แกนนำพันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4/2551 คัดค้านและประณามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลบล้างความผิดของตนเองและพวกพ้อง ชี้เจตนาชัดหวังแก้ ม.237 และ ม.309 เพื่อลบล้างความผิด “ทักษิณ” และพวกพ้อง พร้อมเรียกร้องกระบวนการยุติธรรมร่วมใจแข็งขืนต่อสู้กับภัยคุกคามจากอำนาจอธรรม
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง การแถลงข่าวของแกนนำพันธมิตร ช่วงที่ 1
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง การแถลงข่าวของแกนนำพันธมิตร ช่วงที่ 2
คลิก! ชมการแถลงของพันธมิตรฯ ฉบับ 4/2551(56K) |(256K)
กำหนดการ"ยามเฝ้าแผ่นดิน" ภาคพิเศษ 28 มี.ค.51
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบไปด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4/2551 ดังนี้
“เรื่อง คัดค้านและประณามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลบล้างความผิดของตนเองและพวกพ้อง”
ตามที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ทั้ง 3 ฉบับเพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนอมินีได้เหิมเกริมในการแทรกแซงการทำงานของสื่อสารมวลชน ตลอดจนแทรกแซงและตัดตอนกระบวนการยุติธรรมก่อนถึงศาลอย่างต่อเนื่อง ดังที่ปรากฏแล้วนั้น
บัดนี้ เป้าหมายของระบอบทักษิณ ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เคยออกแถลงการณ์เอาไว้ล่วงหน้าในฉบับที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2551 ว่าจะมีขบวนการของรัฐบาลนอมินีดำเนินการแก้ไขกฎหมายและรัฐธรรมนูญเพื่อทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม ได้ปรากฏขึ้นเป็นจริงในวันนี้แล้ว
รัฐบาลนอมินีได้ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 ในมาตรา 237 เพื่อหลบเลี่ยงการกระทำความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งที่จะนำไปสู่การยุบพรรค และจะแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 เพื่อยุบเลิกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เพื่อตัดตอนคดีความทั้งหลายที่กำลังดำเนินต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครอบครัวและพวกพ้องไม่ให้เข้าสู่การพิจารณาของศาลในทุกวิถีทาง
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องเท่านั้น อันแสดงถึงพฤติกรรมที่เหิมเกริม ลุแก่อำนาจ และไร้ยางอาย อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทยโดยมีเหตุผลประกอบดังต่อไปนี้
ประการแรก มาตรา 237 ที่บัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญปี พุทธศักราช 2550 นั้น มีเอาไว้เพื่อป้องกันและลงโทษนักการเมืองมิให้ทุจริตในเลือกตั้ง ป้องกันไม่ให้คนไม่ดีเจ้าเล่ห์เพทุบายซึ่งใช้เงินเพื่อให้ได้อำนาจมาปกครองบ้านเมือง และให้พรรคการเมืองทุกพรรครับผิดชอบด้วยการสรรหาบุคคลที่จะไม่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งมาเป็นหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค
นอกจากมาตรา 237 ในรัฐธรรมนูญจะไม่เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามที่รัฐบาลนอมินีพยายามบิดเบือนแล้ว ในทางตรงกันข้าม มาตราดังกล่าวยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งในระบอบประชาธิปไตยให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ด้วยการกำจัดนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมายให้พ้นจากวงจรอุบาทว์ทางการเมือง และปกป้องรักษานักการเมืองที่สุจริตให้มีโอกาสเข้ามาบริหารบ้านเมือง
บุคคลใด หรือพรรคการเมืองใด ที่ต้องการลบล้างบทลงโทษตามมาตรา 237 ในรัฐธรรมนูญ ย่อมเท่ากับเป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยให้อ่อนแอและเสื่อมทรามลงอย่างชัดเจน
ประการที่สอง มาตรา 237 ที่บัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น ได้ประกาศหลักเกณฑ์และบทลงโทษเอาไว้ล่วงหน้าก่อนมีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองทุกพรรคจึงมีหน้าทีที่ต้องแสดงความรับผิดชอบในการคัดสรรคนดีมาเป็นหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค และหามาตรการป้องกันมิให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในทุกวิถีทาง ตราบใดที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองเหล่านั้นไม่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ย่อมไม่ถูกลงโทษตามมาตราดังกล่าวอย่างแน่นอน
แต่เมื่อพรรคการเมืองในรัฐบาลนอมินีมีกรรมการบริหารพรรคที่เข้าข่ายการกระทำความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง แล้วจะใช้วิธีแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 237 เพื่อลบล้างความผิดที่ได้ทำสำเร็จไปแล้วนั้น จึงถือได้ว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตัวเองและพวกพ้องให้พ้นความผิดอย่างไร้ยางอายเป็นอย่างยิ่ง
ประการที่สาม ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 309 ของรัฐบาลนอมินีนั้น ก็เพื่อยกเลิกบรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2549 รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวนั้น มีเป้าหมายสำคัญเพื่อที่จะยกเลิกองค์กรและทำให้การกระทำของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นโมฆะ
การกระทำดังกล่าวย่อมเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลนอมินีได้ทำการโยกย้ายตัดตอนข้าราชการที่มีส่วนสำคัญในการดำเนินคดีความกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครอบครัว และพวกพ้องเพื่อไม่ให้เข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลแล้ว เจตนาที่ต้องการแก้ไขมาตรา 309 นั้น ถือเป็นความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญที่แสดงออกถึงความขลาดกลัวในการพิสูจน์ตัวเอง และหลบหนีการตรวจสอบในชั้นศาลอย่างน่าอัปยศอดสูที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ประการที่สี่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันนั้น มาจากการลงประชามติของประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ แม้รัฐบาลนอมินีจะมาจากการรวมตัวกันของหลายพรรคการเมือง แต่ทุกพรรคการเมืองก็มิได้ชูนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตน ดังที่พยายามกระทำกันอยู่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตามอำเภอใจเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองที่กระทำผิดกฎหมายต่อบ้านเมือง จึงถือเป็นการไม่เคารพและไม่ยอมรับประชาชนชาวไทยที่ลงประชามติเห็นชอบรัฐธรรมนูญกว่า 14 ล้านเสียง
จากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงได้มาประชุมและกำหนดจุดยืนต่อสถานการณ์ดังนี้
1.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีมติให้คัดค้านและประณามการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้างมลทินของคนในระบอบทักษิณและในรัฐบาลนอมินี ว่าเป็นความไม่ชอบธรรม ขลาดกลัวในการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาล และเป็นเผด็จการรัฐสภาของทุนนิยมสามานย์โดยแท้
2.เบื้องหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 เพื่อหลบเลี่ยงจากการยุบพรรคก็ดี หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 เพื่อยุบเลิก คตส.ก็ดี ล้วนเป็นไปเพื่อลบล้างความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้องทั้งสิ้น หาได้เป็นการเสียสละเพื่อคนไทยทั้ง 63 ล้านคนไม่ นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงเป็นปัญหาที่แท้จริงของแผ่นดินอยู่เช่นเดิม
3.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเรียกร้องต่อบุคคลในกระบวนการยุติธรรมทั้งปวงให้ผนึกกำลังกันอย่างมีเอกภาพในการต่อสู้กับภัยคุกคามจากฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติที่ฉ้อฉล โดยการพิจารณาคดีความที่เป็นวิกฤติของชาติอย่างรวดเร็ว
4.ทันทีที่มีการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญอันเป็นผลทำให้เกิดการแก้ไขตัดตอนและลบล้างความผิดของคนในระบอบทักษิณ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพร้อมที่จะเชิญชวนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศมาร่วมกันคัดค้านตามวิถีทางรัฐธรรมนูญอย่างถึงที่สุด
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่รักความถูกต้อง และต้องการให้ความถูกต้องกลับคืนสู่สังคมไทย จงมาร่วมกันแสดงพลังและร่วมแสดงความคิดเห็นในการเข้าร่วมการสัมมนาครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) ตั้งแต่เวลา 16.00 น.ถึง 23.00 น.อย่างพร้อมเพรียงกัน
ด้วยจิตคารวะ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
26 มีนาคม 2551