ชท.เตรียมตั้งทีมทนายสู้ในชั้นศาล “หนูนา” ประกาศลั่นพร้อมปกป้องพรรคจนถึงที่สุด ด้าน “ลูกท๊อป” ติดใจ กกต. 2 ชุด เห็นต่างกับอนุฯ สอบยุบพรรค ขณะที่ “อนุรักษ์” มั่นใจไม่ถูกยุบพรรค หากพิสูจน์ได้ว่าหัวหน้าพรรค-กก.บห ไม่มีส่วนรู้เห็น
วานนี้ ( 25 มี.ค.) นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่ปรึกษากฎหมายของ กกต. ซึ่งตั้งขึ้นมาพิจารณาคดียุบพรรค มีมติให้ส่งคดีพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค ว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นยุบพรรค เป็นแค่ขั้นตอนที่มีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ซึ่งเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วทางพรรคชาติไทยก็ต้องตั้งทีมทนายเพื่อไปสู้กันในชั้นศาล เหมือนกับกรณีพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคไทยรักไทย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราก็ต้องปกป้อง และต่อสู้เพื่อพรรคชาติไทยให้ถึงที่สุด
ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รองเลขาธิการพรรคชาติไทย กล่าวว่า มติที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด และคงช่วยอะไรไม่ได้ และทำอะไรไม่ทันในเมื่อเขามีมติออกมา 6 ต่อ 1 แบบนี้ อย่างไรก็ตามยังมีอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มีนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน ได้มีมติอย่างชัดเจนว่า การกระทำทุจริตดังกล่าวเป็นการกระทำส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรค แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร และรู้สึกเสียดายข้อมูลนั้น คงต้องยอมรับในเมื่อมติล่าสุดออกมาเป็นแบบนี้
“ส่วนเรื่องใบสั่งก็คงคิดไม่ทันแล้ว เพราะผลออกมาเป็นแบบนี้ แต่ก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไม่อนุกรรมการฯ ที่ กกต.ตั้งขึ้นมา 2 ชุด ถึงได้มีมติแตกต่างสุดขั้วกันแบบนี้ อีกชุดก็บอกว่าพรรคไม่เกี่ยว แต่อีกชุดบอกว่าพรรคผิด เรื่องนี้พ่อก็รู้ แต่ก็ช่วยก็อะไรไม่ได้แล้ว”นายวราวุธ กล่าว
ขณะที่ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รมช.คมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ได้ทราบถึงมติที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย กกต.แล้ว แต่ยังไม่เห็นเอกสารอย่างเป็นทางการ ซึ่งขั้นตอนต่อไปคงต้องรอให้ กกต.ประชุมเพื่อมีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง และถ้าหากมีมติส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการส่งฟ้องต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วันจริง ก็ต้องรอดูอีกว่าอัยการจะส่งจริงหรือไม่ หากเห็นว่าสำนวนบกพร่อง ก็ต้องตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่าย ระหว่างอัยการสูงสุดกับ กกต.
“อย่างไรก็ตาม ก็ต้องดูว่าขั้นตอนไปถึงไหน หากขั้นตอนไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ทางพรรคก็จะเตรียมทนายไว้ต่อสู้ในชั้นศาล แต่ยืนยันว่าในส่วนพรรคชาติไทยจะต่อสู้ตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายในชั้นการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งในกรณีนี้ มีข้อกฎหมายหลายมาตราที่พรรคเห็นว่าไม่ได้ปล่อยปละละเลย เช่น ม.105 ของ พ.ร.บ. พรรคการเมือง ที่ระบุว่า ถ้าพิสูจน์ได้ว่าหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคไม่ได้มีส่วนรู้เห็น และมีการยับยั้งการกระทำแล้ว ก็ไม่สามารถเอาผิดได้”นายอนุรักษ์ กล่าว
ส่วน นายนพดล พลเสน รองเลขาธิการพรรคชาติไทย กล่าวว่า เป็นไปตามที่ได้วิเคราะห์ไว้ว่า สุดท้ายแล้ว กกต.ต้องยึดหลักกฎหมาย และส่งเรื่องของทั้ง 3 พรรคไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ต่อจากนี้จึงเป็นหน้าที่ของแต่ละพรรคที่จะต้องไปชี้แจงในชั้นไต่สวนเอาเอง ซึ่งพรรคชาติไทยค่อนข้างมั่นใจว่า ผู้สมัครของพรรคจะไม่โยงถึงการทุจริต ทั้งนี้เราเข้าใจต้องดูอกเขาอกเรา เพราะเรื่องนี้เป็นเหมือนเผือกร้อน เมื่ออยู่ในมือ กกต. เขาก็ต้องทำหน้าที่คล้ายตำรวจ สุดท้ายต้องส่งให้อัยการส่งฟ้อง ส่วนผลจะออกมาอย่างไร ขึ้นอยู่กับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
