xs
xsm
sm
md
lg

ซากศพในพม่ายังเกลื่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศพและซากสัตว์เหยื่อ “นาร์กีส”” ยังเกลื่อนในทุ่งนาและลอยอืดในลำน้ำของพม่า ขณะที่ประชาชนจำนวนมากอยู่ในอาการหิวโหย เนื่องจากการช่วยเหลือยังเข้าไปไม่ทั่วถึง ทีวีพม่ารายงานตัวเลขผู้ตายเพิ่มเป็น 28,458 คนกับอีก 33,416 คนยังสูญหาย “ผบ.ทอ.ของไทย” อัญเชิญสิ่งของพระราชทานรวม 10 ตันส่งมอบให้รัฐบาลพม่าเพื่อช่วยเหลือผู้ทุกข์ร้อนแล้ว “หมัก” บ่นสื่อตีข่าวพม่าไม่รับตัวเอง แต่รับ “สุรยุทธ์” อ้างงานล้มมือไปพม่าไม่ได้ มอบเจ้ากรมกิจการชายแดนประสานแทน

โทรทัศน์ทางการพม่ารายงานเมื่อวันอาทิตย์ (11 พ.ค.) เพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตเหยื่อไซโคลนนาร์กิส ขึ้นเป็น 28,458 คน กับอีก 33,416 คนยังสูญหาย

ขณะที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเอเอฟพีที่เดินทางไปยังเขตที่ราบปากแม่น้ำอิรวดีเมื่อวันอาทิตย์ได้พบเห็นสภาพที่น่าอเนจอนาถใจ เพราะความช่วยเหลือต่างๆ ยังเข้าไปไม่ถึง ขณะที่ศพคนตายและซากสัตว์ยังเกลื่อนทุ่งนาและลำน้ำ

นอกจากนั้น ยังได้พบเห็นศพสมาชิกทั้งครอบครัวจำนวน 4 คนที่ลำตัวผูกติดกันด้วยเชือก

หลังพายุสงบลง 8 วันศพของคนทั้ง 4 ยังคงลอยขึ้นอืดที่ริมแม่น้ำสายเล็กๆ แห่งหนึ่ง คนกลุ่มนี้อาจจะพยายามช่วยเหลือตัวให้รอดจากพายุ แต่สิ่งที่พรากชีวิตของพวกเขาอาจจะเป็นคลื่นสูงที่ถาโถมจากทะเลเบงกอล

ใกล้กับเมืองเดะเด (Dedaye) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งไปทางตะวันตกเฉียงใต้ มีผู้คนนับหมื่นๆ รอคอยการช่วยเหลืออย่างไร้ความหวัง ขณะที่ทางการแถลงด้วยความภาคภูมิใจว่าการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์มีประชาชนไปสิทธิ์อย่างท่วมท้น

คนอีกนับพันๆ กำลังยังทยอยตามกันไปรวมตัวยืนอยู่ริมทางหรือหรืออยู่ตามซากหักพังของบ้านเรือน รอการช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ก็ไม่มีอะไรไปที่นั่น

ผู้คนทั้งหิว ทั้งกระหายน้ำ หน้าตาเต็มไปด้วยริ้วรอยและรอยแผล เห็นได้ชัดว่าหลายคนคงจะไม่ได้กลืนอะไรลงท้องไปในช่วงหลายวันมานี้

รัฐบาลทหารบอกกับชาวโลกว่าทางการใช้เฮลิคอปเตอร์นำอาหารและสิ่งของช่วยเหลือไปแจกจ่ายถึงมือประชาชนในเขตภัยพิบัติ แต่ผู้สื่อข่าวรายงานว่าอยู่ที่นั่นมา 3 วันเห็นเฮลิคอปเตอร์เพียง 1 ลำ จอดอยู่พื้นดินและกำลังซ่อม

ชาวบ้านที่รอคอยความช่วยเหลือตามริมถนนยืนยันว่า พวกเขายังไม่เคยเห็นเฮลิคอปเตอร์ของรัฐบาลไปแจกจ่ายอะไรที่นั่น สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่ทุกฝ่ายคาดคิดและอย่างไม่น่าเชื่อ

วันอาทิตย์ (11) นี้เกิดฝนตกหนัก ชาวบ้านส่วนมากไม่มีที่พักพิงหลบฝน หลายคนนั่งรวมกันอยู่ใต้ร่ม คอยความช่วยเหลืออย่างเลื่อนลอย

บางครั้งมีผู้เมตตาผ่านไปซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มมุสลิมหรือกลุ่มชาวพุทธ นำอาหารซึ่งมักจะเป็นข้างหุงและบะหมี่สำเร็จรูป หรือขนมปังกรอบไปฝาก บางคนเอาเทียนไขกับขนมหวานไปให้ด้วย

แต่บางครั้งทันทีที่เปิดกล่องออกมาทหารก็จะกรูเข้าไปยึดสิ่งของต่างๆ เอาไปกินกันเสียเอง ทหารก็คงจะหิวเช่นเดียวกันกับชาวบ้าน

เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์นับตั้งแต่พายุนาร์กิสผ่านไป ยังคงเห็นศพเห็นเกลื่อกลาดตามท้องทุ่ง ส่งกลิ่นเน่าเหม็น มีหลายสิบศพลอยฟ่องตามริมแม่น้ำเปียะโปน (Pyapon) นอกจากศพของคนครอบครัวเดียวกันจำนวน 4 คนดังกล่าว

ผู้คนละแวกนั้นไม่มีที่จะไป ศพคนกับซากสัตว์เลี้ยงตอนนี้ขึ้นอืด เปลี่ยนเป็นสีดำและเริ่มเน่าเปื่อย ศพคนบางศพปรากฏอยู่ใกล้ซากวัวควาย ดูเหมือนว่าจะเสียชีวิตขณะพยายามช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงแต่ชาวบ้านก็เดินผ่านศพกับซากเหล่านั้นทุกวันอย่างไม่รู้สึกอะไร ทุกคนดำเนินชีวิตตามปกติเพื่อให้มีชีวิตรอด

**ความช่วยเหลือขยับได้เล็กน้อย**

วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันแรกที่องค์กรสหประชาชาติเริ่มมีความหวัง ขณะที่หน่วยงานสาธารณกุศลแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส กล่าวว่า ได้รับอนุญาตจากทางการพม่าให้ขนส่งของไปแจกจ่ายในเขตภัยพิบัติได้แล้ว

นางอลิซาเบ็ธ บีร์ส โฆษกสำนักงานประสานงานกิจการมนุษยธรรมหรือ OCHA องค์การสหประชาชาติกล่าวในนครเจนีวาเมื่อวันอาทิตย์ว่า เที่ยวบินจากอิตาลีพร้อมอุปกรณ์กรองน้ำ ถังใส่น้ำ รวมทั้งเต็นท์ กับสิ่งของอื่นๆ น้ำหนัก 30 ตันมีกำหนดถึงสนามบินย่างกุ้งตอนค่ำวันเดียวกัน

สิ่งของทั้งหมดจัดซื้อด้วยเงินบริจาคของรัฐบาลนอร์เว กับรัฐบาลไอร์แลนด์เพื่อส่งถึงมือผู้ประสพสบเคราะห์กรรมในพม่า

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านกู้ภัยช่วยเหลือของยูเอ็นจำนวนหนึ่งยังคงรอวีซ่าอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อเดินทางเข้าพม่า นอกจากนั้นด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินย่างกุ้ง ยังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ยูเอ็น 2 หรือ 3 คนที่เดินทางไปถึงเมื่อวันพุธ (7 พ.ค.) ผ่านเข้าประเทศ แม้ว่าทั้งหมดจะถือหนังสือเดินทางของสหประชาชาติก็ตาม มีเพียง 2 คนที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านได้

องค์การเพื่อการกุศลที่ชื่อ "แพทย์เพื่อโลก" (Medecins du Monde) แถลงในกรุงปารีสเมื่อวันอาทิตย์ว่า ทางการพม่าได้อนุญาตให้นำสิ่งของช่วยเหลือน้ำหนัก 22 ตันแจกจ่ายผู้ประสบภัยได้แล้ว ทั้งหมดจะไปถึงย่างกุ้งกับเที่ยวบินเช่าเหมาลำในเช้าวันจันทร์ (12 พ.ค.)

ทางการพม่ารับความช่วยเหลือจากต่างประเทศอย่างจำกัดและไม่มีคำอธิบาย สิ่งของช่วยเหลือของโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติหรือ WFP (World Food Programme) 2 เที่ยวบินไปถึงย่างกุ้งตั้งแต่วันศุกร์และยังคงถูกกักไว้ที่นั่น

**สิ่งของพระราชทานถึงพม่า***

วานนี้ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เป็นผู้อัญเชิญสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงมอบให้มูลนิธิฯนำไปช่วยเหลือชาวพม่าที่ประสบภัยพายุไซโคลนนาร์กีส น้ำหนักรวม 10 ตัน ซึ่งได้ส่งมอบให้แก่รัฐบาลสหภาพพม่าทันทีที่คณะซึ่งเดินทางด้วยเครื่องบินซี-130 ของกองทัพอากาศถึงท่าอากาศยานมิงกาลาดอน กรุงย่างกุ้ง โดยมีคณะผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลสหภาพพม่าให้การต้อนรับ นำโดย พลอากาศโทเนียบเฮง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพลจัตวาส่อ มิ้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสวัสดิการสังคมและการย้ายถิ่นฐาน

พล.อ.อ.ชลิต กล่าวในพิธีส่งมอบว่า สิ่งของเหล่านี้อาจช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนชาวพม่าได้ในระดับหนึ่ง แต่ความห่วงใยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีต่อสหภาพพม่านั้นยิ่งใหญ่นัก

ด้านผู้บัญชาการทหารอากาศของพม่า กล่าวว่า ในนามรัฐบาลสหภาพพม่า สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านเป็นล้นพ้น ที่ทรงมีพระเมตตาต่อราษฎรผู้เดือดร้อน

สำหรับสิ่งของพระราชทานดังกล่าว จะมีการนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยในนครย่างกุ้ง พะโค อิรวดี รัฐมอญ และรัฐกะเหรี่ยง โดยขนส่งทั้งทางรถยนต์ เรือ และเครื่องบิน

อนึ่ง ผบ.ทอ.ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นตัวแทนของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมน์ไปมอบถุงยังชีพพระราชทานไปช่วยเหลือชาวพม่าว่า สิ่งของพระราชทานที่จัดส่งไปมอบให้แก่รัฐบาลสหภาพพม่ามีจำนวน 2,000 ชุดหรือประมาณ 10 ตัน เป็นสิ่งของอุปโภคบริโภค โดยมีนายประสงค์ พิฑูรกิจจา เลขาธิการมูลนิธิฯ เดินทางไปมอบสิ่งของด้วย ส่วนการหารือกับทางการพม่าในส่วนของกองทัพนั้นคงไม่มี แต่อาจมีผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดคุยกัน ซึ่งภาระนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดำเนินการมากกว่า

ส่วนจะมีการหารือเรื่องจะให้ต่างประเทศเข้าไปให้ความช่วยเหลือพม่าหรือไม่นั้น ผบ.ทอ.กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ได้ข่าวมาว่าพม่าอาจเปิดรับความช่วยเหลือก็คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดีในการเปิดรับความปรารถนาดีของต่างชาติ แต่ขึ้นอยู่กับต่างชาติใดๆ จะแสวงประโยชน์อะไรในบางส่วนหรือไม่ แต่โดยทั่วไปทุกชาติคงพยายามจะช่วยเหลือ แต่ชาติที่เขามีอธิปไตยในชาติของเขาเอง เขาก็ต้องระวังในการปฏิบัติในการดำเนินการใดๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งทางกองทัพยังไม่ได้รับการประสานจากต่างชาติให้ช่วยประสานงานในเรื่องนี้

**”หมัก”ตำหนิสื่อเสนอข่าวเกินจริง**

ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT เช้าวานนี้ถึงกรณีที่ประเทศพม่าประสบเหตุภัยธรรมชาติจากพายุว่า ความเสียหายจากพายุไซโคลน นาร์กีสที่พัดถล่มบ้านเรือนทำลายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนประเทศพม่านั้น เนื่องจากไม่มีระบบเตือนภัยและเหตุการณ์เกิดในเวลากลางคืน จึงมีความเสียหายอย่างมาก และมีหลายประเทศที่แสดงเจตนาที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือ แต่ประเทศพม่าไม่ยอมให้ต่างประเทศเข้าประเทศ โดยรับแต่สิ่งของ

“แต่สำหรับประเทศไทยได้ส่งความช่วยเหลือไปช่วยแล้ว โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดให้กองทัพจัดสิ่งของส่งไปช่วยเหลือเป็นประเทศแรก จนประเทศไทยได้รับการชมเชยเป็นอย่างมาก และด้วยความเป็นห่วงผู้ได้รับบาดเจ็บจากภัยธรรมชาติครั้งนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำนวน3 เครื่อง ให้ประเทศพม่าเพื่อใช้ในโรงพยาบาลในการรักษาผู้ป่วย เนื่องจากขณะนี้ กระแสไฟฟ้าถูกตัดขาด” นายสมัคร กล่าว

นายสมัคร ชี้แจ้งด้วยว่า ได้ยกเลิกการเดินทางไปสหภาพพม่าเพื่อเจรจาเปิดทางให้ประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาที่จะเข้าช่วยไปเหลือ เนื่องจากพม่าได้ประกาศว่าจะขอรับเฉพาะสิ่งของ โดยตนได้ส่งสาส์นไปให้กับผู้นำพม่าแทน โดยมอบหมายให้ พล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นคนประสานงานชายแดนเอาไปจัดการให้

“ในจดหมายผมก็ต้องแปลงสารหน่อยคือว่าเขียนเรื่องที่เขาจะขอร้องเอาไว้ตรงกลาง บอกเลยว่ามีทั้ง World Food Programme เขามา หน่วยงานเขามาขอร้อง ขอวีซ่า ก็ขอให้ พล.อ.เต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรีพม่าพิจารณาด้วย บอกไปเท่านั้น ก็หมดภาระส่งไป เขานัดวันอาทิตย์ วันที่ผมไม่ว่างผมก็แจ้งไป จดหมายผมบอกด้วยเลยที่จะพบกันวันอาทิตย์ ผมมีงานผมไปไม่ได้จริง ๆ ก็ขอส่งจดหมายฉบับนี้มาแทน เท่านั้นละครับ ไม่มีอะไรอื่นเลย”นายสมัคร กล่าว พร้อมกับตำหนิสื่อมวลชนว่า มีการนำเสนอข่าวเกินจริงที่ระบุว่ารัฐบาลสหภาพพม่าไม่ต้อนรับตนเอง แต่ต้อนรับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี

**จะใช้ ชม.เป็นศูนย์รวมของบริจาค**

ขณะที่นายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ แถลงกรณีการให้ความช่วยเหลือประเทศพม่าว่า ไทยเป็นประเทศแรกที่เข้าไปช่วยเหลือประเทศพม่า หลายประเทศให้ความชื่นชมและประสานมายังประทศไทยเพื่อขอให้ประเทศไทยเป็นตัวกลางในการประสานเจรจากับพม่า เพื่อให้พม่าอนุญาตให้หน่วยงานของประเทศต่างๆ เข้าไปให้ความช่วยเหลือในประเทศพม่าได้ เนื่องจากขณะนี้พม่าเพียงแค่เปิดรับสิ่งของแต่ยังไม่อนุญาตให้เข้าไปภายใประเทศ

“เบื้องต้นมองว่าอาจใช้เชียงใหม่ซึ่งมีชายแดนติดกับพม่าเป็นศูนย์กลางในการรับบริจาคสิ่งของจากประเทศต่างๆ ก่อนจะใช้เครื่องบินนำสิ่งของเหล่านั้นไปให้พม่า แต่ขณะนี้กระทรวงต่างประเทศยังเป็นศูนย์กลางในการรับบริจาคสิ่งของจากทั้งประเทศ ทั้งยังจะหารือกับนายกรัฐมนตรีในการที่จะเดินทางไปพม่าด้วย โดยเบื้องต้นได้ใช้ช่องทางท่างการฑูตเพื่อประสานขอเดินทางเข้าไปยังประเทศพม่า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอการตอบรับอยู่

นายนพดล ตอบข้อซักถามกรณีที่ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จะเดินทางไปประเทศพม่าด้วยโดยยืนยันว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์ดังกล่าวและส่วนตัวก็ไม่รู้จัก พล.อ.สุรยุทธ์ ส่วนที่มองกันว่า พล.อ.สุรยุทธ์ มีความเชี่ยวชาญทางทหารจะทำให้การเจรจาเป็นไปได้โดยง่ายนั้น นายนพดล กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือประเทศพม่าจะเป็นความช่วยเหลือจากกระทรวงต่างประเทศที่รับผิดชอบโดยตรงและรัฐบาลเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น