นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ในฐานะอดีตผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ต้องหามีหมายจับได้รับการประกันตัว พันธมิตรฯ จะติดตามตรวจสอบกระบวนการต่อสู้ในชั้นศาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานอัยการ ตำรวจ คตส. ดีเอสไอ ว่าได้ทำหน้าที่โดยปลอดจากการแทรกแซงของฝ่ายการมืองอย่างแท้จริงหรือไม่ และได้ทุ่มเทในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายในคดีความต่างๆ อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ เป็นไปได้ว่าการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมจะไม่หยุดอยู่แค่การย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเท่านั้น ฉะนั้นพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ จึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมเคลื่อนไหวตลอดเวลาเพื่อคัดค้านการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้ นายสุริยะใส ไม่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะวางมือทางการเมือง แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะประกาศหลายครั้งว่าจะเลิกเล่นการเมือง แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาสวนทางอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการยังคงเป็นผู้มีอำนาจเหนือพรรคพลังประชาชนและรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ไม่ว่าจะเป็นการจัดบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค หรือการจัดทำดีวีดีหาเสียงให้พรรคพลังประชาชนจนเกิดปัญหาความเป็นนอมินี การจัดโผ ครม. และตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาลชุดนี้ และมีความเป็นไปได้เช่นกัน ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้ามาสร้างบทบาทเหนือพรรคพลังประชาชนและอำนาจเหนือรัฐบาลเพื่อเอื้อต่อรูปคดีและผลประโยชน์ทางการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าคำพูดว่าจะวางมือทางการเมืองและไม่แทรกแซงชี้นำรัฐบาลชุดนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นายสมัคร สุนทรเวช จะต้องเร่งพิสูจน์บทบาทและผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ และสร้างความมั่นใจให้กับคนทั่วไปว่าประเทศนี้มีนายกรัฐมนตรีคนเดียว ไม่มีอำนาจซ้อนอำนาจหรือนายกฯ ซ้อนนายกฯ อันอาจสร้างความสับสนต่อประชาชนและทำให้ระบบการเมืองไทยอ่อนแอ ไร้ระเบียบ และเกิดปัญหาตามมาในที่สุด
ส่วนคำแถลงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ระบุว่าถูกกล่าวหา กลั่นแกล้ง และถูกรังแกนั้น อาจเข้าข่ายหมิ่นศาลเพราะการรับฟ้องของศาลหรือการอนุมัติออกหมายจับก็คงต้องมีมูลหรือข้อเท็จจริงแห่งคดี ซึ่งเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ตกเป็นผู้ต้องหา ก็มีหน้าที่พิสูจน์ความผิดต่อศาล การออกมาพูดนอกศาลในลักษณะแบบนี้อาจทำให้สังคมเข้าใจผิดได้
สำหรับจุดยืนของพันธมิตรฯ นั้นจะมีการประชุมหารือกันและมีการแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์การเมืองของ 5 แกนนำอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงเช้าของวันพุธที่ 4 มีนาคม ที่บ้านพระอาทิตย์
ทั้งนี้ นายสุริยะใส ไม่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะวางมือทางการเมือง แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะประกาศหลายครั้งว่าจะเลิกเล่นการเมือง แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาสวนทางอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการยังคงเป็นผู้มีอำนาจเหนือพรรคพลังประชาชนและรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ไม่ว่าจะเป็นการจัดบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค หรือการจัดทำดีวีดีหาเสียงให้พรรคพลังประชาชนจนเกิดปัญหาความเป็นนอมินี การจัดโผ ครม. และตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาลชุดนี้ และมีความเป็นไปได้เช่นกัน ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้ามาสร้างบทบาทเหนือพรรคพลังประชาชนและอำนาจเหนือรัฐบาลเพื่อเอื้อต่อรูปคดีและผลประโยชน์ทางการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าคำพูดว่าจะวางมือทางการเมืองและไม่แทรกแซงชี้นำรัฐบาลชุดนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นายสมัคร สุนทรเวช จะต้องเร่งพิสูจน์บทบาทและผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ และสร้างความมั่นใจให้กับคนทั่วไปว่าประเทศนี้มีนายกรัฐมนตรีคนเดียว ไม่มีอำนาจซ้อนอำนาจหรือนายกฯ ซ้อนนายกฯ อันอาจสร้างความสับสนต่อประชาชนและทำให้ระบบการเมืองไทยอ่อนแอ ไร้ระเบียบ และเกิดปัญหาตามมาในที่สุด
ส่วนคำแถลงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ระบุว่าถูกกล่าวหา กลั่นแกล้ง และถูกรังแกนั้น อาจเข้าข่ายหมิ่นศาลเพราะการรับฟ้องของศาลหรือการอนุมัติออกหมายจับก็คงต้องมีมูลหรือข้อเท็จจริงแห่งคดี ซึ่งเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ตกเป็นผู้ต้องหา ก็มีหน้าที่พิสูจน์ความผิดต่อศาล การออกมาพูดนอกศาลในลักษณะแบบนี้อาจทำให้สังคมเข้าใจผิดได้
สำหรับจุดยืนของพันธมิตรฯ นั้นจะมีการประชุมหารือกันและมีการแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์การเมืองของ 5 แกนนำอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงเช้าของวันพุธที่ 4 มีนาคม ที่บ้านพระอาทิตย์