xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นไทยซึมเย้ยนโยบายขายฝัน"สมัคร1"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ตลาดหุ้นไม่ตอบรับนโยบายรัฐบาล"สมัคร 1 " วอลุ่มหายวับ ประกอบกับนักลงทุนกังวลตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะประกาศกลางสัปดาห์นี้ โบรกเกอร์ชี้คนหุ้นรอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนกว่านี้ รวมถึงความชัดเจนยกเลิกมาตรการ 30% "ภัทรียา"ย้ำบิ๊กล็อต 3 หุ้นเก็งกำไร "LIVE-BLISS-EMC" ผู้บริหารต้องชี้แจง ตะลึงบิ๊กล็อต "ไทยฟิล์มฯ" 2 ล้านหุ้นก่อนราคาพุ่งชนซิลลิ่ง จี้ตลท.-ก.ล.ต.ตรวจสอบหวั่นใช้ข้อมูลภายใน ด้านปกรณ์ ระบุ"หมอเลี๊ยบ"ตอบรับนำทีมโรดโชว์"สิงคโปร์"เม.ย.ก่อนลุย"ลอนดอน"พ.ค.นี้ ปลื้มขุนคลังหนุนตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุน

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (18 ก.พ.) นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศยังติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาทั้งประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง ฯลฯ โดยในหลายประเด็นยังเกิดคำถามขึ้นต่อท่าทีของรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นท่าทีต่อมาตรการกันสำรอง 30% รวมถึงนโบายในเรื่องอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น ขณะที่ในเชิงเทคนิคดัชนีปรับตัวเพิ่มทดสอบที่ระดับ 830 จุดหลายรอบก่อนจะมีแรงขายทำกำไรออกมาส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 824.99 จุด ลดลง 1.66 จุด หรือ 0.20% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 830.79 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 821.85 จุด มูลค่าการซื้อขาย 15,007.33 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 260.74 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 591.73 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 331 ล้านบาท
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า แรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่ยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก 2 ปัจจัยหลักคือ การเมืองในประเทศมีความชัดเจนมากขึ้ยโดยเฉพาะการจัดตั้งทีมเศรษฐกิจ รวมถึงคำแถลงนโยบายรัฐบาล ซึ่งทำให้นักลงทุนเห็นทิศทางของประเทศไทยที่ชัดเจนขึ้น
ทั้งนี้ การเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นย่านภูมิภาคหลังปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) ที่ได้รับการแก้ไขและเยียวยามากขึ้น ทำให้มีเงินทุนเคลื่อนย้ายทั่วภูมิภาคสังเกตจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวในทิศทางเดียวกัน
ในส่วนการซื้อขายในกระดานรายใหญ่ (บิ๊กล็อต) ของหุ้น 3 บริษัท คือ บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE, บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS และบริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC ในราคาที่ต่ำกว่าราคาในกระดานซื้อขายมากกว่า 15% นางภัทรียา กล่าวว่า เมื่อมีการทำรายการบิ๊กล็อตราคาต่ำกว่าในกระดานนั้นจะต้องมีการรายงานแก่ตลาดหลักทรัพย์ฯว่าใครเป็นผู้ทำบิ๊กล็อตเพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์ฯติดตามข้อมูล แต่เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีความผิดอะไร

**นักลงทุนรอนโยบายศก.ชัด
นายวรุฒน์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลอดทั้งวันตลาดหุ้นแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนยังรอการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัวที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ แต่มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัว เช่น ตัวเลขเงินเฟ้อ ตัวเลขภาคที่อยู่อาศัย และรายงานการประชุม FOMC ที่อาจจะส่งผลทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงเนื่องจากอาจจะยังมีผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหาในอดีตมาอีก
ทั้งนี้ ปัจจัยในประเทศตลอดสัปดาห์นี้นักลงทุนยังติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งประกอบด้วยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้านโดยอาาจะส่งสร้างความมั่นใจในเรื่องการลงทุนให้กลับมาได้บ้าง ขณะเดียวกันข่าวการกลับเข้ามาเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนของกองทุน 2-3 กองทุนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติยังพร้อมที่จะเข้ามาลงทุนได้อีกในรอบนี้
สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีคาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวระหว่าง 820-828 จุด โดยแนะนำนักลงทุนระยะยาวรอให้ตลาดอ่อนลงมากกว่านี้จึงจะเข้าไปทยอยซื้อลงทุน ขณะที่คาดว่าตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีจะผันผวนต่อไปแต่ในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าตลาดจะกลับมาสู่ขาขึ้นอีกครั้ง แต่ยังต้องจับตาดูความคืบหน้ากรณี กกต.พิจารณาให้ใบแดง นายยงยุทธ ติยะไพรัช เพราะจะมีผลเชื่อมโยงไปถึงการยุบพรรคพลังประชาชนว่าผลจะออกมาอย่างไร

**ลุ้นปัจจัยนอกหนุนตลาดหุ้น
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า แม้ว่าตลาดหุ้นจะเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แต่คงไม่มากเนื่องจากนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงออกมายังต้องสร้างความชัดเจนให้กับภาคธุรกิจมากกว่าที่เคยประกาศออกมาซึ่งจะสะท้อนต่อความมั่นใจให้กับนักลงทุน
โดยข่าวการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ถือว่าเป็นสิ่งที่นักลงทุนตอบรับไปบ้างแล้วโดยส่งผลทำให้ค่าเงินปรับตัวแข็งค่าขึ้นแต่ยังคงต้องรอความชัดเจนว่าเรื่องดังกล่าวจะยกเลิกเมื่อใด และจะยกเลิกได้จริงหรือไม่
สำหรับแนวโน้มการลงทุนเชื่อว่านักลงทุนคงมองหุ้นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐเป็นหลัก เช่น หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมทั้งหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลคาดว่าจะกลับเข้ามาได้รับความสนใจอีกครั้ง ขณะที่ส่วนหุ้นเกี่ยวกับสาธารณูปโภคพื้นฐาน ยังน่าจะมีการเข้ามาลงทุนในระยะสั้นเพราะโครงการต่างๆยังคงเป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลานานมากถึงจะสรุปได้
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยผันผวนในกรอบแคบๆ คาดว่านักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่ยังเหลือเวลาอีก 2 วัน ประกอบกับความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวเริ่มชัดเจนขึ้น ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมาในหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้คาดว่าในวันนี้ดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ จากการรอตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะออกมาในช่วงกลางสัปดาห์ ประเมินแนวรับที่ 815-817 จุด แนวต้านที่ 829-831 จุด แนะนำขายทำกำไรเมื่อดัชนีเข้าใกล้แนวต้าน ชะลอการซื้อเพื่อลงทุนรอดูความชัดเจนทั้งปัจจัยในประเทศและต่างประเทศก่อน


**โรดโชว์สิงคโปร์-ลอนดอน
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า คำแถลงนโยบายของรัฐบาลวานนี้ (18 ก.พ.) ถือเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจากให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดทุน โดยเชื่อว่าภาคตลาดทุนจะตอบรับและให้ความร่วมมือในการพัฒนาตลาดทุน โดยเรื่องดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศเนื่องจากตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนที่มีต้นทุนที่ต่ำเพื่อนำไปใช้ขยายกิจการและเป็นการเพิ่มการเงินออมของประเทศให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีการออมในจำนวนที่ต่ำมาก
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมาตลท.ได้เข้าพบ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อยื่นสมุดปกขาว ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการดำเนินงาน 3 ด้านใหญ่ๆ คือการขยายฐานนักลงทุน การเพิ่มสินค้าให้มากขึ้น และการปรับโครงสร้างตลาดหลักทรัพย์ฯ
“ตนและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีกาเข้าพบรมว.คลังในวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง ซึ่งท่านก็รับฟังข้อมูลและจะนำไปพิจารณาต่อไป ”นายปกรณ์กล่าว
สำหรับการเข้าพบครั้งนี้รมว.คลังได้รับฟังข้อมูลและจะมีการพิจารณา โดยประเด็นที่มีความเห็นชอบในหลักการมาก คือ การจัดตั้งองค์กรที่จะเข้ามาพัฒนาตลาดทุน คือ การจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุน โดยจะให้รมว.คลังเป็นประธานคณะกรรมการฯชุดนี้ โดยกรรมการนั้นจะมาจากองค์กรสำคัญๆเกี่ยวกับตลาดทุนตลาดเงิน เช่นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นต้น
นายปกรณ์ กล่าวว่า การเข้าพบครั้งนี้ได้มีการเรียนให้รมว.คลังทราบว่าตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการจัดงานนำเสนอข้อมูลในต่างประเทศ ซึ่งจะเชิญทางกระทรวงการคลังร่วมเดินทางไปด้วย 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกจะเชิญรมว.คลังเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเพื่อที่จะไปพูดถึงนโยบายของรัฐบาลที่ประเทศสิงคโปร์ในเดือนเมษายนนี้ และ อีกครั้งที่ประเทศอังกฤษในเดือนพฤษภาคม

**อึ้งบิ๊กล็อต"TFI"ก่อนพุ่ง30%
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แจ้งว่า วานนี้ (18 ก.พ.) มีการทำรายการซื้อขายในกระดานรายใหญ่หุ้น บริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TFI จำนวน 2 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.15 บาทซึ่งเป็นราคาปิด ณ วันที่ 16 ก.พ. มูลค่ารวม 2.3 ล้านบาท ก่อนที่ราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาปิดที่ 1.49 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท หรือ 29.57% มูลค่าการซื้อขาย 44.39 ล้านบาท
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า อาจจะมีการใช้ข้อมูลภายในในการซื้อขายหุ้นเนื่องจากราคาหุ้นที่มีการทำรายการบิ๊กล็อตเป็นราคาหุ้น ณ วันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งต่ำกว่าราคาที่ปิดค่อนข้างมาก หน่วยงานที่กำกับดูแลควรจะเข้าไปดูและตรวจสอบว่าพบความผิดปกติหรือไม่อย่างไร เนื่องจากหากมีการขายทำกำไรออกมาของนักลงทุนที่เข้าซื้อในรายการบิ๊กล็อตนักลงทุนรายย่อยก็จะได้รับผลกระทบจากเรื่อ งดังกล่าว
นางสาวภัทรวัลลิ์ หวังมิ่งมาศ นักวิเคราะห์เทคนิค บล.กสิกรไทย กล่าวว่า สัญญาณเทคนิคหุ้น TFI มีโอกาสที่ราคาจะปรับเพิ่มขึ้นมาทดสอบที่ระดับ 1.70 บาท แต่ต้องเป็นกลุ่มนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ เนื่องจากอาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมา โดยจุดตัดสินในการลงทุนแนะนำขายขายทุนหากราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1.32 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น