ตลาดหุ้นไทยวันนี้สดใส ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ คาดรับผลบวกจาก"บัฟเฟตต์"เสนอที่จะรับประกันตราสารหนี้เทศบาลมูลค่า 8 แสนล้านดอลลาร์จากบริษัทประกันหุ้นกู้ชั้นนำที่กำลังประสบปัญหาจากวิกฤติซับไพร์ม ทำให้คาดหวังว่าปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯคงจะคลี่คลายได้บ้าง ส่วนตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ จะผลักดันโครงการต่างๆ ออกมา ทำให้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ขับเคลื่อนต่อไป ดังนั้นช่วงสั้นดัชนีฯมีลุ้นขึ้น 850-860 จุด ส่วนพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่ง เหตุหุ้นบิ๊กแคปหลายตัวราคาขึ้นสูงมากแล้ว จึงอาจถูกขายทำกำไรออกมาได้ พร้อมให้แนวรับ 810 แนวต้าน 840-850 จุด
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(13 ก.พ.) ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 829.41 จุด เพิ่มขึ้น 11.92 จุด เปลี่ยนแปลง +1.46% มูลค่าการซื้อขาย 26,282.53 ล้านบาท โดยบรรยากาศในการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยอยู่ในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน ดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 830.47 จุด และจุดต่ำสุดที่ 820.87 จุด
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 185 หลักทรัพย์ ลดลง 142 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 124 หลักทรัพย์ สำหรับสัดส่วนการลงทุน วันนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3917.82 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 873.06 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 3,098.70 ล้านบาท
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้สดใส ดัชนีฯปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่รับผลบวกหลังจากที่นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ เสนอที่จะรับประกันตราสารหนี้เทศบาลมูลค่า 8 แสนล้านดอลลาร์จากบริษัทประกันหุ้นกู้ชั้นนำที่กำลังประสบปัญหาจากวิกฤติซับไพรม์ ซึ่งก็คาดหวังว่าปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯคงจะคลี่คลายได้บ้าง แม้ว่าจะยังไม่จบ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ที่มีแผนจะผลักดันโครงการต่าง ๆ ออกมา ซึ่งจะทำให้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ขับเคลื่อนต่อไป ดังนั้นในช่วงสั้นดัชนีฯมีโอกาสที่จะขึ้นไปแถว 850-860 จุด
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(14 ก.พ.) คาดว่า ตลาดฯจะมีการแกว่งตัว เนื่องจากหุ้นบิ๊กแคปหลาย ๆ ตัวระดับราคาได้วิ่งขึ้นมาสูงมากแล้ว ทำให้มีโอกาสที่จะถูกขายทำกำไรออกมาได้ พร้อมให้แนวรับที่ 810 จุด แนวต้าน 840-850 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,230.54 ล้านบาท ปิดที่ 330.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท , TTA มูลค่าการซื้อขาย 1,465.66 ล้านบาท ปิดที่ 44.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท , BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,301.04 ล้านบาท ปิดที่ 472.00 บาท เพิ่มขึ้น 16.00 บาท , PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 1,275.59 ล้านบาท ปิดที่ 38.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท , KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,150.26 ล้านบาท ปิดที่ 91.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(13 ก.พ.) ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 829.41 จุด เพิ่มขึ้น 11.92 จุด เปลี่ยนแปลง +1.46% มูลค่าการซื้อขาย 26,282.53 ล้านบาท โดยบรรยากาศในการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยอยู่ในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน ดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 830.47 จุด และจุดต่ำสุดที่ 820.87 จุด
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 185 หลักทรัพย์ ลดลง 142 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 124 หลักทรัพย์ สำหรับสัดส่วนการลงทุน วันนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3917.82 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 873.06 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 3,098.70 ล้านบาท
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้สดใส ดัชนีฯปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่รับผลบวกหลังจากที่นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ เสนอที่จะรับประกันตราสารหนี้เทศบาลมูลค่า 8 แสนล้านดอลลาร์จากบริษัทประกันหุ้นกู้ชั้นนำที่กำลังประสบปัญหาจากวิกฤติซับไพรม์ ซึ่งก็คาดหวังว่าปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯคงจะคลี่คลายได้บ้าง แม้ว่าจะยังไม่จบ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ที่มีแผนจะผลักดันโครงการต่าง ๆ ออกมา ซึ่งจะทำให้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ขับเคลื่อนต่อไป ดังนั้นในช่วงสั้นดัชนีฯมีโอกาสที่จะขึ้นไปแถว 850-860 จุด
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(14 ก.พ.) คาดว่า ตลาดฯจะมีการแกว่งตัว เนื่องจากหุ้นบิ๊กแคปหลาย ๆ ตัวระดับราคาได้วิ่งขึ้นมาสูงมากแล้ว ทำให้มีโอกาสที่จะถูกขายทำกำไรออกมาได้ พร้อมให้แนวรับที่ 810 จุด แนวต้าน 840-850 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,230.54 ล้านบาท ปิดที่ 330.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท , TTA มูลค่าการซื้อขาย 1,465.66 ล้านบาท ปิดที่ 44.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท , BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,301.04 ล้านบาท ปิดที่ 472.00 บาท เพิ่มขึ้น 16.00 บาท , PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 1,275.59 ล้านบาท ปิดที่ 38.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท , KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,150.26 ล้านบาท ปิดที่ 91.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท