xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ ฮึ่มฮือต้าน “หุ่นเชิด” แก้ รธน.ล้างผิด “แม้ว-พวกพ้อง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แกนนำพันธมิตรฯเรียกร้องสังคมรวมพลังต่อต้านรัฐบาล “หุ่นเชิด” ใช้เล่ห์เหลี่ยมแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างความผิดตัวเอง ชี้ หากยังดึงดันจะเกิดวิกฤต รธน.รอบใหม่ ระบุเป็นการสมคบกันของฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติ ทำลายอำนาจตุลาการจนระบบการถ่วงดุลล่มสลาย ย้ำการสัมมนา 28 มี.ค.จะขอฉันทานุมัติจากประชาชนถึงแนวทางการเคลื่อนไหวต่อไป

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง การแถลงข่าวของแกนนำพันธมิตร ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง การแถลงข่าวของแกนนำพันธมิตร ช่วงที่ 2

กำหนดการ"ยามเฝ้าแผ่นดิน" ภาคพิเศษ 28 มี.ค.51

วันนี้ (26 มี.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อันประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ และ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชน ได้ร่วมกันแถลงข่าวหลังการร่วมกันประชุมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง

นายสมเกียรติ ระบุว่า วิกฤตที่รุนแรงที่สุด คือ วิกฤตที่กระทำต่อรัฐธรรมนูญ โดยยกตัวอย่างกรณีเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 16 เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 และการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อปี 2549 จากกรณีการข่มขืนรัฐธรรมนูญของระบอบทักษิณ และครั้งล่าสุดครั้งที่ 4 กรณีรัฐบาลหุ่นเชิดสมัครกระทำการซื้อเสียงแล้วถูกจับได้ ดังนั้น สงครามรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นในไม่ช้า หากมีการข่มขืนรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นอีก

“ประชาชนจะไม่ยอมให้คนชั่วแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อพวกพ้องของตัวเอง และขณะนี้สถานการณ์เลยขั้นเผชิญหน้าแล้ว” นายสมเกียรติ ระบุ

นายสนธิ กล่าวว่า เหตุการณ์ในขณะนี้ถือว่าเป็นการล่มสลายของสังคมไทย เพราะโดยยกตรรกะแล้วของโจรที่ไม่อาจเข้ามาเป็น ส.ส.แล้วเข้ามาแก้กฎหมายเพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง พฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจึงไม่ต่างจากโจร แต่อาจแตกต่างจากโจรทั่วไปที่ใช้วิธีซื้อเสียงเข้ามา

นายสนธิ เรียกร้องให้สังคมร่วมกันสร้างความถูกต้อง ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะล่มสลาย และเมื่อสังคมล่มสลาย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ก็จะอยู่ไม่ได้

“นี่คือ เหตุผลเดียวที่มีการซื้อเสียง แล้วเข้าสู่อำนาจรัฐ ใช้เหตุผลเดียว คือ ผ่านการเลือกตั้ง และถ้าไม่ร่วมกันต่อต้านต่อไปทุกอย่างจะล่มสลายกันไปชั่วลูกชั่วหลานและต่อไปก็จะมีการใช้เงินเป็นตัวตั้ง” นายสนธิ ระบุ

นายสมศักดิ์ ระบุว่า พฤติกรรมทุกอย่างเกิดจากรัฐบาลนอมินีทั้งสิ้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 ถือว่าเป็นกรรมที่ส่อเจตนาชัดเจนที่สุด และว่า ที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้งมีการระบุความผิดและบทลงโทษไว้ชัดเจน และทุกคนก็รับรู้กันไปแล้ว ดังนั้น ความเสียหายไม่ได้เกิดจากรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อทำผิดแล้วกลัวถูกลงโทษจึงหาทางแก้ไข ฉะนั้น ปัญหาของบ้านเมืองคือ การคอร์รัปชันนั่นเอง ขณะที่พรรคที่ไม่ทุจริตก็จะไม่มีอันตราย

นายพิภพ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรมนูญมาตรา 237 โดยใช้อำนาจฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติไปทำลายอำนาจตุลาการที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจเข้าไปตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจอันมิชอบ หรือมีการทุจริต

“ถ้ามีการแก้ไขเพื่อหลบเลี่ยงคดีสำเร็จต่อไปนอกเหนือจากการแก้ไขเพื่อทำลายอำนาจตุลาการแล้ว จะมีการแก้ไขในมาตราอื่นๆ อีกตามมา ทำให้ 3 อำนาจไม่สามารถอยู่ในภาวะที่ถ่วงดุลกันได้” นายพิภพ กล่าวพร้อมเรียกร้องให้สังคมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในลักษณะดังกล่าว เพราะจะทำให้สังคมเกิดความวิกฤต

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป็นการทำผิดหลักการอย่างยิ่ง และก่อนการประกาศใช้ก็ผ่านการประชามติ อีกทั้งก่อนการเลือกตั้งทุกคนก็รู้ดีว่ามีข้อห้ามอย่างไร สิ่งไหนทำได้หรือทำไม่ได้ ดังนั้น เมื่อนักการเมืองจงใจทำผิดก็ต้องลงโทษ ไม่เช่นนั้นจะมีกฎหมาย และ ส.ส.ไว้ทำไม และย้ำว่า หากรัฐบาลยังดึงดันแก้ไขก็ต้องคัดค้านอย่างเต็มที่ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการย่ำยีหัวใจประชาชน ซึ่งยอมไม่ได้

นายสนธิ กล่าวว่า ในวันที่ 28 มี.ค.จะมีการขอฉันทามติประชาชนอีกครั้งว่า ถ้ารัฐบาลดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะระดมประชาชนที่เห็นด้วยออกมาคัดค้านและขึ้นกับเงื่อนไขว่าถ้าแก้ไขมาตรา 237 และ 309 เราก็ยอมไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้การเมืองที่ซื่สัตย์เข้มแข็ง

“ถ้าไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ให้ลาออก หรือยุบสภา จากนั้นก็ให้ชูธงหาเสียงเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ” นายสนธิ ระบุ และเมื่อถูกถามเรื่อง ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาท้าทาย ว่า เขาไม่มีความเห็นกับคนชื่อเฉลิม ไม่ใช่เสือหรือหมา แต่มีข้อคิดเรื่องเป็ดที่ไม่มีอะไรถนัด หรือโดดเด่นสักเรื่อง แต่พอมีอะไรที่ตกใจก็ดีแต่หลบซุกหัวเท่านั้น

อ่านรายละเอียดคำแถลง

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
“พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ กลุ่มอำนาจนิยมในสังคมไทย พี่น้องสื่อมวลชน ว่าประเทศไทยวิกฤตที่รุนแรงที่สุดก็คือวิกฤตของการกระทำต่อรัฐธรรมนูญ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน กว่า 8 แสนคน ได้ชุมนุมเพื่อขอรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลเผด็จการ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 เป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย และให้ ส.ส.มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งสองครั้งนี้เสียเลือดเนื้อจำนวนมาก เราเรียกว่าวิกฤตรัฐธรรมนูญก่อนการกวาดล้างเผด็จการ เกิด 2 ครั้ง ครั้งที่ 3 ก็คือเกิดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2549 เป็นวิกฤตที่ระบอบทักษิณข่มขู่รัฐธรรมนูญด้วยการแทรกแซงองค์กรอิสระ โดยเฉพาะวุฒิสภา ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอื่น ตามที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้พิพากษายุบพรรคไทยรักไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550

เหตุการณ์ครั้งที่ 4 ก็คือรัฐบาลหุ่นเชิดสมัคร ได้ทำการรวมหัวกับพรรค และกรรมการบริหารพรรค ที่ซื้อเสียงประชาชนแล้วถูกจับได้ใบแดงอันน่าอับอาย จนถูกประชาชนทั้งประเทศยอมรับว่าการกระทำดังกล่าวเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กรรมการบริหารพรรคการเมือง 3 พรรค แทนที่จะสำนึกในบาปบุญคุณโทษที่กระทำผิดกฎหมาย กลับเหิมเกริม ใช้อำนาจลากจูงเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาที่ได้มาโดยฉ้อฉลจำนวนมาก ทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราจึงเรียกวิกฤตครั้งนี้ว่าเป็นวิกฤตรัฐธรรมนูญครั้งที่ 4

สงครามรัฐธรรมนูญนี่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ หากรัฐบาลยังดึงดันที่จะแก้ไขบทบัญญัติที่คุ้มครอง ปกป้อง คนชั่วที่เคยครองเมืองและข่มขืนประเทศ ผมยืนยันว่าประชาชนจะไม่ยินยอมให้คนกลุ่มนี้ข่มขืนประเทศด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปกป้องคนชั่ว เพราะฐานสังคมไทย เราต้องใช้ฐานความดี ความถูกต้อง เอาความถูกต้องกลับคืนสู่สังคม เราไม่ปล่อยให้คนชั่วออกมาประกาศว่าเร่งรัดรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไขให้ตนเองและพวกพ้องพ้นผิด สถานการณ์ในวันนี้เกินกว่าการเผชิญหน้าแล้วครับ กำลังจะเกิดขั้นที่ 2 มากกว่าการเผชิญหน้าแล้ว แต่จะเป็นขั้นอะไรเดี๋ยวพันธมิตรท่านอื่นๆ จะได้พูดต่อไป แต่ยืนยันว่าตอนนี้เลยขั้นการเผชิญหน้าแล้วนะครับ ขอบคุณครับ”

นายสนธิ ลิ้มทองกุล
“ท่านพี่น้องสื่อมวลชนครับ วันนี้เป็นเรื่องที่ไม่ใช่เป็นเรื่องวิกฤตอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องความล่มสลายของสังคมไทย ล่มสลายอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ทำไมผมถึงพูดว่าเป็นการล่มสลาย ที่ผมต้องพูดว่าเป็นการล่มสลายนั้น ก็เพราะว่า โดยปรัชญาและตรรกะนั้นโจรไม่สามารถที่จะเข้ามาเป็น ส.ส.แล้วก็แก้กฎหมายล้างความผิดที่โจรทำได้ แต่ที่น่าสนใจคือ ส.ส.กลับสามารถเข้ามาอยู่ในสภาแล้วแก้กฎหมายเพื่อล้างความผิดที่ตังเองและพรรคพวกทำได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คนที่คิดแบบนี้ก็ไม่ต่างกับโจร เพียงแต่ว่ามีสถานภาพที่เหนือกว่าโจรตรงที่ว่า สามารถจะเอาเงินซื้อเสียงแล้วเข้ามานั่งในสภาได้ ความถูกต้องในสังคมนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด วันนี้เป็นการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความถูกต้องให้กลับมาสู่สังคมไทย ถ้าสังคมไหนไม่มีความถูกต้อง และคนในสังคมไม่ยึดถือหลักจริยธรรม คุณธรรม และความถูกต้องแล้ว สังคมนี้อยู่ไม่ได้ เมื่อสังคมอยู่ไม่ได้ ชาติก็อยู่ไม่ได้ ศาสนาก็อยู่ไม่ได้ พระมหากษัตริย์ก็อยู่ไม่ได้ นี่คือความล่มสลายของระบบทั้งระบบ และวันนี้เป็นบทพิสูจน์ว่า ทำไมการเมืองในยุคที่ผ่านมาถึงใช้เงินใช้ทองซื้อเสียงกันเข้ามา ก็เหตุผลเพราะว่า เมื่อเอาเงินเอาทองซื้อเสียงเข้ามาแล้วมีอำนาจ ก็สามารถใช้อำนาจนั้นมาทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพียงคำพูดคำเดียวเท่านั้นเองที่สร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง คำพูดนั้นก็คือว่า "ผมได้รับเลือกตั้งเข้ามา"

พี่น้องสื่อมวลชนจะเห็นได้ชัดนะครับว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่โตมโหฬารมาก เป็นเรื่องความล่มสลายของชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ไม่เคยมีครั้งไหน ท่าน อ.สมเกียรติ ท่านบอกว่าเป็นวิกฤตรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4 ผมว่าไม่ใช่เพียงแค่วิกฤตรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4 เป็นวิกฤตของชาติบ้านเมือง เป็นวิกฤตของความเชื่อ เป็นวิกฤตของศีลธรรม เป็นวิกฤตของคุณธรรม เป็นวิกฤตของจริยธรรม ว่าพวกเราจะอยู่ในสังคมที่ยึดถือความถูกต้องเป็นหลัก หรือพวกเราจะอยู่ในสังคมที่ยึดถืออำนาจเงินแล้วทำสิ่งที่ผิดให้เป็นสิ่งที่ถูกอย่างไร้ยางอายหรือไม่ นะครับ ผมยืนยันตรงนี้ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องความล่มสลายของสังคมที่จะมีผลกระทบไม่ใช่เฉพาะชาติบ้านเมืองอย่างเดียว ถึงชั่วลูกชั่วหลานเราต่อไป นะครับ เพราะว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้น อีกหน่อยทุกคนในสังคมก็บอกว่า ไม่ต้องเอาคุณธรรมไม่ต้องเอาจริยธรรมเป็นตัวตั้ง ให้เอาเงินเป็นตัวตั้ง ใครมีเงินคนนั้นคือความถูกต้อง ผมก็เลยอยากจะฝากเอาไว้ครับว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ”

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
“พี่น้องสื่อมวลชนและท่านประชาชนที่ติดตามข่าวต่างๆ มีบางคนบอกว่าทำไมออกมาเร็ว ผมอยากให้ตั้งสมาธิและลองพิจารณาว่าปัญหาการกระทำนั้นเกิดจากพฤติกรรมการกระทำของรัฐบาลนอมินี หรือรัฐบาลสมัครทั้งสิ้น ไม่ว่าเรื่องการโยกย้าย ตัดตอน เปลี่ยนแปลงบุคลากร ข้าราชการ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมก่อนถึงศาล ซึ่งพี่น้องสื่อมวลชนทราบดีอยู่ และที่สำคัญที่สุด มีความพยายามตั้งใจที่จะแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 237 อันนี้ก็เป็นกรรมที่แสดงเจตนาที่ชัดๆ อีกว่า ที่ทำไปนั้นไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนเลย แต่ว่าเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังถูกดำเนินคดีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคดีการคอร์รัปชั่นของอดีตนายกรัฐมนตรีที่กำลังถูกกล่าวหา อยู่ในระหว่างกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ระดับที่จะถึงศาล และที่ยังไม่ถึง และรวมทั้งการทุจริตการเลือกตั้ง อันนี้ชัดๆ นะครับ เพราะว่ากฎหมายนี้เขียนเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เรื่องพรรคการเมือง เรื่องการเลือกตั้ง เรื่องคณะกรรมการการเลือกตั้ง และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็เขียนเอาไว้ ซึ่งสาระก็ไม่ได้ต่างกับปี 40 แต่เพียงขยายเพิ่มขึ้น และกฎหมายรัฐธรรมนูญนี้ก็ผ่านประชามติของประชาชนส่วนใหญ่ เห็นชอบ และประกาศใช้มาตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2550 กติกานี้ออกก่อนนะครับ และบรรดานักการเมืองที่ลงไปเล่นในกติกานี้ก็ยอมรับ จึงลงไปเล่น พรรคพลังประชาชนก็ลงไปเล่น ทุกคนก็ลงไปเล่น ซึ่งรู้ว่ากฎหมายนี้เขียนว่าอย่างไร

เห็นไหมครับว่าความเสียหายของชาติบ้านเมืองไม่ได้เกิดจากรัฐธรรมนูญ แต่บังเอิญนักการเมือง นักเลือกตั้งทั้งหลาย ไปทุจริต ไปคอร์รัปชั่น ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ก็เลยกลัวว่าจะถูกลงโทษ ก็เลยไปบอกว่ารัฐธรรมนูญนี้ทำให้ประเทศชาติพัง ความจริงประเทศชาติพังเพราะมีการโกง มีการทุจริต การคอร์รัปชั่น ประเทศไทยนั้นเป็นปัญหาที่เพิร์กส ก็จัดอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่าทุจริตคอร์รัปชั่นมาโดยตลอด การคอร์รัปชั่นคือการโกงกินทรัพย์สินของแผ่นดิน เงินของคนทุกคน ฉะนั้นนี่คือปัญหาของชาติบ้านเมือง ที่เราออกมาคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของตนเองนั้น ก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ถ้าพรรคการเมืองใดไม่ทุจริต ไม่โกง ไม่ซื้อเสียง ก็ไม่ได้เป็นอันตราย เห็นไหมครับพรรคเพื่อแผ่นดินไทย ก็ไม่ได้เป็นอันตราย พรรคประชาราช ก็ไม่ได้เป็นอันตราย พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ได้เป็นอันตราย ใครที่เข้าไปกระทำความผิดเท่านั้นจึงเป็นอันตราย บุคคลที่เป็นหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคนั้น เมื่อได้อำนาจก็สามารถที่จะไปบริหารประเทศได้ ถ้าบุคคลระดับหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ไม่สำนึกว่าการทุจริต การคอร์รัปชั่นในการเลือกตั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ และพรรคทั้งพรรคก็ได้ประโยชน์ เพราะเมื่อเสียงข้างมากได้เข้าไปบริหารประเทศ เพราะฉะนั้นผมคิดว่ากฎหมายฉบับนี้ชอบธรรมที่จะป้องกัน ที่จะไปสกัดการแก้ตัวของนักการเมืองระดับผู้นำว่า ฉันทำคนเดียว ฉันไม่รู้

ข้อสังเกต พรรคที่กำลังจะถูกตรวจสอบ หรือถูกใบแดง หรือถูกดำเนินคดีนี้ ไม่ได้บอกว่าตัวเองไม่ทำ แต่บอกว่าคนทำนั้นน่าจะรับผิดชอบ ทำให้จะต้องให้พรรครับผิดชอบ ไม่ได้เถียงนะครับว่าไม่ได้โกง ไม่ได้ทุจริต แต่เถียงว่าทุจริต แต่อย่ามาดำเนินการยุบพรรค ฉะนั้นอันนี้ล่ะที่จะชี้ให้เห็น ดังนั้นในฐานะประชาชน พี่น้องประชาชนก็ควรจะใช้สิทธิตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีสิทธิตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ถึงระดับชาติ อันนี้ก็เป็นหน้าที่ของพี่น้องประชาชนที่จะต้องมาประชุมร่วมกัน เพื่อแสดงความคิดเห็น ในวันที่ 28 เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) เพื่อให้ประชาชนได้มาวิเคราะห์พิจารณาว่าสิ่งที่ดำเนินการไปนั้นใครได้ ใครเสียประโยชน์

อีกประเด็นหนึ่งก่อนที่พรรครัฐบาลจะมาบริหารประเทศก็เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่าจะซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญทุกประการ แต่นี่มาถึง บริหารมาไม่ได้ 1 เดือน จะแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ตอนแถลงนโยบายรัฐธรรมนูญนี่กำหนดนะครับว่า นโยบาย 1 ปีแรกที่คุณจะต้องทำ ต้องพูดว่าจะทำอะไร ซึ่งไม่ได้ปรากฏในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในรอบ 1 ปีแรก แต่บอกแต่เพียงว่า อีก 3-4 เดือนจะหมดวาระ หรือจะยุบสภา หรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วจึงจะแก้รัฐธรรมนูญ อันนี้ก็เป็นตัวชี้ให้เห็นว่าการกระทำครั้งนี้ไม่มีความชอบธรรม ไม่เคารพกฎเกณฑ์กติกา แต่ต้องการจะทำเพื่อพรรคพวกตนเองและพวกพ้อง โดยเฉพาะจะปกป้องการฟอกผิดของอดีตนายกรัฐมนตรีที่พรรคนอมินีพยายาม ตามคำแถลงของพันธมิตรฯ มาตามลำดับ และวิธีการแบบนี้ล่ะครับ ที่บอกว่าเป็นเผด็จการพันธุ์ใหม่ วิธีการแบบนี้ล่ะครับที่เขาเรียกว่าเผด็จการทุนนิยมสามานย์โดยแท้ เพราะว่าใช้อำนาจลากไป โดยไม่ได้คำนึงว่าสิ่งที่ทำนั้นเกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนหรือไม่ ก็อยากให้พี่น้องประชาชนได้ตรวจสอบติดตามเพื่อแก้ไขปัญหา ปกป้อง และให้กระบวนการยุติธรรมต่างๆ ได้ดำเนินการไปตามปกติในการจัดการป้องกันแก้ไขปัญหาการทุจริต การคอร์รัปชั่นของนักการเมือง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของบ้านเมืองเราในวันนี้ครับ”

นายพิภพ ธงไชย
“พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนที่อยู่ในที่นี้ ผมอยากจะเพิ่มเติมในประเด็นเรื่อง รัฐธรรมนูญ และการเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ ผมคิดว่า ความสำคัญตรงนี้อยู่ตรงที่ว่า ในรัฐธรรมนูญจะให้อำนาจไว้ 3 ฝ่าย อำนาจตุลาการ อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจบริหาร และต้องการให้ทุกฝ่ายมีอิสระ เพราะฉะนั้นในวันนี้ที่พรรครัฐบาลที่เป็นนอมินีได้หักดิบในการจะแก้ไขมาตรา 237 ไม่เป็นเรื่องที่ธรรมดา เพราะการกระทำครั้งนี้ถือเป็นการใช้อำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติไปทำลายอำนาจตุลาการ ผมคิดว่าอันนี้เป็นใจความสำคัญ และอำนาจตุลาการได้ถูกกระตุ้นโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในเรื่องตุลาการภิวัตน์ว่า ควรจะเป็นอำนาจที่มาแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศ เพราะฉะนั้นเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 เขียนให้อำนาจตุลาการมีความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาความไม่ถูกต้อง ชอบธรรม ที่อาจจะเกิดจากอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร เสร็จแล้วอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร มาหักดิบ แก้ไขมาตรา 237 นี่เป็นการทำลายอำนาจตุลาการ เพราะฉะนั้นถ้าสังคมยอมให้มีการแก้มาตรานี้เพื่อทำลายความชอบธรรมในการนำคดีขึ้นสู่ศาล

ผมคิดว่าสังคมจะไม่เหลืออะไร เพราะตอนนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า อำนาจนิติบัญญัติกับอำนาจบริหารได้รวมหัวกัน เหลือแต่อำนาจตุลาการที่จะใช้กฎหมายเพื่อทำความถูกต้องให้ปรากฏ เพราะฉะนั้นที่สำคัญมากไม่ใช่อยู่ที่เพื่อหลบเลี่ยงคดีเท่านั้น แต่ถ้าทำให้มาตรา 237 ถูกแก้ออกไปได้ อำนาจตุลาการจะล่มสลาย และเมื่อแก้ไขมาตรา 237 ได้ ต่อไปจะแก้ไขมาตราอื่นที่มีผลกระทบต่ออำนาจตุลาการ ผมคิดว่า ณ วันนั้นเราจะเรียกว่าเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขไม่ได้ เพราะจุดมุ่งหมายของระบอบประชาธิปไตยคือ ให้ 3 อำนาจสามารถคานกัน เมื่อ 2 อำนาจฮั้วกัน อำนาจที่ 3 อำนาจตุลาการต้องมีศักดิ์ศรี มีประสิทธิภาพในการทำงาน อำนาจที่ 4 คือ ภาคประชาชน ก็มีหน้าที่สนับสนุนให้ตุลาการได้ทำงานเพื่อแก้ไขความไม่ถูกต้องในอดีต และทำให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถทำความไม่ถูกต้องไปล้มล้างอำนาจตุลาการ เพราะฉะนั้นประเทศไทยจะมีปัญหา สังคมไทยจะมีปัญหา ถ้าเรายอมให้แก้ไขมาตรา 237 ซึ่งหัวใจสำคัญก็คือ ไปทำลายกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ไปทำลายอำนาจตุลาการ ประเทศไทยจะถูกล่าไปด้วยการบริหารของพรรคพวกนักการเมืองที่เข้ามาอย่างไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า ความสำคัญของ 237 ก็คือการทำลายอำนาจตุลาการ เมื่ออำนาจตุลาการถูกทำลายไป ผมคิดว่าสังคมไทยเกิดวิกฤตแน่ครับ”

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์
“พี่น้องสื่อมวลชนครับ หลังจากสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยได้เปิดตัวอีกครั้งที่โรงแรมเวียงใต้ ก็ปรากฏว่าได้รับการตอบรับสนใจเข้าร่วมกิจกรรมสมัชชาเกินคาดจากคนทุกวงการ ทุกสาขาวิชาชีพ ฉะนั้นจึงมีการกำหนดว่าวันที่ 5 เมษายนนี้ จะมีการประชุมใหญ่ครั้งแรกของสมัชชาฯ ที่ลุมพินีสถาน ตั้งแต่เวลา 13.00 - 15.00 น. เพื่อรับรองข้อบังคับสมัชชาฯ ในการทำกิจกรรมต่อไป แต่เวทีที่สำคัญในวันนั้นตั้งแต่ 15.00 - 18.00 น. จะเป็นเวทีเสวนาเรื่อง "การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใครได้ ใครเสีย" โดยผู้ที่จะนำเสวนาก็คือ ท่านประธานปรึกษาสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่าน จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจปัญหาบ้านเมือง ไปร่วมรับฟังการเสวนาจัดโดยสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ในวันที่ 5 เมษายนนี้ แจ้งความจำนงขอสำรองที่นั่งได้ที่เบอร์ 081-4317127 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 5 เมษายน เพื่อเราจะได้สำรองที่นั่งให้ถูกจำนวนที่สนใจจะเข้าร่วม และสิ่งที่วันนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงโดย 5 แกนนำ คงจะเป็นการหยิบยกไปขยายรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งในเวทีเสวนาในวันที่ 5 เมษายน จึงแถลงมาให้ทราบทั่วกัน ขอบคุณครับ”

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
“ผมต้องขอพูดไว้เป็นคนหลัง เพราะว่าอาจจะมีปัญหาเพิ่มเติมที่ผู้สื่อข่าวอาจจะถามผม การแก้รัฐธรรมนูญคราวนี้เป็นการกระทำที่ผิดหลักการอย่างยิ่ง นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่มีการออกเสียงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เมื่อออกมาแล้วทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีเงื่อนไข ก่อนสมัครเข้ารับเลือกตั้ง นักการเมืองทุกคนรู้ดีว่าก่อนสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็น ส.ส.นั้น ตัวเองรู้ดีว่ารัฐธรรมนูญกำหนดไว้อย่างไร อะไรทำไม่ได้ อะไรที่ทำแล้วเป็นความผิด รวมทั้งกำหนดบทลงโทษไว้ด้วยว่า เช่น จะต้องถูกยุบพรรคการเมือง จะต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เมื่อนักการเมืองจงใจทำผิดรัฐธรรมนูญแล้วไม่ยอมรับการลงโทษ โดยจะแก้รัฐธรรมนูญให้เรื่องที่ผิดไปแล้วกลายเป็นไม่ผิด กฎหมายนั้นเขามีเอาไว้เพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ ถ้ากฎหมายให้โทษคนผิดไม่ได้ แล้วกฎหมายจะมีไว้ทำไม อีกหน่อยก็ไม่ต้องมีกฎหมาย แล้วก็ไม่ต้องมี ส.ส.ด้วย เพราะ ส.ส.มีหน้าที่ออกกฎหมาย จะเอาอย่างนั้นหรือ

รัฐบาลคือลูกจ้างชั่วคราว เราประชาชนเป็นนายจ้าง เราจะยอมให้ลูกจ้างชั่วคราวชุดนี้มาปู้ยี่ปู้ยำทำความวิบัติให้กับบ้านเมืองได้อย่างไร การที่รัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญคราวนี้ เรา ประชาชนไม่มีทางเลือกครับ ต้องช่วยกันคัดค้านอย่างเต็มที่ เนื่องจากว่าผมเพิ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัด ก็เลยร่างความคิดเห็นของผมเพื่อแจกให้สื่อมวลชนด้วยว่า ที่ผมพูดไปทุกคำนั้นอยู่ในลายลักษณ์อักษรนี้เรียบร้อยแล้วนะครับ และผมขอเรียนเพิ่มเติมเรื่องที่ผมจะไม่ได้ไปร่วมในการสัมมนาวันที่ 28 มีนาคมนี้ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องไปประชุมที่ประเทศญี่ปุ่น ถ้าต้องการรายละเอียดเดี๋ยวผมจะเรียนให้ทราบ คราวที่แล้วก็มีความจำเป็น ไม่สามารถเข้าประชุมกับพันธมิตรฯ ในวันที่ 12 มีนาคมได้ เพราะต้องเดินทางไปประชุมที่เกาหลี ที่จริงตัวผมในระยะหลังๆ นี้ นานๆ จะมีความจำเป็นเดินทางไปต่างประเทศเสียทีหนึ่ง เกิดเดินทางไปตอนที่เขามีเรื่องการประชุม มีเรื่องการสัมมนา เลยเกิดมีข่าวลือสะพือพัดไปเป็นการใหญ่ มีหลายคนโทรศัพท์มาถาม ผมจึงขอเรียนผ่านสื่อมวลชนด้วยนะครับว่าเป็นความจำเป็นจริงๆ ไม่ได้หนีไปแต่อย่างใด ขอบคุณครับ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า การคัดค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะมีการล่ารายชื่ออะไรไหมในวันที่ 28 นี้
นายสนธิ กล่าวว่า เราจะขอฉันทามติในที่ประชุมสัมมนานะครับ แล้วก็ที่สำคัญที่สุด ในแถลงการณ์นั้นได้ระบุชัดแล้วนะครับว่า หากรัฐบาลยังดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ฟังเสียงประชาชน หรือคนซึ่งลงประชามติ 14 ล้านเสียง แล้วเจตนารมณ์การแก้รัฐธรรมนูญนั้นเพื่อแก้ให้ตัวเองพ้นผิดนั้น เราจะเรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศเข้ามาร่วมกระบวนการกับเราพร้อมกัน เพื่อที่จะร่วมมือร่วมใจกันคัดค้านการกระทำของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งนัยตรงนี้ก็มีหลายรูปหลายแบบ จะให้ผมอธิบายเป็นรูปแบบที่ชัดเจนไปนั้น เอาเป็นว่าเมื่อถึงเวลาก่อนค่อยเล่าให้ฟัง เอาเป็นว่า ถ้ารัฐบาลยังดึงดันที่จะเดินหน้าอย่างนี้ต่อ เราจะระดมประชาชนที่เห็นด้วยกับเราทั่วประเทศไทย ให้ลุกขึ้นมาร่วมมือกับเราคัดค้านการทำงานของรัฐบาลตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญทุกประการ

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลก็อ้างว่าเลือกมาจากเสียงประชาชนให้สามารถดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า อ้างข้างๆ คูๆ ครับ เพราะอะไรครับ รัฐธรรมนูญเขาออกมาก่อนแล้ว มีการรับรอง มีการออกเสียงประชามติ คนส่วนใหญ่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ อย่างที่ผมเรียนไป ก่อนที่นักการเมืองจะเข้ามาสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. อ่านรัฐธรรมนูญมาหมดแล้วครับ รู้ดีว่ารัฐธรรมนูญกำหนดอะไรไว้บ้าง อะไรทำไม่ได้ อะไรมันผิด แล้วมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดครับมีการลงโทษอะไร เช่น จะต้องมีการยุบพรรคการเมือง จะต้องมีการตัดสิทธิ์ทางการเมือง รู้หมดแล้ว แล้วไปทำผิด จงใจทำผิดไม่ใช่ทำผิดโดยบังเอิญ จงใจทำผิดแล้วไม่ยอมรับโทษ โดยกลับจะมาแก้รัฐธรรมนูญให้ที่ตัวเองทำผิดแล้วไม่ผิด อย่างนี้ใช้ได้หรอครับ เอาอะไรมาเถียงผมถามหน่อย คราวนี้มันไม่ใช่การแก้รัฐธรรมนูญหรือแก้กฎหมายธรรมดาๆ นะครับ มันเป็นการทำลายระบอบทุกระบอบเลย อย่างที่คุณสมศักดิ์และคุณสนธิบอกไปแล้ว มันเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสสากัน มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย ทำไมเขากล้าทำอย่างนี้ เพราะว่าเขามีอำนาจเต็มที่จะทำอะไรก็ได้ จะเหยียบย่ำหัวใจคนไทยทั้งชาติก็สามารถทำได้ ไม่มีใครว่าเขา แล้วอย่างนี้เราปล่อยได้หรอครับ เพราะฉะนั้นเราจึงบอกว่า คราวนี้ก็ไม่ได้หรอกครับที่จะทำแบบนี้ ปล่อยไปได้อย่างไรครับลูกจ้างชั่วคราวชุดนี้ เอาไว้ได้อย่างไรครับ รัฐบาลคือลูกจ้างชั่วคราว เราเป็นนายจ้างนะครับ เขากินภาษีอากรเรา เราปล่อยให้ลูกจ้างชั่วคราวมาปู้ยี่ปู้ยำบ้านเมือง ทำความวิบัติให้บ้านเราทำได้อย่างไรครับ นี่คือเหตุผลชัดแจ้ง มีอะไรเถียงมาได้เลยครับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชาชนกำหนดแก้รัฐธรรมนูญให้เสร็จภายใน 3 เดือน กระบวนการของพันธมิตรฯ ที่จะลุกขึ้นมาเพื่อต่อต้านเรื่องนี้ จะทันกับสิ่งที่เขาพยายามผลักดันอยู่ในขณะนี้
นายสุริยะใส กล่าวว่า จริงๆ เป็นเรื่องที่ที่ประชุมคาดการณ์นะครับว่า ความพยายามครั้งนี้ทำอย่างลุกลี้ลุกลนและเร่งรัด แต่ว่ารูปแบบที่เราจะคัดค้านต้องทันกับสถานการณ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอหลังวันที่ 28 เพราะวันที่ 28 จะมีการเปิดตัวคณะกรรมการทั้ง 6 ชุด และผมเคยแจ้งไปในการประชุมแถลงข่าวครั้งที่แล้วว่า ต้นเม.ย.จะมีการประชุมกันภายในเพื่อกำหนดรูปแบบการเคลื่อนไหว แต่ทั้งหมดทั้งมวลเป็นไปตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ ส่วนจะเคลื่อนไหวอย่างไร ถึงเวลาจะแจ้งให้ทราบอีกทีหนึ่ง

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ผมเรียนเพิ่มเติมนะครับ สื่อมวลชนจะเห็นนะครับที่เราออกมารอบ 2 เราออกมาเพราะว่าบ้านเมืองมันจะไปไม่ได้ แล้วเหตุการณ์ที่ผ่านมาเหมือนกับที่เราคิดไว้ เหมือนกับที่เราพูดไว้ทุกประการ คือจะทำให้เกิดความเสียหายกับชาติบ้านเมือง ซึ่งเรายอมไม่ได้ เราไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็โผล่ออกมาเพื่อหาความดี เด่น ดัง ก็เปล่า ไม่มีอะไรที่เราได้มา มีแต่เราเสียแรง เสียเหงื่อ เสียเวลาไปเปล่าๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเขายืนยันจะแก้แล้วจะเปิดให้มีการลงประชามติอีกครั้งหนึ่ง
นายสนธิ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลายๆ ประการ การแก้นั้นถ้าแก้ แก้มาตราไหน ถ้าแก้มาตรา 237 กับ 309 อย่างไงเราก็ยอมไม่ได้ ผมเรียนขยายความให้ฟังนิดหนึ่งนะครับ ทางฝ่าย ส.ส.พรรครัฐบาล ทางตัวรัฐบาลเองพูดว่า รวมทั้งคุณบรรหาร ศิลปอาชา แล้วก็ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ พูดว่ารัฐธรรมนูญชุดนี้ทำให้การเมืองอ่อนแอ เราขอยืนยันนะครับ รัฐธรรมนูญชุดนี้จะทำให้ การเมืองที่ซื่อสัตย์สุจริตและโปร่งใส เข้มแข็งมากกว่าเก่า แต่จะทำให้การเมืองทุจริต คตโกงอ่อนแอ อีกประการหนึ่ง ใช้ตรรกะง่ายๆ ในเมื่อเขายอมรับรัฐธรรมนูญชุด 2550 นี้ ทำให้เขาได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ทำไมเขาถึงไม่ยอมรับมาตรา 237 ถ้าเช่นนั้นแล้วก็ลาออกจากรัฐมนตรีไปซิครับ ในเมื่อคุณไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญชุดนี้ คุณจะแก้ เพราะฉะนั้นวิธีแก้ง่ายที่สุด คุณก็ลาออกไป หรือดีที่สุดคุณก็ยุบสภาตอนนี้เลยก็ได้ ไม่เป็นไร แล้วก็เลือกตั้งกันใหม่ แล้วคุณชูธงซิครับ คุณยุบสภาพรุ่งนี้แล้วคุณชูธงว่า คุณจะเลือกตั้งใหม่เพื่อเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาท้าพันธมิตรฯ
นายสนธิ กล่าวว่า ผมไม่มีความเห็นเกี่ยวกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นะครับ และพวกเราก็ไม่มีความเห็น นอกจาก พล.ต.จำลอง จะมีความเห็น

จำลอง - ผมไม่อยากเอ่ยชื่อนี้ครับ

ถาม - เขาท้าให้ขึ้นเวทีมาดีเบตกันเรื่องนี้จะขึ้นด้วยไหมคะ

จำลอง - คุณว่าสมควรหรือ นะครับ อีกอย่างครับ ชอบอ้างเรื่อยเลยว่าต่างชาติเป็นห่วง ทำอย่างนี้แล้วต่างชาติจะไม่ให้ความมั่นใจนะ ขืนมาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัดโธ่ โกหกกันอยู่เรื่อยเลย โกหกกันทุกวัน วันละหลายเวลา ต่างชาติเขามีการข่าวดีนะครับ สถานทูตต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย เขาสืบหาข่าวซึ่งเป็นไปโดยปกติไม่ได้ผิดอะไรนะครับ ส่งไปประเทศเขา เขารู้นะครับตอนนี้อะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง ชอบเอามาอ้างอยู่เรื่อยเลย

สนธิ - ผมฝากข้อคิดนิดหนึ่งนะครับ จะเขียนก็ได้ไม่เขียนก็ได้ครับ ระหว่างเสือกับหมาคนบางคนเข้าใจผิด จริงๆ คนบางคนไม่ได้เป็นทั้งเสือหรือหมา เป็นแค่เป็ด ทำไมถึงบอกเป็ดรู้ไหม เป็ดว่ายน้ำก็ช้ากว่าปลา บินก็สู้นกไม่ได้ เดินก็แข่งกับหมาไม่ได้ ทำได้อยู่อย่างเดียว ร้องว่า กลับ กลับ กลับ กลับ ก้าบ ก้าบ ก้าบ กลับ กลับ กลับ พอเจออะไร ขี้กลัวพาลูกซุกหัวอยู่ในบ้าน นั่นละครับคนที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือหรือเป็นหมา แท้ที่จริงแล้วเป็นเป็ด

สุริยะใส - ไม่ได้ระบุชื่อนะครับว่าฝากถึงใคร ไม่ได้ระบุชื่อ อาจจะมีหลายคนนะครับ มีคำถามอื่นไหมครับ

ถาม - ฝั่งคุณประชา ประสพดี จะมีการระดมคนมา

จำลอง - อ๋อ เรื่องนี้นะครับ บอกไปแล้วนะครับว่า หน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยคือหน้าที่ลูกจ้างเรา คือ ตำรวจ กินเงินเดือนภาษีอากรเพื่อเรื่องนี้โดยตรง เป็นหน้าที่ของเขา แล้วเราก็ทำจดหมายแล้วครับ วันนี้คุณสุริยะใส จะไปยื่นต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่าเราจะทำอะไรที่ไหน ขอให้ตำรวจจัดการไปโดยความสงบเรียบร้อย นี่เป็นหน้าที่ของเขานะครับ ความรับผิดชอบอีกประการหนึ่งคือ ฝ่ายตรงข้ามที่จะมาทำให้เกิดความป่วน มันใช่เราที่ไหนเล่า ก็ที่ธรรมศาสตร์เขาจัดการสัมมนากันไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้งแล้ว ทำไมจะต้องทำให้เกิดความวุ่นวายอีก ชอบพูดนักพูดหนาว่า อย่าไปนะ อย่าไปนะ เดี๋ยวจะเกิดอย่างนู้นอย่างนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไรครับ อย่างนั้นไม่ต้องมีการสัมมนาไม่ต้องมีการประชุมกัน ไม่ต้องมีอะไรทำทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นใครจะทำอะไรต้องรู้ตัวเองนะครับว่า ตัวเองมีจิตอย่างไร จะทำให้เกิดความปั่นป่วนต่อบ้านเมืองใช่หรือไม่ เพียงเพื่อจะเอาชนะคะคานอยางนี้หรือ ประชาชนรู้ดีครับ แล้วเราก็มีบทพิสูจน์มาแล้ว การที่อยู่ดีๆ จะมาพูดเพ้อฝันไว้บนหิ้งทำได้ทั้งนั้น แต่เราพิสูจน์มาแล้วคราวที่แล้วเป็นปีนะครับที่เราไม่ใช่สัมมนาเฉยๆ ชุมนุม ชุมนุมกลางวันก็มี ชุมนุมกลางคืนก็มี ไปแล้วกลับก็มี บอกหมดเลยว่า จะไปแล้วกลับนะ เมื่อนั้นเมื่อนี้นะ เป็นไปตามนั้นหมดเลย ปักหลักพักค้าง 34 วัน 34 คืนก็มี แล้วอะไรเกิดขึ้นล่ะครับ ไม่เกิดขึ้นเพราะอะไร ก็เพราะว่า ตำรวจเขารักษาความสงบเรียบร้อย อีกฝ่ายหนึ่งไม่กล้าทำป่วนขึ้นมาเพราะประชาชนจะลงโทษ คราวนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เชื่อเลยครับว่า ประชาชนรู้ดีว่า เป็นเพราะ 2 ฝ่าย หนึ่ง ตำรวจทำงานไม่เต็มที่ สอง อีกฝ่ายหนึ่งต้องการทำความเดือดร้อนให้กับบ้านเมือง แค่นั้นเองครับไม่ใช่เรา เรามีประวัติมาเรียบร้อยแล้วที่สามารถพิสูจน์ได้

ถาม - คุณประชาออกมาระบุว่าจะมีการระดมกำลังประชาชนจังหวัดละ 500 คน เพื่อเป็นแนวกันระบอบเผด็จการที่จะฟื้นขึ้นมาใหม่

จำลอง - คุณอย่ามาเอ่ยชื่อคนบางคนเลยครับ เอาอย่างนี้ดีกว่าว่า มีคนๆ หนึ่ง ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อ มีคนๆ หนึ่งบอกไว้ว่าอย่างนี้ ก็แล้วแต่เขาเขาทำได้เต็มที่ในสิทธิตามระบอบรัฐธรรมนูญ เราไม่ได้ว่าอะไร อยากทำอะไรก็ทำไป แต่ถ้ามีความไม่สงบเกิดขึ้น ไม่ใช่เรา ถ้ามีความไม่สงบเกิดขึ้นก็เป็นเพราะฝ่ายเขาหรือไม่ตำรวจก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทั้งหูทั้งตาอยู่ในนาในไร่หมดเลย เลยไม่ได้ทำอะไร ก็แล้วแต่ครับ เราไม่มีทางเลือกครับ ถ้าเราไม่จัดการสัมมนาในห้องประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว คุณเสนอแนะซิว่าให้เราทำอะไร นั่งกันห้องแค่นี้เหรอครับ ก็รู้กันแค่นี้ เราต้องการที่ประชุมใหญ่ๆ แล้วเคยทำมาแล้ว คุณสนธิทำมาก่อนนะครับ ก่อนที่จะเกิดพันธมิตรฯ เสียอีก แล้วไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยครับ แล้วไม่ได้ทำครั้งเดียวด้วย ทำตั้งหลายครั้ง ไม่ใช่คุณสนธิทำแค่นั้น คุณไชยวัฒน์ก็จะทำอีกครับ ที่สวนลุมพินี ถ้างั้นมันก็ป่วนกันหมดสิครับ ป่วนกันทุกวันหรือไงครับ

สนธิ - อยากให้ท่านพี่น้องสื่อมวลชนลองคิดสักนิดนะครับ ในยุคที่ นปก.ชุมนุมนั้น ไม่เคยมีใครยกขบวนไปป่วน นปก. หรือแม้กระทั่งนายแพทย์เหวง เคยจัดเสวนา หรือประชุม ที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ซึ่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็อนุญาตให้หมอเหวงเป็นคนจัด ก็ไม่มีใครไปป่วน มีแต่ช่วงพวกเราเท่านั้นเองที่จัดประชุมอย่างสงบ ก็จะมีกระบวนการจัดตั้งมาเพื่อป่วนเราทั้งสิ้น แค่เปรียบเทียบแค่นี้ก็รู้ว่าวุฒิภาวะของกลุ่ม 2 คนนี้มันห่างกันแค่ไหน เพราะฉะนั้นคำถามนี้แทบจะไม่ต้องถามเลยนะครับ ไม่ว่าคุณอะไรก็ตาม ทางฝั่งไหนก็ตาม ที่คิดจะมาทำอะไรก็เชิญทำได้ตามสบายใจนะครับ

จำลอง - เรียนสั้นๆ นะครับว่าพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรฯ ไม่ว่าจะเป็นสมัชชาประชาชนฯ อะไรก็ตามแต่ ไม่ใช่กลุ่มนรกป่วนกรุงนะครับ เราไม่ใช่นรกป่วนกรุง เราดำเนินการทุกอย่างด้วยความสันติ อย่างรอบคอบ อย่างสุขุม เห็นกับชาติบ้านเมืองเป็นหลัก เท่านั้นเองครับ

ถาม - แล้ววันนี้มีเครือข่ายในแต่ละจังหวัดตอบรับการมาร่วมสัมมนามากน้อยแค่ไหน

สมศักดิ์ - คืออย่างนี้นะครับ เวลาใครกล่าวหาว่าใครก่อกวน ใครสร้างความวุ่นวาย ให้ดูที่พฤติกรรม คนที่เป็นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล พอประชาชนเขาจะใช้สิทธิเสรีภาพตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในการตรวจสอบหรือการแสดงความคิดเห็น ก็จะไประดมคนมา เพื่อมาชุมนุมใกล้เคียงกัน อันนี้มันก็น่าจะคิดได้แล้วนะว่าใครก่อกวนหรือไม่ก่อกวน แต่ว่าในส่วนของพันธมิตรฯ นั้นเราไม่ได้ระดมคนนะครับ เราเชิญพี่น้องประชาชนที่รักความถูกต้อง รักความเป็นธรรม และต้องการเห็นสังคมไทยกลับมาสู่สังคมที่ดีงาม ให้มาร่วมกันออกความคิดเห็นและแสดงพลัง มันคนละเรื่องกันนะครับกับการระดมคน เราเชิญบุคคลที่เห็นด้วยและบุคคลที่รักความถูกต้อง เป็นธรรม มาร่วม และเราใช้ความสมัครใจ เราประกาศเชิญชวน เราไม่ได้ไปเกณฑ์ไปอะไรใครมา

จำลอง - คำถามนี้ดีครับที่ว่าระดมคนมาหรือเปล่า ไม่ต้องระดมหรอกครับ เมื่อเช้านี้นะครับขณะที่พากันไปที่เมืองกาญจน์ ผมพบกับชาวกระบี่คณะใหญ่เบ้อเริ่มเลย เขารู้ว่าวันนี้จะมีการประชุมกัน เขาบอกเขาเอาด้วยเต็มที่ เขาสนับสนุนอย่างจริงจัง เราไม่ได้ไปชวนเขาสักหน่อยครับ เขาเอ่ยมา เขาบอกมา ตอนที่เราอยู่เฉยๆ มีแต่คนด่าเรา ตอนนี้ไปที่ไหนเขาบอกเอาด้วยๆๆ แล้วมาบอกทางเอเอสทีวีด้วยว่า เขาดูเอเอสทีวีช่องเดียว ดูมันทั้งวันทั้งคืนเลย ลูกก็ถามว่าดูทำไม เขาก็บอกเหตุผลให้ฟัง เห็นไหมเราต้องไประดม ต้องไปโฆษณาชวนเชื่อเหรอ เมื่อกี้ก็มีคนฝากตังค์ผมมา เมื่อวานนี้ก็ฝากตังค์ผมมา บอกเอาไปช่วยในการจัดการสัมมนาที่ธรรมศาสตร์ ผมเพิ่งให้คุณสนธิไปเมื่อกี้นี้ ต้องระดมเหรอครับ ไม่ต้องบอก ไม่ต้องเรี่ยไร ไม่เอ่ยสักคำเลยครับ แต่ประชาชนที่รักชาติรักแผ่นดินมีเยอะ ที่เขาพร้อมที่จะมาช่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่ อันนี้ต่างหากล่ะครับ เราไม่ใช่คณะที่จะต้องไประดม ต้องไปจ่ายโน่นจ่ายนี้แล้วมากันเยอะแยะ พอหมดเวลาก็กลับ ทำตามสัญญา คือกำหนดไว้แค่นี้ก็มาแค่นี้ แล้วก็กลับ มันก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ

ถาม - วันที 28 จะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ไหม

สุริยะใส - ก็อยากให้ติดตามดูแล้วกันครับ คงพูดไม่ได้นะครับ และข้อสังเกตเรื่องคุณประชานิดเดียวนะครับที่ถามนะครับ ฝากตั้งข้อสังเกตว่า คุณสมัคร นายกรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เอ่ยปากห้ามคุณประชา ผ่านรายการพูดจาประสาสมัคร คนฟังทั้งประเทศ แต่ตื่นเช้าคุณประชาบอกว่าจะจัดกิจกรรมเหมือนเดิม ก็คงสะท้อนให้เห็นว่าอำนาจในพรรคนี้ ใครกันแน่มีอำนาจในพรรค และคุณประชาทำงานให้ใคร อันนี้ฝากเป็นข้อสังเกต ส่วนจะมาก็เป็นสิทธินะครับ พันธมิตรฯ ไม่ได้วิตกกังวลอะไร

จำลอง - แล้วก็เลิกเสียทีนะที่ท้าบ้าง สาบานบ้าง สารพัด สารพัน นักเลงจริงเขาไม่ท้าหรอกครับ

สุริยะใส - ส่วนเรื่องเซอร์ไพรส์ก็ฝากให้ดูนะครับ ถ้าพูดก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์นะครับ ก็ปิดการแถลงข่าวไว้เท่านี้ก่อนนะครับ ขอบคุณมากครับ

/0110








กำลังโหลดความคิดเห็น