xs
xsm
sm
md
lg

สหบาทา "เจ๊เพ็ญ" กัด อสมท หุ้นวูบ 500 ล.-ส.ว.ล่าชื่อถอด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อสมท รับกรรมหลัง "เจ๊เพ็ญ" ปากสว่างเกินหน้าที่ แค่ 3 วันมูลค่าตลาดหายไปแล้ว 515 ล้านบาท ด้าน "วสันต์" งง "จักรภพ" เอาข้อมูลมาจากไหน ชี้ข้อมูลเดือน ม.ค.-ก.พ.51 ยังไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ ขณะที่เลขาฯ ก.ล.ต.ออกโรงป้องไม่ผิด แต่พฤติกรรมไม่เหมาะสม ส่วนรมว.คลังเงา "กรณ์ จาติกวนิช" ตอกย้ำมีแต่ผู้เสียประโยชน์ จี้ก.ล.ต.ประเมินความเสียหาย สภาการหนังสือพิมพ์ฯ หนุน 2 สมาคมวิชาชีพสื่อ ส.ว.เตรียม ล่ารายชื่อ ถอด"เพ็ญ" เหตุ ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม "ประสาร" เตือนระวังไม่มีที่อยู่

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT วานนี้ (27 มี.ค.) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในแดนบวก หลังจากร่วงลงมา 2 วันติดต่อกัน โดยปิดที่ 28.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1.79% มูลค่าการซื้อขาย 10.2 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 50 ราคาหุ้นอสมท ลดลงถึง 3.45% นับเป็นราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดของเดือนมีนาคมนี้ ขณะที่มูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) 2 วัน (25-26 มี.ค.) ปรับตัวลดลง 858.87 ล้านบาท อยู่ที่ 19,238.78 ล้านบาท จากวันที่ 24 มีนาคม มาร์เกตแคปอยู่ที่ 20,097.65 ล้านบาท ขณะที่ 3 วัน (25-27) ได้ปรับตัวลดลง 515.33 ล้านบาท หรืออยู่ที่ 19,582.32 ล้านบาท

นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT กล่าวถึงกรณีที่ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า อสมท มีผลประกอบการขาดทุนในเดือนมกราคม 2551 ถึง 27 ล้านบาท เป็นการขาดทุนครั้งแรกในรอบ 7 ปี และจะต้องประเมินการบริหารงานของผู้อำนวยการ อสมท ใหม่นั้น นายวสันต์ ระบุว่า การเปิดเผยข้อมูลผลประกอบการกำไรสุทธิจะต้องเปิดเผยเป็นรายไตรมาส และมีการแถลงอย่างเป็นทางการก่อนจึงจะเปิดเผยได้ สำหรับข้อมูลที่นายจักรภพออกมาเปิดเผยนั้นไม่ทราบได้มาอย่างไร

ทั้งนี้ นายวสันต์ ยืนยันว่า ตั้งแต่เข้ามาบริหารงานที่ อสมท ตั้งแต่เมื่องกลางปี 2550 ช่วงเดือนพฤษภาคม ภาพรวมของบริษัทเติบโต 24% ด้านโทรทัศน์รายได้เติบโต 33% และวิทยุรายได้เติบโต 24% กำไรสุทธิเติบโต 35% คาดว่า ในไตรมาสแรกจะเติบโต 15-20%

"ข้อมูลช่วงเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ ยังไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ เพราะโดยปกติแล้ว บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ต้องมีการแถลงอย่างเป็นทางการต่อผู้ถือหุ้น และสาธารณชนก่อน จึงจะเปิดเผยข้อมูลให้สื่อมวลชนได้รับทราบได้"

จี้ ก.ล.ต.ประเมินความเสียหาย

นายกรณ์ จาติกวนิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเงา เปิดเผยว่า จากการที่นายนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อ้างว่าพูดในฐานะสิทธิของคนไทยคนหนึ่งที่จะสอบถามบริษัทได้ และในเร็วๆนี้ MCOT จะมีการประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้น ในวันที่ 24 เมษายน 2551 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นนำเรื่องดังกล่าวไปสอบถามผู้บริหารของบริษัท ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินของ MCOT นั้น ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

การที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกมาเปิดเผยว่าการกระทำดังกล่าวของนายจักรภพไม่ได้เข้าข่ายการใช้ข้อมูลภายในตามพระราชบัญญัติ (พรบ.) หลักทรัพย์ฯมาตรา 241 ในการใช้ข้อมูลภายในที่ยังไม่มีการเปิดเผยต่อประชาชนทั่วไป จากการที่ราคาหุ้นของ MCOTไม่ได้ปรับตัวหรือลดลงสูง จากมีผู้ใช้ข้อมูลดังกล่าว แต่ควรที่จะประเมินความเสียหาย เพราะเมื่อมีการออกมาเปิดเผยผลขาดทุนนั้น มีผลทำให้ราคาหุ้นตก

นายกรณ์ กล่าวว่า ก.ล.ต.จะต้องมีการพิสูจน์ว่าจากการออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวว่ามีการซื้อขายหุ้นก่อนที่นายจักรภพ ออกมาเปิดเผยข้อมูล เพื่อใช้ประโยชน์จากข่าวดังกล่าวหรือไม่ และต้องการที่บีบให้ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ลาออก

เลขาฯ กลต.ปกป้อง "จักรภพ"

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวทางรายการวิทยุในช่วงเช้าของวันนี้ (27 มี.ค.) ถึงกรณีที่ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุถึงผลประกอบการของ อสมท โดยหวั่นเกรงว่า จะเป็นการทำผิด พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ ที่เปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตและออกมาส่งสัญญาณปลดนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผอ.อสมท โดยมีการวิจารณ์ว่า เป็นการแทรกแซงการทำงานตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 นั้น ว่า ไม่น่าจะผิดกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้บริหาร MCOT แค่เป็นผู้กำกับดูแลเท่านั้น

สภาการหนังสือพิมพ์ฯ หนุน

วานนี้ (27 มี.ค.) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ประชุมคณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมัยที่ 5 ครั้งที่ 3/2551 ประจำเดือนมีนาคม โดยมีนายสุวัฒน์ ทองธนากุล ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เป็นประธานที่ประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมปกตินายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี เลขาธิการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เสนอให้ที่ประชุมหยิบยกกรณีการดำเนินการของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพและการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนตามรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาหารือเป็นวาระพิเศษ

จากนั้นนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ อุปนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายศุภชัย กฤตผลชัย อุปนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย พร้อมกรรมการบริหารทั้ง 2 สมาคม ได้รายงานที่ประชุมว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ คณะกรรมการของ 2 สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชนได้ประชุมด่วนเพื่อร่วมกันพิจารณา กรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงพฤติกรรมข่มขู่คาดโทษและสั่งตั้งกรรมการสอบกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) และสั่งการให้ยึดคลื่นวิทยุ 5 สถานี ในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์คืนจากภาคเอกชนที่รับสัมปทานนั้น อาจเข้าข่ายการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 และส่อเจตนาถึงการคุกคาม แทรกแซง และครอบงำการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ

“รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลหน่วยงานด้านประชาสัมพันธ์ของรัฐ แต่ก็มีขอบเขตอำนาจหน้าที่เพียงการกำกับดูแลเชิงนโยบายในภาพรวม ส่วนการดำเนินการในรายละเอียดเป็นอำนาจหน้าที่ของข้าราชการประจำหรือหน่วยงานผู้ปฏิบัติที่จะรับนโยบายไปดำเนินการ อีกทั้งในกรณีของบมจ.อสมท นั้น เป็นกิจการในตลาดหลักทรัพย์ การที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีสั่งการให้กรรมการผู้อำนวยการบมจ.อสมท พิจารณาตัวเอง หรือสั่งล่วงหน้าให้คณะกรรมการบริษัทฯ เปลี่ยนแปลงตัวผู้อำนวยการใหญ่ เป็นการเข้าแทรกแซงทั้งที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย อันเป็นการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 268 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งพฤติกรรมที่เข้าข่ายการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญนี้ อาจทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว ตามมาตรา 182 วรรค 7 ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติโดยสมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สามารถดำเนินการยื่นเรื่องต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อดำเนินการถอดถอนออกจากตำแหน่งได้”

ที่ประชุมคณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติมีมติสนับสนุนการดำเนินการของทั้ง 2 สมาคมวิชาชีพสื่อ ในการดำเนินการใดๆ เพื่อรักษาไว้ซึ่งสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

ชี้ ส.ว.เข้าชื่อเสนอถอดถอนได้

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ออกมาระบุจะปลดนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผ.อ.อสมท.เนื่องจากบริหาร อสมท.ขาดทุน ว่า จากการพิจารณาจากคำให้สัมภาษณ์ของนายจักรภพ เป็นในลักษณะเหมือนกดดันให้นายวสันต์ลาออก ซึ่งเรื่องนี้ ส.ส.และส.ว.สามารถเคลื่อนไหวโดยการเข้าชื่อ แล้วยื่นหนังสือต่อประธานสภาถอดถอนรัฐมนตรีที่ขาดคุณสมบัติ เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ว่าการกระทำของนายจักรภพเข้าข่ายหรือไม่

โดยหน้าที่ของรัฐมนตรี จะไปกำหนดว่าใคร ทำผิดหรือไม่ ทำไม่ได้ ถือว่าเป็นการก้าวล่วงเกินไป เพราะนายวสันต์ ถูกแต่งตั้งมาจากการสรรหาของบอร์ด ถ้าเกิดว่าบอร์ดจะเปลี่ยนแปลงอะไร เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่รัฐมนตรีออกมาชี้นำก่อน

ด้าน นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้มีส.ว.จำนวนหนึ่งกำลังมีการหารือกัน ว่าจะเข้ารายชื่อถอดถอนการใช้อำนาจไม่ชอบธรรมของนายจักรภพ การใช้อำนาจของเขาเกินขอบเขตหรือไม่ ซึ่งการที่เขาบอกว่า อสมท.ขาดทุนเพราะนายวสันต์ เข้ามาบริหาร อยากจะบอกว่า ในช่วงนี้ทุกช่องขาดทุนหมด และขณะนี้จะสังเกตว่า ขณะนี้นายจักรภพเจอแรงต้านหลายด้านไม่ว่าจากสื่อ และสังคมพอสมควร ซึ่งตอนนี้เขาพยามแสดงอำนาจที่เขาจะทำได้ ซึ่งนายจักรภพ ต้องเตรียมรับมือกับการถอดถอน และในอนาคตอยู่ลำบากแน่นอน

"เพ็ญ" ตะแบงอ้างปกป้องผู้ถือหุ้น

นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่ มีการตั้งข้อสังเกตว่าการที่นำข้อมูลออกมาเปิดเผยนั้นเพราะไปได้ข้อมูลมาจากไหนและเข้าข่ายอินไซด์เดอร์หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่ใช่ ที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพราะเป็นการตอบคำถามของนักข่าวที่ถามว่า อสมท นั้น จะมีความเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป ตนเลยตอบว่ามีความกังวลในเรื่องนี้ เราไม่ได้มุ่งเป้าที่ตัวบุคคลแต่เป็นการมุ่งเป้าที่ผลการบริหารงานของบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่

ผู้สื่อข่าวถามว่า เปรียบเทียบผลประกอบการอย่างไร จึงบอกว่าขาดทุน นายจักรภพ กล่าวว่า จริงๆ แล้วที่เอ่ยตัวเลขนั้นขึ้นมา เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ ในรอบ 7 ปีขาดทุนครั้งแรก เป็นเรื่องใหญ่มาก ส่วนการออกมาเปิดเผยตัวเลข ทำให้มีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นหรือไม่นั้น นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่มีผลกระทบ เพราะเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของผู้หุ้น

ต่อข้อถามว่า ทำไมข้อมูลที่มีถึงต่างจากข้อมูลที่ อสมท รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งบอกว่าได้กำไร 35% นายจักรภพ กล่าวว่า อยู่ที่ว่าใครในอสมท เป็นผู้พูดข้อมูลนี้ แม้แต่สหภาพแรงงาน อสมท ก็รู้ดี ว่าการประกอบการและการทำงานในช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นอย่างไร

ส่วนที่ระบุว่าถ้าอยากได้ข้อมูลที่แท้จริงให้ไปถามสหภาพฯ แสดงว่าได้ข้อมูล มาจากสหภาพฯ ใช่หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่ใช่ ตนหมายความว่าข้อมูลอื่น นอกเหนือจากนี้ คนใน อสมท เองค่อนข้างจะรู้ดีกัน เมื่อถามว่า ไม่ได้คิดว่าข้อมูลนี้ เป็นการวางยาใช่หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่ใช่
กำลังโหลดความคิดเห็น