xs
xsm
sm
md
lg

ผนึกค้านแก้รธน.ล้างมลทิน พันธมิตรฯถกใหญ่19เม.ย.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"อภิสิทธิ์"ค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างมลทินให้บางกลุ่ม แต่หนุนแก้ทั้งฉบับ โดยใช้กลไกสภาฯ คาดใช้เวลามากกว่า 6 เดือน พันธมิตรฯนัดถกใหญ่ 19 เม.ย. ร่วมกับกรรมการทั้ง6 ฝ่าย วางยุทธศาสตร์ขวางกระบวนการฟอกผิดแม้ว ส่วน ส.ส.ร.ใต้ จับมือต้านรัฐบาลหุ่นเชิดแก้รัฐธรรมนูญเพื่อพวกพ้อง นัดหารือวันนี้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และเป็นหนึ่งใน 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ภายใน 180 วัน ว่า แนวความคิดที่จะให้มีการศึกษารัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เป็นแนวคิดที่พรรคประชาธิปัตย์ได้นำเสนอมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหากรัฐบาลมีความเห็นไปในแนวทางนี้ คิดว่าเราก็น่าจะเดินหน้าได้ และแนวทางที่ง่ายที่สุดคือ การหยิบเอาญัตติที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร และสามารถหยิบมาพิจารณาในสัปดาห์หน้า และให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญคณะหนึ่งขึ้นมาศึกษา พร้อมทั้งกำหนดประเด็นการแก้ไข รวมไปถึงกำหนดระยะเวลาด้วยว่าไม่เกิน 3 เดือน และเมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ก็สามารถนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2550

"ผมว่าการแก้ไขที่สภาฯเป็นแนวทางที่ดี ที่จะเป็นการคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ส่วนกรอบเวลา180 วันนั้น ผมคิดว่ากรรมาธิการที่ตั้งขึ้นมาจะเป็นตัวกำหนดว่าจะใช้เวลาเท่าใด จากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการยกร่าง ดังนั้นหากทำขั้นตอนตรงนี้ให้ทุกฝ่าย ทั้งสภาฯ มีความเห็นร่วมกัน เชื่อว่าทุกอย่างก็จะเป็นเรื่องเร็ว และเรื่องง่าย ส่วนที่ต้องการให้เสร็จภายใน 180 วันนั้น ตรงนี้เป็นเรื่องยาก เพราะเราไม่รู้แน่ชัดว่ารัฐธรรมนูญที่เราจะแก้ไขนั้น จะเสร็จเมื่อไร ประกอบกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เราก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะเสนอแก้ไขเรื่องใดบ้าง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องรอให้คดียุบพรรคพิจารณาเสร็จสิ้นก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าหากจะแก้ไขต้องดูทั้งระบบ ที่มีความสอดคล้องกันไม่ใช่จะแก้ไข หรือหยิบยกเอาเฉพาะมาตราที่กระทบต่อคดีมาเป็นตัวตั้งเพื่อแก้ไข และหากในมาตราใดเห็นพ้องว่า สอดคล้องกัน และต้องแก้ไข เราก็สามารถที่จะแก้ไขเพื่อให้รัฐธรรมนูญเดินไปได้ แต่ต้องไม่เป็นการตั้งธงว่า จะต้องแก้มาตรานี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคดี

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า นักการเมืองคือ1 ใน 5 ความเสื่อมของประเทศไทย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เราคงปฎิเสธไม่ได้ว่า มีหลายสิ่งในภาคการเมืองที่ยังล้มเหลวอยู่ ทั้งปัญหาเฉพาะจุดเล็กๆ หรือแม้แต่ภาพรวมของทั้งระบบ อาทิ ปัญหาทุจริต การแสวงหาผลประโยชน์ของกลุ่มและของตนเอง ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ไข ฝ่ายการเมืองก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวเอง พร้อมทั้งรับฟังในสิ่งที่ นายธีรยุทธเตือน ตรงนี้ถือเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่ต้องแก้ไข

เมื่อถามว่านายธีรยุทธ เตือนรัฐบาลว่า อย่าแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา ที่เกี่ยวกับสำนวนที่จะเข้าสู่การพิจารณาของศาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรายังยืนยันว่า ไม่ควรแก้ไขในมาตราที่เกี่ยวกับประโยชน์เฉพาะเรื่อง และประโยชน์เฉพาะตัว แต่หากเป็นการแก้ไขเพื่อหลักการ และความถูกต้อง เหมาะสม ก็ต้องไปว่ากันในภาพรวม ที่จะเรียกว่า การแก้ไขใหญ่ก็ได้

ดังนั้นตนขอเตือนว่า ไม่ควรแก้ไขในมาตรการที่เกี่ยวข้องกับคดี เพื่อเป็นการลบล้างการกระทำผิด และเป็นการลบล้างหลักของกฎหมายที่สำคัญ แต่หากรัฐบาลยังกล่าวอ้างว่า ยังมีความสำคัญที่ต้องแก้ไข เราก็ต้องดูว่า มาตรา 237 และ มาตรา 309 ก็ต้องมาดูว่าที่ผ่านมามีการพูดถึงว่า มาตราดังกล่าวเขียนไว้ดีหรือยัง แต่หากต้องการแก้เพื่อให้คดีล้มไป เรื่องนี้ถือว่าไม่สมควร

**พันธมิตรฯนัดถกใหญ่ 19เม.ย.นี้

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า ครป.จะคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีวาระซ่อนเร้น และมีผลประโยชน์ส่วนตนแอบแฝง และยืนยันจะร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 271 เพื่อถอดถอน ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อเสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการเจาะจงแก้ไข มาตรา 237 กรณีความผิดยุบพรรคการเมือง หากพรรคร่วมรัฐบาลดื้อรั้น ดันทุรังใช้เสียงข้างมากรื้อรัฐธรรมนูญโดยไม่สนใจกระบวนการที่ชอบธรรม และเป็นประชาธิปไตย พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องตกเป็นจำเลยเพราะเข้าข่ายความผิด ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 ที่มีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ขัดกัน ซึ่ง ในวันที่ 19 เม.ย.นี้ พันธมิตรฯ จะจัดประชุมร่วมกับคณะกรรมการทั้ง 6 คณะเพื่อวางยุทธศาสตร์ในการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตนเอง

"แม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นสิทธิที่ทำได้ก็ตาม แต่ต้องมีกระบวนการหรือวิธีการที่น่าเชื่อถือ และให้สังคมเป็นเจ้าภาพ สำหรับข้อเสนอของพรรคร่วมรัฐบาลและเครือข่ายระบอบทักษิณ ที่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น ครป.เห็นว่าเป็นเพียงการแก้เกมทางการเมือง หรือกลวิธีแบบลับ ลวง พราง ที่ต้องการสร้างความชอบธรรมในวงกว้าง แต่ลึกๆ แล้วหวังแก้ไขเพียง 2 มาตรา คือ มาตรา 237 และ มาตรา 309 เท่านั้น" นายสุริยะใส กล่าว

นายสุริยะใส กล่าวว่า ครป.ขอถามไปยังพรรคร่วมรัฐบาลว่า ถ้าจะแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญทั้งฉบับจริง ที่ไม่ใช่การตัดแปะ โดยเอารัฐธรรมนูญปี 2540 มาแปะกับรัฐธรรมนูญปี 2550 จะมีกระบวนการอย่างไร เพราะลำพังการอ้างวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 291 ซึ่งให้อำนาจเด็ดขาดที่รัฐสภา หรือ ส.ส.และ ส.ว.นั้น เป็นเรื่องที่ควรละอายหรือไม่

**แนะแก้ ม.291 ฟังเสียงประชามติ

อย่างไรก็ตาม ครป. ขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาล ยุติความพยายามผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากรัฐบาลต้องการให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่จริง และเป็นการยุติการเผชิญหน้าในสังคม ก็ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อปรับปรุงวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ โดยในขั้นตอนลงมติ ให้ใช้วิธีการออกเสียงประชามติของประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ ไม่ใช่เสียงข้างมากในรัฐสภา ที่สำคัญจะเป็นการถ่ายโอนอำนาจในการทบทวนแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาอยู่ที่ประชาชน ให้สังคมเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะเป็นการขจัดปัญหาเรื่องผลประโยชน์ขัดกัน หรือเป็นผู้มีส่วนได้เสียด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่านายสมัคร จะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญต่อไป โดยอ้างว่า มาจากการเลือกตั้ง นายสุริยะใส กล่าวว่า นายสมัคร ทำไมไม่พูดว่า จะยกเลิก พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่กลับพูดแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งที่ประชาชนไม่ได้ชูรัฐธรรมนูญเป็นนโยบาย แล้วจะมาอ้างว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้ง แล้วมาแก้รัฐธรรมนูญ อยากถามว่า ไม่ละอาย คมช.เลยหรือ

**ติง"สมชาย"อย่าก้าวก่าย อธิการมธ.
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รมว.ศึกษาธิการ จะตรวจสอบ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องจากยอมให้กลุ่มพันธมิตรฯ ใช้สถานที่จัดงานได้ แต่ไม่ให้กลุ่มคนรักทักษิณจัดงาน ว่า ถือว่าการกระทำดังกล่าวของรมว.ศึกษาฯ ไม่เหมาะสม เป็นการใช้อำนาจการเมืองแทรกแซงสถาบันอุดมศึกษา เพราะเหตุที่อธิการบดี ไม่อนุมัติให้กลุ่มคนดังกล่าวมาจัดสัมมนานั้น เนื่องจากสถานที่ไม่ว่าง ซึ่งตนอยากให้ความเป็นธรรมแก่อธิการบดีด้วย และต้องขอความคุณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ให้โอกาสภาคประชาชน และไม่ปิดกั้น

**ส.ส.ร.ใต้ถกวันนี้ค้านแก้รธน.
นายอุทิศ ชูช่วย
อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และประธานอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็น ร่างรัฐธรรมนูญภาคใต้ กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาล มีความพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 237 และ มาตรา 309 ว่า ตรงนี้ไม่สามารถมองเป็นเจตนาอื่น หรืออ้างว่าทำเพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ นอกจากต้องการช่วยเหลือพรรคพวกให้พ้นความผิด

ดังนั้น กลุ่มอดีต ส.ส.ร. และอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นร่างรัฐธรรมนูญสัดส่วนภาคใต้ จึงไม่เห็นด้วย เพราะแก้แล้วประชาชนและประเทศชาติไม่ได้รับประโยชน์ จึงได้เตรียมหารือ เพื่อกำหนดท่าทีในการทำงานที่จะปกป้องรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุด และมีความชัดเจนในการตรวจสอบ สอบสวนการทุจริต เพื่อเอาคนฉ้อโกงประเทศมาลงโทษ

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้(7 เม.ย.) จะมีการรวมตัวของอดีตส.ส.ร.ภาคใต้ และอีกหลายองค์กร ทั้งนักวิชาการ และผู้นำท้องถิ่น เพื่อประชุมและร่วมกันขับเคลื่อนในเรื่องนี้ โดยจะมีขึ้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

**สั่งสถานทูตชี้แจงแก้รธน.แน่
ด้านนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งให้สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ในช่วงที่มีการปฏิวัติ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยให้สืบว่าใครเป็นเจ้าของบริษัท และมีความจำเป็นหรือไม่ หากไม่จำเป็นจะมีคำสั่งให้ยกเลิก เนื่องจากสูญเสียงบประมาณว่าจ้างโดยเปล่าประโยชน์ถึงเดือนละหลายแสนบาท

นอกจากนี้ ยังได้ประสานให้สถานทูตไทยในต่างประเทศได้ชี้แจงและทำความเข้าใจกับนักลงทุนต่างชาติ ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของไทย ที่รัฐบาลยืนยันว่า จะเดินหน้าผลักดันเรื่องนี้ต่อไป โดยเชื่อว่าหากแก้ไขได้สำเร็จ จะทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ และจะทำให้เสถียรภาพทางการเมืองดีขึ้น

นายนพดล กล่าวด้วยว่า ข้อยุติในการแก้รัฐธรรมนูญ จะมีความชัดเจนในการประชุมพรรคพลังประชาชนในวันที่ 8 เม.ย. นี้ โดยเบื้องต้นจะมีการแก้ไขหลายมาตรา หรือแก้ไขใหญ่โดยจะนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาเป็นตัวตั้ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถเสนอต่อที่ประชุมสภาฯได้ก่อนเทศกาลสงกรานต์

"ขอยืนยันว่า รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 237 ไม่มีที่ไหนในโลกมีกัน ถือเป็นเรื่องกาลกิณีทางนิติศาสตร์ การแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาล ไม่กลัวความขัดแย้ง บ้านเมืองต้องทำอะไรที่ถูกต้องจะเดินหน้าต่อไป ไม่หวั่นเสียงคัดค้าน ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่คัดค้านกันมาก เพราะพวกของตัวเองเสียประโยชน์" นายนพดล กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น