นราธิวาส-ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สาขานราธิวาส เผย 4 ปีอนุมัติเงินกู้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท แม้จะเกิดเหตุความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง
นายวัฒนา แก้วประจุ ผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สาขานราธิวาส(แบงก์SMEs) เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์ความไม่สงบได้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง แต่ในภาคธุรกิจกลุ่มผู้ประกอบการยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป แม้ไม่มีสภาพคล่องเหมือนช่วงภาวะปกติ
สำหรับ จังหวัดนราธิวาสนับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา มีกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อย เข้ามาติดต่อขอรับคำปรึกษาด้านแผนการพัฒนาธุรกิจ รวมทั้งขอกู้เงินผ่านธนาคารเป็นจำนวนมาก โดยจนถึงปัจจุบันได้อนุมัติเงินในโครงการต่างๆ รวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท และในไตรมาสแรกของปีนี้ได้อนุมัติเงินกู้รวม 10โครงการ เป็นจำนวนเงิน 17 ล้านบาท และเป็นที่น่าชื่นชมว่าลูกค้าซึ่งเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ ทั้งประเภทกู้เพื่อพยุงกิจการ และผู้ประกอบการรายใหม่ มีจำนวนหนี้ NPL น้อยมาก โดยไม่ถึง 5% ของจำนวนเงินทั้งหมด
นายวัฒนา กล่าวอีกว่า พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แบงก์ได้มีมาตรการช่วยเหลือพิเศษโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพียง 1.5% ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ ที่ต้องการหาช่องทางของเงินทุนในการต่อยอดธุรกิจเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การพัฒนาระบบเศรษฐกิจสามารถพัฒนาขีดความสามารถได้อย่างคล่องตัว ธนาคารจึงได้จัดมาตรการเชิงรุกในการเข้าไปติดต่อกลุ่มผู้ประกอบการซึ่งมีศักยภาพในการผลิตและการส่งออก เพื่อให้สามารถขยายธุรกิจได้เต็มตามศักยภาพที่มีอยู่โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโอทอป ซึ่งจะเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพแก่ประชาชนในพื้นที่โดยตรง เช่น กลุ่มผู้ผลิตโรตีแช่แข็งไอซ์ ศูนย์ฝึกอาชีพบ้านญาดา และกลุ่มอนุโรจน์แฮนเพนท์
ส่วนในการพิจารณาลูกค้าแต่ละราย ผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับวงเงินที่ต้องการ โดยหากไม่เกิน 5 แสน และมีเอกสารหลักฐานพร้อม โดยตำแหน่งก็สามารถอนุมัติได้ทันทีซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน แต่หากวงเงินสูงกว่านั้นก็จะต้องพิจารณาอนุมัติในรูปคณะกรรมการ เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการพิจารณาอนุมัติ เนื่องจากทุกฝ่ายมุ่งเน้นที่จะสร้างโอกาสแก่กลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้เช่นเดียวกับนักธุรกิจในภูมิภาคอื่นๆ
นายวัฒนา แก้วประจุ ผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สาขานราธิวาส(แบงก์SMEs) เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์ความไม่สงบได้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง แต่ในภาคธุรกิจกลุ่มผู้ประกอบการยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป แม้ไม่มีสภาพคล่องเหมือนช่วงภาวะปกติ
สำหรับ จังหวัดนราธิวาสนับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา มีกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อย เข้ามาติดต่อขอรับคำปรึกษาด้านแผนการพัฒนาธุรกิจ รวมทั้งขอกู้เงินผ่านธนาคารเป็นจำนวนมาก โดยจนถึงปัจจุบันได้อนุมัติเงินในโครงการต่างๆ รวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท และในไตรมาสแรกของปีนี้ได้อนุมัติเงินกู้รวม 10โครงการ เป็นจำนวนเงิน 17 ล้านบาท และเป็นที่น่าชื่นชมว่าลูกค้าซึ่งเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ ทั้งประเภทกู้เพื่อพยุงกิจการ และผู้ประกอบการรายใหม่ มีจำนวนหนี้ NPL น้อยมาก โดยไม่ถึง 5% ของจำนวนเงินทั้งหมด
นายวัฒนา กล่าวอีกว่า พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แบงก์ได้มีมาตรการช่วยเหลือพิเศษโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพียง 1.5% ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ ที่ต้องการหาช่องทางของเงินทุนในการต่อยอดธุรกิจเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การพัฒนาระบบเศรษฐกิจสามารถพัฒนาขีดความสามารถได้อย่างคล่องตัว ธนาคารจึงได้จัดมาตรการเชิงรุกในการเข้าไปติดต่อกลุ่มผู้ประกอบการซึ่งมีศักยภาพในการผลิตและการส่งออก เพื่อให้สามารถขยายธุรกิจได้เต็มตามศักยภาพที่มีอยู่โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโอทอป ซึ่งจะเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพแก่ประชาชนในพื้นที่โดยตรง เช่น กลุ่มผู้ผลิตโรตีแช่แข็งไอซ์ ศูนย์ฝึกอาชีพบ้านญาดา และกลุ่มอนุโรจน์แฮนเพนท์
ส่วนในการพิจารณาลูกค้าแต่ละราย ผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับวงเงินที่ต้องการ โดยหากไม่เกิน 5 แสน และมีเอกสารหลักฐานพร้อม โดยตำแหน่งก็สามารถอนุมัติได้ทันทีซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน แต่หากวงเงินสูงกว่านั้นก็จะต้องพิจารณาอนุมัติในรูปคณะกรรมการ เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการพิจารณาอนุมัติ เนื่องจากทุกฝ่ายมุ่งเน้นที่จะสร้างโอกาสแก่กลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้เช่นเดียวกับนักธุรกิจในภูมิภาคอื่นๆ