ผู้จัดการรายวัน-ทอท.หวั่นปัญหาเสียงกระทบขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 คณะทำงานแก้ปัญหาเสียงเตรียมเสนอขอศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการแก้ปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดใช้สุวรรณภูมิระยะแรก พร้อมทำความเข้าใจประชาชนบังคับใช้ พ.ร.บ.ทางเดินอากาศ 2497 ปลูกสร้าง ปลูกต้นไม้ในรัศมี 7 กม.ซึ่งเป็นเขตความปลอดภัยการบิน อย่างจริงจัง
นายสมชัย สวัสดีผล ผู้เชี่ยวชาญ 11 บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.ในฐานะประธานคณะทำงานเร่งรัดการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบด้านเสียงจากการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ทอท.จะเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดใช้ท่าอากาศยานระยะที่ 1 ควบคู่กับการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเตรียมความพร้อมในการก่อสร้างเพื่อขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในระยะที่ 2
เนื่องจากปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารกว่า 42 ล้านคนต่อปี ขณะที่ขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในขณะนี้คือ 45 ล้านคนต่อปี ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเริ่มดำเนินการโครงการในเฟสที่ 2 เพื่อให้สามารถรองรับกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น รวมถึงจำนวนเครื่องบินที่จะเข้ามาใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ในการก่อสร้างสุวรรณภูมิเฟส 2 จำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ต้องดำเนินการล่วงหน้าอย่างน้อย 2 ปี ก่อนการก่อสร้าง รวมถึงต้องจัดทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อาจได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเฟส 2 ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการ ทอท.ครั้งต่อปี คณะทำงานฯ จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อเสนอแนวทางในการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการก่อสร้างเฟส 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในการก่อสร้างเฟส 2 คณะกรรมการฯ จะเน้นการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ทางเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ที่ห้ามการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมถึงห้ามปลูกต้นไม้ในรัศมีห่างจากท่าอากาศยาน 7 กิโลเมตร เพราะถือว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตความปลอดภัยการบิน ซึ่งมีการประกาศใช้มาหลายสิบปี แต่หน่วยงานราชการไม่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง เห็นได้จากการปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนต่างๆ จำนวนมากรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้เกิดปัญหาการจ่ายเงินชดเชยให้กับประชาชนเหล่านี้ภายหลัง ซึ่งทำให้ ทอท.ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก
นายสมชัย สวัสดีผล ผู้เชี่ยวชาญ 11 บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.ในฐานะประธานคณะทำงานเร่งรัดการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบด้านเสียงจากการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ทอท.จะเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดใช้ท่าอากาศยานระยะที่ 1 ควบคู่กับการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเตรียมความพร้อมในการก่อสร้างเพื่อขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในระยะที่ 2
เนื่องจากปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารกว่า 42 ล้านคนต่อปี ขณะที่ขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในขณะนี้คือ 45 ล้านคนต่อปี ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเริ่มดำเนินการโครงการในเฟสที่ 2 เพื่อให้สามารถรองรับกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น รวมถึงจำนวนเครื่องบินที่จะเข้ามาใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ในการก่อสร้างสุวรรณภูมิเฟส 2 จำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ต้องดำเนินการล่วงหน้าอย่างน้อย 2 ปี ก่อนการก่อสร้าง รวมถึงต้องจัดทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อาจได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเฟส 2 ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการ ทอท.ครั้งต่อปี คณะทำงานฯ จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อเสนอแนวทางในการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการก่อสร้างเฟส 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในการก่อสร้างเฟส 2 คณะกรรมการฯ จะเน้นการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ทางเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ที่ห้ามการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมถึงห้ามปลูกต้นไม้ในรัศมีห่างจากท่าอากาศยาน 7 กิโลเมตร เพราะถือว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตความปลอดภัยการบิน ซึ่งมีการประกาศใช้มาหลายสิบปี แต่หน่วยงานราชการไม่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง เห็นได้จากการปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนต่างๆ จำนวนมากรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้เกิดปัญหาการจ่ายเงินชดเชยให้กับประชาชนเหล่านี้ภายหลัง ซึ่งทำให้ ทอท.ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก
