xs
xsm
sm
md
lg

"ชาติไทย" ขวาง "หมัก" แก้ รธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - "สมัคร" โยนบาปสื่อไปคิดกันเองว่าจะเรียกแกนนำ 5พรรค หารือแก้ รธน. 28 เม.ย. พร้อมจวก ไอเอ็นเอ็นเลวออกข่าวล้มถก 5 พรรค เผยหลัง1 พ.ค.จะนัดกินข้าวหาทิศทางแก้ รธน. ด่าดุสิตโพลล์-เอแบคโพลล์เฮงซวย ด้านชาติไทยแย้มพิมพ์เขียวพปช.มีปัญหา ขู่หากยึกยักไม่ร่วมลงชื่อ พร้อมยื่นร่างแก้ไขของพรรคประกบ ด้านชมรม ส.ส.ร.50 เตรียมหารือเพื่อออกแถลงการณ์ เร่งรัดอัยการ และ กกต.สรุปคดียุบพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีกระแสข่าว นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะนัดหารือหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วานนี้ (28 เม.ย.) หลังจากนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เดินทางกลับจากสาธารณะรัฐประชาชนจีน แต่ปรากฎว่านายสมัคร ได้ออกมาตำหนิการ นำเสนอข่าวของสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นที่ออกข่าวว่า นายกรัฐมนตรี ล้มการหารือดังกล่าว โดยอ้างว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะพบกับ 6 แกนนำพรรคร่วมรัฐบาบ

นายสมัคร กล่าวว่า หลังกลับจากมาเลเซีย ก็ไม่เคยบอกว่าจะพบกับแกนนำรัฐบาลในวันที่ 28 เม.ย. แต่สื่อนำไปอนุมานกันเองว่าหลังจากนายบรรหาร กลับจากจีนคงจะได้พบกัน ทั้งที่ตนไม่เคยพูด แล้ววันนี้ยุ่งทั้งวัน ไม่มีเวลาก็ ไปออกข่าวทำนองว่า ล้มแล้วการหารือ6 แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล

นายสมัคร กล่าวว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของรัฐสภา ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล แต่ในฐานะหัวหน้าพรรคแกนนำรัฐบาลเขาบอกว่าควรจะกินข้าร่วมกัน ตนก็โอเคด้วย โดยเมื่อตนเสร็จธุระเรื่องการต้อนรับนายกรัฐมนตรีพม่าที่จะมาเยือนไทยระหว่างวันที่ 29 เม.ย.-1 พ.ค.นี้ ก็จะนัดหมาย ไม่ใช้เรื่องล้มไม่ล้ม เพราะยังไม่ได้นัดหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังมีความเห็นแตกต่างกันจะทำอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันแล้วจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ส่วนจุดประสงค์ที่จะพบกับ 6 แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ก็เพื่อจะได้คุยกันถึงทิศทางว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร จะเอาตรงไหนอย่างไร เป็นรัฐบาลด้วยกันจะได้ร่วมกันแก้

"ความหมายของผมคือต้องการเอา 316 บวกกับวุฒิสมาชิก จะทำไม่รู้ไม่ชี้ อวดศักดาเดี๋ยวก็แก้ไม่ได้ การเจอกับหัวหน้าพรรคเพื่อจะได้ไปพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลให้เข้าใจกัน แม้กระทั่งผมเองกับทางพรรคผมก็ต้องปล่อยให้เขาดำเนินการเพราะเสียงข้างมาก"

นายสมัคร ยืนยันว่าไม่ห่วงกระแสคัดค้านจนนำไปสู่ความรุนแรง เพราะไม่มีเหตุผลเลยที่จะมีใครมาทักท้วงต่อต้าน อย่างมากก็ต้องรอเลือกตั้งใหม่ สู้กันใหม่ เพราะตนสัญญาตอนเลือกตั้งว่า เลือกตั้งมาจะแก้ จะเป็นจะตายกันขึ้นมา ไม่มีหรอก ธรรมดารอ 4 ปี รอไปก่อน แล้วค่อยสู้กันอีกที

"ถ้าจะแก้ได้ก็ต้องมี 316 เสียง ก็ต้องพูดกับ 6 พรรค ถ้าแก้ได้เราจะแก้ ถ้าแก้ไม่ได้ต้องมาคุยกันใน 6 พรรคร่วมรัฐบาลก่อน อะไรกันจะมาต่อต้านจะเป็นจะตายจะเอาให้บ้านเมืองพังเพราะแก้รัฐธรรมนูญ แล้วทำไมพวกที่ฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วบ้านเมืองไม่พัง รัฐธรรมนูญดีๆ แล้วพวกที่บอกว่าต้องการ ส.ส.ร. แล้วที่ ส.ส.ร.1เขาชมว่าดีนักหนาแล้วทำไมต้องเปลี่ยน ไอ้คนมาฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งไม่มีใครเดือดร้อน บ้านเมืองไม่พัง อยู่กันเรียบร้อย แต่พอมีคนจะแก้บ้านเมืองจะพัง เอาส่วนไหนของร่างกายคิดดูก็ได้ว่าเป็นอย่างไง"

ซัด"สำนักงานไอเอ็นเอ็น"มันเลว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงจะให้รัฐสภาแก้หรือรัฐบาลเป็นคนแก้ นายสมัคร กล่าวว่า พิมพ์เขียวออกมาเป็นของรัฐบาล คือรัฐบาลเป็นคนคิด สภาเป็นผู้ลงคะแนน เมื่อถามว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้นายกรัฐมนตรี หัวเสียหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่เสียหรอก อย่างนี้แปลว่าหัวเสียหรือเปล่า

"ผมหัวเสียเพราะสำนักข่าวไม่เข้าท่านั่นแหละ อะไรกัน ออกข่าวบ้าบอคอแตก ผมไม่พูดด้วยมาตั้งนมนานกาเลแล้ว วันนี้โผล่มาพูดไป 2 คำ โอ๊ย ออกข่าวเลย สำนักข่าวนี้มันแย่จริงๆ ไอ้ไอเอ็นเอ็นเนี่ย แย่จริงๆ เลวจริงๆ ฟังข่าว 2 คำไปทำข่าวแล้ว ต่อไปนี้จะไม่พูดด้วย ไม่พูดด้วยมาเป็นเดือนแล้ว ตั้งแต่รายงานข่าวว่า ไปล้อมบ้านผม เรื่องบ้านพระ พระมาทำพิธี ผมไม่พูดด้วยมาตลอด แต่เมื่อเช้าเปลี่ยนเสียงมาใหม่ ไม่ใช่คนที่เคยโทร. ผมก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอก เขายังไม่เจอกัน พูดแค่นี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ต่อไปนี้ไม่แล้ว"

โวไปไหนมีแต่คนต้อนรับไม่มีต่อต้าน

ส่วนเวลาที่เหมาะสมในการนัดหารือกับแกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายสมัคร กล่าวว่า เวลาที่ทุกคนพร้อม ตนจะโทรศัพท์บอกนักข่าวเอง ที่ผ่านมาไปคิดกันเองทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกหรือไม่ว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมามีแรงต้านต่อตัวนายกรรัฐมนตรี และรัฐบาล นายสมัคร ย้อนถามว่า ใครบ้างคุณเหรอ สังคมคืออะไร รูปร่างเป็นอย่างไร หลายฝ่ายเป็นยังไง ตนไปที่ไหนเขาก็ต้อนรับกันดีทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครต่อต้านอะไร หรือผู้สื่อข่าวต้านหรือ ถ้าต้านจะมาขอพบทำไม

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกมแก้รัฐธรรมนูญจะทำให้รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง หรือไม่ นายสมัครกล่าวว่ามันเป็นเกมอะไร ไม่เห็นมันมีอะไรยังไงเลย เพลี่ยงพล้ำยังไง ตนกลับบ้านนอนหลับสบาย ไม่เห็นจะมีอะไรนักหนา

ด่าดุสิตโพลล์-เอแบคโพลล์เฮงซวย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลสำรวจทั้งของเอแบคโพลล์ และสวนดุสิตโพลล์ ก็เป็นห่วงเ รื่องแก้รัฐธรรมนูญ นายสมัครกล่าวว่า "นั่นมันโพลล์เฮงซวย ไอ้โพล์เอแบค โพลล์สวนดุสิต ผมไม่ทราบ แต่เอแบคบอกได้เลย อธิการบดีเป็นเพื่อนของผม แต่ว่า โพลล์เฮงซวยไม่เข้าท่า พูดจาอะไรไม่รู้ อ่านเท่าไรก็ไม่รู้เรื่อง ถามอะไรก็ไม่รู้ เขาบอกว่าตัวแบบที่ถาม คำถามถามยังไงก็ไม่รู้ ถึงออกมาเป็นแบบนั้น หลายสำนักโพลล์มันแย่"

ส่วนจะรับมืออย่างไรกับปัญหาภายนอกที่รุมเร้ารัฐบาลนั้น นายสมัคร ย้อนถามว่า มันรุ่มเร้าตรงไหน ไหนบอกสิ ถ้าอย่างนี้รุมเร้าแน่ นักข่าวรุมเร้าสมัคร แล้วเป็นอันตรายกับตนมั้ยก็เห็นธรรมดา ส่วนปัจจัยภายนอกที่ไม่ใช่นักข่าว ปัจจัยอะไร ไหนลองบอกสิ ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่าปัจจัยเรื่องการเคลื่อนไหวต่อต้านแก้รัฐธรรมนูญ นายสมัครกล่าวว่า เรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของตน นี่เขาลงคะแนนกันข้างถนนเหรอ เขาลงกันในสภา รู้จักสภาผู้แทนฯ มั้ย เลขที่1 ถ.อู่ทอง เขาลงคะแนนที่นั่น นับคะแนนกันตรงนั้น

"บรรหาร"แถลงจุดยื่นแก้ รธน.วันนี้

วันเดียวกันมีการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) นายชัย ชิดชอบ ประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า การหารือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่ได้ข้อยุติ ต้องรอให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหารือกันก่อน ส่วนท่าทีของพรรคเพื่อแผ่นดินที่แสดงความกังวลต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นขอยืนยันว่าไม่มีอะไร เรายังเข้าใจกันดี

ด้านพรรคชาติไทย มีการหารือของฝ่ายกฎหมายพรรคชาติไทยเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มี นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยและรองหัวหน้าพรรค นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย นายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี พรรคชาติไทย ในฐานะวิปประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รองเลขาธิการพรรคและนายเกษม สรศักดิ์เกษม ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคชาติไทย โดยมีนายบรรหาร เป็นประธานในที่ประชุม โดยภายหลังการประชุมเกือบ 2 ชั่วโมง

นายเอกพจน์ เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรค วันนี้ (29 เม.ย.) นายบรรหาร จะแถลงท่าทีของพรรคชาติไทยที่มีต่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชนว่าเห็นด้วยในส่วนไหนบ้าง

แย้มพิมพ์เขียวแก้ รธน.มีปัญหา

นายเอกพจน์ ยอมรับว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญค่อนข้างมีปัญหาหลายประเด็นที่พรรคชาติไทยเป็นห่วง ตั้งแต่มาตรา 3 ถึง มาตรา 12 ที่จะยกรัฐธรรมนูญปี 2540 ขึ้นมา ในฐานะที่ตนเป็นวิปรัฐบาลเห็นว่า ในเรื่องของการ อภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเกิดปัญหาซ้ำรอยเดิมได้ โดยเฉพาะประเด็นที่ไม่สามารถยื่นอภิปรายนายกฯได้ รวมถึงเรื่องคุณวุฒิของผู้สมัครส.ส.ที่กำหนดให้ต้องจบปริญญาตรีเท่านั้น ตนเห็นว่าไม่ควรกำหนดเช่นนี้

"ปัญหาก็คือมาตรา 3 ถึงมาตรา 12 รัฐธรรมนูญฉบับพรรคพลังประชาชนไม่ได้กำหนดให้สามารถยื่นแปรญัตติได้ ทั้งที่ความจริงควรทำได้เพราะพรรคชาติไทยเห็นว่ามีเรื่องที่ต้องแก้ไขอยู่ ซึ่งพรรคชาติไทยจะเสนอขอให้มีการแปรญัตติมาตรา 3 -12 ได้ด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าพรรคพลังประชาชนจะฟังหรือไม่ แต่เมื่อพรรคพลังประชาชนพูดว่าให้สิทธิ์พรรคร่วมในการแสดงความเห็น พรรคชาติไทยก็จำเป็นต้องเสนอเรื่องนี้เป็นจุดยืนต่อไป"

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคพลังประชาชนไม่รับฟังข้อเสนอแนะดังกล่าวนี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่ส.ส.พรรคชาติไทยจะไม่ร่วมลงชื่อสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว นายเอกพจน์กล่าวว่า กำลังดูท่าทีอยู่ว่าพรรคพลังประชาชนจะเห็นอย่างไร ถ้าไม่สนใจก็อาจใช้แนวทางนี้

ลั่น ชท.ไม่ยอมตามร่างแก้ไขของ พปช.

นายเอกพจน์ กล่าวด้วยว่ามีความเป็นไปได้ที่พรรคชาติไทยจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประกบไปด้วย ส่วนปัญหาในบทเฉพาะกาล เราเห็นว่าสามารถ แปรญัตติได้อยู่แล้วแต่ก็ต้องพูดคุยกันในหลายจุด โดยเฉพาะในประเด็นของอัยการสูงสุด และการลดวาระการทำงานของค ป.ป.ช. และ กกต.

"เราต้องพูดคุยกัน เพราะในบทเฉพาะกาลเกี่ยวโยงกับ 5 ข้อเสนอของ พรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดินที่เป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะการแก้ไของค์กรอิสระ โดยต้องพูดคุยกันในระดับหัวหน้าพรรค แต่พรรคชาติไทยคงไม่ยอมแน่ที่จะให้เป็นไปตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชนที่เขียนไว้ แต่จะแก้ในประเด็นใดบ้างต้องรอการประชุมกรรมการบริหารพรรคชาติไทยในวันนี้ (29 เม.ย.) และให้นายบรรหาร เป็นผู้แถลงจุดยืน"

"สุวิทย์"โยนที่ประชุม พผ.ตัดสินใจ

นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่ายังไม่ได้ดูพิมพ์เขียวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชน ส่วนที่มองกันว่าพรรคเพื่อแผ่นดินยังไม่มีท่าทีชัดเจนเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า ที่เคยแถลงไปแล้ว ก็ชัดเจนตามนั้น ส่วนเรื่องรายละเอียดคงต้องไปดูกัน เพราะถ้าจะพูดเรื่องรายละเอียดคงจะเยอะมาก ซึ่งมีคณะทำงานของพรรคดำเนินการอยู่ ขณะนี้เราแบ่งงานกันทำ แต่สุดท้ายการจะตัดสินใจ ต้องนำเข้าที่ประชุมพรรค เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องมีการพิจารณาร่วมกันของคณะกรรมการบริหาร และ ส.ส.ของพรรค ส่วนการนัดพบเพื่อพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรค ตามคำเชิญของนายสมัครจะมีขึ้นเมื่อไหร่นั้น ก็ยังไม่ทราบ ขณะนี้รอการนัดหมายอยู่

"พรรคเพื่อแผ่นดินไม่ได้กั๊ก เราชัดเจนทุกอย่าง ไม่มีปัญหาอะไร แต่วันนี้คงเอาเรื่องเศรษฐกิจก่อน ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญวันนี้ก็ให้คณะทำงานทำกันอยู่"

ส.ส.ร.50 จี้ ส.ส.มีอิสระตัดสินใจ

นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 2550 เปิดเผยว่า ชมรม ส.ส.ร. 50 จะหารือกันในวันนี้ (29 เม.ย.) เพื่อขอมติสมาชิกชมรมฯ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ ส.ส.ต้องมีอิสระในการตัดสินใจไม่อยู่ใต้อาณัติ และการควบคุมของใคร เพื่อประโยชน์ส่วนรวมและปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 122 บัญญัติ เพราะเรื่องการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีความชัดเจนว่า เป็นการแก้เพื่อตัวเอง และจะทำลายระบบกฎหมายของประเทศ จึงจะขอให้ ส.ส.ทุกคนโดยเฉพาะ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เลือกดำเนินการในสิ่งที่ถูกต้อง

นอกจากนี้ จะขอมติสมาชิกชมรมเพื่อเร่งรัดให้กกต.และอัยการสูงสุด สรุปสำนวนคดียุบพรรคให้ชัดเจน และรวดเร็ว เพราะหากยังล่าช้า และยังไม่มีความชัดเจนแบบนี้ คนในสังคมจะยิ่งทะเลาะไปกันใหญ่ หากทำสำนวนชัดเจน คนในสังคมจะได้ไม่ต้องมานั่งเถียงกัน

ส่วนบทบาทของ ส.ส.ฝ่ายค้าน ต้องออกมายืนยันมากกว่านี้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายรัฐบาลมีความไม่ชอบธรรม ต้องสร้างมาตรการกดดัน และเชื่อมต่อกับภาคประชาชน และหากส.ส.ฝ่ายรัฐบาลยื่นญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ต้องยื่นถอดถอน เพราะถือเป็นการทำผิดชัดตามมาตรา 122 และต้องสร้างความชัดเจนในความอิสระให้เป็นตัวอย่างแก่ส.ส.พรรคอื่น เพื่อให้เกิดสำนึก

ทั้งนี้บทบาทฝ่ายภาคประชาชน หากส.ส.พลังประชาชนยื่นญัตติ อาจจะใช้ช่อง ทางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 245 ที่ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่ากระบวนการพิจารณากฎหมายมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยเชื่อมโยงกับมาตรา 68 ว่าด้วยสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญและมาตรา 122 แต่หากสุดท้ายใช้ ช่องทางนี้ไม่เป็นผล ก็อาจค่อยใช้ช่องทางการยื่นโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ

"ตอนนี้ผมว่าฝ่ายรัฐบาลมีแผนซับซ้อน ตอนนี้มีการยั่วยุให้มีการเผชิญหน้า ให้บ้านเมืองวุ่นวาย ถึงตอนนั้นเขาอาจจะให้ฝ่ายใดออกมาทำการให้เลิกใช้รัฐธรรมนูญ 2550 วูบเดียวเลยหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วก็โทษคนอื่นว่า เป็นฝ่ายที่ทำให้บ้านเมือง ไปไม่ได้จึงต้องทำแบบนี้ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนทำให้เรื่องไปถึงทางนั้นเอง ซึ่งก็น่าห่วง จึงขอเรียกร้องความเป็นอิสระของ ส.ส."
กำลังโหลดความคิดเห็น