xs
xsm
sm
md
lg

รู้ไหม “สมัคร” ยิ่งใหญ่กว่าใครในแผ่นดิน (2)

เผยแพร่:   โดย: ป.เพชรอริยะ

ดังได้กล่าวในตอนต้นแล้วว่า รัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับเป็นมิจฉาทิฐิ เหตุเพราะไม่มีหลักการปกครอง มีแต่วิธีการปกครอง มันจึงเป็นเหตุแห่งความล้มเหลวของชาติ และที่ร้ายกาจที่สุด คือมันเป็นเหตุปัจจัยให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกลายเป็นศูนย์กลางของระบอบอย่างเป็นไปเอง นายสมัครจึงกลายเป็นศูนย์กลางของระบอบฯ นัยหนึ่ง นายสมัครกลายเป็นหลักการปกครองของระบอบฯ ดังนี้ นายสมัครจึงอยู่เหนือใครในแผ่นดิน หรือยิ่งใหญ่กว่าใครในแผ่นดิน นี่คือความมิจฉาทิฐิของผู้ปกครองชุดก่อน

จะกล่าวโทษนายสมัครก็ไม่ได้ คือใครเข้ามานายกรัฐมนตรี ก็ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยของรัฐธรรมนูญมิจฉาทิฐิ โดยผู้ปกครองที่มีอำนาจ และคณะกรรมการการยกร่างรัฐธรรมนูญทำลายชาติ ด้วยความโง่เขลา เบาปัญญาหาที่เปรียบไม่ได้

ผู้ปกครองชุดใหม่ที่นำโดยนายสมัคร สุนทรเวช หาทางออกด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใครก็รู้ว่าเพื่อประโยชน์บุคคลและพรรคพลังประชาชน เป็นแนวทาง วิธีการที่เป็นมิจฉาทิฐิเช่นเดิม ส่วนฝ่ายผู้คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์รักษาความมิจฉาทิฐิให้คงอยู่ยาวนานต่อไป ทั้งสองแนวทางต่างก็ถูกครอบงำด้วยลัทธิรัฐธรรมนูญ มีรัฐธรรมนูญเป็นศูนย์กลางของความเชื่อ เป็นศูนย์กลางของความยึดมั่นถือมั่น และเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งทำลายชาติ มันเป็นมิจฉาทิฐิ ซึ่งได้พิสูจน์ ประจักษ์ชัด ถึงความล้มเหลวมาแล้วอย่างซ้ำซากของรัฐธรรมนูญมิจฉาทิฐิมากถึง 18 ฉบับ ในช่วงระยะเวลากว่า 75 ปี ไทยเรามีรัฐประหารมากที่สุดในโลก ไทยเรามีรัฐธรรมนูญมากที่สุดในโลก แสดงให้เห็นว่า ไทยเราล้มเหลวที่สุดในโลก และเป็นเหตุให้ไทยเราล้าหลังทางการเมืองที่สุดในโลกเช่นกัน เมื่อไหร่หนอ พวกท่านจะได้รู้สึกสำนึก ฉุกคิดขึ้นมาบ้าง จะได้พ้นจากวังวนวงจรอุบาทว์แห่งความโง่เขลาเบาปัญญาเสียที หรือจะรอให้ประเทศลาว เขมร พม่า แซงหน้าเสียก่อนหรือไร

ไม่มีทางอื่นนอกจากการชี้แจง แสดงให้เห็นธรรม ก่อให้เกิดปัญญาแก่ท่านผู้อ่าน และประชาชนทั่วไป เพื่อร่วมมือ ร่วมใจกันสร้างผู้นำใหม่ในแนวทางสัมมาทิฐิ ต่อสู้ด้วยการให้ปัญญา ให้ความรัก ความเมตตา เมตตา เมตตา สันติ สันติ สันติ และความไม่กลัว ไม่กลัว ไม่กลัว

ทางออกที่เป็นสัมมาทิฐิ โดยมีรากฐานจากการวิปัสสนา รู้แจ้งเห็นจริงในสัมพันธภาพขององค์ประกอบของชีวิต กฎธรรมชาติ และการจัดสัมพันธภาพทางการเมือง เป็นหนึ่งเดียวกัน กล่าวคือ

1. สัมพันธภาพของชีวิตระหว่างนิพพาน กับ ขันธ์ 5, นิพพานเป็นด้านเอกภาพ ส่วนขันธ์ 5 มีลักษณะแตกต่างหลากหลาย ผู้รู้แจ้งย่อมรู้สัมพันธภาพของกฎธรรมชาติ ดำเนินชีวิตปราศจากความทุกข์

2. สัมพันธภาพของกฎธรรมชาติระหว่างสภาวะอสังขตธรรม กับ สังขตธรรม (ได้แก่สิ่งไม่มีชีวิตและสิ่งมีชีวิต, พืช, สัตว์อันแตกต่างหลากหลาย) จะพบว่าสภาวะอสังขตธรรมเป็นองค์เอกภาพ ส่วนสังขตธรรมมีลักษณะแตกต่างหลากหลาย เป็นเหตุปัจจัยให้กฎธรรมชาติทรงไว้ซึ่งดุลยภาพ

3. สัมพันธภาพระหว่างประเทศชาติ กับ ประชาชน ถ้าเป็นสัมมาทิฐิจะพบว่า ชาติเป็นด้านเอกภาพ ส่วนประชาชนเป็นด้านแตกต่างหลากหลาย ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีสัมพันธภาพในลักษณะอื่นๆ อีกมากมาย แต่สิ่งสำคัญพื้นฐาน เป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่ของชาติ เป็นชัยชนะของประเทศชาติและปวงชนไทย คือ

นอกจากนี้ยังสัมพันธภาพโดยธรรมที่จะเป็นฐานรองรับ สอดคล้องต้องกันเป็นหนึ่งเดียวกันเช่น สัมพันธภาพระหว่างดวงอาทิตย์ กับ ดาวเคราะห์, สัมพันธภาพระหว่างพระนิพาน กับ คำสอน 84,000 พระธรรมขันธ์, สัมพันธภาพระหว่างพระรัตนตรัย กับ พุทธศาสนิกชน, สัมพันธภาพระหว่างประเทศชาติ กับ ประชาชน, สัมพันธภาพระหว่างพระมหากษัตริย์ กับ พสกนิกร, พระมหากษัตริย์ กับ องค์กรใช้อำนาจอธิปไตยทั้ง 3, รัฐบาล... จังหวัด... อำเภอ... ตำบล... หมู่บ้าน... ครอบครัว เป็นกระแสแห่งความก้าวหน้าโดยธรรม ไหลไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกันคือหลักการปกครองฯ และเป็นเหตุแห่งความก้าวหน้าทั้งทางจิตใจและทางสังคม

พระราชภารกิจอันสำคัญยิ่งที่สุดขององค์พระมหากษัตริย์ที่จะทรงลืมไม่ได้ และปวงชนชาวไทย ที่จะต้องร่วมมือ ร่วมใจ อิงอาศัยกันและกันเพื่อสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 โดยมีรากฐาน แก่นแท้ของชาติ คือสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลักการปกครอง

ขั้นตอนที่ 2 คือปรับปรุงรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติต่างๆ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา ฯลฯ จะต้องไม่ขัดต่อองค์ประกอบแห่งรัฐ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หลักธรรมาธิปไตย 9 ถ้ากฎหมายใดๆ ขัดกับหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 นี้ ก็ให้ปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องต้องกัน จะเห็นว่าไม่ยากเลย ทั้งนี้ก็เพื่อความมั่นคงแห่งชาติสูงสุด และทำให้อุดมการณ์แห่งชาติสมบูรณ์ยิ่งด้วยปัญญาที่แท้จริง และจะเป็นเหตุแห่งการขจัดความชั่วร้ายในแผ่นดิน และเงื่อนไขต่างๆ ให้หมดสิ้นลงได้ มีตัวอย่างโดยย่อดังนี้

หมวด 1 บททั่วไป

มาตรา 1
ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ (บอกให้ทราบว่ารูปลักษณ์ของประเทศไทยเป็นราชอาณาจักร อย่าเอาแนวคิด การเมืองในประเทศสาธารณรัฐมาใช้ ต้องแยกแยะให้ถูก ทุกวันนี้ผู้ปกครอง นักการเมืองไทย มันมั่ว สับสนไปหมดแล้ว)

มาตรา 2 ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และศาสนาอื่นที่รัฐรับรองคือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาซิกข์ (เขียนไว้เพื่อให้ชาติเข้มแข็ง เพื่อป้องกันไม่ให้ชนในชาติสับสน ทุกวันนี้ผู้ปกครองไทยสับสนจนล้มละลาย ใกล้จะสิ้นชาติกันอยู่แล้ว)

มาตรา 3 ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (เขียนถูกต้องคือพระมหากษัตริย์เป็นประมุขประเทศ หรือแห่งรัฐใน รธน. ฉบับปี 50 พระมหากษัตริย์เป็นประมุขระบอบฯ เป็นการลดพระบรมเดชานุภาพลง มีเจตนาแอบแฝงให้พระมหากษัตริย์เป็นประมุขระบอบมิจฉาทิฐิ)

มาตรา 4 ประเทศไทยมีการปกครองโดยธรรมเป็นใหญ่ เป็นธรรมาธิปไตย โดยมีหลักการปกครอง ดังต่อไปนี้ (1) หลักธรรมาธิปไตย (2) หลักพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ (3) หลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน (4) หลักเสรีภาพบริบูรณ์ (5) หลักความเสมอภาคทางโอกาส (6) หลักภราดรภาพ (7) หลักเอกภาพ (8) หลักดุลยภาพ (9) หลักนิติธรรม

มาตรา 5 ประเทศไทยใช้รูปการปกครองระบบรัฐสภา (Parliamentary System) (เขียนยืนยันให้ประชาชนทราบว่ารูปการปกครองคือระบบรัฐสภา กล่าวโดยย่อ เป็นระบบรวมอำนาจ แยกกันทำหน้าที่ หมายความว่าฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ ต้องเป็นสมาชิกรัฐสภา แต่แยกกันไปทำหน้าเพื่อถ่วงดุลซึ่งกันและกัน) เพื่อป้องกันการบิดเบือน มั่ว ไปใช้รูปการปกครองอื่น เช่น ระบบประธานาธิบดี (Presidential System) หรือ ระบบกึ่งประธานาธิบดี (Semi-Presidential System) ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการคิดทำลายสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี่คือก้าวแรกแห่งความถูกต้องอันยิ่งใหญ่ของชาติและประชาชนในเบื้องต้น

ดังกล่าวนี้ ขอเชิญชวนปวงชนไทย ทุกฝ่าย โดยเฉพาะคุณสนธิ ลิ้มทองกุล กลุ่มพันธมิตรฯ ได้กรุณาพิจารณาด้วยปัญญาอย่างรอบด้าน ช่วยกันรณรงค์ผลักดันหลักการปกครองโดยธรรม คือแนวทางที่ถูกต้องที่แท้จริง และเป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่ของชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น