แถลงการณ์ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 2/2551 “กลียุคมาแล้ว” ปรากฏการณ์ภายหลังจากแถลงการณ์ฉบับที่ 1/2551 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2551 การเคลื่อนไหวของรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช ได้มีการกระทำที่เสมือนการยั่วยุและดูถูกภาคประชาชนโดยได้ปรากฏพฤติกรรมดังต่อไปนี้
1. มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.) และฝ่ายนิติบัญญัติที่มีประวัติด่างพร้อย และมีมลทิน อันเป็นการจงใจหยามเหยียดเกียรติภูมิของประเทศ และดูถูกศักดิ์ศรีของคนในชาติ
2. มีการเร่งรัดในการโยกย้ายข้าราชการเพื่อแทรกแซง และตัดตอนกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การโยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้พ้นจากคดีความที่มีความเกี่ยวพันกับระบอบทักษิณ
3. มีการโยกย้ายข้าราชการตำรวจเพื่อล้างแค้นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตแกนนำอดีตพรรคไทยรักไทย และแกนนำพรรคพลังประชาชนให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ ไม่เว้นแม้แต่ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันเป็นสัญญาณการสร้าง “รัฐตำรวจ” ให้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อปูทางสร้างฐานให้กับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ น้องภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้มาเป็นผู้คุมดูแลรัฐตำรวจในอนาคตอันใกล้
4. มีการดำเนินการโยกย้ายข้าราชการอย่างอุกอาจสำคัญๆ เช่น เลขาธิการองค์การอาหารและยา (อย.) และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อย่างไร้เหตุผล อันเป็นการกระทำการโยกย้ายใช้อำนาจแบบเผด็จการทุนนิยมสามานย์อย่างโจ่งแจ้ง ดังที่เคยปรากฏมาแล้วเหมือนในอดีตในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อดีตนายกรัฐมนตรีกุมอำนาจตัดสินใจสั่งการแต่ผู้เดียว ทำลายระบบคุณธรรม ก่อให้เกิดความแตกแยกอย่างรุนแรง บริหาร สั่งราชการ และตัดสินใจในการดำเนินการใดๆ ขึ้นอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรแต่เพียงผู้เดียว
5. มีการแทรกแซงสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี โดยการยิงสัญญาณก่อกวนเพื่อปิดกั้นข้อมูลข่าวสารไม่ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และเป็นลักษณะของการก่อการร้ายสากล และยังให้เคเบิลทีวีท้องถิ่นในหลายพื้นที่งดการถ่ายทอดรายการจากสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารและข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งที่ตรงไปตรงมา
6. รัฐบาลได้จุดประเด็นดำเนินนโยบายบ่อนเสรีสร้างอบายมุขเหยียบย่ำศีลธรรม เป็นการจงใจที่จะทำลายรากเหง้าและฐานรากวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดีงามของสังคมไทยเพื่อแลกกับผลประโยชน์มหาศาลเฉพาะหน้า ทำลายแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่บัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญโดยไม่ใส่ใจกับการล่มจมของประเทศชาติสลายในอนาคต
7. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อสารมวลชนต่างประเทศเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมและมีเป้าหมายกลับมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างชัดเจนตลอดจนมีการพาดพิงไปถึงสถาบันอันสำคัญของประเทศว่าเป็นตัวการอยู่เบื้องหลัง
ทั้งหมดนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงอยู่หลังฉากบงการทางการเมืองในพรรคพลังประชาชนต่อไป และเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรยังคงเป็นปัญหาร้ายแรงของแผ่นดินอยู่เช่นเดิม
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่เคยเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยุติบทบาททางการเมือง แต่เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่แทรกแซงและบิดเบือนดังที่กำลังพยายามกระทำอยู่ในปัจจุบัน
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มาประชุมและเล็งเห็นเป้าหมายของระบอบทักษิณที่ทำให้เกิดกลียุคต่อชาติบ้านเมืองดังต่อไปนี้
เป้าหมายแรก จะมีกระบวนการยั่วยุทางการเมืองและสังคมให้เพิ่มมากขึ้น และอาศัย พรบ.ความมั่นคง เพื่อโยกย้ายทหารสร้างเงื่อนไขในการรัฐประหารตัวเอง แล้วล้มล้างคำสั่งของ คมช.ทั้งหมด อันจะเป็นผลทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลสถิตยุติธรรมทั้งหมดหรือ
เป้าหมายที่สอง จะมีการแก้ไขกฎหมายและรัฐธรรมนูญเพื่อทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวไม่ต้องเข้าไปพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ข้างต้น ดังต่อไปนี้ 1. พันธมิตรฯ ขอให้กระบวนการยุติธรรมใช้ความกล้าหาญและความรวดเร็วในการดำเนินคดีความเพื่อป้องกันมิให้วิกฤตที่สุดในโลกกลับคืนมาสู่ชาติบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง
2. เรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่าเห็นแก่ลาภสักการะไปรับใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งรวมถึงการโยกย้ายข้าราชการเพื่อลบล้างความผิดคดีความของคนในระบอบทักษิณ ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้ดำเนินคดีเอาไว้
3. เพิ่มบทบาทของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
3.1 ฟื้นการต้านระบอบทักษิณ การฟื้นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในสถานการณ์ใหม่ที่สลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความเข้าใจ ความรู้เท่าทันในเครือข่ายพันธมิตรฯ ในขอบเขตทั่วประเทศ ดังนั้นจะมีการสร้างเวทีสื่อสารทำความเข้าใจกันในเครือข่าย ในขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวในลักษณะใดๆ ก็ยังคงมีความจำเป็นตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมพันธมิตรฯ จะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ในเบื้องต้น พันธมิตรฯ จะจัดประชุมใหญ่แกนนำพันธมิตรฯ ทุกจังหวัด ทุกเครือข่ายทั่วประเทศในเร็วๆ นี้ เพื่อร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์และการร่วมกันสร้างพลังถ่วงดุลตรวจสอบและสร้างทางเลือกใหม่ให้สังคมการเมืองไทยต่อไป
3.2 เดินหน้าสร้างเครือข่าย และขยายแนวร่วมพันธมิตรฯ โดย 5 แกนนำจะเป็นเจ้าภาพในการประชุมหารือร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์ประเทศไทยและการกำหนดบทบาทที่หนุนเสริมซึ่งกันและกันทั้งในภาคประชาชน และสถาบันวิชาการต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสานต่อภารกิจกู้ชาติ และร่วมกันขับเคลื่อนสังคมใหม่ต่อไป
3.3 ตั้งคณะกรรมการติดตามตรวจสอบอำนาจรัฐจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและติดตามการทำงานขององค์กรต่างๆ ในประเด็นสำคัญๆ ดังนี้ คณะกก.ติดตามตรวจสอบความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย , คณะกก.ติดตามตรวจสอบการคุกคาม กลั่นแกล้ง และการละเมิดศักดิ์ศรีของข้าราชการ , คณะกก.ติดตามตรวจสอบการจัดระเบียบสื่อสารมวลชน,คณะกก.ติดตามตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญ,คณะกก.ติดตามตรวจสอบการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและความยากจน
1. มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.) และฝ่ายนิติบัญญัติที่มีประวัติด่างพร้อย และมีมลทิน อันเป็นการจงใจหยามเหยียดเกียรติภูมิของประเทศ และดูถูกศักดิ์ศรีของคนในชาติ
2. มีการเร่งรัดในการโยกย้ายข้าราชการเพื่อแทรกแซง และตัดตอนกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การโยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้พ้นจากคดีความที่มีความเกี่ยวพันกับระบอบทักษิณ
3. มีการโยกย้ายข้าราชการตำรวจเพื่อล้างแค้นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตแกนนำอดีตพรรคไทยรักไทย และแกนนำพรรคพลังประชาชนให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ ไม่เว้นแม้แต่ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันเป็นสัญญาณการสร้าง “รัฐตำรวจ” ให้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อปูทางสร้างฐานให้กับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ น้องภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้มาเป็นผู้คุมดูแลรัฐตำรวจในอนาคตอันใกล้
4. มีการดำเนินการโยกย้ายข้าราชการอย่างอุกอาจสำคัญๆ เช่น เลขาธิการองค์การอาหารและยา (อย.) และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อย่างไร้เหตุผล อันเป็นการกระทำการโยกย้ายใช้อำนาจแบบเผด็จการทุนนิยมสามานย์อย่างโจ่งแจ้ง ดังที่เคยปรากฏมาแล้วเหมือนในอดีตในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อดีตนายกรัฐมนตรีกุมอำนาจตัดสินใจสั่งการแต่ผู้เดียว ทำลายระบบคุณธรรม ก่อให้เกิดความแตกแยกอย่างรุนแรง บริหาร สั่งราชการ และตัดสินใจในการดำเนินการใดๆ ขึ้นอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรแต่เพียงผู้เดียว
5. มีการแทรกแซงสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี โดยการยิงสัญญาณก่อกวนเพื่อปิดกั้นข้อมูลข่าวสารไม่ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และเป็นลักษณะของการก่อการร้ายสากล และยังให้เคเบิลทีวีท้องถิ่นในหลายพื้นที่งดการถ่ายทอดรายการจากสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารและข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งที่ตรงไปตรงมา
6. รัฐบาลได้จุดประเด็นดำเนินนโยบายบ่อนเสรีสร้างอบายมุขเหยียบย่ำศีลธรรม เป็นการจงใจที่จะทำลายรากเหง้าและฐานรากวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดีงามของสังคมไทยเพื่อแลกกับผลประโยชน์มหาศาลเฉพาะหน้า ทำลายแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่บัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญโดยไม่ใส่ใจกับการล่มจมของประเทศชาติสลายในอนาคต
7. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อสารมวลชนต่างประเทศเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมและมีเป้าหมายกลับมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างชัดเจนตลอดจนมีการพาดพิงไปถึงสถาบันอันสำคัญของประเทศว่าเป็นตัวการอยู่เบื้องหลัง
ทั้งหมดนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงอยู่หลังฉากบงการทางการเมืองในพรรคพลังประชาชนต่อไป และเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรยังคงเป็นปัญหาร้ายแรงของแผ่นดินอยู่เช่นเดิม
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่เคยเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยุติบทบาททางการเมือง แต่เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่แทรกแซงและบิดเบือนดังที่กำลังพยายามกระทำอยู่ในปัจจุบัน
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มาประชุมและเล็งเห็นเป้าหมายของระบอบทักษิณที่ทำให้เกิดกลียุคต่อชาติบ้านเมืองดังต่อไปนี้
เป้าหมายแรก จะมีกระบวนการยั่วยุทางการเมืองและสังคมให้เพิ่มมากขึ้น และอาศัย พรบ.ความมั่นคง เพื่อโยกย้ายทหารสร้างเงื่อนไขในการรัฐประหารตัวเอง แล้วล้มล้างคำสั่งของ คมช.ทั้งหมด อันจะเป็นผลทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลสถิตยุติธรรมทั้งหมดหรือ
เป้าหมายที่สอง จะมีการแก้ไขกฎหมายและรัฐธรรมนูญเพื่อทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวไม่ต้องเข้าไปพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ข้างต้น ดังต่อไปนี้ 1. พันธมิตรฯ ขอให้กระบวนการยุติธรรมใช้ความกล้าหาญและความรวดเร็วในการดำเนินคดีความเพื่อป้องกันมิให้วิกฤตที่สุดในโลกกลับคืนมาสู่ชาติบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง
2. เรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่าเห็นแก่ลาภสักการะไปรับใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งรวมถึงการโยกย้ายข้าราชการเพื่อลบล้างความผิดคดีความของคนในระบอบทักษิณ ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้ดำเนินคดีเอาไว้
3. เพิ่มบทบาทของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
3.1 ฟื้นการต้านระบอบทักษิณ การฟื้นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในสถานการณ์ใหม่ที่สลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความเข้าใจ ความรู้เท่าทันในเครือข่ายพันธมิตรฯ ในขอบเขตทั่วประเทศ ดังนั้นจะมีการสร้างเวทีสื่อสารทำความเข้าใจกันในเครือข่าย ในขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวในลักษณะใดๆ ก็ยังคงมีความจำเป็นตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมพันธมิตรฯ จะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ในเบื้องต้น พันธมิตรฯ จะจัดประชุมใหญ่แกนนำพันธมิตรฯ ทุกจังหวัด ทุกเครือข่ายทั่วประเทศในเร็วๆ นี้ เพื่อร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์และการร่วมกันสร้างพลังถ่วงดุลตรวจสอบและสร้างทางเลือกใหม่ให้สังคมการเมืองไทยต่อไป
3.2 เดินหน้าสร้างเครือข่าย และขยายแนวร่วมพันธมิตรฯ โดย 5 แกนนำจะเป็นเจ้าภาพในการประชุมหารือร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์ประเทศไทยและการกำหนดบทบาทที่หนุนเสริมซึ่งกันและกันทั้งในภาคประชาชน และสถาบันวิชาการต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสานต่อภารกิจกู้ชาติ และร่วมกันขับเคลื่อนสังคมใหม่ต่อไป
3.3 ตั้งคณะกรรมการติดตามตรวจสอบอำนาจรัฐจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและติดตามการทำงานขององค์กรต่างๆ ในประเด็นสำคัญๆ ดังนี้ คณะกก.ติดตามตรวจสอบความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย , คณะกก.ติดตามตรวจสอบการคุกคาม กลั่นแกล้ง และการละเมิดศักดิ์ศรีของข้าราชการ , คณะกก.ติดตามตรวจสอบการจัดระเบียบสื่อสารมวลชน,คณะกก.ติดตามตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญ,คณะกก.ติดตามตรวจสอบการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและความยากจน