แกนนำพันธมิตรฯเรียกร้องสังคมรวมพลังต่อต้านรัฐบาล "หุ่นเชิด" ใช้เล่ห์เหลี่ยมแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างความผิดตัวเอง ชี้หากยังดึงดันจะเกิดวิกฤต รธน.รอบใหม่ ระบุเป็นการสมคบกันของฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติทำลายอำนาจตุลาการจนระบบการถ่วงดุลล่มสลาย ย้ำการสัมมนา 28 มี.ค.จะขอฉันทานุมัติจากประชาชนถึงแนวทางการเคลื่อนไหวต่อไป ด้านเครือข่ายพันธมิตรฯทั่วทุกภาคพร้อมเคลื่อนทัพร่วมเวทียามฯ 28 มี.ค. ทั้งเดินทางเข้าร่วมที่ มธ.และรวมตัวอยู่ในพื้นที่ "สุริยะใส" ยื่นหนังสือ ตร.กำลังดูแลความปลอดภัย ขณะที่ตำรวจรับปากอำนวยความสะดวกให้เต็มที่
วานนี้ (26 มี.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชน ได้ร่วมกันแถลงข่าวหลังการร่วมกันประชุมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง
ชี้หากดื้อจะเกิดวิกฤต รธน.รอบใหม่
นายสมเกียรติ กล่าวว่า วิกฤตที่รุนแรงที่สุด คือ วิกฤตที่กระทำต่อรัฐธรรมนูญ โดยยกตัวอย่างกรณีเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 16 เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 และการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อปี 2549 จากกรณีการข่มขืนรัฐธรรมนูญของระบอบทักษิณ และครั้งล่าสุดครั้งที่ 4 กรณีรัฐบาลหุ่นเชิดสมัครกระทำการซื้อเสียงแล้วถูกจับได้ ดังนั้น สงครามรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นในไม่ช้าหากมีการข่มขืนรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นอีก
"ประชาชนจะไม่ยอมให้คนชั่วแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อพวกพ้องของตัวเอง และขณะนี้สถานการณ์เลยขั้นเผชิญหน้าแล้ว" นายสมเกียรติ ระบุ
นายสนธิ กล่าวว่า เหตุการณ์ในขณะนี้ถือว่าเป็นการล่มสลายของสังคมไทย เพราะโดยยกตรรกะแล้วของโจรที่ไม่อาจเข้ามาเป็น ส.ส.แล้วเข้ามาแก้กฎหมายเพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง พฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจึงไม่ต่างจากโจร แต่อาจแตกต่างจากโจรทั่วไปที่ใช้วิธีซื้อเสียงเข้ามา
นายสนธิ เรียกร้องให้สังคมร่วมกันสร้างความถูกต้อง ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะล่มสลายและเมื่อสังคมล่มสลาย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ก็จะอยู่ไม่ได้
"นี่คือ เหตุผลเดียวที่มีการซื้อเสียงแล้วเข้าสู่อำนาจรัฐ ใช้เหตุผลเดียว คือ ผ่านการเลือกตั้ง และถ้าไม่ร่วมกันต่อต้านต่อไปทุกอย่างจะล่มสลายกันไปชั่วลูกชั่วหลานและต่อไปก็จะมีการใช้เงินเป็นตัวตั้ง" นายสนธิ ระบุ
นายสมศักดิ์ ระบุว่า พฤติกรรมทุกอย่างเกิดจากรัฐบาลนอมินีทั้งสิ้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 ถือว่าเป็นกรรมที่ส่อเจตนาชัดเจนที่สุด และว่า ที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้งมีการระบุความผิดและบทลงโทษไว้ชัดเจน และทุกคนก็รับรู้กันไปแล้ว ดังนั้น ความเสียหายไม่ได้เกิดจากรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อทำผิดแล้วกลัวถูกลงโทษจึงหาทางแก้ไข ฉะนั้น ปัญหาของบ้านเมืองคือ การคอร์รัปชั่นนั่นเอง ขณะที่พรรคที่ไม่ทุจริตก็จะไม่มีอันตราย
นายพิภพ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 โดยใช้อำนาจฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติไปทำลายอำนาจตุลาการที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจเข้าไปตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจอันมิชอบ หรือมีการทุจริต
"ถ้ามีการแก้ไขเพื่อหลบเลี่ยงคดีสำเร็จต่อไปนอกเหนือจากการแก้ไขเพื่อทำลายอำนาจตุลาการแล้ว จะมีการแก้ไขในมาตราอื่นๆ อีกตามมา ทำให้ 3 อำนาจไม่สามารถอยู่ในภาวะที่ถ่วงดุลกันได้" นายพิภพ กล่าวพร้อมเรียกร้องให้สังคมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในลักษณะดังกล่าวเพราะจะทำให้สังคมเกิดความวิกฤต
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการทำผิดหลักการอย่างยิ่ง และก่อนการประกาศใช้ก็ผ่านการประชามติ อีกทั้งก่อนการเลือกตั้งทุกคนก็รู้ดีว่ามีข้อห้ามอย่างไร สิ่งไหนทำได้หรือทำไม่ได้ ดังนั้น เมื่อนักการเมืองจงใจทำผิดก็ต้องลงโทษ ไม่เช่นนั้นจะมีกฎหมายและ ส.ส.ไว้ทำไม และย้ำว่า หากรัฐบาลยังดึงดันแก้ไขก็ต้องคัดค้านอย่างเต็มที่ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการย่ำยีหัวใจประชาชน ซึ่งยอมไม่ได้
28 มี.ค. ขอฉันทามติต้านรัฐบาลหุ่นเชิด
ขณะที่นายสนธิ กล่าวอีกว่า การสัมมนาในรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ" ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์วันที่ 28 มี.ค.ที่จะถึงนี้ ตนจะขอฉันทามติประชาชนว่า หากรัฐบาลยังดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ฟังเสียงประชาชน หรือคนซึ่งลงประชามติ 14 ล้านเสียงแล้ว เจตนารมณ์การแก้รัฐธรรมนูญนั้นเพื่อแก้ให้ตัวเองพ้นผิดนั้นเราจะเรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศเข้ามาร่วมกระบวนการกับเราพร้อมกัน เพื่อที่จะร่วมมือร่วมใจกันคัดค้านการกระทำของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งนัยตรงนี้ก็มีหลายรูปหลายแบบ แต่ต้องรอถึงเวลาแล้วตนจะอธิบายรูปแบบที่ชัดเจนให้ฟัง
"เอาเป็นว่าถ้ารัฐบาลยังดึงดันที่จะเดินหน้าอย่างนี้ต่อ เราก็จะระดมประชาชนที่เห็นด้วยกับเราทั่วประเทศไทยให้ลุกขึ้นมาร่วมมือกับเราคัดค้านตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญทุกประการ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้การเมืองที่ซื่อสัตย์เข้มแข็ง ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ให้ลาออก หรือยุบสภา จากนั้นก็ให้ชูธงหาเสียงเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ" นายสนธิ ระบุ
เมื่อถูกถามเรื่อง ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาท้าทายให้ขึ้นเวทีมาดีเบตว่า นายสนธิ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นกับคนชื่อเฉลิม ไม่ใช่เสือหรือหมา แต่ขอฝากข้อคิดสักนิดหนึ่งระหว่างเสือกับหมาคนบางคนเข้าใจผิด จริงๆ คนบางคนไม่ได้เป็นทั้งเสือหรือหมา เป็นแค่เป็ด
"ทำไมถึงบอกเป็ด รู้ไหม เป็ดว่ายน้ำก็ช้ากว่าปลา บินก็สู้นกไม่ได้ เดินก็แข่งกับหมาไม่ได้ ทำได้อยู่อย่างเดียว ร้องว่า กลับ กลับ กลับ ก้าบ ก้าบ ก้าบ กลับ กลับ กลับ พอเจออะไร ขี้กลัวพาลูกซุกหัวอยู่ในบ้าน นั่นละครับคนที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือหรือเป็นหมา แท้ที่จริงแล้วเป็นเป็ด" นายสนธิ กล่าว
"สุริยะใส"ยื่นหนังสือ รรก.ผบ.ตร.
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเวลา 15.00 น.นายสุริยะใส พร้อมสมาชิกกลุ่มพันธมิตรฯ 20 คนได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความสงบเรียบร้อยในการสัมมนาประชาชนที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะจัดขึ้นในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ โดยมี พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร.เป็นตัวแทน รรท.ผบ.ตร.รับมอบหนังสือ
นายสุริยะใส กล่าวว่า การเดินทางมายื่นหนังสือวันนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการรวมตัวทำกิจกรรมสัมมนา ซึ่งจัดขึ้นที่ ม.ธรรมศาสตร์ โดยนำกำหนดการสัมมนามาแสดงว่าไม่มีวาระซ่อนเร้นอื่น เป็นการรวมตัวทำกิจกรรมตามสันติวิธี ทำตามกฎหมาย เหมือนที่เคยปฏิบัติมา แม้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะห้ามปราม แต่ยังมีฝ่ายที่ไม่พอใจพยายามเข้ามาสร้างสถานการณ์ กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ต้องการเผชิญหน้า แต่หากมีประชาชนมาร่วมงานสัมมนาจำนวนมากก็ต้องพึ่งพากำลังตำรวจ
นายสุริยะใส ยืนยันว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อโค่นล้มรัฐบาล และไม่ใช่การชุมนุม แต่เป็นกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้ประชาชน สะท้อนการทำงานของรัฐบาล รวมทั้งเรียกร้องให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ รวมทั้งความผิดปกติในการโยกย้ายข้าราชการประจำบางส่วน
"แม้ว่าการโยกย้ายจะเป็นสิทธิของรัฐบาล แต่ในเรื่องของความโปร่งใสต้องอธิบายได้ อย่างเช่น ในส่วนการโยกย้าย นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปช่วยราชการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งเป็นผู้ดูแลคดีซุกหุ้นภาค 2 ที่จะเอาผิดรัฐบาลชุดที่แล้ว และอาจทำให้คดีถูกตัดตอน เอาคนผิดมาลงโทษไม่ได้" นายสุริยะใส กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า ตำรวจจะทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยปลอดภัย และการจราจรในการรวมตัวทำกิจกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯ ครั้งนี้ และรู้สึกยินดีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้เดินทางมาแจ้งจุดประสงค์ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ตำรวจทราบก่อน ซึ่งตำรวจก็พร้อมที่จะดูแลความปลอดภัยให้ เพราะได้มีการเตรียมแผนและซักซ้อมรับมือสถานการณ์ไปแล้วก่อนหน้านี้ เพราะต้องการให้บ้านเมืองมีความเรียบร้อย
พันธมิตรฯ ชัยภูมิ ตั้งกองผ้าป่าช่วย
ด้านกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดินทั่วทุกภาคตามจังหวัดต่างๆ ได้ออกมาประกาศอย่างจัดเจนถึงการเคลื่อนไหวในการเข้าร่วมกิจกรรม "ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ" ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อย่างคึกคัก
นายนพสณฑ์ เสฏฐรังสี แกนนำกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรฯชัยภูมิ และรองประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด เผยว่า หลังจากได้มีการประชุมปรึกษาหารือกับบรรดาแกนนำของกลุ่มองค์กร เครือข่ายต่างๆ ที่รวมตัวกันเป็นพันธมิตรฯชัยภูมิ, กลุ่มยามเฝ้าแผนดินจังหวัดชัยภูมิ ได้ตกลงที่จะเดินทางไปร่วมงานของกลุ่มพันธมิตรฯกลางในวันที่ 28 มี.ค.นี้แน่นอน
โดยจะแบ่งการเคลื่อนไหวเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเพื่อความสะดวกในการเดินทาง แกนนำขององค์กรเครือข่ายพันธมิตรฯ และกลุ่มยามฯประมาณ 30 กว่าองค์กรจะส่งตัวแทนองค์กรละ 3-4 คน เข้าร่วมงานที่ม.ธรรมศาสตร์ โดยตัวแทนส่วนนี้จะมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะ คือ มีความอดทนต่อการยั่วยุ ทนต่อการเจ็บปวด ที่สำคัญคือเป็นคนที่ไม่กลัวการเสียสละหรือ "คนที่ไม่กลัวตาย"
ส่วนที่สองคณะกรรมการและสมาชิกในแต่ละพื้นที่ทั่ว จ.ชัยภูมิ จะจัดตั้งทีวีจอใหญ่ในบริเวณที่ตั้งของตนเพื่อรวมตัวกันชมการถ่ายทอดสด การจัดงาน "ยามฯภาคพิเศษ" ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ ASTV โดยการร่วมชมการถ่ายทอดดังกล่าวจะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนประเด็นต่างๆ ที่ได้จากเวทีร่วมกันด้วย
หลังจากนั้นจะนำสิ่งที่ได้จากการชม "ยามฯภาคพิเศษ" กลับมาคุยร่วมกับแกนนำที่ไปร่วมที่งาน ม.ธรรมศาสตร์อีกครั้งเพื่อนำไปปรับเป็นยุทธศาสตร์ในพื้นที่ โดยจะเคลื่อนไหวคู่ขนาน ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯเลย ที่ให้คำมั่นสัญญาต่อกันในการทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เครือข่ายพันธมิตรฯชัยภูมิ กลุ่มยามฯชัยภูมิ และสมัชชาประชาชนภาคอีสานฯ ได้ร่วมจัดตั้งกองผ้าป่าเพื่อระดมเงินบริจาคไปช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงาน "ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ" ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ และทุนส่วนหนึ่งก็จะมอบให้แก่ ASTV ที่กำลังโดนมรสุมเศรษฐกิจจากทุนนิยมสามานย์ด้วย
นายนพสณฑ์ กล่าวถึงกรณีที่จะรัฐบาลนายสมัคร จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยว่า รู้สึกสงสารประเทศไทยที่มีนักการเมืองที่แย่อย่างนี้ ขอให้ลาออกเสียทั้งคณะไม่อย่างนั้นจะอายสุนัขที่บ้านตนที่เมื่อขโมยเข้าบ้านมันจะเห่าสร้างคุณให้แก่เจ้าของบ้าน แต่วันนี้เศรษฐกิจแย่ การเมืองก็แย่ แต่คิดได้แค่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง เอาประเทศชาติมาขึ้นกับพรรคการเมือง ในส่วนของเครือข่ายพันธมิตรฯชัยภูมิ ไม่เห็นด้วย และจะขอต่อต้านการกระทำนี้แน่นอน
วานนี้ (26 มี.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชน ได้ร่วมกันแถลงข่าวหลังการร่วมกันประชุมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง
ชี้หากดื้อจะเกิดวิกฤต รธน.รอบใหม่
นายสมเกียรติ กล่าวว่า วิกฤตที่รุนแรงที่สุด คือ วิกฤตที่กระทำต่อรัฐธรรมนูญ โดยยกตัวอย่างกรณีเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 16 เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 และการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อปี 2549 จากกรณีการข่มขืนรัฐธรรมนูญของระบอบทักษิณ และครั้งล่าสุดครั้งที่ 4 กรณีรัฐบาลหุ่นเชิดสมัครกระทำการซื้อเสียงแล้วถูกจับได้ ดังนั้น สงครามรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นในไม่ช้าหากมีการข่มขืนรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นอีก
"ประชาชนจะไม่ยอมให้คนชั่วแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อพวกพ้องของตัวเอง และขณะนี้สถานการณ์เลยขั้นเผชิญหน้าแล้ว" นายสมเกียรติ ระบุ
นายสนธิ กล่าวว่า เหตุการณ์ในขณะนี้ถือว่าเป็นการล่มสลายของสังคมไทย เพราะโดยยกตรรกะแล้วของโจรที่ไม่อาจเข้ามาเป็น ส.ส.แล้วเข้ามาแก้กฎหมายเพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง พฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจึงไม่ต่างจากโจร แต่อาจแตกต่างจากโจรทั่วไปที่ใช้วิธีซื้อเสียงเข้ามา
นายสนธิ เรียกร้องให้สังคมร่วมกันสร้างความถูกต้อง ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะล่มสลายและเมื่อสังคมล่มสลาย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ก็จะอยู่ไม่ได้
"นี่คือ เหตุผลเดียวที่มีการซื้อเสียงแล้วเข้าสู่อำนาจรัฐ ใช้เหตุผลเดียว คือ ผ่านการเลือกตั้ง และถ้าไม่ร่วมกันต่อต้านต่อไปทุกอย่างจะล่มสลายกันไปชั่วลูกชั่วหลานและต่อไปก็จะมีการใช้เงินเป็นตัวตั้ง" นายสนธิ ระบุ
นายสมศักดิ์ ระบุว่า พฤติกรรมทุกอย่างเกิดจากรัฐบาลนอมินีทั้งสิ้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 ถือว่าเป็นกรรมที่ส่อเจตนาชัดเจนที่สุด และว่า ที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้งมีการระบุความผิดและบทลงโทษไว้ชัดเจน และทุกคนก็รับรู้กันไปแล้ว ดังนั้น ความเสียหายไม่ได้เกิดจากรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อทำผิดแล้วกลัวถูกลงโทษจึงหาทางแก้ไข ฉะนั้น ปัญหาของบ้านเมืองคือ การคอร์รัปชั่นนั่นเอง ขณะที่พรรคที่ไม่ทุจริตก็จะไม่มีอันตราย
นายพิภพ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 โดยใช้อำนาจฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติไปทำลายอำนาจตุลาการที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจเข้าไปตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจอันมิชอบ หรือมีการทุจริต
"ถ้ามีการแก้ไขเพื่อหลบเลี่ยงคดีสำเร็จต่อไปนอกเหนือจากการแก้ไขเพื่อทำลายอำนาจตุลาการแล้ว จะมีการแก้ไขในมาตราอื่นๆ อีกตามมา ทำให้ 3 อำนาจไม่สามารถอยู่ในภาวะที่ถ่วงดุลกันได้" นายพิภพ กล่าวพร้อมเรียกร้องให้สังคมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในลักษณะดังกล่าวเพราะจะทำให้สังคมเกิดความวิกฤต
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการทำผิดหลักการอย่างยิ่ง และก่อนการประกาศใช้ก็ผ่านการประชามติ อีกทั้งก่อนการเลือกตั้งทุกคนก็รู้ดีว่ามีข้อห้ามอย่างไร สิ่งไหนทำได้หรือทำไม่ได้ ดังนั้น เมื่อนักการเมืองจงใจทำผิดก็ต้องลงโทษ ไม่เช่นนั้นจะมีกฎหมายและ ส.ส.ไว้ทำไม และย้ำว่า หากรัฐบาลยังดึงดันแก้ไขก็ต้องคัดค้านอย่างเต็มที่ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการย่ำยีหัวใจประชาชน ซึ่งยอมไม่ได้
28 มี.ค. ขอฉันทามติต้านรัฐบาลหุ่นเชิด
ขณะที่นายสนธิ กล่าวอีกว่า การสัมมนาในรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ" ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์วันที่ 28 มี.ค.ที่จะถึงนี้ ตนจะขอฉันทามติประชาชนว่า หากรัฐบาลยังดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ฟังเสียงประชาชน หรือคนซึ่งลงประชามติ 14 ล้านเสียงแล้ว เจตนารมณ์การแก้รัฐธรรมนูญนั้นเพื่อแก้ให้ตัวเองพ้นผิดนั้นเราจะเรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศเข้ามาร่วมกระบวนการกับเราพร้อมกัน เพื่อที่จะร่วมมือร่วมใจกันคัดค้านการกระทำของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งนัยตรงนี้ก็มีหลายรูปหลายแบบ แต่ต้องรอถึงเวลาแล้วตนจะอธิบายรูปแบบที่ชัดเจนให้ฟัง
"เอาเป็นว่าถ้ารัฐบาลยังดึงดันที่จะเดินหน้าอย่างนี้ต่อ เราก็จะระดมประชาชนที่เห็นด้วยกับเราทั่วประเทศไทยให้ลุกขึ้นมาร่วมมือกับเราคัดค้านตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญทุกประการ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้การเมืองที่ซื่อสัตย์เข้มแข็ง ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ให้ลาออก หรือยุบสภา จากนั้นก็ให้ชูธงหาเสียงเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ" นายสนธิ ระบุ
เมื่อถูกถามเรื่อง ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาท้าทายให้ขึ้นเวทีมาดีเบตว่า นายสนธิ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นกับคนชื่อเฉลิม ไม่ใช่เสือหรือหมา แต่ขอฝากข้อคิดสักนิดหนึ่งระหว่างเสือกับหมาคนบางคนเข้าใจผิด จริงๆ คนบางคนไม่ได้เป็นทั้งเสือหรือหมา เป็นแค่เป็ด
"ทำไมถึงบอกเป็ด รู้ไหม เป็ดว่ายน้ำก็ช้ากว่าปลา บินก็สู้นกไม่ได้ เดินก็แข่งกับหมาไม่ได้ ทำได้อยู่อย่างเดียว ร้องว่า กลับ กลับ กลับ ก้าบ ก้าบ ก้าบ กลับ กลับ กลับ พอเจออะไร ขี้กลัวพาลูกซุกหัวอยู่ในบ้าน นั่นละครับคนที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือหรือเป็นหมา แท้ที่จริงแล้วเป็นเป็ด" นายสนธิ กล่าว
"สุริยะใส"ยื่นหนังสือ รรก.ผบ.ตร.
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเวลา 15.00 น.นายสุริยะใส พร้อมสมาชิกกลุ่มพันธมิตรฯ 20 คนได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความสงบเรียบร้อยในการสัมมนาประชาชนที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะจัดขึ้นในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ โดยมี พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร.เป็นตัวแทน รรท.ผบ.ตร.รับมอบหนังสือ
นายสุริยะใส กล่าวว่า การเดินทางมายื่นหนังสือวันนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการรวมตัวทำกิจกรรมสัมมนา ซึ่งจัดขึ้นที่ ม.ธรรมศาสตร์ โดยนำกำหนดการสัมมนามาแสดงว่าไม่มีวาระซ่อนเร้นอื่น เป็นการรวมตัวทำกิจกรรมตามสันติวิธี ทำตามกฎหมาย เหมือนที่เคยปฏิบัติมา แม้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะห้ามปราม แต่ยังมีฝ่ายที่ไม่พอใจพยายามเข้ามาสร้างสถานการณ์ กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ต้องการเผชิญหน้า แต่หากมีประชาชนมาร่วมงานสัมมนาจำนวนมากก็ต้องพึ่งพากำลังตำรวจ
นายสุริยะใส ยืนยันว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อโค่นล้มรัฐบาล และไม่ใช่การชุมนุม แต่เป็นกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้ประชาชน สะท้อนการทำงานของรัฐบาล รวมทั้งเรียกร้องให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ รวมทั้งความผิดปกติในการโยกย้ายข้าราชการประจำบางส่วน
"แม้ว่าการโยกย้ายจะเป็นสิทธิของรัฐบาล แต่ในเรื่องของความโปร่งใสต้องอธิบายได้ อย่างเช่น ในส่วนการโยกย้าย นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปช่วยราชการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งเป็นผู้ดูแลคดีซุกหุ้นภาค 2 ที่จะเอาผิดรัฐบาลชุดที่แล้ว และอาจทำให้คดีถูกตัดตอน เอาคนผิดมาลงโทษไม่ได้" นายสุริยะใส กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า ตำรวจจะทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยปลอดภัย และการจราจรในการรวมตัวทำกิจกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯ ครั้งนี้ และรู้สึกยินดีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้เดินทางมาแจ้งจุดประสงค์ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ตำรวจทราบก่อน ซึ่งตำรวจก็พร้อมที่จะดูแลความปลอดภัยให้ เพราะได้มีการเตรียมแผนและซักซ้อมรับมือสถานการณ์ไปแล้วก่อนหน้านี้ เพราะต้องการให้บ้านเมืองมีความเรียบร้อย
พันธมิตรฯ ชัยภูมิ ตั้งกองผ้าป่าช่วย
ด้านกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดินทั่วทุกภาคตามจังหวัดต่างๆ ได้ออกมาประกาศอย่างจัดเจนถึงการเคลื่อนไหวในการเข้าร่วมกิจกรรม "ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ" ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อย่างคึกคัก
นายนพสณฑ์ เสฏฐรังสี แกนนำกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรฯชัยภูมิ และรองประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด เผยว่า หลังจากได้มีการประชุมปรึกษาหารือกับบรรดาแกนนำของกลุ่มองค์กร เครือข่ายต่างๆ ที่รวมตัวกันเป็นพันธมิตรฯชัยภูมิ, กลุ่มยามเฝ้าแผนดินจังหวัดชัยภูมิ ได้ตกลงที่จะเดินทางไปร่วมงานของกลุ่มพันธมิตรฯกลางในวันที่ 28 มี.ค.นี้แน่นอน
โดยจะแบ่งการเคลื่อนไหวเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเพื่อความสะดวกในการเดินทาง แกนนำขององค์กรเครือข่ายพันธมิตรฯ และกลุ่มยามฯประมาณ 30 กว่าองค์กรจะส่งตัวแทนองค์กรละ 3-4 คน เข้าร่วมงานที่ม.ธรรมศาสตร์ โดยตัวแทนส่วนนี้จะมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะ คือ มีความอดทนต่อการยั่วยุ ทนต่อการเจ็บปวด ที่สำคัญคือเป็นคนที่ไม่กลัวการเสียสละหรือ "คนที่ไม่กลัวตาย"
ส่วนที่สองคณะกรรมการและสมาชิกในแต่ละพื้นที่ทั่ว จ.ชัยภูมิ จะจัดตั้งทีวีจอใหญ่ในบริเวณที่ตั้งของตนเพื่อรวมตัวกันชมการถ่ายทอดสด การจัดงาน "ยามฯภาคพิเศษ" ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ ASTV โดยการร่วมชมการถ่ายทอดดังกล่าวจะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนประเด็นต่างๆ ที่ได้จากเวทีร่วมกันด้วย
หลังจากนั้นจะนำสิ่งที่ได้จากการชม "ยามฯภาคพิเศษ" กลับมาคุยร่วมกับแกนนำที่ไปร่วมที่งาน ม.ธรรมศาสตร์อีกครั้งเพื่อนำไปปรับเป็นยุทธศาสตร์ในพื้นที่ โดยจะเคลื่อนไหวคู่ขนาน ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯเลย ที่ให้คำมั่นสัญญาต่อกันในการทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เครือข่ายพันธมิตรฯชัยภูมิ กลุ่มยามฯชัยภูมิ และสมัชชาประชาชนภาคอีสานฯ ได้ร่วมจัดตั้งกองผ้าป่าเพื่อระดมเงินบริจาคไปช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงาน "ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ" ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ และทุนส่วนหนึ่งก็จะมอบให้แก่ ASTV ที่กำลังโดนมรสุมเศรษฐกิจจากทุนนิยมสามานย์ด้วย
นายนพสณฑ์ กล่าวถึงกรณีที่จะรัฐบาลนายสมัคร จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยว่า รู้สึกสงสารประเทศไทยที่มีนักการเมืองที่แย่อย่างนี้ ขอให้ลาออกเสียทั้งคณะไม่อย่างนั้นจะอายสุนัขที่บ้านตนที่เมื่อขโมยเข้าบ้านมันจะเห่าสร้างคุณให้แก่เจ้าของบ้าน แต่วันนี้เศรษฐกิจแย่ การเมืองก็แย่ แต่คิดได้แค่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง เอาประเทศชาติมาขึ้นกับพรรคการเมือง ในส่วนของเครือข่ายพันธมิตรฯชัยภูมิ ไม่เห็นด้วย และจะขอต่อต้านการกระทำนี้แน่นอน