แกนนำพันธมิตรฯ ประเมินสถานการณ์ เตือนบ้านเมืองอาจเข้าสู่กลียุค ชี้ “แม้ว” กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ต้องการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่อไปถึงการยั่วยุสังคมให้เกิดวิกฤตแล้วนำไปสู่การยึดอำนาจตัวเอง แย้มภายในเดือนมี.ค.นี้ อาจมีการเคลื่อนไหวบางอย่างที่สำคัญ
วานนี้ (5 มี.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อันประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ,นายพิภพ ธงไชย ,นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ,นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ , นายสุริยะใส กตะศิลา และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้แถลงภายหลังการประชุมประเมินสถานการณ์ทางการเมืองหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับประเทศ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวตามสถานการณ์ ไม่ได้ทำตามใจ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่จะต่อต้านทุกรูปแบบเพื่อป้องกันความเสียหายให้แก่บ้านเมือง และป้องกันวิกฤตให้กลับมาอีก ซึ่งขอยืนยันอีกทีหนึ่งว่า กลุ่มพันธมิตรฯทำตามสถานการณ์ ไม่ได้ทำตามใจ แต่นี่เมื่อสถานการณ์เพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงไป เราก็เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
โดยการดำเนินการของกลุ่มพันธมิตรฯที่แล้วๆ มานั้น ต่างคนต่างไปรวบรวมข้อมูลและมาแลกเปลี่ยนข่าวสารถึงสถานการณ์ว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร โดยทุกอย่างที่แถลงมานั้น ได้พิจารณาโดยรอบคอบแล้ว ไตร่ตรองแล้ว ไม่ใช่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำตามใจ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
‘สนธิ’ แฉกระบวนการยึดอำนาจ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า หากจะลำดับเหตุการณ์สักนิด จะเห็นความพยายามการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ถูกวางแผนเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เริ่มจากการมีกระบวนการ นปก.(กลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ) เพื่อที่จะมารุกไล่ และจาบจ้วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ (ประธานองค์มนตรี ) ถึงขั้นที่จะบุกรุกเข้าไปที่หน้าบ้าน แล้วไปก่อเหตุจลาจล หลังจากนั้นก็มีการเลือกตั้ง เมื่อเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว บางท่านใน กกต.ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างสุจริต ซื่อสัตย์ อย่างเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว แม้กระทั่งมีหลักฐานที่แน่ชัด ก็ยังบิดเบือนหลักฐานไป ไปเป็นอีกรูปคดีหนึ่ง เมื่ออำนาจต่างๆ เหล่านี้มาแล้ว เหตุการณ์ก็นำต่อไปสู่กรณีการให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช
การให้ใบแดงนายยงยุทธ นั้นถูกดึงเกมออกไปอย่างน่าเกลียด ทั้งๆ ที่นายยงยุทธถูกสอบอยู่ในขณะนั้น กกต.ไม่ควรจะรับรอง แต่ก็มีการรับรอง แสดงเจตนารมณ์ถึงต้องการให้นายยงยุทธ ไปเป็นประธานรัฐสภาอย่างเห็นได้ชัด (ปัจจุบันไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา) และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ให้ใบแดงด้วยคะแนน 3 ต่อ 2 และในคืนวันอังคารนั้นพ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ทีพีบีเอส หน้าตาดูออกได้ทันทีเลยว่ามีทุกข์ แต่เหตุการณ์นั้น ได้ถูกปูพื้นให้กลับ ทำเรื่องราวให้ดูยิ่งใหญ่มหึมา เข้ามาเหยียบแผ่นดินไทยแล้ว ก็ประกาศว่าไม่เล่นการเมือง
“ที่บอกไม่เล่นการเมือง แต่ทักษิณก็ได้ไปให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ซึ่งหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์เอามาลง พ่อแม่พี่น้องสื่อมวลชนไปลองอ่านดูสิครับ เมื่อลองอ่านดูแล้ว ทักษิณได้พูดถึงสถาบันๆ หนึ่งว่า เป็นสุดยอด ยอดสูงสุด เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด อยากจะให้ดูและให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณดูว่านี่เป็นลักษณะของคนที่เลิกการเมืองหรือไม่ และผมเกรงว่าจะมีการยั่วยุประชาชน แล้วใช้อำนาจ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อที่จะประกาศยึดอำนาจตัวเอง แล้วใช้เวลานั้นเป็นเวลาที่เปลี่ยนและผ่องถ่ายผู้นำกองทัพทั้งหลาย”นายสนธิกล่าว
นอกจากนี้ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม ยังไม่ได้ทันนั่งบนเก้าอี้ ก็เซ็นคำสั่งย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพราะฉะนั้นแล้ว นักการเมืองมีสิทธิโยกย้ายข้าราชการประจำไหม คำตอบว่า มี แต่การโยกย้ายนั้นต้องมีความชอบธรรมและอธิบายได้ กรณีอธิบดีสุนัยนั้น อธิบายไม่ได้ แล้วไปเอา พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง กลับเข้ามา แทนที่จะดันคนซึ่งเป็นรองอธิบดีขึ้นมา โดยอ้างว่ารองอธิบดีนั้นชำนาญเรื่องกฎหมาย อธิบดีดีเอสไอ สมควร หรือไม่สมควร ที่จะรู้เรื่องกฎหมายดี สมควร
โดยอธิบดีสุนัย ยังมีคดีค้างอยู่อีกประมาณเกือบ 20 คดี ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนในระบอบทักษิณทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีความที่เกิดขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นแล้วการโยกย้ายอธิบดีสุนัย ให้คำตอบอะไรอย่างอื่นใดไม่ได้ นอกจากเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
“สำหรับผมแล้ว ยังคงยืนยันว่า มีความต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าพิสูจน์ความผิดตามกระบวนการยุติธรรม โดยไม่มีการบิดเบือนเหมือนที่ตัวเองเคยถูกดำเนินคดีในยุคที่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าแพ้คดีก็ต้องเข้าคุก พร้อมเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ มีความกล้าหาญและเป็นลูกผู้ชาย”
ด้าน นายพิภพ ธงไชย เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำทุกวิถีทางเพื่อจะไม่ไปขึ้นศาล และเชื่อว่าจะทำในสิ่งที่ประชาชนคาดไม่ถึง เช่น ยกเลิกคำสั่งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือแก้ไขกฎหมายที่ไม่ต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ดี แกนนำพันธมิตรฯ ผู้นี้ระบุว่า หากทำตามเป้าหมายดังกล่าวไม่ได้ ก็อาจมีเป้าหมายนำไปสู่การรัฐประหารตัวเอง ซึ่งพันธมิตรฯ จะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการดังกล่าวได้ และว่าถ้ามีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเมื่อใดก็ตาม สังคมก็จะเข้าสู่กลียุคทันที
จับตากุมอำนาจทหาร
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ระบุว่า การเคลื่อนไหวต้องยึดหลักเหตุผล อธิบายต่อสังคมได้ว่า ปัญหาของชาติบ้านเมืองเกิดจากระบอบทุนสามานย์ของคนๆ เดียว และคนๆ เดียวนี่เหยียบย่ำประเทศจนสิ้นความอดทน ถึงเวลานั้นประชาชนจะมาบอกพันธมิตรฯ เอง ประชาชนจะเป็นกองหน้า พันธมิตรฯ จะเป็นกองเสริม เดี๋ยวมันก็เกิดขึ้นอีกไม่นาน การตระเตรียมกำลังไม่ใช่ว่ามีสมองฝ่ายเดียว คือ ฝ่ายทักษิณ พวกเราก็มีสมอง ในการออกแบบวางแผนเช่นกัน
“คำเตือนถึงระบอบทักษิณนะ หากมีการโยกย้ายระดับนายพันประมาณ 120 กองพัน ในกองทัพภาค 1 สัญญาณอันตรายจะเกิดขึ้น แล้วขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่สง่าผ่าเผยแล้ว และจุดจบของปฏิวัติตัวเองของถนอมคืออะไรรู้ไหม พลังนักเรียน นิสิต นักศึกษา 8 แสนคน ขับไล่และต้องบวชเป็นเณรกลับมา ผมไม่อยากให้คนๆ นี้บวชเป็นเณรทำลายพุทธศาสนากลับมาอีกคนหนึ่งในประเทศไทย พิภพ ธงไชย จึงเตือนไว้” นายสมเกียรติกล่าว
’สมัคร’ ทำลายศักดิ์ศรี ขรก.ไทย
นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ได้สมคบกับระบอบทักษิณ โยกย้ายข้าราชการประจำอย่างลุแก่อำนาจ ทำลายศักดิ์ศรีของข้าราชการอีกครั้ง และการโยกย้ายครั้งนี้ ทำอย่างเร่งรีบหลังจากแถลงนโยบายรัฐบาลไม่ทันข้ามวัน
“จะเห็นว่า การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งสำคัญๆ ของกองทัพ ตำรวจ และข้าราชการประจำ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ระบบอุปถัมภ์ ไม่ได้ใช้ระบบคุณธรรม ไม่คำนึงถึงความรู้ความสามา-รถ และอาวุโส เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปในหมู่ข้าราชการทุก กระทรวง ทบวง กรม การจะให้ได้รับการพิจารณาแต่งตั้ง ให้ได้เลื่อนขั้น ต้องวิ่งเต้นเข้าหาผู้ใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณ หรือภริยา บรรดาญาติพี่น้องของบุคคลทั้งสอง " นายสมเกียรติ กล่าว
เช่นเดียวกับนายสมศักดิ์ โกศัยสุข เรียกร้องให้สังคมร่วมกันตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เพราะรัฐบาลไม่ได้บริหารเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ แต่ทำเพื่อประโยชน์ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียวและไม่ได้ทำตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงเอาไว้
“เห็นชัดว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้เข้ามาบริหารประเทศตามที่แถลงนโยบายไว้ และได้เร่งรัดในการที่จะจัดทำเพื่อปกป้อง ฟอกผิด และเพื่อประโยชน์ของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างชัดเจน เราจะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายอะไรที่กล่าวมาแล้ว ฉะนั้นในเหตุการณ์เช่นนี้ก็เป็นตัวยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลนอมินีจริงๆ”นายสมศักดิ์กล่าว
ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล
นายสุริยะใส กตะศิลา กล่าวถึงการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่า จะเริ่มต้นจากการประชุมเครือข่ายและองค์กรแนวร่วมทั้งหมดอย่างที่เคยเคลื่อนไหวต่อสู้กันมา เร็วๆ นี้ คาดว่าอย่างช้าไม่น่าเกิน เดือนมี.ค.นี้ น่าจะได้ข้อยุติ หลังได้รายชื่อบุคคลทั้งองค์กรที่จะเข้าร่วมและรูปแบบการทำงาน เมื่อพร้อมแล้วคงมีการเปิดตัวเป็นทางการ
ในส่วนที่พันธมิตรฯจะมีการรวมกลุ่มกับสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย (สปท.)นั้น โดยหลักการมีการหารือกันในครั้งนี้ และเราพร้อมสนับสนุนและส่งเสริมการเคลื่อนไหวทุกองค์กรที่มีจุดยืนตรวจสอบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นสปท. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และแม้แต่เครือข่ายนักวิชาการที่ล่ารายชื่อ เพื่อคัดค้านการโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม เครือข่ายพันธมิตรฯ พร้อมสนับสนุนทุกองค์กร
วานนี้ (5 มี.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อันประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ,นายพิภพ ธงไชย ,นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ,นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ , นายสุริยะใส กตะศิลา และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้แถลงภายหลังการประชุมประเมินสถานการณ์ทางการเมืองหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับประเทศ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวตามสถานการณ์ ไม่ได้ทำตามใจ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่จะต่อต้านทุกรูปแบบเพื่อป้องกันความเสียหายให้แก่บ้านเมือง และป้องกันวิกฤตให้กลับมาอีก ซึ่งขอยืนยันอีกทีหนึ่งว่า กลุ่มพันธมิตรฯทำตามสถานการณ์ ไม่ได้ทำตามใจ แต่นี่เมื่อสถานการณ์เพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงไป เราก็เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
โดยการดำเนินการของกลุ่มพันธมิตรฯที่แล้วๆ มานั้น ต่างคนต่างไปรวบรวมข้อมูลและมาแลกเปลี่ยนข่าวสารถึงสถานการณ์ว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร โดยทุกอย่างที่แถลงมานั้น ได้พิจารณาโดยรอบคอบแล้ว ไตร่ตรองแล้ว ไม่ใช่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำตามใจ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
‘สนธิ’ แฉกระบวนการยึดอำนาจ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า หากจะลำดับเหตุการณ์สักนิด จะเห็นความพยายามการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ถูกวางแผนเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เริ่มจากการมีกระบวนการ นปก.(กลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ) เพื่อที่จะมารุกไล่ และจาบจ้วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ (ประธานองค์มนตรี ) ถึงขั้นที่จะบุกรุกเข้าไปที่หน้าบ้าน แล้วไปก่อเหตุจลาจล หลังจากนั้นก็มีการเลือกตั้ง เมื่อเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว บางท่านใน กกต.ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างสุจริต ซื่อสัตย์ อย่างเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว แม้กระทั่งมีหลักฐานที่แน่ชัด ก็ยังบิดเบือนหลักฐานไป ไปเป็นอีกรูปคดีหนึ่ง เมื่ออำนาจต่างๆ เหล่านี้มาแล้ว เหตุการณ์ก็นำต่อไปสู่กรณีการให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช
การให้ใบแดงนายยงยุทธ นั้นถูกดึงเกมออกไปอย่างน่าเกลียด ทั้งๆ ที่นายยงยุทธถูกสอบอยู่ในขณะนั้น กกต.ไม่ควรจะรับรอง แต่ก็มีการรับรอง แสดงเจตนารมณ์ถึงต้องการให้นายยงยุทธ ไปเป็นประธานรัฐสภาอย่างเห็นได้ชัด (ปัจจุบันไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา) และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ให้ใบแดงด้วยคะแนน 3 ต่อ 2 และในคืนวันอังคารนั้นพ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ทีพีบีเอส หน้าตาดูออกได้ทันทีเลยว่ามีทุกข์ แต่เหตุการณ์นั้น ได้ถูกปูพื้นให้กลับ ทำเรื่องราวให้ดูยิ่งใหญ่มหึมา เข้ามาเหยียบแผ่นดินไทยแล้ว ก็ประกาศว่าไม่เล่นการเมือง
“ที่บอกไม่เล่นการเมือง แต่ทักษิณก็ได้ไปให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ซึ่งหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์เอามาลง พ่อแม่พี่น้องสื่อมวลชนไปลองอ่านดูสิครับ เมื่อลองอ่านดูแล้ว ทักษิณได้พูดถึงสถาบันๆ หนึ่งว่า เป็นสุดยอด ยอดสูงสุด เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด อยากจะให้ดูและให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณดูว่านี่เป็นลักษณะของคนที่เลิกการเมืองหรือไม่ และผมเกรงว่าจะมีการยั่วยุประชาชน แล้วใช้อำนาจ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อที่จะประกาศยึดอำนาจตัวเอง แล้วใช้เวลานั้นเป็นเวลาที่เปลี่ยนและผ่องถ่ายผู้นำกองทัพทั้งหลาย”นายสนธิกล่าว
นอกจากนี้ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม ยังไม่ได้ทันนั่งบนเก้าอี้ ก็เซ็นคำสั่งย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพราะฉะนั้นแล้ว นักการเมืองมีสิทธิโยกย้ายข้าราชการประจำไหม คำตอบว่า มี แต่การโยกย้ายนั้นต้องมีความชอบธรรมและอธิบายได้ กรณีอธิบดีสุนัยนั้น อธิบายไม่ได้ แล้วไปเอา พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง กลับเข้ามา แทนที่จะดันคนซึ่งเป็นรองอธิบดีขึ้นมา โดยอ้างว่ารองอธิบดีนั้นชำนาญเรื่องกฎหมาย อธิบดีดีเอสไอ สมควร หรือไม่สมควร ที่จะรู้เรื่องกฎหมายดี สมควร
โดยอธิบดีสุนัย ยังมีคดีค้างอยู่อีกประมาณเกือบ 20 คดี ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนในระบอบทักษิณทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีความที่เกิดขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นแล้วการโยกย้ายอธิบดีสุนัย ให้คำตอบอะไรอย่างอื่นใดไม่ได้ นอกจากเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
“สำหรับผมแล้ว ยังคงยืนยันว่า มีความต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าพิสูจน์ความผิดตามกระบวนการยุติธรรม โดยไม่มีการบิดเบือนเหมือนที่ตัวเองเคยถูกดำเนินคดีในยุคที่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าแพ้คดีก็ต้องเข้าคุก พร้อมเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ มีความกล้าหาญและเป็นลูกผู้ชาย”
ด้าน นายพิภพ ธงไชย เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำทุกวิถีทางเพื่อจะไม่ไปขึ้นศาล และเชื่อว่าจะทำในสิ่งที่ประชาชนคาดไม่ถึง เช่น ยกเลิกคำสั่งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือแก้ไขกฎหมายที่ไม่ต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ดี แกนนำพันธมิตรฯ ผู้นี้ระบุว่า หากทำตามเป้าหมายดังกล่าวไม่ได้ ก็อาจมีเป้าหมายนำไปสู่การรัฐประหารตัวเอง ซึ่งพันธมิตรฯ จะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการดังกล่าวได้ และว่าถ้ามีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเมื่อใดก็ตาม สังคมก็จะเข้าสู่กลียุคทันที
จับตากุมอำนาจทหาร
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ระบุว่า การเคลื่อนไหวต้องยึดหลักเหตุผล อธิบายต่อสังคมได้ว่า ปัญหาของชาติบ้านเมืองเกิดจากระบอบทุนสามานย์ของคนๆ เดียว และคนๆ เดียวนี่เหยียบย่ำประเทศจนสิ้นความอดทน ถึงเวลานั้นประชาชนจะมาบอกพันธมิตรฯ เอง ประชาชนจะเป็นกองหน้า พันธมิตรฯ จะเป็นกองเสริม เดี๋ยวมันก็เกิดขึ้นอีกไม่นาน การตระเตรียมกำลังไม่ใช่ว่ามีสมองฝ่ายเดียว คือ ฝ่ายทักษิณ พวกเราก็มีสมอง ในการออกแบบวางแผนเช่นกัน
“คำเตือนถึงระบอบทักษิณนะ หากมีการโยกย้ายระดับนายพันประมาณ 120 กองพัน ในกองทัพภาค 1 สัญญาณอันตรายจะเกิดขึ้น แล้วขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่สง่าผ่าเผยแล้ว และจุดจบของปฏิวัติตัวเองของถนอมคืออะไรรู้ไหม พลังนักเรียน นิสิต นักศึกษา 8 แสนคน ขับไล่และต้องบวชเป็นเณรกลับมา ผมไม่อยากให้คนๆ นี้บวชเป็นเณรทำลายพุทธศาสนากลับมาอีกคนหนึ่งในประเทศไทย พิภพ ธงไชย จึงเตือนไว้” นายสมเกียรติกล่าว
’สมัคร’ ทำลายศักดิ์ศรี ขรก.ไทย
นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ได้สมคบกับระบอบทักษิณ โยกย้ายข้าราชการประจำอย่างลุแก่อำนาจ ทำลายศักดิ์ศรีของข้าราชการอีกครั้ง และการโยกย้ายครั้งนี้ ทำอย่างเร่งรีบหลังจากแถลงนโยบายรัฐบาลไม่ทันข้ามวัน
“จะเห็นว่า การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งสำคัญๆ ของกองทัพ ตำรวจ และข้าราชการประจำ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ระบบอุปถัมภ์ ไม่ได้ใช้ระบบคุณธรรม ไม่คำนึงถึงความรู้ความสามา-รถ และอาวุโส เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปในหมู่ข้าราชการทุก กระทรวง ทบวง กรม การจะให้ได้รับการพิจารณาแต่งตั้ง ให้ได้เลื่อนขั้น ต้องวิ่งเต้นเข้าหาผู้ใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณ หรือภริยา บรรดาญาติพี่น้องของบุคคลทั้งสอง " นายสมเกียรติ กล่าว
เช่นเดียวกับนายสมศักดิ์ โกศัยสุข เรียกร้องให้สังคมร่วมกันตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เพราะรัฐบาลไม่ได้บริหารเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ แต่ทำเพื่อประโยชน์ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียวและไม่ได้ทำตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงเอาไว้
“เห็นชัดว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้เข้ามาบริหารประเทศตามที่แถลงนโยบายไว้ และได้เร่งรัดในการที่จะจัดทำเพื่อปกป้อง ฟอกผิด และเพื่อประโยชน์ของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างชัดเจน เราจะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายอะไรที่กล่าวมาแล้ว ฉะนั้นในเหตุการณ์เช่นนี้ก็เป็นตัวยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลนอมินีจริงๆ”นายสมศักดิ์กล่าว
ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล
นายสุริยะใส กตะศิลา กล่าวถึงการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่า จะเริ่มต้นจากการประชุมเครือข่ายและองค์กรแนวร่วมทั้งหมดอย่างที่เคยเคลื่อนไหวต่อสู้กันมา เร็วๆ นี้ คาดว่าอย่างช้าไม่น่าเกิน เดือนมี.ค.นี้ น่าจะได้ข้อยุติ หลังได้รายชื่อบุคคลทั้งองค์กรที่จะเข้าร่วมและรูปแบบการทำงาน เมื่อพร้อมแล้วคงมีการเปิดตัวเป็นทางการ
ในส่วนที่พันธมิตรฯจะมีการรวมกลุ่มกับสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย (สปท.)นั้น โดยหลักการมีการหารือกันในครั้งนี้ และเราพร้อมสนับสนุนและส่งเสริมการเคลื่อนไหวทุกองค์กรที่มีจุดยืนตรวจสอบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นสปท. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และแม้แต่เครือข่ายนักวิชาการที่ล่ารายชื่อ เพื่อคัดค้านการโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม เครือข่ายพันธมิตรฯ พร้อมสนับสนุนทุกองค์กร