นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้เดินทางมาที่อาคารรัฐสภา เพื่อลงนามแต่งตั้งให้นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ส.ส.ประชาธิปัตย์ เป็นทนายความเพื่อต่อสู้ในคดีนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยฟ้องคดีหมิ่นประมาท ทั้งนี้ภายหลังนายชูวิทย์ กล่าวว่า หลังจากที่นายบรรหารยื่นฟ้องตน ซึ่งศาลได้นัดพิจารณาวันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2551 ดังนั้นจึงต้องมีการแต่งตั้งทีมทนายขึ้นมาดำเนินคดี เพราะนายนิพิฏฐ์ไม่ได้มีอาชีพเป็นส.ส.เพียงอย่างเดียวแต่มีอาชีพทนายความด้วย อย่างไรก็ตามการที่ให้นายนิพิฏฐ์ช่วยดำเนินคดีนั้นไม่ได้หมายความว่าตนจะไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์
นายชูวิทย์ กล่าวถึงกรณีที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กกต. มีมติ ส่งคดียุบพรรคชาติไทยให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า นอกจากนายบรรหารจะต้องมาขึ้นศาลอาญากับตนแล้ว ในอนาคตนายบรรหารจะต้องไปขึ้นศาลรัฐธรรมนูญแน่ ตนในฐานะที่เป็นอดีตสมาชิกพรรคชาติไทยจะไม่ขอซ้ำเติม เพราะรู้ดีว่าพรรคชาติไทยเป็นอย่างไร ใครเป็นคนคุมเงิน ใครเป็นคนใช้ และไม่จำเป็นต้องมีมติพรรคเพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าใครเป็นคนคุม ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจแต่ถือเป็นเรื่องเวรกรรม กรรมใดใครก่อคนนั้นก็ต้องรับไป
ทั้งนี้ นายชูวิทย์กล่าวแสดงความคิดเห็นถึงการยุบพรรคชาติไทยว่า"มันจะไปเหลือเหรอไม่รอดแน่ๆ แต่ไม่อยากพูดมากเดี๋ยวหนูนาจะกรี๊ด"
ส่วนกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลเตรียมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 นายชูวิทย์ กล่าวว่า จะแก้ก็แก้ไปแต่ไม่ควรมุ่งแก้เพียงประเด็นใดประเด็นหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาส่วนตัว ตนยังจำได้ว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีประกาศว่าจะอยู่ครบ 4 ปีแล้วจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ นักการเมืองพูดอะไรไว้ต้องจำให้ได้ แต่นี่อยู่ยังไม่ถึง 4 เดือนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียแล้วทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญควรจะมีระยะเวลาบังคับใช้ไปก่อน ตนก็จบปริญญาโทมาเหมือนกันรู้ดีว่าควรจะทำอย่างไร แต่ประเทศไทยมักจะเป็นอย่างนี้จะไปคาดหวังอะไรมากไม่ได้ เพราะมีแต่พวกของปลอมทั้งนั้น
นายชูวิทย์ กล่าวถึงกรณีที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กกต. มีมติ ส่งคดียุบพรรคชาติไทยให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า นอกจากนายบรรหารจะต้องมาขึ้นศาลอาญากับตนแล้ว ในอนาคตนายบรรหารจะต้องไปขึ้นศาลรัฐธรรมนูญแน่ ตนในฐานะที่เป็นอดีตสมาชิกพรรคชาติไทยจะไม่ขอซ้ำเติม เพราะรู้ดีว่าพรรคชาติไทยเป็นอย่างไร ใครเป็นคนคุมเงิน ใครเป็นคนใช้ และไม่จำเป็นต้องมีมติพรรคเพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าใครเป็นคนคุม ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจแต่ถือเป็นเรื่องเวรกรรม กรรมใดใครก่อคนนั้นก็ต้องรับไป
ทั้งนี้ นายชูวิทย์กล่าวแสดงความคิดเห็นถึงการยุบพรรคชาติไทยว่า"มันจะไปเหลือเหรอไม่รอดแน่ๆ แต่ไม่อยากพูดมากเดี๋ยวหนูนาจะกรี๊ด"
ส่วนกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลเตรียมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 นายชูวิทย์ กล่าวว่า จะแก้ก็แก้ไปแต่ไม่ควรมุ่งแก้เพียงประเด็นใดประเด็นหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาส่วนตัว ตนยังจำได้ว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีประกาศว่าจะอยู่ครบ 4 ปีแล้วจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ นักการเมืองพูดอะไรไว้ต้องจำให้ได้ แต่นี่อยู่ยังไม่ถึง 4 เดือนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียแล้วทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญควรจะมีระยะเวลาบังคับใช้ไปก่อน ตนก็จบปริญญาโทมาเหมือนกันรู้ดีว่าควรจะทำอย่างไร แต่ประเทศไทยมักจะเป็นอย่างนี้จะไปคาดหวังอะไรมากไม่ได้ เพราะมีแต่พวกของปลอมทั้งนั้น
