“ปชป.” ให้กำลังใจชาติไทย สู้คดียุบพรรคพร้อมเรียกร้องให้เข้าใจสัจธรรมชีวิต พร้อมอ้าแขนรับร่วมงานการเมืองในอนาคตแม้จะเคยถูกบรรหารทิ้งโดดร่วมเข้าร่วมรัฐบาลพลังแม้ว
วันนี้ (14 เม.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นกรณีนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พูดถึงคดียุบพรรคว่า มิตรบางคนพูดปลอบใจ แต่ไร้ความจริงใจว่า จริงๆ แล้วสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นใจต่อพรรคชาติไทยด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะพรรคชาติไทยกับพรรคประชาธิปัตย์เคียงคู่ทางการเมืองมา อย่างน้อย 30 ปีแล้ว แม้จะอยู่ต่างขั้วกันบ้างในบางสถานการณ์ แต่ถือว่าเป็นนักการเมืองด้วยกัน
นายเทพไท กล่าวว่า ต้องการให้หัวหน้าพรรคชาติไทยเข้าใจสัจธรรมของชีวิต เพราะเมื่อทำผิดกฎหมายก็ต้องรับโทษ ไม่มีใครหลีกหนีไปได้ พรรคประชาธิปัตย์จะช่วยอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้พรรคชาติไทยหลุดพ้นจากความผิดได้ เพราะความผิดทั้งหมดและข้อเท็จจริงจะอยู่ที่ตุลาการรัฐธรรมนูญเท่านั้น
“ประชาธิปัตย์มีความจริงใจต่อชาติไทยเสมอ เห็นได้จากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงมิตรไมตรีต่อพรรคชาติไทยมาโดยตลอด หากยังจำกันได้ วันก่อนการเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศต่อสาธารณชนทั่วประเทศว่า ถ้าได้เสียงข้างมาก เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็จะเชิญพรรคชาติไทยเข้าร่วมเป็นพรรคแรก และจะร่วมกับพรรคชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลตามที่ได้สัญญากันไว้ แต่สุดท้ายนายบรรหารก็อ้างว่า ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ จำเป็นต้องทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ไป เราไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจ และต่อว่าพรรคชาติไทยแม้แต่คำเดียว เพราะเข้าใจถึงธรรมชาติของชาติไทยดี” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวว่า การที่นายบรรหารมาพูดประชดประชันว่า พรรคชาติไทยเป็นเสมือนลูกแกะ ที่จะคอยถูกขย้ำ จึงต้องการถามว่า ทำไมก่อนที่จะตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล นายบรรหารไม่คิดถึงประเด็นนี้ ส่วนในอนาคตพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคชาติไทย จะทำงานร่วมกันได้หรือไม่นั้น ก็ยังสามารถที่จะทำงานร่วมกันได้ เพราะการเมืองเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน
“ขนาดนายบรรหารถูกนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ต่อว่า ดูถูกเหยียดหยามถึงสถานะทางเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชาติตระกูล และนายบรรหารก็เคยฟ้องร้องจนนายสมัครเคยติดคุกมาแล้ว ก็ยังกลับมาร่วมงานกันได้ เพราะฉะนั้นสำหรับพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคชาติไทย ไม่ได้มีอะไรบาดหมางกัน อาจจะมีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบ้าง ก็เป็นธรรมดาทางการเมือง” นายเทพไท กล่าว
