xs
xsm
sm
md
lg

กกต.มึนDSIเลอะเทอะเรียกแจงบัตรเลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึง กรณีที่กรมสืบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่าพบหลักฐานในการจัดซื้อจัดจ้าง การพิมพ์บัตรเลือกตั้งของ กกต. ที่ใช้งบเกินกว่า 130 ล้านบาท และจะออกหมายเรียก ให้กกต.ไปชี้แจง และขอให้ส่งเอกสารเพื่อประกอบการสอบสวนกรณีที่ถูกร้องเรียนว่าฮั้วพิมพ์บัตรเลือกตั้งภายใน 30 วันว่า ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุม กกต.ว่า สมควรไปชี้แจง หรือไม่ เพราะขณะนี้กำลังสงสัยอำนาจว่า ดีเอสไอมีอำนาจในการตรวจสอบ การพิมพ์บัตรเลือกตั้งของ กกต.หรือไม่ โดยเรื่องนี้อาจจะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ อำนาจระหว่างองค์กร แต่เราไม่แน่ใจอำนาจของดีเอสไอเท่านั้นเอง การที่ดีเอสไอออกมาพูดแบบนี้ผมไม่ได้คิดว่ามีนัยยะอะไรเป็นพิเศษ โดยก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวก็เคยถามผมว่า ดีเอสไอดิสเครดิตกกต.หรือเปล่า ซึ่งตอนนี้ ผมก็ขอตอบว่า เรื่องนี้เป็นการดิสเครดิตกกต.ที่ส่งผลให้ชื่อเสียงของกกต.เสียหาย ที่ผ่านมา กกต.ได้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่เคยทำผิดกฎหมาย เมื่อมีเรื่องแบบนี้ ออกมาก็ถือว่าไม่สมควร เพราะจะทำให้คนไม่เชื่อมั่นในการทำงานของกกต.
นายอภิชาต กล่าวว่า หากมีการแจ้งความอันเป็นเท็จก็จะฟ้องร้องดำเนินคดี ในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ได้ดำเนินการแจ้งความเกี่ยวกับคดีอื่นๆ มาแล้ว
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วมกล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่ ดีเอสไอ ให้ กกต.ส่งเอกสารประกอบการสอบสวนคดีฮั้วบัตรเลือกตั้งภายใน 30 วัน และจะออกหมายเรียกให้ กกต.ไปชี้แจง แต่ส่วนตัวเห็นว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจ ในการเรียกเอกสารจาก กกต.และไม่มีอำนาจในการตรวจสอบกกต. หากดีเอสไอ ออกหมายเรียกให้ไปชี้แจง เราก็ต้องให้ถามว่า ดีเอสไอมีอำนาจหรือไม่ โดยเห็นว่า ควรมีคนกลางมาตัดสินอำนาจระหว่างองค์กรพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าดีเอสไอ มีอำนาจตรวจสอบกกต.หรือไม่
“ผมนึกไม่ว่า กกต.จะฮั้วบัตรเลือกตั้งได้อย่างไร เพราะตั้งแต่เข้ามาทำงานที่ กกต. และมีส่วนร่วมในการจัดการเลือกตั้ง เราก็มีการเปิดประมูล ซึ่งเมื่อได้ 2 บริษัทที่จะมาพิมพ์บัตรเลือกตั้งแล้วเราก็ได้แยกสัญญาออกเป็น 2 สัญญา อีกทั้งยังได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกหนึ่งชุดเพื่อติดตามการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งเป็นการเฉพาะ ดังนั้นการจะบอกว่ามีการฮั้วบัตรเลือกตั้ง จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ว่า ตนคิดว่าดีเอสไอเข้าใจผิดประเด็น เพราะความจริงแล้วในการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งของ กกต. จะต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งในการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งจะแบ่งสัญญาเป็น 2 ส่วน คือ สัญญาการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และสัญญาการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งแบบสัดส่วน โดยทั้งสองส่วนจะนำวงเงินมารวมกันไม่ได้
นอกจากนี้ยังคณะกรรมการบริหารพัสดุคอยควบคุมไม่ให้ราคาเบี่ยงเบน ไปจากที่กำหนด ซึ่งหลังจากนี้คณะกรรมการ 4 ชุด ที่ กกต.ตั้งขึ้นมาสอบสวนคู่ขนานกับดีเอสไอจะเดินหน้าสอบสวนให้ข้อเท็จจริงปรากฏ และจะเชิญดีเอสไอเพื่อมาหารือ ในข้อเท็จจริงด้วย
นายสุทธิพล ยังกล่าวถึงการตรวจสอบอำนาจของดีเอสไอในการออกหมาย เตือนให้ กกต.ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานสอบสวนเนื่องจาก กกต.ไม่ให้ความร่วมมือ ในการจัดส่งเอกสารว่า การที่ กกต.ตรวจสอบอำนาจดีเอสไอ ถือว่าเป็นสิทธิที่สามารถ ทำได้ เพราะเมื่อคนที่ไม่ใช่เจ้าของบ้านจะมาขอข้อมูลเราก็ต้องตรวจสอบก่อนว่า มีคนที่มาขอข้อมูลนั้นอำนาจหรือไม่
“ถ้าดีเอสไอบริสุทธิ์ใจก็ควรถอยออกมาก้าวหนึ่ง และควรดูว่าตัวเองมีกรอบ อำนาจแค่ไหน ไม่ใช่เอาแต่บอกว่าตนมีอำนาจ ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่จำเป็นต้องทักท้วงดีเอสไอก็ได้ ปล่อยให้ดีเอสไอทำผิดไปแล้วค่อยมาเล่นงานภายหลัง แต่ กกต. ไม่อยากทำ และยืนยันว่า กกต.ไม่ได้ดึงเรื่องให้ยืดเยื้อ เพราะกกต.ได้แต่ตั้งรับไม่ได้จู่โจม”
นายสิทธิพล ยังกล่าวถึงกรณีที่นายอธิวัฒน์ บุญชาติ หัวหน้าพรรคประชาชาติไทย ได้เข้าแจ้งความดำเนินคด ีอาญากับ กกต. ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต กรณีจัดการเลือกตั้ง ล่วงหน้า โดยให้บุคคลที่ไม่มีสิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ว่า ข้อกล่าวหาของนายอธิวัฒน์ ไม่เป็นความจริง เนื่องจากการจัดการเลือกตั้งโดยให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านั้น เป็นการดำเนินการตามกระบวนการที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ปี 2550 โดยไม่ได้ปรากฏว่า มีบุคคลที่ไม่มีสิทธิเลือกตั้งไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ตามที่นายอธิวัฒน์ กล่าวอ้างแต่อย่างใด
นอกจากนี้ศาลฎีกาก็ได้มีคำสั่ง ที่ 77/2551 ลงวันที่ 18 มกราคม 2551 วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานไว้แล้วว่า กกต.มีอำนาจออกประกาศ เรื่อง กำหนดวันและเวลาลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ณ ที่เลือกตั้งกลาง และเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย
“กกต.พิจารณาเห็นว่า การกระทำของนายอธิวัฒน์ เป็นการกระทำความผิด ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ แก่เจ้าพนักงานเกี่ยวกับความผิดอาญาโดยรู้ว่า มิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นและไม่มีมูลความผิด โดยมีเจตนาเพื่อแกล้งให้ กกต.กับพวกต้องรับโทษ ได้รับความเสียหาย จึงได้มีมติมอบอำนาจให้นายณัฐศักดิ์ สุวรรณทวีสุข ผู้อำนวยการฝ่ายคดี 3 และหรือนายจตุรงค์ เทพสุรินทร์ นิติกร ฝ่ายคดี 3 สำนักกฎหมายและคดี กกต. เป็นผู้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีอาญาแก่ นายอธิวัฒน์ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ให้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด”
กำลังโหลดความคิดเห็น