xs
xsm
sm
md
lg

แก้หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญก็ตาม!

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

เมื่อแรกที่เข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหุ่น ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงคงจะจำกันได้ว่า นายสมัคร สุนทรเวช ประกาศเอาไว้อย่างชัดเจนว่า จะบริหารประเทศให้ครบวาระ และ 3 เดือนสุดท้ายก่อนจะพ้นจากตำแหน่ง จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นั่นก็คือ นายสมัคร สุนทรเวช มีความตั้งใจเอาไว้ว่า งานแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นงานสุดท้ายในรัฐบาลของเขา ทางหนึ่งก็เพื่อคงสถานะนายกรัฐมนตรีหุ่นเอาไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะมังกรการเมืองอย่างเขารู้ดีว่า เมื่อใดก็ตามที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเมื่อใดก็ตามที่มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ 111 นักการเมืองของพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง เมื่อนั้นความเป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นของเขาก็จะสิ้นสุดลง

กลายเป็นคนตกงานทันที

นายสมัคร สุนทรเวช เองย่อมตระหนักแก่ใจดีว่า เกียรติยศศักดิ์ศรีของความเป็นนายกรัฐมนตรีของเขานั้น ไม่หลงเหลือให้ตัวของเขาตลอดจนครอบครัว ญาติวงศ์พงษ์ตระกูลได้ภาคภูมิ เพราะเป็นเพียงหุ่น แต่ก็อยากจะรักษาตำแหน่งนี้เอาไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงจำเป็นที่จะต้องพลิกลิ้นทันทีที่พรรคพลังประชาชนถือเอาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นวาระเร่งด่วน ก่อนการแก้ไขปัญหาสำคัญๆ ของประชาชน เป็นต้น ปัญหาปากท้อง ข้าวยากหมากแพง โจร ขโมย อาชญากรรม ฯลฯ ที่ประเทศชาติและประชาชนกำลังเผชิญอยู่

เพราะผู้ที่อยู่เหนือพรรคพลังประชาชน นายใหญ่ของพรรคพลังประชาชนมีความเดือดร้อน จำเป็นเร่งด่วนมากกว่า นั่นก็คือ นอกจากเขาจะถูกตัดสิทธิทางการเมืองแล้ว ยังมีคดีความอยู่ที่ศาลฎีกาอยู่หลายคดี ซ้ำ คตส.ก็ยังตรวจสอบไม่เสร็จอีกหลายคดี แต่ละคดีแม้สำนักงานอัยการสูงสุดจะสั่งไม่ฟ้อง แต่ คตส.ก็จะนำไปฟ้องเอง

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวเท่านั้นที่ต้องขึ้นศาลพิสูจน์ความผิด ความถูกหลังพ้นตำแหน่ง

นายกรัฐมนตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บ่อนทำลายเศรษฐกิจอย่าง สฤษดิ์ ถนอม ก็ไม่ต้องขึ้นศาลสถิตยุติธรรมให้อับอายขายหน้า

คดีความที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องขึ้นศาลเป็นคดีทุจริต เป็นเรื่องอัปยศอดสูไม่แต่พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น ครอบครัวของเขา คนใกล้ชิดของเขายังจะต้องถูกลากถูกดึงไปสู่ความอัปยศนั้นด้วย

จอมพล ป.พิบูลสงคราม ต้องขึ้นศาลเหมือนกัน แต่เป็นคดีการเมือง นั่นคือการนำประเทศไทยสู่สงครามด้วยการร่วมรบกับฝ่ายอักษะ ไม่นับเป็นเรื่องอัปยศอดสูเหมือนเรื่องการทุจริตที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้

นี่คือที่มาของความดึงดันที่จะต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนี้

เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี หุ่นจำเป็นต้องคล้อยตามเสียงส่วนใหญ่ที่สนับสนุนเขาอยู่เวลานี้ แรกทีเดียวเขาก็บอกว่า มาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นที่จะต้องแก้ไขให้คนเขาหัวเราะเยาะ เพราะมีผลสมบูรณ์ไปแล้ว

แต่สำหรับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาตรา 309 ในความเห็นของเขา (ซึ่งนักกฎหมายคนอื่นๆ เห็นว่า มีผลสมบูรณ์เรียบร้อยไปแล้ว) เป็นเรื่องความเป็นความตาย เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของเขาทีเดียว สิ่งที่เขามุ่งมาดปรารถนาที่สุดคือ ทำให้องค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของเขาสิ้นสุดลง ขาดความชอบธรรม และทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้เลิกคดีความที่กำลังดำเนินการอยู่ทั้งที่ส่งฟ้องและศาลรับฟ้องไปแล้ว และกำลังจะมีการส่งฟ้องอีก

ความเป็นความตายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวตรงนี้สำคัญกว่าการยุบพรรคพลังประชาชน ยุบพรรคชาติไทย และยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยเสียอีก

แต่การที่พรรคการเมืองทั้ง 3 จะต้องถูกยุบก็สำคัญสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณเช่นเดียวกัน เพราะถ้าหากไม่มีพรรคการเมืองเหล่านี้เป็นหุ่นเชิดดำเนินการใดๆ เขาและครอบครัวก็ย่อมจะหมดโอกาส

การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 มาตรานี้ จึงเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน

แต่เมื่อจะลงมือแก้ไขกันจริงๆ ประชาชนก็รู้ทัน จึงจำเป็นที่จะต้องเฉไฉไปว่า จะนำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับมาพิจารณาแก้ไข

และด้วยเสียงที่ค่อนข้างมากในสภาฯ พวกเขาจึงฮึกห้ามเหิมหาญออกมาบอกว่า ไม่แก้ตอนนี้ก็เสียชาติเกิดบ้าง เสียงส่วนใหญ่เป็นของเขา เมื่อเสียงส่วนใหญ่ให้แก้รัฐธรรมนูญพวกเขาก็ต้องแก้ เพราะนี่เป็นไปตามวิถีของรัฐธรรมนูญ

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี หุ่นยอมรับชะตากรรมแล้วด้วยการบอกว่า แก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จก็จะยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ ซึ่งถึงตอนนั้นเขาก็จะไม่ลงเลือกตั้งแล้ว ซึ่งก็ใช่ เพราะถ้าหากแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว มีหรือที่เขาจะสนับสนุนให้นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป แม้จะเป็นเพียงหุ่นก็ตาม

และเมื่อมีการยุบสภาฯ และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่จะมีใครบ้างมาเชิญชวนให้ไปเป็นหัวหน้าพรรค หุ่นอีกครั้ง

ถ้าหากนายสมัคร สุนทรเวช จะสำรวจขุมกำลังของตัวในขณะนี้ก็จะพบว่า ไม่มีใครเลยที่หอบหิ้วกันมาจาก กทม.ก็พึ่งพาอาศัยไม่ได้ แม้กระทั่งถูกเด็กๆ ในพรรคพลังประชาชนสั่งสอน นายสมัคร สุนทรเวช ก็ได้แต่หวานอมขมกลืน

ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมีนายกรัฐมนตรีเป็นต้นมา เรามีทรราชย์ มีผู้บ่อนทำลายเศรษฐกิจ และมีอีกหลายๆ ฉายาที่เรียกขานกัน แต่ดูเหมือนว่า นายสมัคร สุนทรเวช จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไร้ราคาที่สุดนับตั้งแต่ที่เรามีนายกรัฐมนตรีมา

ประโยคหนึ่งที่นายสมัคร สุนทรเวช มักจะถามนักข่าวว่า ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้มีใครตายหรือเปล่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญหนนี้นายสมัคร ไม่กล้าถามเลยว่า ถ้าหากไม่แก้มีใครตายหรือเปล่า เพราะนายสมัครรู้ดีว่า หากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญหนนี้บุคคลผู้มีบุญคุณต่อเขายิ่งกว่าบิดาบังเกิดเกล้า เพราะช่วยให้เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตายแน่ๆ ตายแหงๆ

นายสมัครจึงไม่เปิดปากถาม

แต่ก็นั่นแหละ ลงมือแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ตัวเองเมื่อไร คิดหรือว่าพวกมันจะรอด

ประชาชนไม่ปล่อยไว้หรอก

กำลังโหลดความคิดเห็น