมย์ด้วย หลังถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่จ.ศรีสะเกษ เพราะเข้าใจว่าเหตุที่นายเกษมถูกย้ายออกไป เป็นผลจากการให้ใบเหลืองใบแดงส.ส.พรรคพลังประชาชนแถมยังนั่งอยู่ในกรรมการ ชุดของพ.ต.ท.สังวรณ์ด้วย
“คำสั่งย้ายที่ออกมานั้น ทำให้ข้าราชการเสียขวัญกำลังใจ และรัฐบาลนี้ มีผลงานเดียวคือการโยกย้ายข้าราชการเพื่อเตรียมการเลือกตั้งใหม่ ผมคิดว่า การโหวตเลือกประธานสภาฯคนใหม่ในวันที่ 12 พ.ค.นั้น ต้องคำนึงถึงหน้าตาด้วย เพราะเวลาไปต่างประเทศ คนเป็นประธานสภาฯต้องเป็นคนที่มีความรู้ทางกฎหมาย โปร่งใส และสง่างาม ไม่ใช่พอไปต่างประเทศในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ แล้วทำให้ต่างชาติตั้งข้อครหาว่ามีมลทิน มีคดีติดตัว”นายโสภณกล่าว
**หมักยันไม่ยุบสภา
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวตอบคำถามผู้ชมรายการ สนทนาประสาสมัคร วานนี้ (11 พ.ค.) ที่ขอไม่ให้นายกรัฐมนตรียุบสภา เพราะจะเสียงบประมาณ โดยนายสมัครยืนยันว่า จะไม่ยุบสภา มีคนเขาชอบเอาไปพูด แต่ตนไม่พูดหรอก ไม่ยุบหรอก
วานนี้(11 พ.ค.) เวลา 18.00 น. มีการประชุม ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน(พบช.)นัดพิเศษ โดยมีวาระเรื่องที่ คณะกรรมการบริหารพรรคจะแจ้งให้ส.ส.รับทราบมติของคณะกรรมการบริหารพรรค ที่เลือกนายชัย ชิดชอบ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร แทนนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ขอลาออกไป โดยจะมีการนำชื่อนายชัย เสนอต่อที่ประชุมสภาฯนัดพิเศษอย่างเร่งด่วนในวันนี้ (12 พ.ค.) โดยมีแกนนำพรรคเดินทางมารร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงหลังการประชุมว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้มอบหมายให้นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และ รมว.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นประธานในการประชุม โดยที่ประชุมมีวาระพิจารณาและขอมติกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติให้นายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังใช้เวลาประชุมนานกว่า 4 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 94 เสียง ไม่เห็นด้วย 24 คะแนน และงดออกเสียง 9 คะแนน ผลก็คือที่ประชุมเห็นชอบตามคณะกรรมการบริหารฯ ที่ให้เสนอชื่อนายชัย เป็นประธานสภาฯ โดยในที่ 12 พ.ค.จะได้นำวาระการประชุมสภาฯ เข้าที่ประชุมสภาในเวลา 09.00 น.
“การเลือกประธานสภาฯในวันพรุ่งนี้เป็นการพิสูจน์ว่าพรรคจะเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงหรือไม่ อย่างไรก็ตามมติดังกล่าวไม่สามารถบังคับส.ส.ได้ เพราะส.ส.ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งการลงคะแนนเป็นการลงคะแนนลับจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าใครลงคะแนนให้ใคร” ร.ท.กุเทพ กล่าว
** มั่นใจไม่มีใครกล้าโหวตสวนมติ
ส่วนการรับรองมติกรรมการบริหารพรรควันนี้ เท่ากับเป็นการบังคับให้ส.ส.สนับสนุนนายชัยใช่หรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เรามีขั้นตอนมาตั้งแต่เริ่มต้น โดยให้ลงมติ ก่อนว่าจะลงคะแนนลับหรือเปิดเผย ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมบอกให้ลงมติแบบ เปิดเผย ตรงนี้เป็นขั้นตอนตามประชาธิปไตย เป็นการเดินหน้าไปอีกก้าว
ส่วนหากการเลือกประธานในวันจันทร์ผลไม่เป็นไปตามที่คาดพรรค ได้มีแผนสำรองหรือจะเสนอใครขึ้นมาใหม่หรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เรายังไม่คิดไกลขนาดนั้น เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไร เพราะวันนี้เราพูดกันแบบเปิดอกมากที่สุด นพ.สุรพงษ์เองก็ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ และน้อมรับแนวความคิด
ผู้สื่อข่าวถามว่าหาก ส.ส.พรรคบางส่วนไปจับมือกับพรรคชาติไทยและพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเสนอชื่อแข่งจะทำเช่นไร ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์อาจจะต้องการเล่นเกมแต่เชื่อว่าคนของพรรคพลังประชาชนจะไม่หลงกล ดังนั้นบทพิสูจน์ของพรรคคือการลงมติในวันนี้
**ดักคอพรรคร่วมรัฐบาลต้องมีมารยาท
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หากมีการเสนอชื่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์นั้น นายสมศักดิ์จะมีถอนตัวหรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า วันนี้ระหว่างการอภิปราย นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาฯคนที่ 1 ก็ถูกเสนอชื่อขึ้นมาโดยนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน จากนั้นนายสมศักดิ์จึงลุกขึ้นยืนและขอให้นายสุนัย ถอนชื่อ แล้วนายสุนัยก็ยอมถอนชื่อ ในที่สุด อีกทั้งเชื่อว่าด้วยสถานภาพอันทรงเกียรติของนายสมศักดิ์ จะไม่หลงกลของ พรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรรคชาติไทยจะโนโหวตในการประชุมสภาฯวันจันทร์นี้ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ในวันนี้เราไม่มีการพูดถึงพรรคอื่นและดีใจที่กระบวนการวันนี้จบด้วยความเข้าในอันดีของสมาชิกพรรค ส่วนพรรคอื่นจะตัดสินใจอย่างไรนั้น เราคงไปก้าวก่ายไม่ได้ แต่เมื่อยุทธศาสตร์การทำงานร่วมกันของรัฐบาลคือต้องสนับสนุนแนวทางการทำงานที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ ซึ่งจะทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อไม่ให้บ้านเมืองถึงทางตัน ดังนั้นเชื่อว่าพรรครัฐบาลคงมีมารยาทตรงนี้
**สมศักดิ์กลัวขึ้นเขียงเลยขอให้ถอน
ด้านนายสุนัย จุลพงศธร กล่าวว่า ตนเป็นคนเสนอชื่อนายสมศักดิ์ให้ลงแข่งขันเองถึง 2 ครั้ง เพราะเห็นว่าในพรรคควรมีบรรยากาศเป็นประชาธิปไตย ควรมีการแข่งขันเพื่อไม่ให้ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านมาว่า พรรคเราได้ว่าไม่เป็นประชาธิปไตยแต่ในครั้งที่ 2 ที่จะเสนอผลักดันนายสมศักดิ์นั้น ถูกนายสมศักดิ์ขอร้องให้ถอนชื่อออก โดยบอกว่าให้ถอนเถอะ อย่าทำให้นายสมศักดิ์ต้องขึ้นเขียง ตนจึงถอนชื่อออก ทั้งนี้เมื่อพรรคมีมติออกมาทุกคนก็ควรเคารพในหลักการ และในการประชุมครั้งนี้ก็ไม่มีการลอบบี้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า พรรคชาติไทยจะโนโหวตนั้น นายสุนัย กล่าวว่า เชื่อมั่นในจิตวิญญาณของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะเชื่อมั่นในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะการเลือกนายชัยในวันนี้ถือเป็นกระบวนการประชาธิปไตยภายในพรรคพลังประชาชน ที่พรรคร่วมรัฐบาลเองต้องเคารพซึ่งกันและกัน รวมทั้งเป็นมารยาท
**กลุ่มหนุนชัยอ้างมีคดีปกติ
นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ส.ส.นครพนม ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนนายชัย ชิดชอบ กล่าวว่า ในการประชุมมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางตามหลักการประชาธิปไตย โดยส.ส.ส่วนหนึ่งแย้งว่ากรรมการบริหารไม่ควรมีมติก่อนที่จะมีการประชุมส.ส.พรรค นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีการหยิบยกคดีบุกรุกที่ดินของนายชัย เข้าสู่การหารือด้วย แต่มีส.ส.ในพรรคแย้งว่าการมีคดีติดตัวของนักการเมืองถือเป็นเรื่องธรรมดา
ขณะที่นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนนายชัย กล่าวว่า ที่ประชุมมีความเห็นต่างกันในเรื่องตัวบุคคล แต่เมื่อมติของที่ประชุมออกมาให้นายชัย เป็นประธานสภา ทุกคนก็ตรงเข้าไปจับมือแสดงความยินดีกับนายชัยด้วย ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่ร่วมลงมติสนับสนุนนายชัยนั้น ตนเห็นว่าเรื่องนี้ ไม่น่าเป็นกังวล เพราะถือเป็นความรับผิดชอบของพรรคร่วมรัฐบาล ที่แต่ละพรรคจะต้องไปบอก ส.ส.ของพรรคตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายสมศักดิ์ ได้เดินลงมา บริเวณชั้นหนึ่ง ซึ่งปรากฎว่าเมื่อเจอกับกลุ่มผู้สื่อข่าว นายสมศักดิ์ซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉย รีบชิงพูดก่อนว่า ไม่ขอแสดงความเห็น ไม่มีอะไร ไม่ให้สัมภาษณ์ และเดินออกไปทันที
**เผยถ้าโหวตลับเสียงค้านชัยตรึม
ด้าน นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคพลังประชาชน ในฐานะแกนนำกลุ่มส.ส.อีสานอาวุโส ซึ่งสนับสนุนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ให้เป็นประธานสภาฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ได้ทำทุกอย่างตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน โดยใช้เวทีที่ประชุมแสดงความเห็นเต็มที่แล้ว แต่ติดใจ ที่ได้เสนอให้ใช้ข้อบังคับการประชุมสภาโดยอนุโลมโดยลงคะแนนลับ เพราะเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ทำให้ที่ประชุมมีการลงคะแนนโดยเปิดเผย ผลคะแนนที่ออกมาจึงทิ้งห่างกันมาก เพราะคนที่ลงคะแนนมีความเกรงใจกัน โดยเฉพาะส.ส.ใหม่ แต่ถ้ามีการลงคะแนนลับ ผลคะแนนที่ไม่เห็นด้วยอาจมีมากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มอีสานอาวุโสจะทำอย่างไรต่อไป ในวันที่ 12 พ.ค.นายไพจิต กล่าวว่า จะนัดประชุมแลกเปลี่ยนกำหนดท่าทีกันอีกครั้งก่อนที่จะมีการประชุมสภา
**ปูดสมศักดิ์วืดเหตุแนะดึงแก้รธน.
ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า การเลือกประธานสภาจะเป็นไปตามที่พรรคมีมติ เพราะส.ส.มีวินัยและมีความรับผิดชอบ และพรรคเปิดโอกาสให้แสดงความเห็นอย่างเป็นประชาธิปไตย เรื่องทั้งหมดจะต้องจบลงที่พรรค การเลือกบุคคลที่มาเป็นประธานสภาฯ ไม่ได้พูดถึงคุณสมบัติส่วนตัว แต่พูดถึงสถานการณ์และวิธีคิดมากกว่า
นายวรวัจน์ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้เสียงส.ส.ในพรรคเอนเอียงไปจาก นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ไม่สนับสนุนเหมือนเดิมนั้น เนื่องจากนายสมศักดิ์เสนอว่า ให้ดึงเวลาการแก้รัฐธรรมนูญออกไป อาจจะใช้เวลา 2-3 ปี ทำให้ส.ส.บางส่วนที่เห็นว่า จำเป็นต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญเปลี่ยนความคิด เพราะบางคนมองว่าหากแก้ช้าไปจะไม่ทันการ ซึ่งนายสมศักดิ์เป็นคนเสนอที่จะขอพูดถึงประเด็นนี้เอง
**เติ้งฉุนลูกไล่เนวินสั่งประชุมด่วน
วันเดียวกันเวลา 18.00 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เรียกประชุมพรรคด่วน หลังมีการนัดประชุมสภานัดพิเศษเร่งด่วนผ่านเอสเอ็มเอส ในวันจันทร์ที่ 12 พ.ค. เพื่อเลือกประธานสภา
นายบรรหาร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า ตนไม่ได้รับเอสเอ็มเอสเชิญประชุมสภาฯด่วน ยังสงสัยว่ามีอะไรเร่งด่วนขนาดนั้น เมื่อเห็นจากแฟ็กซ์จึงทราบว่า มีการประชุมเลือกประธานสภาฯ ก็ยังเอะใจว่าเป็นวันพุธไม่ได้หรือ รอกันไม่ได้หรือ
"คนที่ให้ประชุมเลือกประธานสภาในวันจันทร์คือ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม ซึ่งเป็นลูกน้องนายเนวิน ชิดชอบ 1 ใน 111 กรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ถ้าอย่างนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่โต แล้วประมุขฝ่ายบริหารคือนายสมัคร สุนทรเวช และประมุขฝ่ายฝ่ายนิติบัญญัติก็สำคัญ"
นายบรรหาร กล่าวว่า พรรคชาติไทยไม่ได้เป็นพรรคเฉพาะกิจ ทำการเมืองมา 30 กว่าปี มีขั้นมีตอน ดังนั้นเมื่อพรรคพลังประชาชนจะเสนอใครมาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ผู้ใหญ่ในพรรคหายไปไหน เลขาธิการพรรคไปไหน ต้องมีคนประสานงานมาที่พรรค ว่าจะเอาใคร ตนจึงได้เรียกประชุมด่วน เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร เสนออย่างไร จะโหวตให้ใคร ก็ยังตอบไม่ได้
**ติงปธ.สภาต้องเป็นที่ยอมรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่าตามธรรมเนียมปฏิบัติเคยมีแบบนี้หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่มีแบบนี้ ซึ่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติสำคัญ ตนเคยติงไปแล้วแต่ไม่ขอพูดถึงตัวบุคคลว่าประธานรัฐสภาสำคัญมาก ต้องเป็นผู้ที่รอบรู้ มีคุณสมบัติที่ดี มีความรู้ความสามารถ และต้องเป็นที่ยอมรับของสภาฯและบุคคลทั่วไปด้วย ไม่ใช่ว่าจะหยิบยกใครขึ้นมาเป็นก็เป็นได้ง่ายๆ ตนจึงหารือกับนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทยว่าจะเรียกประชุมกัน เพื่อถามว่าสมาชิกพรรคจะเอายังไง พรรคชาติไทยเป็นตัวของตัวเอง ทำอะไรต้องมีขั้นตอน เราไม่ว่าจะเอาใครมานั่งประธานสภาฯ แต่ต้องมีขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ทักท้วงกับความเร่งรีบตรงนี้หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ยังไม่ได้ทักท้วง เพราะตนเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศวานนี้ (11พ.ค.) พอลงจากเครื่องก็เดินทางมาที่พรรคเลย แวะไปอาบน้ำใส่เสื้อสีแดงแล้วมาที่พรรค
ส่วนการหารือกันแบบนี้แนวทางจะออกมาเป็นอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ธรรมดาเขาไม่ทำกันหรอก
**สงสัยพปช.ใครควบคุมกันแน่
นายบรรหารกล่าวด้วยว่า "ต้องถามว่าในพรรคพลังประชาชนใครควบคุมกันแน่ เลขาธิการพรรค หรือบุคคลอื่นที่ควบคุม เพราะขั้นตอนแบบนี้ไม่มีหรอก ความจริงต้องมีการประสานงานมาแล้ว ได้ข่าวว่าก็ยังสับสนกันอยู่ ถึงต้องประชุมกรรมการบริหาร"
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเป็นมติของวิปรัฐบาล นายบรรหาร กล่าวว่า มติวิปไม่มี เมื่อวันพุธที่ผ่านมาก็น่าจะมีข่าวว่าจะมีการประชุมกัน ได้ข่าวแต่วันพุธก็ไม่เป็นไร แต่นี่มาเร่งกัน เมื่อถามว่ามีการเร่งรีบประชุมกันแบนี้คิดว่ามีนัยยะอะไรหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่รู้ ตนก็ไม่ทราบ ตอบไม่ได้
เมื่อถามว่าเบื้องต้นพรรคพลังประชาชนเสนอนายชัย ชิดชอบ นั่งประธานสภาฯ นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่ตอบ แต่วันที่ 12 พ.ค. ตนไม่อยู่ เพราะมีประชุมด่วน และตอนบ่ายจะเดินทางไปพบ อัยการสูงสุด เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมคดียุบพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเป็นอย่างนี้คนอื่นจะมองว่าท่านวอคเอ๊าท์หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ”ผมไม่ได้วอคเอ๊าท์ ผมเป็นตัวของตัวเอง ตอนที่จะให้ผมร่วมรัฐบาลโอ๊ยมากันเยอะแยะ ทั้งเลขาธิการพรรค รองหัวหน้าพรรค ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติต้องให้เกียรติกัน ผู้ใหญ่ต้องมาเจรจาว่าพรรคมีมติอย่างนี้นะ หัวหน้าพรรคเป็นอย่างนี้ พรรคชาติไทยไม่ได้กระจอก แล้วเป็นใครที่มาบอก นายทรงศักดิ์ เป็นใคร ผมไม่เข้าใจ”
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีผู้วิจารณ์ว่าถ้านายชัย นั่งประธานสภาฯ พรรคชาติไทยจะเกิดความอึดอัด ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ๆๆ ต้องรอประชุมและฟังเสียงสมาชิกพรรคก่อน ตนไม่มีอำนาจจะมาตัดสิน
**ชท.ให้บทเรียนพปช.มีมติงดออกเสียง
หลังการประชุมพรรคชาติไทย นายเอกพจน์ วงศ์นาค รองโฆษกพรรค แถลงว่า เสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมมีมติงดออกเสียงในการเลือกนายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาฯ เนื่องจากเห็นว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น เพราะการเลือกประธานสภาฯ ถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ เป็น 1 ใน 3 ของประมุขสถาบันสำคัญ การดำเนินการของพรรคพลังประชาชน เป็นการรวบรัดจนเกินไป และมีความผิดปกติ เพราะหนังสือลงวันที่ 8 พ.ค.เพื่อหวังผลให้ครบ 3 วัน ตามข้อบังคับพรรค แม้การส่ง เอสเอ็มเอสแจ้งไปยังสมาชิกจะไม่ผิดข้อบังคับ แต่พรรคชาติไทยเห็นว่าเป็นการกระทำไม่เหมาะสม ควรให้เกียรติสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ทั้งนี้ที่ประชุม มีความเห็นแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งต้องการให้ฟรีโหวต และอีกส่วนให้งดออกเสียง ในที่สุดเสียงส่วนใหญ่เห็นควรให้งดออกเสียงเพื่อเป็นการรอมชอม
นายเอกพจน์ กล่าวว่าการงดออกเสียงไม่มีผลกระทบอะไรต่อการปรับ ครม. และพรรคไม่ได้คำนึงถึงประเด็นนี้ อีกทั้งการเลือกประธานสภาฯ ถ้าพูดตามกฎหมายแล้ว ถือเป็นเรื่องเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค อีกทั้งพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้หารือแต่อย่างใด ส่วนที่มีความเห็นให้งดออกเสียงนั้น พรรคจำเป็นต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุม และคิดว่าการงดออกเสียงครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด
นายเอกพจน์ ยอมรับว่า ที่ประชุมบางส่วนต้องการหลีกเลี่ยงสนับสนุนนายชัย เพราะเห็นพฤติกรรมของการทำงานในสภาของนายชัย ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมพรรคชาติไทย แกนนำพรรคส่วนใหญ่จะไม่สนับสนุนนายชัย ชิดชอบ โดยได้นำประเด็นการเร่งประชุมอย่างไม่เหมาะสม ตัดตอนการเลือกประธานสภา โดยนายบรรหารแสดงความไม่พอใจมาก ส่งผลให้ที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องกันว่า ควรให้บทเรียนกับพรรคพลังประชาชนบ้าง
**ปชป.จ่อส่งบัญญัติสู้
สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ ในการส่งคนลงชิงประธานสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมสภาฯนัดพิเศษเพื่อเลือกประธานสภาฯในวัน ที่ 12 พ.ค.นี้ ล่าสุด นายชุมพล กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ในฐานะประธาน ส.ส.ของพรรค ได้เรียก ส.ส.ของพรรคเพื่อประชุมหารือเรืองดังกล่าวในวันที่ 12 พ.ค. นี้ เวลา 8.30 น. ที่ห้องสารนิเทศ อาคารรัฐสภา เพื่อขอมติที่ประชุมว่าจะส่งคนลงชิงประธานสภาฯ หรือไม โดยเบื้องต้นพรรคประชาธิปัตย์เตรียมเสนอคนลงชิงประธานสภาแต่ยังไม่สามารถตัดสินใจว่าจะส่งใคร
นายชุมพล เปิดเผยว่า ส่วนตัวเห็นว่าควรที่จะส่งคนของพรรคที่มีคุณสมบัติลงชิงตำแหน่ง เพื่อศักดิ์ศรีและหน้าตาของพรรค แม้จะรู้ว่าส่งใครลงไปก็ตาม ก็จะแพ้คนของพรรคพลังประชาชน ทั้งนี้ตนเห็นว่าบุคคลที่เหมาะสมในการลงชิงประธานสภาฯ ในพรรคประชาธิปัตย์ คือ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะทำงานประสานงานร่วมพรรค ฝ่ายค้าน (วิป ฝ่ายค้าน) ยืนยันว่าจะส่งคนของพรรคลงชิงตำแหน่งดังกล่าว ส่วนบุคคล ที่เหมาะสมนั้น ส.ส. 164 คนของพรรคมีความเหมาะสมทุกคน
**นพดลร้อนตัวยันย้ายขรก.ถูกต้อง
นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับครม.ว่า ตนไม่ทราบว่าจะมีการปรับเล็กหรือใหญ่ รวมทั้งจะปรับตนออกด้วยหรือไม่ แต่ที่ผ่านมายืนยันว่าการย้ายข้าราชการในกระทรวงต่างประเทศนั้นทำตามระบบ ซึ่งข้าราชการในกระทรวงต่างประเทศนั้นล้วนเป็นคนเก่ง คนที่ถูกปรับก็เป็นคนเก่ง คนที่มาแทนก็มีความสามารถ การที่มีคนเก่งมากนั้นก็ดีจริง แต่ช่วงบางจังหวะเวลาที่รัฐบาลต้องใช้คนนั้น ก็จะต้องเลือกคนที่เหมาะสมเข้ามา พูดไม่ชัด เรื่องโควตากลุ่มมุ้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะมีการปรับครม. พร้อมกันหลายตำแหน่ง นายนพดล กล่าวว่า ยอมรับว่าภายในพรรคเริ่มมีการพูดคุย ถึงเรื่องการปรับครม. แต่ตนไม่ทราบรายละเอียดว่าจะปรับตำแหน่งใดบ้าง แต่โดยหลักแล้วเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี และเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย
**ไชยากอดเก้าอี้แน่นลั่นอย่ามายุ่ง
ด้าน นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่าข่าวที่ว่านายสมัคร จะปรับ ครม.ใหญ่ เป็นเพียงแค่ข่าวเท่านั้น และตนก็เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องปรับ ครม.ใหญ่ ควรปรับเพียงตำแหน่งของนายสุธา ชันแสง ที่ลาออกจาก รมว.การพัฒนาสังคมฯเท่านั้น เพราะโดยทั่วไป เขาให้ทดลองงานกัน 3-6 เดือน แต่นี่แค่ 3 เดือนแล้วมาตัดสินว่าคนนั้นไม่ดีคงไม่ได้ และขณะนี้ยังไม่มีผู้ใหญ่ในพรรคมาหารือกับตนในเรื่องนี้แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่เมื่อมีกระแสปรับ ครม.ข่าวก็จะพุ่งมาที่ รมว.สาธารณสุข นายไชยา กล่าวว่า ยังไม่มี ถ้าจะปรับจะเอาตนไปไว้ไหน จะให้อยู่บ้านหรืออย่างไร
**โสภณชี้ชัยไม่เหมาะนั่งปธ.สภา
นายโสภณ เพชรสว่าง อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อแผ่นดิน ในฐานะสมาชิกกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ (12 พ.ค.) เวลา 10.00 น. กลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ 7 คนจะเดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อยื่นหนังสือถึง นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. เพื่อขอให้ประธาน กกต.ใช้อำนาจตามมาตรา 236(4) ขอตัว นายเกษม วัฒนธรรม อดีตรองผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ และอดีต ประธาน กกต.บุรีรัมย์ มาปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการ กกต. และขอให้ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล รอง ผกก.สภ.อ.บุรีรัมย์ อดีตหัวหน้าหนักงานสอบสวนคดีที่นายชัย ชิดชอบ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน ถูกกล่าวหาบุกรุกที่ดินในอ.สตึก กลับมาช่วยราชการในจ.บุรีรัมย์ด้วย หลังถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่จ.ศรีสะเกษ เพราะเข้าใจว่าเหตุที่นายเกษมถูกย้ายออกไป เป็นผลจากการให้ใบเหลืองใบแดงส.ส.พรรคพลังประชาชนแถมยังนั่งอยู่ในกรรมการ ชุดของพ.ต.ท.สังวรณ์ด้วย
“คำสั่งย้ายที่ออกมานั้น ทำให้ข้าราชการเสียขวัญกำลังใจ และรัฐบาลนี้ มีผลงานเดียวคือการโยกย้ายข้าราชการเพื่อเตรียมการเลือกตั้งใหม่ ผมคิดว่า การโหวตเลือกประธานสภาฯคนใหม่ในวันที่ 12 พ.ค.นั้น ต้องคำนึงถึงหน้าตาด้วย เพราะเวลาไปต่างประเทศ คนเป็นประธานสภาฯต้องเป็นคนที่มีความรู้ทางกฎหมาย โปร่งใส และสง่างาม ไม่ใช่พอไปต่างประเทศในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ แล้วทำให้ต่างชาติตั้งข้อครหาว่ามีมลทิน มีคดีติดตัว”นายโสภณกล่าว
**หมักยันไม่ยุบสภา
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวตอบคำถามผู้ชมรายการ สนทนาประสาสมัคร วานนี้ (11 พ.ค.) ที่ขอไม่ให้นายกรัฐมนตรียุบสภา เพราะจะเสียงบประมาณ โดยนายสมัครยืนยันว่า จะไม่ยุบสภา มีคนเขาชอบเอาไปพูด แต่ตนไม่พูดหรอก ไม่ยุบหรอก