xs
xsm
sm
md
lg

"มาร์ส"จับมือ"วอร์เรน บัฟเฟตต์" ทุ่ม$23,000ล.ซื้อหมากฝรั่งริกลีย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มาร์ส อิงค์ บริษัทผู้ผลิตช็อกโกแลตเอ็มแอนด์เอ็ม จับมือกับอัครมหาเศรษฐี วอร์เรน บัฟเฟตต์ ทุ่มเงินถึง 23,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าซื้อ วิลเลี่ยม ริกลีย์ จูเนียร์ ผู้ผลิตหมากฝรั่งอันดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้กลายผู้ผลิตขนมหวานของขบเคี้ยวรายใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นมา

การจับมือกันที่ประกาศออกมาเมื่อวันจันทร์(28) จะทำให้บริษัท เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ อิงค์ ของบัฟเฟตต์ถือหุ้นมากกว่า 10% ในบริษัทริกลีย์ และริกลีย์ก็จะกลายเป็นบริษัทลูกของมาร์สแต่มีการบริหารงานเป็นอิสระ ก่อนหน้านี้บัฟเฟตต์ได้เคยเข้าไปถือหุ้นในบริษัทอาหารอื่น ๆมาแล้วรวมทั้งคราฟท์ ฟู้ดส์ อิงค์ด้วย

การควบรวมระหว่างริกลีย์กับมาร์สอาจจะทำให้ แคดบิวรี ชเวปปส์ของอังกฤษ ที่เป็นหมายเลขหนึ่งของโลกอยู่ในขณะนี้ อาจต้องหันมาเร่งเจรจากับบริษัท เฮอร์ชีย์ โคอีกครั้งหนึ่งเพื่อการควบรวมกิจการ เพราะต่างฝ่ายก็กำลังจะเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งในด้านความหลากหลายของสินค้าและฐานที่มั่นทางธุรกิจ ก่อนหน้านี้แคดบิวรี่และเฮอร์ชีย์เคยเปิดการเจรจากันมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่คืบหน้า

ในแถลงการณ์ของมารส์ยังบอกอีกว่า นอกจากเบิร์กไชร์แล้ว แรงหนุนด้านการเงินเพื่อควบรวมริกลีย์ยังมาจากโกลด์แมนแซคส์กรุ๊ป และเจพีมอร์แกนเชสอีกด้วย

มาร์สยื่นเสนอซื้อหุ้นของริกลีย์ในราคา 80 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งหุ้น เทียบกับราคาปิดตลาดวันศุกร์ที่ 62.45 ดอลลาร์สหรัฐก็แพงกว่าอยู่ราว 28% ซึ่งทำให้ราคาหุ้นเมื่อปิดตลาดวันจันทร์ของริกลีย์ก็พุ่งขึ้นอีก 23%

นักวิเคราะห์บอกว่าแม้ริกลีย์จะแสดงท่าทีก่อนหน้านี้ว่าไม่สนใจเรื่องการเทกโอเวอร์ แต่ราคาที่เสนอมาสูงเกินกว่าที่จะเมินเฉยได้ ไม่มีเหตุผลใด ๆที่จะมาอธิบายได้ดีกว่านี้แล้วว่าทำไมจู่ ๆริกลีย์ถึงตัดสินใจขายหุ้นตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะได้ราคาดี

ราคาหุ้นของริกลีย์ที่ซื้อขายกันอยู่ตอนนี้มีมูลค่ามากกว่าประมาณการรายได้ปี 2009 ของบริษัทอยู่ถึง 23 เท่า นับเป็นบริษัทที่มีตัวเลขของอัตราส่วนนี้สูงสุดเป็นอันดับสอง ในบรรดาบริษัทที่เป็นส่วนประกอบอยู่ในดัชนีบริษัทอาหารสำเร็จรูปในสหรัฐฯของสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส
บริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมนี้จะกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ของโลกทั้งในธุรกิจช็อกโกแลต, หมากฝรั่งและลูกอม ซึ่งนักวิเคราะห์บอกว่าจะเพิ่มความสามารถในการเจาะตลาดประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหลายขึ้นมหาศาล

การควบรวมครั้งนี้เป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่ธรรมดาเลยของมาร์ส และจะช่วยให้บริษัทขยายธุรกิจไปในเขตที่ริกลีย์สามารถเจาะเข้าไปได้แล้วอย่างเช่นยุโรปตะวันออก ในขณะที่ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ริกลีย์เองก็พยายามขยายออกไปนอกธุรกิจหมากฝรั่งเช่นเดียวกัน
แม้ว่าริกลีย์จะเป็นผู้ผลิตหมากฝรั่งหมายเลขหนึ่งของโลก แต่ก็กำลังเผชิญหน้ากับการแข่งขันอยางรุนแรงจากธุรกิจหมากฝรั่งของแคดบิวรี่ ที่มีทั้ง เดนทีน และ ไทรเดนท์ อยู่ในมือ

ในขณะเดียวกัน เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ซึ่งจะได้หุ้นในริกลีย์ด้วยก็ทำให้บริษัทสามารถขยายฐานไปสู่ตลาดต่างประเทศโดยผ่านริกลีย์
"ริกลีย์และมาร์สต่างก็มีเครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยให้เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์มีช่องทางเข้าไปในตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะสู่ประเทศที่มีเม็ดเงินไหลเข้าไปมาก ๆอย่างตลาดกำลังพัฒนาและเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่" โธมัส รัสโซ หุ้นส่วนของการ์ดเนอร์ รัสโซและการ์ดเนอร์ ที่ลงทุนในเบิร์กไชร์ไว้ด้วยกล่าว

เมื่อถูกนักข่าวถามว่า การได้เม็ดเงินของบัฟเฟตต์เข้ามา ทำให้แก้ไขปัญหาเรื่องเม็ดเงินที่ขาดอยู่ และสามารถเดินหน้าดีลนี้ได้ใช่หรือเปล่า บิล ริกลีย์บอกว่า "เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ตลาดเงินกำลังมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง การหาเงินทุนเข้ามาเพื่อให้การซื้อขายลุล่วงไปได้เป็นปัญหาสำหรับการตกลงครั้งนี้เช่นเดียวกัน"

นักวิเคราะห์อีกคนหนึ่งบอกว่าการนำเอาบัฟเฟตต์เข้าก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับมาร์สด้วยเช่นกัน เพราะมาร์สเป็นบริษัทนอกตลาด และบัฟเฟตต์ไม่เรื่องมาก ไม่อยากเป็นข่าว และเข้าใจพื้นฐานความคิดในเรื่องการถือหุ้นของบริษัทนอกตลาดเป็นอย่างดี
กำลังโหลดความคิดเห็น