ปธ.เฟด ยอมรับ ศก.สหรัฐเข้าสู่จุดอันตราย แนะจับตาตลาดการเงินที่กำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญที่สุด และอาจต้องแลกมาซึ่งความเจ็บปวด ในประวัติศาสตร์ ผจก.กองทุนเอไอจีฯ เชื่ออัศวินม้าขาวมีจริง คาดสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หลายแห่งพ้นวิกฤตได้
วันนี้ (23 ส.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่แจ็คสัน โฮล โดยกล่าวยอมรับว่าพายุทางการเงินในประเทศสหรัฐ ยังไม่บรรเทาลง ความปั่นป่วนในตลาดทำให้เกิดการท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งทางเศรษฐกิจ เท่าที่เขาเคยจำความได้ ทั้งนี้ เฟดกำลังทำงานหลายด้านเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด พร้อมระบุว่าความพยายามของธนาคารกลางในอันที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการลดดอกเบี้ย ต้องยากลำบากขึ้นเพราะเงินเฟ้อพุ่ง แต่เฟดก็ยังคาดว่า แรงกดดันเงินเฟ้อจะบรรเทาลงเมื่อการขยายตัวลดลง
นายเบอร์นันกี เชื่อว่าวิกฤตเงินเฟ้อของสหรัฐ น่าจะคลี่คลายลงได้ ในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า และเตือนผู้บริหารระดับนโยบายให้รีบดำเนินการหากพบว่า ราคาที่ปรับตัวขึ้นนี้ไม่ได้ชะลอตัวลงในระยะกลาง โดยค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ่อนตัวลง น่าจะทำให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงสู่ระดับปานกลาง
ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดมุ่งมั่นในการสร้างเสถียรภาพด้านราคาในระยะกลาง และจะดำเนินการหากเห็นว่าจำเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว สำหรับอัตราดอกเบี้ยนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำเมื่อพิจารณาจากแรงกดดันด้านราคาที่สูงขึ้น โดยวิกฤตการเงินยังไม่สิ้นสุดลง และอาจจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจอ่อนตัวลง รวมทั้งอัตราว่างงานสูงขึ้น
เบอร์นันกี กล่าวอีกว่า การรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบัน ธนาคารต่างๆควรจะพิจารณาถึงวิธีการปรับปรุงกฎระเบียบในการกำกับดูแลเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต
นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังชาวสหรัฐ กล่าวว่า ในคำจำกัดความของเขาแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในภาวะถดถอย และจะอยู่ในสภาพนี้ไปอีกหลายเดือน โดยเขาเชื่อว่า แฟนนี เม และเฟรดดี แมค สองยักษ์ใหญ่ปล่อยกู้ด้านการจดจำนอง มีขนาดใหญ่เกินไปที่จะปล่อยให้ล้มละลายได้
ขณะที่นายจอห์น ลิปสกี้ รองกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงหลัง ดีกว่าที่คาด แต่เศรษฐกิจสหรัฐอาจหดตัวในครึ่งปีหลัง
ด้านนายจอห์น เมสซี ผู้จัดการการลงทุนของเอไอจี ซันอเมริกา แอสเส็ท เมเนจเมนท์ กล่าวว่า นักลงทุนขานรับการแสดงความเห็นเรื่องอัตราดอกเบี้ย และโอกาสที่จะมีอัศวินม้าขาวที่เข้ามาซื้อหุ้นของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หลายแห่งของสหรัฐ ซึ่งกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ร่อแร่
อย่างไรก็ดี การที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีได้ออกมากล่าวแสดงความคิดเห็นว่า เศรษฐกิจจะยังคงถดถอยต่อไปอีกสักระยะหนึ่งภายใต้คำจำกัดความของวอร์เรน และวิกฤตสินเชื่อจะยังคงเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาในภาคธุรกิจการเงินและเศรษฐกิจนั้น สกัดความหวังของนักลงทุนในตลาดที่ว่า แฟนนี เม และเฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้าน
ทั้งนี้ หากแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ไม่ประสบความสำเร็จในการระดมทุนครั้งใหม่ ก็อาจทำให้รัฐบาลสหรัฐเพิ่มทุนด้วยตัวเอง ด้วยนำเงินของผู้เสียภาษีมาซื้อหุ้นทั้งหมดของแฟนนี เม และเฟรดดี แมค และรวบกิจการทั้งหมดมาเป็นของรัฐ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจทำให้หนี้สินของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า