นายสมชัย สวัสดิผล ผู้เชี่ยวชาญ 11 บริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ในฐานะประธานคณะทำงานเร่งรัดการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบด้านเสียงจากการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารมาใช้บริการของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปแล้วกว่า 42 ล้านคน ในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่อัตราความจุผู้โดยสารของอาคารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอยู่ที่ 45 ล้านคน หรือกว่าร้อยละ 90 ของอัตราความจุสูงสุดแล้ว ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 เพื่อให้รองรับกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น รวมถึงจำนวนเครื่องบินที่จะเข้ามาใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ ทอท.จะเร่งจัดการปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดใช้ท่าอากาศยานระยะที่ 1 ควบคู่กับการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเตรียมความพร้อมในการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2
นายสมชัย กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมพร้อมเดินหน้าก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ว่า ล่าสุด การออกแบบทางวิ่ง (Taxi way) จัดทำเสร็จแล้ว ส่วนการออกอาคารสะพานเทียบเครื่องบินที่แยกจากอาคารผู้โดยสารนั้นอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ทั้งนี้ ในการก่อสร้างเฟส 2 จำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องดำเนินการไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 ปี ก่อนมีการก่อสร้าง รวมถึงต้องจัดทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อาจได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเฟส 2 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยในการประชุมคณะกรรมการ ทอท. ครั้งหน้า คณะทำงานฯ จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อเสนอแนวทางในการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการก่อสร้างเฟส 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการก่อสร้างเฟส 2 คณะกรรมการฯ จะเน้นการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ทางเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ที่ห้ามการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมถึงห้ามปลูกต้นไม้ในรัศมีห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 7 กิโลเมตร เพราะถือว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตความปลอดภัยการบิน ซึ่งมีการประกาศใช้มาหลายสิบปี แต่หน่วยงานราชการไม่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง เห็นได้จากการปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนต่างๆ จำนวนมากรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้เกิดปัญหาการจ่ายเงินชดเชยให้กับประชาชนเหล่านี้ภายหลัง ซึ่ง ทอท.จะต้องใช้งบประมาณไปเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ทอท.จะเร่งจัดการปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดใช้ท่าอากาศยานระยะที่ 1 ควบคู่กับการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเตรียมความพร้อมในการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2
นายสมชัย กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมพร้อมเดินหน้าก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ว่า ล่าสุด การออกแบบทางวิ่ง (Taxi way) จัดทำเสร็จแล้ว ส่วนการออกอาคารสะพานเทียบเครื่องบินที่แยกจากอาคารผู้โดยสารนั้นอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ทั้งนี้ ในการก่อสร้างเฟส 2 จำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องดำเนินการไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 ปี ก่อนมีการก่อสร้าง รวมถึงต้องจัดทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อาจได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเฟส 2 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยในการประชุมคณะกรรมการ ทอท. ครั้งหน้า คณะทำงานฯ จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อเสนอแนวทางในการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการก่อสร้างเฟส 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการก่อสร้างเฟส 2 คณะกรรมการฯ จะเน้นการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ทางเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ที่ห้ามการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมถึงห้ามปลูกต้นไม้ในรัศมีห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 7 กิโลเมตร เพราะถือว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตความปลอดภัยการบิน ซึ่งมีการประกาศใช้มาหลายสิบปี แต่หน่วยงานราชการไม่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง เห็นได้จากการปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนต่างๆ จำนวนมากรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้เกิดปัญหาการจ่ายเงินชดเชยให้กับประชาชนเหล่านี้ภายหลัง ซึ่ง ทอท.จะต้องใช้งบประมาณไปเป็นจำนวนมาก