“สุริยะใส” ย้ำหาก พรุ่งนี้ (28 เม.ย.) พรรคร่วม รบ.มีมติแก้ไข รธน.พันธมิตรฯ จะกำหนดการเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ทันที พร้อมเตือนชุมนุมครั้งต่อไป ตร.รับมือกลุ่มคนรัก “ทักษิณ” ไม่ไหว “พันธมิตรฯ” จะใช้สิทธิป้องกันมวลชนเอง ย้ำหากเกิดอะไรขึ้น มท.1 จะต้องรับผิดชอบ เชื่อ รบ.ไฟเขียวม็อบถ่อยก่อเหตุรุนแรง จวก “หมัก” ใช้สื่อจ้องทำลายความชอบธรรมกลุ่มพันธมิตรฯ
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่สำนักงานคณุกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการ ครป.และผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงกรณีความคืบหน้าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า พันธมิตรฯยังย้ำจุดยืนเดิม คือ จะคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตนเอง ของรัฐบาล เพราะจากที่เราดูพิมพ์เขียวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชนแล้วพบเจตนาชัดเจนว่าเป็นการล้มล้างกลไกถ่วงดุลตรวจสอบและกระบวนควบคุมกำกับการใช้อำนาจรัฐ หวังตัดตอนคดียุบพรรค และคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
พฤติกรรมของพรรคพลังประชาชนครั้งนี้ เข้าข่ายมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 ที่ระบุว่า ห้าม ส.ส.ปฏิบัติหน้าที่โดยมีผลประโยชน์ขัดกันและเป็นผู้มีส่วนได้เสีย “พันธมิตรฯ จะไม่ยอมให้พรรคการเมืองที่กำลังตกเป็นจำเลยในคดียุบพรรค และ ส.ส.ที่ต้องคดีและกำลังถูกดำเนินตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 โดยเรายังยืนยันจะดำเนินการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอน ส.ส.ที่ร่วมลงญัตติและเคลื่อนไหวคัดค้านด้วยแนวทางสันติ วิธี อหิงสาทุกรูปแบบ” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า พันธมิตรฯ เห็นว่า ทางออกของวิกฤตรัฐธรรมนูญในขณะนี้มีอยู่ 2 ทาง คือ ทางแรก รัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียก่อน เพื่อให้มีกระบวนการประชามติว่าประชาชนเห็นด้วยกับการแก้ไขหรือไม่ หากเห็นด้วยก็ค่อยมาออกแบบให้มี ส.ส.ร.3 และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญทุกขั้นตอน และทางที่สอง พรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรค ที่เคยวางเงื่อนไขในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่าจะไม่มีการแทรกแซง คตส.นั้น วันนี้ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับพรรคพลังประชาชนก็พบชัดเจนว่าต้องการตัดตอน คตส.และแทรกแซง ป.ป.ช.กกต.อย่างชัดเจน และอาจส่งผลให้กระบวนการยุติธรรมในการพิสูจน์ความผิด พ.ต.ท.ทักษิณ อาจไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ หรือไม่มีความเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง
“วันนี้คนทั้งประเทศยังหวังว่า พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรค จะช่วยถอดชนวนวิกฤตประเทศรอบใหม่ได้ โดยเฉพาะ นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่เคยแสดงความกล้าหาญเสนอให้มี ส.ส.ร.ชุดที่หนึ่ง จนเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญ 2540 ก็เคยทำมาแล้ว ถึงคราวที่ นายบรรหาร จะต้องแสดงความกล้าหาญอีกครั้งหนึ่ง” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงกรณีที่มีม็อบคนรักทักษิณ ป่วนการชุมนุมของพันธมิตรฯ โดยทำร้ายผู้สื่อข่าวช่อง 7 จนได้รับบาดเจ็บจากม็อบป่วน เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นประจักษ์พยานชัดเจนว่ากลุ่มบุคคลที่ถูกจัดตั้งมามีเจตนาสร้างสถานการณ์ให้เกิดการเผชิญหน้าอย่างชัดเจน แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามป้องกันทุกวิถีทางอย่างเต็มความสามารถแล้วก็ตาม กลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นคนในขบวนการเดียวกับกลุ่ม นปก.เครือข่ายคนรักทักษิณ โดยครั้งนี้ใช้วิธีไม่ระบุแกนนำสร้างเรื่องให้สังคมเข้าใจว่าเป็นคนทั่วไปหรือไม่เกี่ยวกับกลุ่ม นปก.และเครือข่ายรักทักษิณ ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวคนในพรรคพลังประชาชนรู้ดี เจ้าหน้าที่ก็มีข้อมูล คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะดำเดินการหาคนผิดมาลงโทษ
“แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคนในพรรคพลังประชาชน จะปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับกลุ่มคนดังกล่าวและออกมาวิงวอนให้กลุ่มดังกล่าวยุติการอ้างชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงคงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนกลุ่มดังกล่าวเป็นผลผลิตจากการเคลื่อนไหวของ นปก.ท่วงทำนองของ ส.ส.พรรคพลังประชาชน หลายคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายกรัฐมนตรี ก็มีลักษณะชวนหาเรื่อง ซึ่งเป็นการชี้ชวนให้มวลชนฮึกเหิม ก้าวร้าวแสดงความถ่อยเถื่อนโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายจนเป็นที่อับอายและประจานตัวเองไปทั่วโลก ถ้ารัฐบาลไม่ส่งสัญญาณดังกล่าว คนเหล่านี้จุกล้าแสดงออกอย่างป่าเถื่อนได้หรือไม่ ที่เขาฮึกเหิมเพราะอำนาจรัฐอยู่ฝ่ายเขา ผมหวังว่าเลือดของผู้สื่อข่าวช่อง 7 จะทำให้รัฐบาลตาสว่างเสียที และหวังว่าจะไม่ให้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว”
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ส่วนการรับมือกับกลุ่มก่อกวนดังกล่าวในการเคลื่อนไหวต่อไปของพันธมิตรฯ นั้น เรายังต้องขอความร่วมมือและให้เจ้าหน้าที่เป็นคนจัดการตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ต้องสรุปบทเรียนจากปัญหาในครั้งนี้ที่เจ้าหน้าที่ปล่อยเกินไป ทั้งที่กลุ่มก่อกวนมีเจตนาหาเรื่องและพยายามขว้างปาสิ่งของ หรือใช้หนังสติ๊กยิงเข้าใส่พันธมิตรฯ ตั้งช่วงก่อนค่ำแล้วแต่ไม่มีการจับกุม หรือแม้แต่ช่วงมวลชนเผชิญหน้าเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ให้หน่วยปราบจลาจลเข้ามาควบคุมสถานการณ์
“พันธมิตรฯ ยืนยัน หากมีการก่อกวนหรือรุกล้ำสิทธิของพันธมิตรฯ จนตำรวจรับมือไม่ไหว เราจะต้องใช้สิทธิปกป้องมวลชนของกลุ่มพันธมิตรฯเอง และที่พูดไปนี้ไม่ได้กลัว เพราะเห็นว่าสิทธิป้องกันตัวเองเป็นสิทธิตามกฎหมาย และถ้ามีอะไรเกิดขึ้นครั้งต่อไป มท.1 จะต้องรับผิดชอบ” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาฯ ครป.และผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อให้เกิดการรัฐประหารนั้น ไม่เป็นความจริง และคิดว่า นายกฯพยายามจะทำลายความชอบธรรมของพันธมิตรฯ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา พันธมิตรฯ ไม่เคยเรียกร้องให้มีการรัฐประหาร ในทางตรงกันข้าม เรายังทำหน้าที่ตักเตือนท้วงติงรัฐบาลตลอดเวลา เพื่อไม่ให้มีพฤติกรรม หรือสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหารซ้ำรอยเหตุการณ์ 19 กันยายน 49
ซึ่งการยุบสภาหนีการตรวจสอบของ พ.ต.ท.ทักษิณ และการอ้างเสียงข้างมากโดยไม่สนใจความชอบธรรมของพรรคไทยรักไทยเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้มี คมช.เกิดขึ้น นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่มีการพูดถึงขบวนการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ในเวที พันธมิตรฯ ที่ถ่ายทอดทาง ASTV นั้น พันธมิตรฯ ต้องการชี้เบาะแสให้รัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ที่ไม่มีใครกังขาในเรื่องความจงรักภักดี ได้ช่วยเข้าไปตรวจสอบว่าขบวนดังกล่าวมีอยู่จริงหรือไม่ เพราะสังคมเป็นห่วงและไม่สบายใจ แต่รัฐบาลกลับเพิกเฉยปล่อยปละละเลย ซ้ำร้ายการตีแผ่ข่าวเกี่ยวกับสถาบันในต่างประเทศผ่านช่อง NBT นั้น มีสื่อหลายฉบับหลายแขนงตั้งข้อสังเกต แม้แต่ใน ส.ว.ก็มีการพูดถึงเรื่องนี้กันมาก หรือในสังคมวงกว้างก็ไม่สบายใจเช่นกัน
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ขณะนี้ พันธมิตรฯจะรอการประชุมร่วมพรรครัฐบาล เพื่อหาทางออกแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะออกมาอย่างไร หากมีมติแก้รัฐธรรมนูญ พันธมิตรฯก็จะหารือกันอีกครั้ง และกำหนดการชุมนุมใหญ่ทันที