xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.จองกฐินซักฟอกเจ๊เพ็ญยื่นสตง.สอบNBTฮั้วประมูลผลิตข่าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (29 เม.ย.) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานประธานคณะกรรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วน นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง. เพื่อขอให้ตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการทำสัญญาจ้างเอกชน เข้าดำเนินการข่าวของสถานีวิทยุโทรทัศน์กระจายเสียงแห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ หรือ NBT โดยมีนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าฯสตง. ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าสตง.มารับหนังสือแทน
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นของพรรคประชาธิปัตย์พบว่า การทำสัญญาสัมปทานระหว่าง เอ็นบีที กับ บริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้งส์ จำกัด เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2551 เข้าข่ายการกระทำความผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐหรือ พ.ร.บ.ฮั้ว เนื่องจากที่ผ่านมาช่อง 11 เคยมีบริษัทเข้าร่วม ผลิตรายการข่าวกว่า 8-9 บริษัท แต่สัญญาการผลิตรายการข่าวประจำวันครั้งนี้ ปรากฏข้อพิรุธในการดำเนินการจัดหาผู้ผลิต ที่ไม่มีการเปิดกว้าง ให้ผู้ผลิตรายอื่น ได้เข้าร่วมเสนอรายการ โดยพบว่ามีเพียง 2 บริษัทเท่านั้นที่เข้าร่วมเสนอรายการ คือ บริษัท ดิจิตอล มีเดียฯ และ และบริษัท KLPM มีเดีย โปรดัก จำกัด
ทั้งยังพบว่า 2 บริษัทมีความสัมพันธ์กัน เนื่องจากมีสถานที่ตั้งอยู่ที่เดียวกันคือ เลขที่ 731 ถนนอโศกดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพ ต่อมาบริษัท ดิจิตอลฯ ได้รับการคัดเลือก ปรากฏว่าทั้ง 2 บริษัทใช้พนักงานรับโทรศัพท์ พนักงานขายโฆษณา และเบอร์โทรศัพท์สำนักงานเดียวกัน
นายอลงกรณ์ กล่าวว่าในการทำสัญญาดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ เนื่องจากทำให้รับเสียเปรียบเพราะตลอดอายุสัญญา 2 ปี ที่บริษัทดิจิตอลฯ สามารถจัดเก็บรายได้ ในช่วงเวลา 9 โมงครึ่งในอัตรานาทีละ 50,000-120,000 บาท หากคำนวณ เต็มเวลาพบว่าจะได้รายได้ถึงปีละ 1,500 ล้านบาท แต่ตามสัญญาที่ทำไว้กับ เอ็นบีที มีการจ่ายค่าตอบแทนปีละ 45 ล้านบาท ทั้งๆ ที่รัฐควรจะได้ปีละ 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทดังกล่าวสามารถใช้ห้องออกอากาศ เครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับถ่ายทอด และการผลิตข่าวและรายการข่าวโดยไม่ต้องเสียค่าเช่า และค่าเสื่อมราคาแต่อย่างใด ที่สำคัญการทำสัญญาดังกล่าวไม่มีหนังสือรับรองค้ำประกันความเสี่ยง และไม่มีการจัดทำทีโออาร์ ด้วย
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบยังพบว่าการกระทำของ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแล เอ็นบีที ยังเข้าข่ายความผิด ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีสั่งงดออกอากาศราย มุมมอง ของ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.กทม.ทางสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ เอฟเอ็ม 105 เม็กเฮิร์ท รวมถึงการเข้าไปต่อรองวิทยุชุมชนในการออกอากาศ ที่อาจจะเป็นการ แทรกแซง ซึ่งเข้าขายความผิดละเมิดสิทธิของสื่อมวลชนตามรัฐธรรมนูญ จึงต้องการให้ สตง.ได้ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อไป
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันนี้คณะกรรมการได้เชิญนายปราโมทย์ รัฐวินิจ อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับ คณะกรรมการด้วย ขณะที่ นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า สตง.จะรับหนังสือดังกล่าวไว้ตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ของ สตง.ต่อไปในการรักษางบประมาณของแผ่นดิน และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้าน นายบุญยอด สุขถิ่นไท กล่าวว่า หลังจากที่ยื่นเรื่องให้ สตง. ตรวจสอบ นายจักรภพไปแล้ว หลังจากนี้ก็จะได้เชิญ นายจักรภพ ให้เข้ามาชี้แจงในประเด็นต่างๆ ที่ทางคณะกรรมการฯ ตั้งคำถามขึ้น คาดว่าจะเป็นกลางสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตามได้มีบุคคลระดับสูงภายในพรรคได้ให้ความเห็นว่าการทำงาน ของนายจักรภพ เข้าข่ายการทำงานไม่โปร่งใสทั้ง ทีวีเอ็นบีที การให้นโยบายที่ผิดๆ กับวิทยุชุมชน และสมควรที่จะถูกเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นคนแรกในคณะรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ซึ่งตนจะนำเรื่องดังกล่าวหารือ ในที่ประชุมใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง เพื่อหาของสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ส่วนตัวตนมองว่าหากจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีนั้น ก็จะรีบทำก่อนปิดประชุมสภาสมัยสามัญ
นายบุญยอด ยังกล่าวถึงกรณีรัฐบาลและกฤษฎีกาได้ร่วมร่าง และประกาศใช้ พ.ร.บ.ประกอบกิจการ กระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสทช.) พ.ศ.2551 และขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่างพ.ร.บ.องค์การจัดสรรคลื่นความถี่ฉบับใหม่ว่า สังคมอาจจะตั้งคำถามว่า รัฐบาลจะสามารถจัดตั้งองค์กรและคณะกรรมการ กสทช. โดยปราศจากอำนาจรัฐครอบงำได้หรือไม่ และการที่รัฐบาลพยายามทำอยู่ฝ่ายเดียว โดยไม่ให้องค์กรที่เกี่ยวข้อง อาทิ สื่อมวลชน และองค์กรวิชาชีพสื่อ เข้าไปร่วมด้วย อาจจะทำให้ซ้ำรอยอย่างกรณีการตั้ง องค์กรกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ได้ ที่รัฐพยายามตั้งองค์กรดังกล่าวมากว่า 10 ปี ถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถที่จะจัดตั้งได้
“ผมว่าถ้ารัฐงุบงิบทำกันเอง อาจจะทำให้กลายเป็นว่า การสื่อถูกแทรกแซง ได้โดยกรอบ และระเบียบของรัฐ และองค์กรที่กำลังจะมีการจัดตั้ง ก็จะไม่มีอิสระ เพราะถูกรัฐครอบงำ ซึ่งถือว่าอันตรายต่อวงการสื่อสารมวลชนไทยอย่างมาก ผมเห็นด้วยว่า ทางที่ดีรัฐบาลควรที่เปิดให้สาธารณะมีส่วนร่วม ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการต่อต้าน อย่างรุนแรง และล้มไปเหมือนกับกสช.”
นายบุญยอดกล่าวว่า ตนสนับสนุนให้รัฐบาลจัดตั้งองค์กร กสช. ให้สำเร็จ โดยเร็ว แต่จะต้องทำอย่างโปร่งใส อย่าใช้วิธีงุบงิบ เพื่อสร้างเป็นเงื่อนไขให้เป็นปัญหา เหมือ
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี การส่งเรื่องให้ สตง.ตรวจสอบการให้เอกชนเข้าดำเนินการสถานีโทรทัศน์ NBT ไม่โปร่งใสเป็นสิ่งที่ดี จะทำให้ NBT สดใสสะอาดจากฝีมือของฝ่ายค้านถือเป็นการช่วยเหลือเรา ยืนยันว่า NBT ดำเนินการอย่างบริสุทธ์ โปร่งใสทุกขั้นตอน ตนยืนยันได้ในฐานะกำกับดูแล และพร้อมรับการตรวจสอบเต็มที่
ด้าน นายเผชิญ ขำโพธิ์ รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ยืนยันว่าการให้ บริษัท ดิจิตอลฯ เข้าดำเนินงานในสถานีโทรทัศน์ NBT มีการทำสัญญาถูกต้อง โดยบริษัท ได้เสนอรายละเอียดเข้ามาและกรมประชาสัมพันธ์ก็ต้องการคนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการเสนอข่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าใครเป็นผู้เสนอแนะให้ บรษัท ดิจิตอล มีเดียฯ และ บริษัท KLPM เข้ามารับงาน นายเผชิญ กล่าวว่าเป็นการเสนอตามปกติไม่มีใครแนะนำมา ซึ่งคนใน วงการสื่อมวลชนก็รู้จักทั้งหมดทุกช่อง และจะรู้ดีว่าบุคคลใดมีความชำนาญ ศักยภาพ เพื่อมารับหน้าที่เสนอข่าวสาร
ส่วนความรู้สึดที่สถานีโทรทัศน์ NBT ถูกโยงกับการเมือง นายเผชิญ กล่าวว่า ไม่รู้สึกอย่างไร เพราะเราเป็นกลางเป็นข้าราชการ และNBT ก็คือข้าราชการ ดังนั้น ข้าราชการต้องทำตัวเป็นกลางกับการเมืองไม่เอนเอียง ไม่มีความรู้สึก เพราะถือว่า เราทำตามหน้าที่ทุกคนก็มีความสำนึกในการเป็นข้าราชการ สำนึกในความรักชาติ ไม่แพ้กับสถานีอื่นๆ
“ไม่มีใครมาสั่ง เพราะเรื่องข่าวเป็นวิชาชีพไม่มีใครสั่งได้ เพราะเรื่องแบบนี้อะไรที่เป็นของจริงก็ต้อง เสนอตามความเป็นจริง ผมไม่รู้สึกอึดอัดเลย ก็เป็นอย่างนี้มาตลอด เราเป็นข้าราชการก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด”
นายเผชิญ ยืนยันว่าในฐานะเป็นสื่อต้องเสนอข่าวรอบด้านไม่ใช่เฉพาะของรัฐอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็น NBT หรือ อสมท.เป็นเหมือนกันเราเสนอข่าวรอบด้านทั้งของฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น