เรื่อง “พร้อมต่อต้านอาชญากรประชาธิปไตยเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญฟอกความผิดให้ตัวเอง”
ตามที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้จัดการสัมมนารายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ในวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2551 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตามแถลงการณ์ฉบับที่ 3/2551 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2551 ดังที่ทราบแล้วนั้น
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนเกือบ 2 หมื่นคนที่ได้มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้จำนวนมากจนล้นหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งแรงใจจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศและทั่วโลกกว่า 10 ล้านคนที่ได้เข้าร่วมสัมมนาผ่านการรับชมทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีอย่างกว้างขวาง ตลอดจนขอขอบพระคุณในความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพี่น้องสื่อสารมวลชนหลายแขนงที่มีการนำเสนอข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ดังกล่าวสู่ประชาชน
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอแสดงความคารวะต่อจิตใจที่ยิ่งใหญ่ของพี่น้องประชาชนที่ยืนหยัดเข้าร่วมงานสัมมนาด้วยความกล้าหาญนานกว่า 7 ชั่วโมงอย่างไม่ท้อถอย แม้ว่าพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์บางส่วน จะถูกข่มขู่ คุกคาม และถูกทำร้ายร่างกายด้วยการขว้างปาวัตถุของแข็งจากเหล่าอันธพาลที่รับใช้ระบอบทักษิณก็ตาม แต่พี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ก็หาได้แสดงความหวาดหวั่นต่อเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ กลับยังคงยึดมั่นในหลักธรรม สันติ สงบ อหิงสาและปราศจากอาวุธ อยู่เช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือว่าความสำเร็จเกินความคาดหมายครั้งนี้ คือการประกาศเจตนารมณ์ของภาคประชาชนผู้บริสุทธิ์เพื่อคัดค้านการกระทำอันเหิมเกริมของรัฐบาลนอมินี ที่แทรกแซงตัดตอนคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครอบครัว และพวกพ้อง ไม่ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลทุกวิถีทาง
แต่รัฐบาลนอมินีก็หาได้แสดงความสำนึกไม่ กลับยังคงประกาศเดินหน้าเร่งรัดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 237 เพื่อหลบเลี่ยงบทลงโทษการกระทำความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งที่จะนำไปสู่การยุบพรรค และมาตรา 309 เพื่อนำไปสู่การขัดขวางหรือยุบเลิกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ต่อไป โดยมีเป้าหมายที่จะตัดตอนคดีความทั้งหลายที่กำลังดำเนินต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครอบครัว และพวกพ้องไม่ให้เข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล อันเป็นความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อมุ่งหวังที่จะลบล้างความผิดของตัวเองและพวกพ้องทั้งสิ้น โดยไม่เคารพและยำเกรงต่อประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ที่ลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ 14 ล้านคนแม้แต่น้อย
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลนอมินีนอกจากจะส่งข้าราชการที่รับใช้ระบอบทักษิณไปบริหารในกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อบิดเบือนและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการดำเนินคดีความทั้งหลายที่มีต่อคนในระบอบทักษิณแล้ว ยังมีการใช้ข้าราชการจากกรมสอบสวนคดีพิเศษไปเป็นเครื่องมือเพื่อกลั่นแกล้งข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตและทำลายนักการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม ตลอดจนข่มขู่คุกคามต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งที่กำลังพิจารณาคดียุบพรรคการเมืองอย่างชัดเจน พร้อมๆกับการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ฝ่ายการเมืองแทรกแซงการจัดตั้งงบประมาณและการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องเข้าไปมีอำนาจและมีอภิสิทธ์เหนือข้าราชการอื่น ไม่เป็นธรรมาภิบาล ไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรม
พฤติกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านักการเมืองในระบอบเผด็จการรัฐสภาโดยทุนนิยมสามานย์ ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติเพื่อให้คนในชาติมีความสุขถ้วนหน้า ดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ฝ่ายบริหารที่ฉ้อฉลได้ร่วมมือกับฝ่ายนิติบัญญัติที่ไร้จริยธรรม ได้กระทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายอำนาจในกระบวนการยุติธรรม มุ่งประสงค์ลบล้างความผิดของตัวเองและพวกพ้องเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศนอกเหนือไปจากครรลองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ นักการเมืองแห่งระบอบเผด็จการรัฐสภาโดยทุนนิยมสามานย์เหล่านี้ จึงไม่สามารถที่จะสร้างสรรค์และจรรโลงความชอบธรรมทางการเมืองแก่ระบอบการปกครองของประเทศโดยรวมได้อีกต่อไป
นอกจากนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ว่ามีขบวนการที่จะทำการปฏิวัติรัฐประหารจากกลุ่มอำนาจที่ไม่ใช่ฝ่ายกองทัพไทยนั้น อาจตีความได้ว่านายสมัครได้ออกมาเปิดโปงเพื่อทำลายขบวนการยึดอำนาจจากผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงของฝ่ายตนเอง ซึ่งอาจรวมถึงตำรวจ ทหารบางส่วน และมวลชนที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อต้องการทำการปฏิวัติรัฐประหารและนำไปสู่การล้มล้างคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ดังที่ได้มีความสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้วางแผนเดินสายหาเสียงสนับสนุนจากมวลชนที่ขาดข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึงเอาไว้เป็นการล่วงหน้าแล้วในขณะนี้
ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นว่า นายสมัคร สุนทรเวช กำลังหมดอำนาจลง เป็นการวางแผนของระบอบทักษิณเอาไว้ล่วงหน้าเพียงเพื่อยึดอำนาจรัฐ แก้ไขปัญหาตัวตัวเองและพวกพ้อง ตลอดจนการวางแผนรัฐประหารตัวเองและเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ช่อง 11 และเอ็นบีที เพื่อเป็นการเตรียมการล่วงหน้าสำหรับเป็นเครื่องมือสื่อสารมวลชนของฝ่ายรัฐประหารที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เคยแถลงการณ์เตือนสังคมไทยไว้ล่วงหน้าในฉบับที่ 2/2551 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2551 และแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงเป็นปัญหาวิกฤตของแผ่นดินต่อไป
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงได้มาประชุมกันเพื่อกำหนดจุดยืนต่อสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นดังต่อไปนี้
1. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอประกาศจุดยืนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 237 และมาตรา 309 นั้น มีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษการกระทำความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งของตัวเองและพวกพ้อง ตลอดจนทำลายและตัดตอนกระบวนการยุติธรรมเพื่อล้มล้างคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครอบครัว และพวกพ้องในชั้นศาล อันเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมและความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย มุ่งประสงค์ลบล้างความผิดของตัวเองและพวกพ้องให้มีอภิสิทธิ์อยู่เหนือกฎหมาย ไม่มีธรรมาภิบาล ทำลายความสมดุลระหว่างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญที่ได้ผ่านรับรองโดยประชามติจากประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ
ถือเป็นการกระทำไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชน เป็นการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ เป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง บุคคลใดแก้ไขรัฐธรรมนูญตามอำเภอใจเช่นนี้ถือได้ว่าบุคคลนั้นเป็น “อาชญากรระบอบประชาธิปไตย” เสมือนการปกครองที่เป็นเผด็จการทรราชย์ทางสภาโดยทุนนิยมสามานย์ ซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะขัดขวางไม่ให้การกระทำดังกล่าวทุกรูปแบบ เกิดขึ้นโดยเด็ดขาดด้วยวิถีทางตามรัฐธรรมนูญ
2. ปวงชนชาวไทยมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ในมาตรา 70 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงขอใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งการกระทำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญนี้ตามมาตรา 69
เมื่อปรากฏว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้กระทำไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคแรก
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอใช้สิทธิในฐานะผู้ทราบการกระทำดังกล่าวยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว หรือยุบพรรคการเมืองดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคสองและวรรคสาม
3. เนื่องจากมีการกระทำที่ประจักษ์ชัดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ประกอบไปด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคร่วมรัฐบาลที่กำลังจะเสียประโยชน์จากรัฐธรรมนูญมาตรา 237 มาตรา 309 และมาตราอื่นๆ อันเป็นการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ซึ่งเป็นการกระทำที่มิชอบต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 122
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงมีมติใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 164 ในการรณรงค์และรวบรวมรายชื่อประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน เพื่อใช้สิทธิร้องขอต่อประธานวุฒิสภาให้วุฒิสภามีมติตามมาตรา 274 ถอดถอนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนซึ่งกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 270 ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้
4. นอกจากนี้ หากยังมีการดื้อรั้นที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ในมาตรา 237 และมาตรา 309 เพื่อลบล้างความผิดของตัวเองและพวกพ้องต่อไป หรือการเคลื่อนไหวที่จะล้มล้างรัฐธรรมนูญนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็พร้อมที่จะประกาศเคลื่อนไหวเพื่อเชิญชวนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศมาร่วมกันคัดค้านและการต่อต้านการทำดังกล่าว ทุกรูปแบบ ตามวิถีทางรัฐธรรมนูญทันที
5. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เคารพเจตนารมณ์ของประชาชน โดยเฉพาะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรคการเมืองต่างๆที่ร่วมรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ หากไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติที่เป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตยครั้งนี้ ขอให้ประกาศต่อสาธารณชนในการที่จะถอนตัวออกจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ฉ้อฉลต่อประชาชนทั้งประเทศทันที
ตามที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้จัดการสัมมนารายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ในวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2551 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตามแถลงการณ์ฉบับที่ 3/2551 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2551 ดังที่ทราบแล้วนั้น
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนเกือบ 2 หมื่นคนที่ได้มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้จำนวนมากจนล้นหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งแรงใจจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศและทั่วโลกกว่า 10 ล้านคนที่ได้เข้าร่วมสัมมนาผ่านการรับชมทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีอย่างกว้างขวาง ตลอดจนขอขอบพระคุณในความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพี่น้องสื่อสารมวลชนหลายแขนงที่มีการนำเสนอข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ดังกล่าวสู่ประชาชน
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอแสดงความคารวะต่อจิตใจที่ยิ่งใหญ่ของพี่น้องประชาชนที่ยืนหยัดเข้าร่วมงานสัมมนาด้วยความกล้าหาญนานกว่า 7 ชั่วโมงอย่างไม่ท้อถอย แม้ว่าพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์บางส่วน จะถูกข่มขู่ คุกคาม และถูกทำร้ายร่างกายด้วยการขว้างปาวัตถุของแข็งจากเหล่าอันธพาลที่รับใช้ระบอบทักษิณก็ตาม แต่พี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ก็หาได้แสดงความหวาดหวั่นต่อเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ กลับยังคงยึดมั่นในหลักธรรม สันติ สงบ อหิงสาและปราศจากอาวุธ อยู่เช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือว่าความสำเร็จเกินความคาดหมายครั้งนี้ คือการประกาศเจตนารมณ์ของภาคประชาชนผู้บริสุทธิ์เพื่อคัดค้านการกระทำอันเหิมเกริมของรัฐบาลนอมินี ที่แทรกแซงตัดตอนคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครอบครัว และพวกพ้อง ไม่ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลทุกวิถีทาง
แต่รัฐบาลนอมินีก็หาได้แสดงความสำนึกไม่ กลับยังคงประกาศเดินหน้าเร่งรัดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 237 เพื่อหลบเลี่ยงบทลงโทษการกระทำความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งที่จะนำไปสู่การยุบพรรค และมาตรา 309 เพื่อนำไปสู่การขัดขวางหรือยุบเลิกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ต่อไป โดยมีเป้าหมายที่จะตัดตอนคดีความทั้งหลายที่กำลังดำเนินต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครอบครัว และพวกพ้องไม่ให้เข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล อันเป็นความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อมุ่งหวังที่จะลบล้างความผิดของตัวเองและพวกพ้องทั้งสิ้น โดยไม่เคารพและยำเกรงต่อประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ที่ลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ 14 ล้านคนแม้แต่น้อย
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลนอมินีนอกจากจะส่งข้าราชการที่รับใช้ระบอบทักษิณไปบริหารในกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อบิดเบือนและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการดำเนินคดีความทั้งหลายที่มีต่อคนในระบอบทักษิณแล้ว ยังมีการใช้ข้าราชการจากกรมสอบสวนคดีพิเศษไปเป็นเครื่องมือเพื่อกลั่นแกล้งข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตและทำลายนักการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม ตลอดจนข่มขู่คุกคามต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งที่กำลังพิจารณาคดียุบพรรคการเมืองอย่างชัดเจน พร้อมๆกับการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ฝ่ายการเมืองแทรกแซงการจัดตั้งงบประมาณและการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องเข้าไปมีอำนาจและมีอภิสิทธ์เหนือข้าราชการอื่น ไม่เป็นธรรมาภิบาล ไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรม
พฤติกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านักการเมืองในระบอบเผด็จการรัฐสภาโดยทุนนิยมสามานย์ ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติเพื่อให้คนในชาติมีความสุขถ้วนหน้า ดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ฝ่ายบริหารที่ฉ้อฉลได้ร่วมมือกับฝ่ายนิติบัญญัติที่ไร้จริยธรรม ได้กระทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายอำนาจในกระบวนการยุติธรรม มุ่งประสงค์ลบล้างความผิดของตัวเองและพวกพ้องเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศนอกเหนือไปจากครรลองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ นักการเมืองแห่งระบอบเผด็จการรัฐสภาโดยทุนนิยมสามานย์เหล่านี้ จึงไม่สามารถที่จะสร้างสรรค์และจรรโลงความชอบธรรมทางการเมืองแก่ระบอบการปกครองของประเทศโดยรวมได้อีกต่อไป
นอกจากนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ว่ามีขบวนการที่จะทำการปฏิวัติรัฐประหารจากกลุ่มอำนาจที่ไม่ใช่ฝ่ายกองทัพไทยนั้น อาจตีความได้ว่านายสมัครได้ออกมาเปิดโปงเพื่อทำลายขบวนการยึดอำนาจจากผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงของฝ่ายตนเอง ซึ่งอาจรวมถึงตำรวจ ทหารบางส่วน และมวลชนที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อต้องการทำการปฏิวัติรัฐประหารและนำไปสู่การล้มล้างคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ดังที่ได้มีความสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้วางแผนเดินสายหาเสียงสนับสนุนจากมวลชนที่ขาดข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึงเอาไว้เป็นการล่วงหน้าแล้วในขณะนี้
ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นว่า นายสมัคร สุนทรเวช กำลังหมดอำนาจลง เป็นการวางแผนของระบอบทักษิณเอาไว้ล่วงหน้าเพียงเพื่อยึดอำนาจรัฐ แก้ไขปัญหาตัวตัวเองและพวกพ้อง ตลอดจนการวางแผนรัฐประหารตัวเองและเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ช่อง 11 และเอ็นบีที เพื่อเป็นการเตรียมการล่วงหน้าสำหรับเป็นเครื่องมือสื่อสารมวลชนของฝ่ายรัฐประหารที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เคยแถลงการณ์เตือนสังคมไทยไว้ล่วงหน้าในฉบับที่ 2/2551 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2551 และแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงเป็นปัญหาวิกฤตของแผ่นดินต่อไป
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงได้มาประชุมกันเพื่อกำหนดจุดยืนต่อสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นดังต่อไปนี้
1. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอประกาศจุดยืนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 237 และมาตรา 309 นั้น มีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษการกระทำความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งของตัวเองและพวกพ้อง ตลอดจนทำลายและตัดตอนกระบวนการยุติธรรมเพื่อล้มล้างคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครอบครัว และพวกพ้องในชั้นศาล อันเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมและความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย มุ่งประสงค์ลบล้างความผิดของตัวเองและพวกพ้องให้มีอภิสิทธิ์อยู่เหนือกฎหมาย ไม่มีธรรมาภิบาล ทำลายความสมดุลระหว่างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญที่ได้ผ่านรับรองโดยประชามติจากประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ
ถือเป็นการกระทำไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชน เป็นการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ เป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง บุคคลใดแก้ไขรัฐธรรมนูญตามอำเภอใจเช่นนี้ถือได้ว่าบุคคลนั้นเป็น “อาชญากรระบอบประชาธิปไตย” เสมือนการปกครองที่เป็นเผด็จการทรราชย์ทางสภาโดยทุนนิยมสามานย์ ซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะขัดขวางไม่ให้การกระทำดังกล่าวทุกรูปแบบ เกิดขึ้นโดยเด็ดขาดด้วยวิถีทางตามรัฐธรรมนูญ
2. ปวงชนชาวไทยมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ในมาตรา 70 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงขอใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งการกระทำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญนี้ตามมาตรา 69
เมื่อปรากฏว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้กระทำไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคแรก
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอใช้สิทธิในฐานะผู้ทราบการกระทำดังกล่าวยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว หรือยุบพรรคการเมืองดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคสองและวรรคสาม
3. เนื่องจากมีการกระทำที่ประจักษ์ชัดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ประกอบไปด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคร่วมรัฐบาลที่กำลังจะเสียประโยชน์จากรัฐธรรมนูญมาตรา 237 มาตรา 309 และมาตราอื่นๆ อันเป็นการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ซึ่งเป็นการกระทำที่มิชอบต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 122
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงมีมติใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 164 ในการรณรงค์และรวบรวมรายชื่อประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน เพื่อใช้สิทธิร้องขอต่อประธานวุฒิสภาให้วุฒิสภามีมติตามมาตรา 274 ถอดถอนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนซึ่งกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 270 ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้
4. นอกจากนี้ หากยังมีการดื้อรั้นที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ในมาตรา 237 และมาตรา 309 เพื่อลบล้างความผิดของตัวเองและพวกพ้องต่อไป หรือการเคลื่อนไหวที่จะล้มล้างรัฐธรรมนูญนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็พร้อมที่จะประกาศเคลื่อนไหวเพื่อเชิญชวนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศมาร่วมกันคัดค้านและการต่อต้านการทำดังกล่าว ทุกรูปแบบ ตามวิถีทางรัฐธรรมนูญทันที
5. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เคารพเจตนารมณ์ของประชาชน โดยเฉพาะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรคการเมืองต่างๆที่ร่วมรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ หากไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติที่เป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตยครั้งนี้ ขอให้ประกาศต่อสาธารณชนในการที่จะถอนตัวออกจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ฉ้อฉลต่อประชาชนทั้งประเทศทันที