พันธมิตรฯ แถลงย้ำ “กลียุค” กลับมาแล้ว แฉ “ทักษิณ” ยังอันตราย ชักใยรัฐบาล “สมัคร” จงใจยั่วยุให้ ปชช.ลุกฮือ สร้างเงื่อนไขรัฐประหารตัวเองเพื่อลบล้างคำสั่ง คมช.ช่วย “แม้ว” พ้นกระบวนการศาล ประกาศเพิ่มบทบาทพันธมิตรฯ ฟื้นการต้านระบอบทักษิณ ประชุมใหญ่เครือข่ายทุกจังหวัด พร้อมตั้งคณะกรรมการติดตามตรวจสอบอำนาจรัฐ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง แกนนำพันธมิตรฯ แถลงการณ์
คลิกที่นี่! เพื่อชมการแถลงข่าวของพันธมิตรฯ (56k) | (256K)
เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.วันนี้ (5 มี.ค.) หลังจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ประชุมกันเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในรอบสัปดาห์แล้ว ได้ออกแถลงการณ์ ดังนี้
แถลงการณ์ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 2/2551 “กลียุคมาแล้ว”
ปรากฏการณ์ภายหลังจากแถลงการณ์ฉบับที่ 1/2551 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2551 การเคลื่อนไหวของรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช ได้มีการกระทำที่เสมือนการยั่วยุและดูถูกภาคประชาชนโดยได้ปรากฏพฤติกรรมดังต่อไปนี้
1. มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และฝ่ายนิติบัญญัติที่มีประวัติด่างพร้อย และมีมลทิน อันเป็นการจงใจหยามเหยียดเกียรติภูมิของประเทศ และดูถูกศักดิ์ศรีของคนในชาติ
2. มีการเร่งรัดในการโยกย้ายข้าราชการเพื่อแทรกแซงและตัดตอนกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้พ้นจากคดีความที่มีความเกี่ยวพันกับระบอบทักษิณ
3. มีการโยกย้ายข้าราชการตำรวจเพื่อล้างแค้นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตแกนนำอดีตพรรคไทยรักไทย และแกนนำพรรคพลังประชาชนให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ ไม่เว้นแม้แต่ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันเป็นสัญญาณการสร้าง “รัฐตำรวจ” ให้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อปูทางสร้างฐานให้กับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้มาเป็นผู้คุมดูแลรัฐตำรวจในอนาคตอันใกล้
4. มีการดำเนินการโยกย้ายข้าราชการอย่างอุกอาจสำคัญๆ เช่น เลขาธิการองค์การอาหารและยา (อย.) และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อย่างไร้เหตุผล อันเป็นการกระทำการโยกย้ายใช้อำนาจแบบเผด็จการทุนนิยมสามานย์อย่างโจ่งแจ้ง ดังที่เคยปรากฏมาแล้วเหมือนในอดีตในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อดีตนายกรัฐมนตรีกุมอำนาจตัดสินใจสั่งการแต่ผู้เดียว ทำลายระบบคุณธรรม ก่อให้เกิดความแตกแยกอย่างรุนแรง บริหาร สั่งราชการ และตัดสินใจในการดำเนินการใดๆ ขึ้นอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรแต่เพียงผู้เดียว
5. มีการแทรกแซงสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี โดยการยิงสัญญาณก่อกวนเพื่อปิดกั้นข้อมูลข่าวสารไม่ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และเป็นลักษณะของการก่อการร้ายสากล และยังให้เคเบิลทีวีท้องถิ่นในหลายพื้นที่งดการถ่ายทอดรายการจากสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารและข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งที่ตรงไปตรงมา
6. รัฐบาลได้จุดประเด็นดำเนินนโยบายบ่อนเสรีสร้างอบายมุขเหยียบย่ำศีลธรรม เป็นการจงใจที่จะทำลายรากเหง้าและฐานรากวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดีงามของสังคมไทยเพื่อแลกกับผลประโยชน์มหาศาลเฉพาะหน้า ทำลายแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่บัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญโดยไม่ใส่ใจกับการล่มจมของประเทศชาติสลายในอนาคต
7. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อสารมวลชนต่างประเทศเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมและมีเป้าหมายกลับมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างชัดเจนตลอดจนมีการพาดพิงไปถึงสถาบันอันสำคัญของประเทศว่าเป็นตัวการอยู่เบื้องหลัง
ทั้งหมดนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงอยู่หลังฉากบงการทางการเมืองในพรรคพลังประชาชนต่อไป และเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรยังคงเป็นปัญหาร้ายแรงของแผ่นดินอยู่เช่นเดิม
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่เคยเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยุติบทบาททางการเมือง แต่เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่แทรกแซงและบิดเบือนดังที่กำลังพยายามกระทำอยู่ในปัจจุบัน
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มาประชุมและเล็งเห็นเป้าหมายของระบอบทักษิณที่ทำให้เกิดกลียุคต่อชาติบ้านเมืองดังต่อไปนี้
เป้าหมายแรก จะมีกระบวนการยั่วยุทางการเมืองและสังคมให้เพิ่มมากขึ้น และอาศัย พรบ.ความมั่นคง เพื่อโยกย้ายทหารสร้างเงื่อนไขในการรัฐประหารตัวเอง แล้วล้มล้างคำสั่งของ คมช.ทั้งหมด อันจะเป็นผลทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลสถิตยุติธรรมทั้งหมด
หรือ
เป้าหมายที่สอง จะมีการแก้ไขกฎหมายและรัฐธรรมนูญเพื่อทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวไม่ต้องเข้าไปพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ข้างต้น ดังต่อไปนี้
1. พันธมิตรฯ ขอให้กระบวนการยุติธรรมใช้ความกล้าหาญและความรวดเร็วในการดำเนินคดีความเพื่อป้องกันมิให้วิกฤตที่สุดในโลกกลับคืนมาสู่ชาติบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง
2. เรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่าเห็นแก่ลาภสักการะไปรับใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งรวมถึงการโยกย้ายข้าราชการเพื่อลบล้างความผิดคดีความของคนในระบอบทักษิณ ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้ดำเนินคดีเอาไว้
3. เพิ่มบทบาทของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
3.1 ฟื้นการต้านระบอบทักษิณ
การฟื้นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในสถานการณ์ใหม่ที่สลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความเข้าใจ ความรู้เท่าทันในเครือข่ายพันธมิตรฯ ในขอบเขตทั่วประเทศ ดังนั้นจะมีการสร้างเวทีสื่อสารทำความเข้าใจกันในเครือข่าย ในขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวในลักษณะใดๆ ก็ยังคงมีความจำเป็นตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมพันธมิตรฯ จะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ในเบื้องต้น พันธมิตรฯ จะจัดประชุมใหญ่แกนนำพันธมิตรฯ ทุกจังหวัด ทุกเครือข่ายทั่วประเทศในเร็วๆ นี้ เพื่อร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์และการร่วมกันสร้างพลังถ่วงดุลตรวจสอบและสร้างทางเลือกใหม่ให้สังคมการเมืองไทยต่อไป
3.2 เดินหน้าสร้างเครือข่าย และขยายแนวร่วม
พันธมิตรฯ โดย 5 แกนนำจะเป็นเจ้าภาพในการประชุมหารือร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์ประเทศไทยและการกำหนดบทบาทที่หนุนเสริมซึ่งกันและกันทั้งในภาคประชาชน และสถาบันวิชาการต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสานต่อภารกิจกู้ชาติ และร่วมกันขับเคลื่อนสังคมใหม่ต่อไป
3.3 ตั้งคณะกรรมการติดตามตรวจสอบอำนาจรัฐ
จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและติดตามการทำงานขององค์กรต่างๆ ในประเด็นสำคัญๆ ดังนี้
- คณะกรรมการติดตามตรวจสอบความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย
- คณะกรรมการติดตามตรวจสอบการคุกคาม กลั่นแกล้ง และการละเมิดศักดิ์ศรีของข้าราชการ
- คณะกรรมการติดตามตรวจสอบการจัดระเบียบสื่อสารมวลชน
- คณะกรรมการติดตามตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญ
- คณะกรรมการติดตามตรวจสอบการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและความยากจน
ด้วยจิตคารวะ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
5 มีนาคม 2551
คำต่อคำ 5 แกนนำพันธมิตรแถลงจุดยืน
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
จากการประชุมคราวที่แล้วเราได้ตอบปัญหาทุกปัญหากับสื่อมวลชน ปัญหาหนึ่งก็คือ ตั้งคำถามว่า ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไปเราจะทำอะไร เมื่อไร ที่ไหน ขอยืนยันตรงนี้อีกทีหนึ่งนะครับว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้นทำตามสถานการณ์ ไม่ได้ทำตามใจ ถ้าทำตามใจเราจะกำหนดไปเลยว่าวันไหน เวลาไหน เราจะทำอะไร แต่นี่เมื่อสถานการณ์เพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงไป เราก็เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ เพราะฉะนั้นในวันนี้ก็เช่นกันที่เราได้ออกแถลงการณ์ไปนี้เป็นการทำตามสถานการณ์ และเรายังยืนยันนะครับว่าเราจะต่อต้านทุกรูปแบบที่เราจะร่วมกันกับประชาชนทั่วๆ ไป เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับบ้านเมือง และเพื่อยุติวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายที่สุดอยู่ในขณะนี้ จึงขอทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนอีกครั้งหนึ่งว่า สาเหตุที่เราไม่ได้บอกตั้งแต่คราวที่แล้วว่าวันไหน เวลาไหน เราจะทำอะไร เพราะว่าเราทำตามสถานการณ์
จะเห็นชัดนะครับว่าการดำเนินการของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่แล้วๆ มานั้น ต่างคนต่างไปรวบรวมข้อมูลมาและเมื่อถึงวันที่เรานัดประชุมก็มาแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน ว่าสถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เราจะทำอะไรต่อไป เราจะทำอย่างนี้ทุกครั้งๆ ตลอดไปครับ เพื่อให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราแถลงมานั้นเราได้พิจารณาโดยรอบคอบแล้ว ไตร่ตรองแล้ว ไม่ใช่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำตามใจเราก็หาไม่ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญครับ
สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
ผมอยากจะกราบเรียนสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทั่วประเทศว่า รัฐบาลของสมัคร สุนทรเวช ได้สมคบกับระบอบทักษิณ แล้วเก็บอาการไม่อยู่ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 176 กำหนดไว้ว่า คณะรัฐมนตรีจะบริหารราชการแผ่นดินได้ก็ต่อเมื่อได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา จากนั้นจึงจะบริหารประเทศชาติบ้านเมืองได้ ปรากฏว่ามีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันที่ 18 , 19 , 20 ซึ่งผมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ด้วย พอวันรุ่งขึ้นก็ออกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายเลย ยังไม่ทันบริหารงานเลย แสดงให้เห็นการลุแก่อำนาจ การบ้าอำนาจของหุ่นเชิดและระบอบทักษิณ และผมอยากจะเรียนว่า ในคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งประกอบไปด้วยท่านประธานศาลฎีกา ท่านประธานศาลปกครองสูงสุด และตุลาการอาวุโสทั้งหมด 7 ท่าน รวม 9 ท่าน ได้มีสำนวนในคำวินิจฉัยตอนหนึ่งว่า ขออนุญาตอ่านให้สิ้นกระแสความเลยนะครับเพื่อจะเป็นการลบล้างคนอย่างนายสมัคร สุนทรเวช คนอย่างนายจักรภพ เพ็ญแข ที่บอกว่า ทีรัฐบาลอื่นย้ายข้าราชการสำคัญไป ไม่เห็นพูดอะไรเลย
ในหน้า 152 ของเอกสารเล่มนี้ เอกสารคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ ข้อ ก.กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ คุมอำนาจตัดสินใจสั่งการแต่ผู้เดียว ทำลายระบบคุณธรรม ก่อให้เกิดความแตกแยกอย่างรุนแรง เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า การบริหารงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ อำนาจการบริหาร สั่งราชการ และการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายใดๆ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ผู้เดียว รัฐมนตรีของรัฐบาลมีส่วนร่วมในการตัดสินใจน้อยมาก นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคไทยรักไทย เป็นจำนวนเสียงข้างมากโดยเด็ดขาด ก็ตกอยู่ภายใต้การครอบงำสั่งการของ พ.ต.ท.ทักษิณ และผู้ใกล้ชิด เป็นผู้กำหนดทิศทางและแนวทางในการลงมติในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนประเด็นเรื่องการทำลายระบบคุณธรรมก็มีผลสืบเนื่องจากพฤติกรรมที่แสดงออกโดยชัดแจ้งของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง"
ในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งสำคัญๆ ของกองทัพ ตำรวจ และข้าราชการประจำ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ระบบอุปถัมภ์ ไม่ได้ใช้ระบบคุณธรรม ไม่คำนึงถึงความรู้ ความสามารถ และอาวุโส เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปในหมู่ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ว่าการจะให้ได้รับการพิจารณาแต่งตั้ง ให้ได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งสำคัญนั้น ต้องวิ่งเต้นเข้าหาผู้มีอำนาจทางการเมือง โดยอย่างยิ่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ หรือภริยา บรรดาญาติพี่น้องของผู้ใกล้ชิด ของบุคคลทั้งสอง อันเป็นการแสดงให้เห็นพฤติกรรมแห่งการทำลายระบบคุณธรรม คุณงามความดี สร้างความแตกแยกในหมู่ราชการทุกภาคส่วน การวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวนี้มิใช่เป็นการใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จแต่อย่างใด"
สรุป รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช หุ่นเชิดของทุนนิยมสามานย์โดยระบอบทักษิณ ขณะนี้กำลังฟื้นการทำลายศักดิ์ศรีของข้าราชการ ดังเช่นการฟื้นในอดีต ซึ่งคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐาน เป็นประวัติศาสตร์ของชาติบ้านเมืองแล้ว รัฐบาลชุดนี้กับระบอบทักษิณนี่สามานย์มากครับ
พิภพ ธงไชย
สำหรับผมเอง หัวใจในการแถลงในวันนี้ ซึ่งรายละเอียดอยู่ในคำแถลงการณ์ ผมคิดว่าหัวใจสำคัญก็คือ เราทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะไม่ยอมขึ้น ถูกขึ้นสู่ศาลยุติธรรมในคดีต่างๆ เพราะฉะนั้นความพยายามต่างๆ ได้เห็นชัดเจน ตั้งแต่การย้ายข้าราชการซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ แต่ที่สำคัญก็คือจะทำในสิ่งซึ่งประชาชนจะคาดไม่ถึง นั่นก็คือ จะหาทางยกเลิกคำสั่งของ คมช.ทั้งหมด เพื่อให้คำสั่งทั้งหมดที่นำตัวคุณทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถูกยกเลิกไป นั่นก็คือทำให้มีการยกเลิกคดีต่างๆ เพราะฉะนั้นแผนของคุณทักษิณวันนี้ก็คือ ถ้าสามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ จะแก้ เพื่อมีผลต่อการยกเลิกคำสั่งของ คมช. 2. ถ้าสามารถออกกฎหมายโดยไม่แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การยกเลิกคำสั่งของ คมช. เพื่อไม่ให้คุณทักษิณต้องเข้าไปสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณทักษิณบอกว่าต้องการพิสูจน์ตัวในกระบวนการยุติธรรม เพราะเชื่อว่าตัวเองบริสุทธิ์ ไม่เคยฉ้อราษฎร์บังหลวง ดังคำสัมภาษณ์ล่าสุด
ผมคิดว่าคุณทักษิณก็ต้องให้กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ แต่ไม่ใช่พยายามที่จะจัดการทางการเมือง พยายามที่จะออกกฎหมายต่างๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และโดยทางจิตวิทยาก็เป็นที่รู้กันว่า คุณทักษิณคงไม่สามารถควบคุมอารมณ์และจิตใจในการที่จะไปขึ้นศาลในคดีต่างๆ อันนี้ก็สำคัญมาก เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่คุณทักษิณจะขึ้นศาล เพราะฉะนั้นคุณทักษิณอาจจะทำในสิ่งที่ประชาชนคาดหมายไม่ถึง
ถึงที่สุดแล้ว ในประวัติศาสตร์ของสังคมไทย รัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร เคยรัฐประหารรัฐบาลของตัวเอง วันนี้จึงอยากจะเตือนเรื่องนี้ว่าโอกาส ถ้าไม่สามารถทำกระบวนการต่างๆ ตามกฎหมายได้ อาจจะถึงขั้นนั้น เพราะฉะนั้นหน้าที่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็คือเตือนเรื่องนี้
อันที่สอง เราไม่ได้ไปสนับสนุน คมช.หรือคำสั่งของ คมช.ในการตั้ง คตส. ที่เอาคดีความ หาข้อมูลเพื่อนำคุณทักษิณสู่ศาล เพราะว่าความรู้สึกของสังคมและพันธมิตรฯ เอง ในก่อนที่จะมีการรัฐประหาร ได้ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลชุดที่แล้ว และตัวท่านนายกรัฐมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี มีการกระทำซึ่งส่อไปสู่การผิดกฎหมาย และมีนโยบายที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นการที่ คมช.ได้ตั้ง คตส.ขึ้นมา ซึ่งไม่ได้เป็นองค์กรที่จะตัดสินความถูกผิด แต่เป็นองค์กรที่รวบรวมข้อมูลหลักฐานซึ่งประชาชนรู้สึกอยู่แล้ว ในช่วงที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนไหว เพราะฉะนั้นเราจึงจะคัดค้านทุกวิถีทาง ถ้าคุณทักษิณพยายามทำสิ่งต่างๆ ที่อาจทั้งเหนือความคาดหมาย หรืออาจจะใช้ระบบรัฐสภา เพื่อนำไปยกเลิกคดีความต่างๆ เพื่อไม่ให้คุณทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ถึงแม้ว่าคดีบางคดีเข้าสู่ศาลแล้ว ถ้าออกกฎหมายและพระราชบัญญัติใดๆ เพื่อยกเลิกแล้ว ศาลก็จำเป็นจะต้องถอนคดีออก เพราะฉะนั้นวันนี้จึงอยากเรียกร้องให้คุณทักษิณ ซึ่งประกาศอยู่เสมอว่าตัวเองบริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่เคยทุจริตคอร์รัปชั่น ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างสง่าผ่าเผย และต่อสู้อย่างชอบธรรมทั้งสองฝ่าย ให้ประชาชนได้รับรู้ ผมคิดว่าถึงเวลานั้นถ้าคุณทักษิณสามารถหลุดจากคดีทั้งหมดโดยไม่มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยไม่มีการออกกฎหมายลบล้างกระบวนการยุติธรรม ผมคิดว่าคุณทักษิณสามารถจะกลับมาเล่นการเมืองได้อย่างสง่าผ่าเผย เพราะฉะนั้นวันนี้จึงอยากจะเตือนว่า ถ้าไปทำลายกระบวนการยุติธรรม สังคมจะเข้าสู่กลียุคจริงๆ ครับ
สมศักดิ์ โกศัยสุข
ประเด็นที่สำคัญก็อยากจะเรียกร้องต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนให้เห็นว่า บทบาทหน้าที่สำคัญของประชาชนชาวไทยคือการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ นี่ก็บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ปรากฏการณ์ที่ผ่านมาผมคิดว่า ไม่ว่าจะตามคำแถลงการณ์ หรือสื่อมวลชนหลายฉบับ ก็เห็นชัดว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้เข้ามาบริหารประเทศตามที่ได้แถลงนโยบายเอาไว้ และได้เร่งรัดในการที่จะจัดทำเพื่อปกป้อง ฟอกผิด และเพื่อประโยชน์ของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างชัดเจน เราจะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายอะไรที่กล่าวมาแล้ว ฉะนั้นในเหตุการณ์เช่นนี้ก็เป็นตัวยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลนอมินีจริงๆ
ดังนั้นที่สำคัญที่สุด เมื่อเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่จะต้องติดตามเรื่องนี้ จะเห็นเรื่องการเอาบ่อนเสรี เอาหวยบนดินขึ้นมา ไม่ได้มีในนโยบายที่แถลงไว้ว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องจัดทำภายใน 1 ปี ตามกรอบของรัฐธรรมนูญ และในการที่จะออกมาตรวจสอบเรียกร้องที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็อยากจะเรียกร้องต่อพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มว่า ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของบุคคลใด คณะใดคณะหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน เพราะว่าเรากำลังทำให้มีการเกิดการตรวจสอบที่ถูกต้องเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ของประชาชนทุกคน กับผลประโยชน์ของส่วนบุคคลว่าความถูกผิดนั้นเป็นอย่างไร ฉะนั้นเราก็ต้องการให้กระบวนการยุติธรรมนั้นปราศจากการแทรกแซง ผมคิดว่าถ้าพี่น้องประชาชนทั้งประเทศมีความเห็นเรื่องประโยชน์ส่วนรวมร่วมกัน กระบวนการเหล่านี้ก็จะสามารถผลักดันให้เดินไปได้ ที่จะไม่ให้รัฐบาลนอมินีเข้าไปแทรกแซงต่อไปอย่างเด็ดขาดครับ
สนธิ ลิ้มทองกุล
ในส่วนของผมนั้น ผมเห็นด้วยและยังยืนยัน ผมขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่มีการบิดเบือนหรือแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรม อยากจะให้มีความกล้าหาญเหมือนที่ผมโดนบ้าง ในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ผมโดนระบอบทักษิณดำเนินคดีกับผมในศาลหลายๆ กรณี และผมก็ไม่เคยใช้อภิสิทธิ์ และผมก็เดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรี เมื่อผมแพ้ในศาลขั้นต้นผมก็อุทธรณ์ต่อในศาลอุทธรณ์ และถ้าผมแพ้ในศาลอุทธรณ์ ผมก็จะฎีกาต่อ ถ้าผมแพ้ในศาลฎีกา ผมก็พร้อมจะเดินเชิดหน้าเข้าคุกอย่างสง่าผ่าเผย ผมอยากให้คุณทักษิณ ชินวัตร มีความกล้าหาญ มีความเป็นลูกผู้ชายโดยที่ไม่ต้องมาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมใด
เรื่องที่ 2 ผมอยากจะฝากบอกเพื่อนสื่อมวลชนให้ลองลำดับเหตุการณ์ดูสักนิดหนึ่ง แล้วจะเข้าใจทุกอย่าง กระบวนการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นได้ถูกวางแผนเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เริ่มจากการมีกระบวนการ นปก.เพื่อที่จะมารุกไล่ และจาบจ้วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถึงขั้นที่จะบุกรุกเข้าไปที่หน้าบ้าน แล้วไปก่อเหตุจลาจล หลังจากนั้นก็มีการเลือกตั้ง เมื่อเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว บางท่านใน กกต.ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างสุจริต ซื่อสัตย์ อย่างเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว แม้กระทั่งมีหลักฐานที่แน่ชัด ก็ยังบิดเบือนหลักฐานไป ไปเป็นอีกรูปคดีหนึ่ง เมื่ออำนาจต่างๆ เหล่านี้มาแล้ว เหตุการณ์ก็นำต่อไปสู่กรณีการให้ใบแดงคุณยงยุทธ ติยะไพรัช การให้ใบแดงคุณยงยุทธ ติยะไพรัช นั้นถูกดึงเกมออกไปอย่างน่าเกลียด ทั้งๆ ที่คุณยงยุทธถูกสอบอยู่ในขณะนั้น กกต.ไม่ควรจะรับรอง แต่ก็มีการรับรอง แสดงเจตนารมณ์ถึงต้องการให้คุณยงยุทธ ไปเป็นประธานรัฐสภาอย่างเห็นได้ชัด
แต่เมื่อถึงที่สุดแล้วหลักฐานพิสูจน์ชัด ก็ไม่มีทางเลือก ผมอยากให้สื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตสักนิดหนึ่ง วันศุกร์ เป็นวันที่คุณยงยุทธ ในฐานะประธานรัฐสภา และคุณนพดล ปัทมะ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บินไปพบคุณทักษิณ ที่กรุงปักกิ่ง เข้าใจว่าคงจะไปรายงานว่า กรณี กกต.นั้นไม่น่าจะมีปัญหา วันอังคาร กกต.ตัดสินให้ใบแดงด้วยคะแนน 3 ต่อ 2 ทำให้คุณยงยุทธ โดนใบแดง คืนวันอังคารนั้น คุณทักษิณให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ทีพีบีเอส หน้าตาดูออกได้ทันทีเลยว่ามีทุกข์ เพราะไม่ได้คิดว่าคุณยงยุทธจะโดนใบแดง แต่เหตุการณ์นั้นได้ถูกปูพื้นมาเรียบร้อยแล้ว ให้กลับ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องทำเรื่องทำราวให้กลับ ให้ดูยิ่งใหญ่ มหึมา เข้ามาเหยียบแผ่นดินไทยแล้วก็ประกาศว่าไม่เล่นการเมือง
ในที่สุดแล้ว จากการไม่เล่นการเมืองแต่คุณทักษิณก็ได้ไปให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ซึ่งหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์เอามาลง พ่อแม่พี่น้องสื่อมวลชนไปลองอ่านดูสิครับ เมื่อลองอ่านดูแล้ว คุณทักษิณได้พูดถึงสถาบันๆ หนึ่ง ว่าเป็นสุดยอด ยอดสูงสุด เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด อยากจะให้ดูและให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณดูว่านี่เป็นลักษณะของคนที่เลิกการเมืองหรือไม่ ผมจึงอยากจะเรียกร้องให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนให้รู้ว่า เหมือนอย่างที่คุณพิภพพูด ผมเกรงว่าจะมีการยั่วยุประชาชน แล้วใช้อำนาจ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อที่จะประกาศยึดอำนาจตัวเอง แล้วใช้เวลานั้นเป็นเวลาที่เปลี่ยนและผ่องถ่ายผู้นำกองทัพทั้งหลาย
แต่ผมจะเรียนให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนทราบ ว่าเรื่องพวกนี้สิ่งซึ่งเราสู้มาตลอด เราไม่ได้รังเกียจคุณทักษิณ คุณทักษิณจะกลับมาประเทศไทย เรายินดี คุณทักษิณอยากจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะคุณทักษิณพูดมาตลอดเวลาว่า คุณทักษิณนั้นบริสุทธิ์ ยินดีต่อสู้คดีในศาล ถ้ายินดีต่อสู้คดีในศาลก็ต้องไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ท่านรัฐมนตรีสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ท่านเข้ามายังไม่ได้ทันนั่งบนเก้าอี้ แล้วเรียกประชุมท่านอดีตอธิบดีสุนัย อธิบดีดีเอสไอ ว่างานมีอะไรบ้าง ท่านเซ็นคำสั่งย้ายคุณสุนัยไปทันที เพราะฉะนั้นแล้ว นักการเมืองมีสิทธิโยกย้ายข้าราชการประจำไหม คำตอบว่า มี แต่การโยกย้ายนั้นต้องมีความชอบธรรมและอธิบายได้ กรณีท่านอธิบดีสุนัยนั้นอธิบายไม่ได้ แล้วไปเอา พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง กลับเข้ามา แทนที่จะดันคนซึ่งเป็นรองอธิบดีขึ้นมา โดยอ้างว่ารองอธิบดีนั้นชำนาญเรื่องกฎหมาย อธิบดีดีเอสไอ สมควร หรือไม่สมควร ที่จะรู้เรื่องกฎหมายดี สมควร
เพราะฉะนั้นการอ้างเช่นนี้ก็ผิดประเด็น แต่ท่านรัฐมนตรีสมพงษ์ ท่านลืมไปว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นั้น ท่านเป็นเพื่อนสนิท เพื่อนนักเรียนตำรวจ รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.กานต์ เจ้าของพรรคพลังประชาชน ซึ่งปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และ พ.ต.ท.กานต์ เป็นนายตำรวจรุ่นเดียวกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นรุ่น 37 หรือ 38 เป็นเจ้าของพรรคพลังประชาชน และเอาพรรคพลังประชาชนมอบให้กับอดีตพรรคไทยรักไทยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นความเกี่ยวโยงตรงนี้ก็พิสูจน์ได้ชัด
และนอกจากท่านอธิบดีสุนัย ท่านได้ทำงานที่ดีเอสไอแล้ว ท่านยังมีคดีค้างอยู่อีกประมาณเกือบ 20 คดี ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนในระบอบทักษิณทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีความที่เกิดขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นแล้วการโยกย้ายอธิบดีสุนัย ให้คำตอบอะไรอย่างอื่นใดไม่ได้ นอกจากเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ท่านสื่อมวลชน ผมและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยืนยันว่า ถ้าคุณทักษิณ พร้อมจะเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเปิดเผย สง่าผ่าเผย และสู้คดีด้วยหลักฐาน ด้วยเหตุผล ถ้าคุณทักษิณจำเป็นที่จะต้องโดนอาญาแผ่นดิน ก็เป็นเรื่องที่จะต้องโดน เนื่องจากหลักฐานพิสูจน์ไป แต่ถ้าหลักฐานไปไม่ถึง คุณทักษิณจำเป็นจะต้องถูกยกฟ้อง ก็ให้ยกฟ้องไป แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ต้องไม่มีการแทรกแซงหรือบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม และผมคิดว่านี่คือกลียุคที่เกิดขึ้นแล้ว เหมือนอย่างที่คุณสุริยะใสได้บอก ผมกราบเรียนว่า เรามียุทธวิธีอีกมากมาย ที่เราจะทำ ปรับไปตามสถานการณ์แต่ละสถานการณ์ ผมเปิดเผยได้เพียงเล็กน้อย ว่ารอดูเดือนมีนาคมนี้ เรากำลังจะเตรียมตัวกระทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่กรุณาอย่าถามผมและถามทุกคน เพราะว่าไม่มีใครบอกให้ทราบอย่างแน่นอนที่สุด ขอบคุณครับ
ช่วงถาม-ตอบ
ถาม - ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบมีความชัดเจนเมื่อไหร่ มีแนวทางอย่างไรบ้าง
สุริยะใส - จะเริ่มต้นจากการประชุมเครือข่ายและองค์กรแนวร่วมทั้งหมดอย่างที่เคยเคลื่อนไหวต่อสู้กันมา เร็วๆ นี้ คาดว่าอย่างช้าไม่น่า เดือนมีนาคมน่าจะได้ข้อยุติ หลังรายชื่อบุคคลทั้งองค์กรที่จะเข้าร่วมและรูปแบบการทำงาน เมื่อพร้อมแล้วคงมีการเปิดตัวเป็นทางการ
ถาม - สถานการณ์ขณะนี้คาดการณ์ได้ไหมว่าจะไปถึงขั้นปฏิวัติตัวเอง
จำลอง - คาดไม่ได้หรอกครับ ถ้าถามต้องไปถามคนที่เขาคิดจะทำเรื่องนี้ เขาเป็นคนกำหนดไม่ใช่เรากำหนด
ถาม - แต่มีความเป็นไปได้
สมเกียรติ - มันมีสาระสำคัญที่ขมวดปมทำให้ต้องกระทำเช่นนั้น เพราะว่าการให้สัมภาษณ์สื่อราว 5 ครั้งของพ.ต.ท.ทักษิร ชินวัตร ก่อนและหลังรัฐประหาร บอกว่า เขาไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เพราะฉะนั้นเขาจะไม่เอาตัวเองในการขึ้นศาล การแถลงข่าวทนายของเขาเมื่อ 3 วันก่อน ก็บอกปฏิเสธที่จะไปให้การกับ คตส.เรื่องซุกหุ้นภาค 2 ซึ่งเป็นไม้ตายที่หลักฐานหนักแน่นที่สุด และคนที่ออกหมายจับก็คือดีเอสไอ เพราะฉะนั้นเขาจึงย้ายก่อน ระบอบทักษิณกำลังกลืนกินประเทศรอบสอง แต่ไม่มีวันที่ประชาชนจะยอม ในราวเดือนมีนาคมนี้เราจะประกาศถึงยุทธวิธีอันเหมาะสม ซึ่งตอนนี้ยังพุดไม่ได้เลย แม้จะพยายามถามกี่ครั้งก็ตาม
ถาม - พันธมิตรฯ จะมีการไปรวมกลุ่ม สปท.
สุริยะใส - โดยหลักการมีการหารือกันในวันนี้ เราพร้อมสนับสนุนและส่งเสริมการเคลื่อนไหวทุกองค์กรที่มีจุดยืนตรวจสอบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย (สปท.) คุณไชยวัฒน์ ท่านประสงค์ เครือข่ายนักวิชาการที่ล่ารายชื่อเพื่อคัดค้านการโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม เครือข่ายพันธมิตรฯ พร้อมสนับสนุนทุกองค์กร
สมศักดิ์ - ในฝ่ายภาคประชาชนต้องการให้เกิดกระบวนการตรวจสอบการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชน ดังนั้นใครจะมาร่วม ไม่ใช่เป็นเรื่องการผูกขาด แต่กระตุ้นเตือนให้สังคมเห็นว่า เรารักประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ส่วนรวมเหนือกว่าส่วนตน อะไรที่ไม่ถูกต้องต้องช่วยกัน เพราะการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ของประชาชน จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เราเห็นว่า เริ่มต้นมาจากกระบวนการประชาชนเสมอ ในการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีมาโดยตลอด ฉะนั้นเราเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของประชาชนทุกคน ดังนั้นจึงไม่ใช่ ใครก็ตาม ไม่ใช่เป็นพวก เป็นกลุ่ม แต่เราต้องการให้ยึด ทุกคนเห็นส่วนรวมไหม ถ้าเห็นส่วนรวม ใครเห็นว่าอะไรไม่ถูกก็ทำไป แล้วเราร่วมมือกันได้ในส่วนที่ร่วมมือกันได้
ถาม - สถานการณ์จริงเราพร้อมจะเคลื่อนไหว
จำลอง - สถานการณ์นั้นเป็นสถานการณ์โดยทั่วๆ ไปว่ามันจะมีอะไรเสียหายเกิดขึ้นกับบ้านเมืองบ้าง เร่งด่วนแค่ไหน ควรใช้มาตรการอะไร เราพิจารณาอย่างรอบคอบในเรื่องนี้ ในส่วนความพร้อมนั้น เราได้เตือนล่วงหน้าให้กับประชาชนทราบแล้ว ในการประชุมคราวที่แล้วว่า นั่นเป็นคำเตือนว่า กำลังจะเกิดเหตุใหญ่ในบ้านเมือง ขอให้ประชาชนพร้อมเอาไว้ ก็แค่นั้นเองครับ
ถาม - ที่ผ่านมาท่านจำลองเคยทำจดหมายผ่านไปทางคุณทักษิณ
จำลอง - คำถามที่ว่า ผมเคยมีจดหมายรักถึง ดร.ทักษิณ แล้วคราวนี้จะทำอีกไหม ในตอนที่ผมทำจดหมายถึงคุณทักษิณ ผมทำเป็นการส่วนตัว ตอนนั้นยังไม่มีการจัดตั้งขบวนการนี้ ยังไม่มีการจัดตั้งคณะกรรมการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับแรกคือวันที่ 30 มกราคม 2549 ฉบับนั้นออกมาเนื่องจากว่า ทนไม่ได้แล้วที่จะออกไปท้วงติง ดร.ทักษิณ อันเนื่องมาจากการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับเทมาเส็ก สิงคโปร์ ย้อนกลับไปดูอีกทีก็ได้เหตุผลเป็นอย่างไร หลังจากนั้นเรื่อยมาจนกระทั่งครึ่งเดือนผ่านไป จาก 30 มกราคม มาถึง 19 กุมภาพันธ์ ก็มีสถานการณ์เพิ่มเติมเกิดขึ้นหลายเรื่อง เลยตัดสินใจเขียนในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ส่งถึง ดร.ทักษิณ ว่า ขอให้ดร.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่ง และผมจะไปร่วมชุมนุมวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นี่คือการทำตามสถานการณ์เป็นขั้นเป็นตอนไป เป็นการยืนยันว่าที่แล้วมาเราทำรอบคอบอย่างยิ่ง ไม่ใช่นึกอยากจะทำตามใจก็ทำไปตามนั้น ก็เปล่า ที่ถามคำถามมาก็ดีแล้วครับ เพราะเป็นการยืนยันว่า ที่แล้วมาได้ทำอย่างนี้มาโดยตลอด คราวนี้ไม่จำเป็น นี่คือจดหมายเปิดผนึกของพวกเราทุกคน ถึงประชาชน ถึง ดร.ทักษิณ ถึงใครต่อใครทั้งประเทศเลยครับ ยิ่งดีใหญ่ครับ ไม่ใช่เขียนคนเดียว
ถาม - จริงหรือไม่ที่ท่านจำลองใช้เวทีพันธมิตรฯ ในการต่อต้านคัดค้านการก่อตั้งกาสิโน
จำลอง - ผมไม่ได้ใช้เวทีพันธมิตรฯ พันธมิตรฯ แต่ละคนเขาคิดกันเอง วันนี้มีการเอาเรื่องบ่อนเสรี เอาเรื่องการพนันขึ้นมา แล้วเราจะว่าอย่างไร ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เราเห็นด้วยไม่ได้หรอกครับ เราคัดค้านเต็มที่ และปรากฏในแถลงการณ์ด้วยครับ ไม่ใช่ว่าผมเอาเวทีพันธมิตรฯ มาขัดขวาง ผมไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่ผมต้องออกไปขัดขวาง ถ้าบ้านเมืองไม่ได้เสียหายอะไร ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเรื่องนี้ทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับประชาชน รวมทั้งที่ติดตามข่าวคราวของสื่อมวลชนด้วยว่า ท่านเห็นเป็นอย่างไร เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการสนับสนุนการพนันอย่างโจ่งแจ้งอย่างนี้แล้ว มีใครบ้างครับที่จะมาชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะพวกเรา เกิดขึ้นถึงลูกถึงหลานเรา
ถึงวันนั้นแก้กลับยาก ยังยืนยันเหมือนเดิมนะครับว่า ได้ไม่คุ้มเสีย ถ้าริเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมา ผลเสียหายจะมากกว่าผลได้ เป็นการเสียหายอย่างมหาศาล ถามว่าใครรับผิด ใครจะต้องชดใช้ บอกมาซิ นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวแล้วก็มาพ้องกันทุกคน ลองถามดูก็ได้ทุกคน แม้กระทั่งคุณสมศักดิ์ ผมยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยครับ พอคุณสมศักดิ์หยิบยกขึ้นมาว่า เขาจะเอาการพนันมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ก็ถามอาจารย์ทางเศรษฐศาสตร์ บอกมีไหมตำราเศรษฐศาสตร์ในโลก ที่ว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจประการหนึ่งคือ เอาการพนันขึ้นมา อาจารย์ยืนยันเลยครับว่า ไม่มี นี่เป็นข้อคิดเห็นคุณสมศักดิ์ ไม่ใช่ข้อคิดเห็นของผม ผมเลยขอออกมาพูดด้วย
ถาม - ในที่ประชุม 5 แกนนำ หยิบยกเรื่องนี้หรือเปล่า
สมเกียรติ - อยากให้สื่อมวลชนไปดูมาตรา 83 ของรัฐธรรมนูญ ปรัชญาแนวเศรษฐกิจพอเพียง การเปิดบ่อนอบายมุขเท่ากับไม่ดำเนินตามรัฐธรรมนูญมาตรา 83 แล้วยังไม่มีนโยบายที่แถลงต่อรัฐบาลด้วย ต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 18, 19, 20 ไม่มีสักข้อเลย ดันโผล่ขึ้นมา ไม่รู้ใครสั่ง เป็นนโยบายแหกคอกขึ้นมา แล้วบิดเบือน แล้วตรงกันข้ามกับแนวเศรษฐกิจพอเพียง ตามมาตรา 83 ของรัฐธรรมนูญด้วย
ถาม - (เสียงไม่ชัดเจน)
สมเกียรติ - อันนี้เป็นบทวิเคราะห์ของคุณพิภพ ธงไชย ที่ที่ประชุมยอมรับในเหตุผล
จำลอง - เรื่องนี้ใช้คำว่า "อาจจะ" นะครับ ไม่ใช่ว่าคุณพิภพไปรู้มา หรือไปดูหมอมา แล้วมาบอกกับพวกเราโดยไร้เหตุผล ไม่ใช่นะครับ เป็นการวิเคราะห์ของคุณพิภพเอง
พิภพ - เคยเป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยมีมาแล้วนะครับ เมื่อรัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ให้เป็นประโยชน์กับรัฐบาลได้ และไม่สามารถจัดการทางรัฐสภาได้ จัดการทางนิติบัญญัติได้ จอมพลถนอม ก็ได้ปฏิวัติตัวเอง เคยมีมาในอดีตแล้ว และเมื่อกี้ในแถลงการณ์ก็ดี หรือที่ผมอธิบายปูพื้นให้เห็นว่า ในจิตวิทยาคุณทักษิณไม่มีทางที่จะยอมนำตัวไปสู่ศาล เป็นจำเลยในศาล อันนี้เป็นทางจิตวิทยาเลยนะครับ และคุณทักษิณก็มีความเชื่อมั่นว่าตัวเองถูกรังแกและไม่มีความผิด เพราะฉะนั้นเราจึงเรียกร้องว่า สิ่งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำก่อนเกิดการรัฐประหาร และมีคำสั่งให้ตั้ง คตส.
เราได้ชี้ให้เห็นว่าคุณทักษิณได้มีการทำผิด อาจจะทำผิดอะไรบ้าง มีนโยบายผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรบ้าง เมื่อเกิด คตส.มา คตส.ก็มีหน้าที่แค่รวบรวมข้อมูลหลักฐาน รวมทั้งดีเอสไอ เพราะฉะนั้นคดีก็จะเข้าสู่ศาล แต่คุณทักษิณ ทางจิตวิทยาไม่มีทางยอม เพราะฉะนั้นคุณทักษิณ หรือพรรคพลังประชาชน พรรคร่วมรัฐบาล ก็พยายามจะทำทุกอย่างที่จะไม่ให้คุณทักษิณถูกนำตัวขึ้นสู่ศาล แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ มีประชาชนต่อต้าน
ในประวัติศาสตร์ไทยในอดีต นี่เปรียบเทียบนะครับ ก็มีการทำรัฐประหารตัวเอง อาจจะมีการประกาศกฎอัยการศึก ประกาศพระราชบัญญัติฉุกเฉิน อะไรก็แล้วแต่ ซึ่งคุณทักษิณมักจะทำอะไรที่เหนือความคาดหมาย เพราะฉะนั้นวันนี้ติงไว้ก็เพื่อว่า อย่าไปซ้ำรอยประวัติศาสตร์ และคุณทักษิณควรจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างสง่าผ่าเผย และประชาชนจะเป็นคนตัดสินเองว่า ศาลจะเป็นคนตัดสินเองว่าผิดหรือถูก เพราะฉะนั้นอยากจะเชิญชวนคุณทักษิณให้ยอมรับ หลังจากนั้นเมื่อเคลียร์ตัวเองบริสุทธิ์ยุติธรรมแล้ว ตัวเองจะเล่นการเมืองอย่างไรก็คงไม่มีใครไปขัดขวางได้นะครับ
ถาม - (เสียงไม่ชัดเจน)
สมเกียรติ - ประเมินว่า ต้องดูภาวะสุกงอม ต้องมีจังหวะก้าวเคลื่อนไหวด้วยเหตุผล อธิบายต่อสังคมได้ว่าปัญหาของชาติบ้านเมืองเกิดจากระบอบทุนสามานย์ของคนๆ เดียว และคนๆ เดียวนี่เหยียบย่ำประเทศจนสิ้นความอดทน ถึงเวลานั้นประชาชนจะมาบอกพันธมิตรฯ เอง ประชาชนจะเป็นกองหน้า พันธมิตรฯ จะเป็นกองเสริม เดี๋ยวมันก็เกิดขึ้นอีกไม่นาน การตระเตรียมกำลังไม่ใช่ว่ามีสมองฝ่ายเดียว คือฝ่ายทักษิณ พวกเราก็มีสมอง ในการออกแบบวางแผนเช่นกันและอย่าลืมว่า คำเตือนถึงระบอบทักษิณนะ หากมีการโยกย้ายระดับนายพันประมาณ 120 กองพัน ในกองทัพภาค 1 สัญญาณอันตรายจะเกิดขึ้น แล้วขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่สง่าผ่าเผยแล้ว และจุดจบของปฏิวัติตัวเองของถนอมคืออะไรรู้ไหม พลังนักเรียน นิสิต นักศึกษา 8 แสนคน ขับไล่และต้องบวชเป็นเณรกลับมา ผมไม่อยากให้คนๆ นี้บวชเป็นเณรทำลายพุทธศาสนากลับมาอีกคนหนึ่งในประเทศไทย พิภพ ธงไชย จึงเตือนไว้
จำลอง - อ.สมเกียรติ ต้องอธิบายนะครับว่า อ.สมเกียรติ เห็นว่าขณะนี้แม้ก้าวขึ้นสู่ศาลแล้วก็ไม่สง่าผ่าเผยแล้ว เพราะอะไร
สมเกียรติ - หนึ่ง ไม่เคยให้ความร่วมมือในการให้ปากคำเลย ขนาดมาอยู่ในประเทศยังแถลงว่าไม่ไปให้ปากคำ อันที่สอง โยกย้าย แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหมด ตั้งแต่ดีเอสไอ 20 คดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่หลายคดี โดยเฉพาะคดีของระบอบมาเฟีย 4 คดี ที่บุรีรัมย์ ที่ดินเขากระโดง ที่ดินเขาสตึก เพราะฉะนั้นการขึ้นตอนนี้ก็ไม่สง่างามแล้ว แต่ต้องไปพิสูจน์ ขณะนี้ในแถลงการณ์เราก็ระบุชัดเจนว่า ขอร้องให้กระบวนการตุลาการภิวัตน์ทำงานโดยความกล้าหาญและรวดเร็ว อันนี้เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญว่าด้วยส่วนของการยุติธรรมเลยครับ
สมศักดิ์ - เมื่อกี้คำถามว่า เราประเมินไหม เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย อันนี้ก็อยากจะเรียนว่าความวุ่นวายที่มันเกิด เกิดเพราะฝ่ายรัฐบาลที่ได้ใช้อำนาจกระทำการต่างๆ ในการแทรกแซง หรือเข้าไปกลั่นแกล้งระบบราชการ ต่างๆ ที่เรารู้ นี่คือตัวสร้างความวุ่นวาย แต่ว่าประชาชนนั้นมีหน้าที่ตรวจสอบการกระทำ นี่เป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ และในแถลงการณ์ในข้อที่ 3.2 ก็บอกชัดว่า เราจะทำอะไรนั้นเราจะต้องมีการประชุมร่วมกับเครือข่ายพี่น้องประชาชนที่รักความเป็นธรรมทั้งประเทศ ในการที่จะตัดสินใจเคลื่อนไหวดำเนินการใดๆ ในขั้นต่อไป ที่ทางสุริยะใสก็พูดแล้วว่าคงจะภายในเดือนมีนาคมนี้ เราเคารพเสียงส่วนใหญ่ว่า ถึงสถานการณ์ใดควรจะดำเนินการอย่างไร
ถาม - (เสียงไม่ชัดเจน)
สมเกียรติ - คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้พูดในนามทั้ง 5 คนแล้วว่า จะเห็นอะไรในเดือนมีนาคมนี้ เราพูดได้แค่นี้ สูงสุดพูดได้แค่นี้ครับ
จำลอง - มันไม่ใช่สัญญาณบอกว่าจะเกิดเหตุใหญ่ภายในเดือนมีนาคมนี้นะครับ ฟังดีๆ นะครับ เพียงแต่ว่าเราจะมีการย่าง การก้าวเดินไปสู่ขั้นไหนๆ บ้าง ในการดำเนินการของพวกเรา ไม่ใช่ว่าประชุมกันทีก็หายกันไปเลย แล้วคราวหน้ามาประชุมกันใหม่อีกที แล้วก็หายไปอีก แล้วก็มาประชุมกันอีกที อย่างนี้ไม่มีความก้าวหน้าในการดำเนินงานเลย เดี๋ยวจะเข้าใจผิดนะครับไปลงข่าวใหญ่ข่าวโตว่าพันธมิตรฯ บอกว่ามีนาคมนี้จะเกิดเหตุใหญ่แน่ ไม่ใช่นะครับ
ถาม - (เสียงไม่ชัดเจน)
จำลอง - คราวนั้นเราได้บอกไว้แล้วใช่ไหมว่ารายต่อไปคือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส แล้วจริงไหมครับ ก็จริงนะครับ นี่เป็นการที่จะออกมาบอกเตือนประชาชนว่าระวังให้ดีนะครับ กระบวนการยุติธรรมกำลังจะถูกแทรกแซงเป็นขั้นเป็นตอนไป