กกต.ชี้ชะตา “ชาติไทย-มัชฌิมาธิปไตย” พุธที่ 2 เม.ย. “สุเมธ” ระบุจะเอาผลสรุปของคณะกรรมการด้านกฎหมายและด้านการตรวจสอบข้อเท็จจริงมาพิจารณาร่วมกัน แต่ไม่มั่นใจจะได้ข้อยุติเลยหรือไม่ รับไม่เห็นด้วยที่ กก.บห.คนหนึ่งทำผิดแล้วคนอื่นต้องรับผิดชอบด้วย แต่ก็ต้องพิจารณาไปตามที่กม.กำหนด ด้าน “เฉลิม” ยังดิ้นอ้างกรณี พปช.ต่างกับ ชท.-มฌ. “ชูวิทย์” ได้ทีไล่ “เติ้ง” กลับไปเลี้ยงหลาน
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่คณะที่ปรึกษากฎหมาย กกต.ที่มีนายสุพล ยุติธาดา เป็นประธาน มีมติเสนอว่า กรณี กรรมการบริหารพรรคกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณายุบพรรคว่า ในสัปดาห์หน้าคณะที่ปรึกษากฎหมายฯคงสรุปความเห็นส่งให้ กกต. และคงนำเข้าที่ประชุม กกต.ในวันพุธที่ 2 เม.ย.นี้ โดย กกต.จะนำมาพิจารณา พร้อมกับผลสรุปที่คณะกรรมการตรวจสอบการยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยที่มี นายบุญทัน ดอกไทสง เป็นประธาน และ เอกสารที่ พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ทีทำหนังสือชี้แจง ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่าเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตามไม่แน่ใจว่า การประชุมวันที่ 2 เม.ย.นี้จะได้ข้อยุติ เพราะอาจมี กกต.บางคนขอนำเรื่องกลับไปศึกษาก่อน
นายสุเมธ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว กกต.ไม่จำเป็นต้องมีมติเป็นเอกฉันท์ แต่เป็นเสียงข้างมากก็สามารถส่งเรื่องได้แล้ว หากมีมติให้เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะส่งให้อัยการเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาว่าจะส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการ ตามมติของกกต.หรือไม่ภายใน 30 วัน หากอัยการเห็นว่าไม่ควรส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องมาตั้งคณะกรรมการร่วมกันพิจารณาอีก ถ้ายังเห็นว่าไม่ส่งอีก ท้ายสุด ก็อยู่ที่นายทะเบียนพรรคการเมืองจะเป็นผู้ตัดสินใจ
นายสุเมธ กล่าวว่าแม้คณะกรรมการ 2 คณะจะมีความเห็นต่างกันก็ไม่ทำให้ กกต.ลำบากเพราะคณะของนายบุญทัน เป็นความเห็นด้านข้อเท็จจริง ส่วนคณะของนายสุพล เป็นในแง่กฎหมาย ซึ่งไม่มีปัญหาอะไรขัดกัน โดยกกต.ก็ต้องดูทั้ง 2 ส่วน ซึ่งส่วนตัวก็จะยึดตามข้อกฎหมายเป็นหลัก
ส่วนที่พรรคการเมืองออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมจาก กกต.นั้น นายสุเมธ กล่าวว่า พูดยาก และขออย่าให้พูด หากตนเป็นกรรมการบริหารของบริษัทหนึ่ง แต่มีกรรมการบางคนไปกระทำผิดแล้วตนจะต้องรับผิดไปด้วยหรือ ซึ่งมันก็น่าคิด แต่ กกต.ก็เหมือนคนกินอาหารเขาชงมาให้ก็ต้องกิน และกกต.ก็เหมือน ศาลต้องพิจารณา พอส่งไปก็อยู่ที่อัยการอีกว่าจะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายสุเมธ ยังยืนยันว่า การออกมาพูดก่อนหน้านี้ของตนเองไม่ได้เป็นการชี้นำ แต่เมื่อกฎหมายมีอยู่ก็ต้องว่าไปตามนั้น ส่วนใครจะแก้กฎหมายก็แก้ไป กกต.มีหน้าที่ ปฏิบัติ กฎหมายว่าอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น
“แต่ผมคิดว่าเราทำ ดีกว่าไม่ทำ และการทำก็ไม่ได้ลำบากใจหรือหนักใจอะไร เพราะเรายึดตามหลักของกฎหมายที่มีอยู่ ถ้าไม่ทำตามกฎหมายก็โดนฟ้องตาย และผมคิดว่ากระแสสังคมก็มากดดันกกต.ไม่ได้”
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว. มหาดไทย กล่าวว่า แม้ที่ปรึกษากฎหมายของ กกต.เห็นว่ากรณีของพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิไตยควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค แต่ก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับกรณี นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาฯที่ทุจริตเลือกตั้งจนถูกใบแดงได้ เพราะเป็นคนละกรณีและข้อเท็จจริงต่างกัน อีกทั้ง กกต.อย่างนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ก็ยังเคยเห็นว่า การสอบสวนให้ใบแดงนั้นกระบวนการสอบพยานหลักฐานยังไม่เสร็จสิ้น
นาญชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้ว่า ตนในฐานะอดีตสมาชิกพรรคชาติไทยจะไม่ขอซ้ำเติมกรณีที่จะถูกเสนอให้ยุบพรรค เพราะรู้ดีว่า พรรคชาติไทยเป็นอย่างไร ใครเป็นคนคุมเงิน ใครเป็นคนใช้ และไม่จำเป็นต้องมีมติพรรคเพราะรู้ๆกันอยู่ว่า ใครเป็นคนคุม ถือเป็นเรื่องเวรกรรม ใครก่อคนนั้นก็ต้องรับไป
“หาก กกต.เชิญผมไปเป็นพยานในคดียุบพรรค ผมก็พร้อมที่จะไปเพราะมีข้อมูลเด็ดๆ เยอะแยะ แต่ผมจะไม่ไปใส่ร้ายใครผมจะให้ข้อมูลกับ กกต.อย่างเต็มที่ เพราะใครๆ ก็รู้ดีว่าท่านบรรหารเป็นมังกรการเมือง ใครไปเยือนสุพรรณก็จะรู้จักมังกรสุพรรณบรรหาร ขณะที่ก็ถึงเวลาแล้วที่มังกรบรรหารจะไปเลี้ยงหลานที่บ้าน ให้คนอื่นที่มีความรู้ความสามารถมาสานต่อ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีความมั่นใจว่าพรรคชาติไทยจะถูกยุบพรรคแน่นอน นายชูวิทย์กล่าวสั้นๆว่า “มันจะไปเหลือเหรอไม่รอดแน่ๆ แต่ไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวหนูนา (น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา) จะกรี๊ด”
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่คณะที่ปรึกษากฎหมาย กกต.ที่มีนายสุพล ยุติธาดา เป็นประธาน มีมติเสนอว่า กรณี กรรมการบริหารพรรคกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณายุบพรรคว่า ในสัปดาห์หน้าคณะที่ปรึกษากฎหมายฯคงสรุปความเห็นส่งให้ กกต. และคงนำเข้าที่ประชุม กกต.ในวันพุธที่ 2 เม.ย.นี้ โดย กกต.จะนำมาพิจารณา พร้อมกับผลสรุปที่คณะกรรมการตรวจสอบการยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยที่มี นายบุญทัน ดอกไทสง เป็นประธาน และ เอกสารที่ พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ทีทำหนังสือชี้แจง ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่าเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตามไม่แน่ใจว่า การประชุมวันที่ 2 เม.ย.นี้จะได้ข้อยุติ เพราะอาจมี กกต.บางคนขอนำเรื่องกลับไปศึกษาก่อน
นายสุเมธ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว กกต.ไม่จำเป็นต้องมีมติเป็นเอกฉันท์ แต่เป็นเสียงข้างมากก็สามารถส่งเรื่องได้แล้ว หากมีมติให้เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะส่งให้อัยการเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาว่าจะส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการ ตามมติของกกต.หรือไม่ภายใน 30 วัน หากอัยการเห็นว่าไม่ควรส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องมาตั้งคณะกรรมการร่วมกันพิจารณาอีก ถ้ายังเห็นว่าไม่ส่งอีก ท้ายสุด ก็อยู่ที่นายทะเบียนพรรคการเมืองจะเป็นผู้ตัดสินใจ
นายสุเมธ กล่าวว่าแม้คณะกรรมการ 2 คณะจะมีความเห็นต่างกันก็ไม่ทำให้ กกต.ลำบากเพราะคณะของนายบุญทัน เป็นความเห็นด้านข้อเท็จจริง ส่วนคณะของนายสุพล เป็นในแง่กฎหมาย ซึ่งไม่มีปัญหาอะไรขัดกัน โดยกกต.ก็ต้องดูทั้ง 2 ส่วน ซึ่งส่วนตัวก็จะยึดตามข้อกฎหมายเป็นหลัก
ส่วนที่พรรคการเมืองออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมจาก กกต.นั้น นายสุเมธ กล่าวว่า พูดยาก และขออย่าให้พูด หากตนเป็นกรรมการบริหารของบริษัทหนึ่ง แต่มีกรรมการบางคนไปกระทำผิดแล้วตนจะต้องรับผิดไปด้วยหรือ ซึ่งมันก็น่าคิด แต่ กกต.ก็เหมือนคนกินอาหารเขาชงมาให้ก็ต้องกิน และกกต.ก็เหมือน ศาลต้องพิจารณา พอส่งไปก็อยู่ที่อัยการอีกว่าจะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายสุเมธ ยังยืนยันว่า การออกมาพูดก่อนหน้านี้ของตนเองไม่ได้เป็นการชี้นำ แต่เมื่อกฎหมายมีอยู่ก็ต้องว่าไปตามนั้น ส่วนใครจะแก้กฎหมายก็แก้ไป กกต.มีหน้าที่ ปฏิบัติ กฎหมายว่าอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น
“แต่ผมคิดว่าเราทำ ดีกว่าไม่ทำ และการทำก็ไม่ได้ลำบากใจหรือหนักใจอะไร เพราะเรายึดตามหลักของกฎหมายที่มีอยู่ ถ้าไม่ทำตามกฎหมายก็โดนฟ้องตาย และผมคิดว่ากระแสสังคมก็มากดดันกกต.ไม่ได้”
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว. มหาดไทย กล่าวว่า แม้ที่ปรึกษากฎหมายของ กกต.เห็นว่ากรณีของพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิไตยควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค แต่ก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับกรณี นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาฯที่ทุจริตเลือกตั้งจนถูกใบแดงได้ เพราะเป็นคนละกรณีและข้อเท็จจริงต่างกัน อีกทั้ง กกต.อย่างนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ก็ยังเคยเห็นว่า การสอบสวนให้ใบแดงนั้นกระบวนการสอบพยานหลักฐานยังไม่เสร็จสิ้น
นาญชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้ว่า ตนในฐานะอดีตสมาชิกพรรคชาติไทยจะไม่ขอซ้ำเติมกรณีที่จะถูกเสนอให้ยุบพรรค เพราะรู้ดีว่า พรรคชาติไทยเป็นอย่างไร ใครเป็นคนคุมเงิน ใครเป็นคนใช้ และไม่จำเป็นต้องมีมติพรรคเพราะรู้ๆกันอยู่ว่า ใครเป็นคนคุม ถือเป็นเรื่องเวรกรรม ใครก่อคนนั้นก็ต้องรับไป
“หาก กกต.เชิญผมไปเป็นพยานในคดียุบพรรค ผมก็พร้อมที่จะไปเพราะมีข้อมูลเด็ดๆ เยอะแยะ แต่ผมจะไม่ไปใส่ร้ายใครผมจะให้ข้อมูลกับ กกต.อย่างเต็มที่ เพราะใครๆ ก็รู้ดีว่าท่านบรรหารเป็นมังกรการเมือง ใครไปเยือนสุพรรณก็จะรู้จักมังกรสุพรรณบรรหาร ขณะที่ก็ถึงเวลาแล้วที่มังกรบรรหารจะไปเลี้ยงหลานที่บ้าน ให้คนอื่นที่มีความรู้ความสามารถมาสานต่อ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีความมั่นใจว่าพรรคชาติไทยจะถูกยุบพรรคแน่นอน นายชูวิทย์กล่าวสั้นๆว่า “มันจะไปเหลือเหรอไม่รอดแน่ๆ แต่ไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวหนูนา (น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา) จะกรี๊ด”