"หมัก" อ้างมั่ว มีคนชักใยจ้องล้ม "พรรคพลังแม้ว" แถมยังจับคนไทยเป็นตัวประกัน บอกถ้ายุบเท่ากับฆ่าประเทศชาติ โทษ รธน.ถูกวางยา ยันไม่ยุบสภาหนีไปก่อนแน่ "เติ้ง" อัด "สุเมธ" ไร้มายาท ชี้นำเรื่องยุบพรรค ด้าน "ประสงค์" ตอกกลับ "เติ้ง-หมัก" หวังแก้ไข รธน. เพื่อตัวเอง อย่าอ้างยุบพรรคแล้วประเทศชาติล้มลุกคลุกคลาน ชี้คนระดับรองหัวหน้าพรรคทำผิดสมควรถูกยุบ ส่วนกกต.ปฏิเสธจ้องยุบพรรค ชี้ชิงยุบสภาหนี มองไกลเกินไป
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคดีที่ กกต.กำลังพิจารณา ยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งมีแนวโน้มว่า พรรคพลังประชาชน ก็จะถูกยุบเช่นกัน หลังจากมีการแจกใบแดง นายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่ามันเป็นกรรมของบ้านเมืองนี้ มีการปฏิวัติยึดอำนาจ เสร็จแล้วก็ออกรัฐธรรมนูญใหม่ จนกระทั่งได้มีประชาธิปไตย ทั่วโลกเขาก็เห็นว่ามีประชาธิปไตยแล้ว เลือกตั้งกันมาแล้วตั้งรัฐบาลได้แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้จักจบจักสิ้น ใครที่เป็นคนดำเนินการให้ไม่รู้จักจบสิ้น ลองคิดดูบ้างซิ ไม่สงสารบ้านเมืองบ้างหรือ
" จะเอากันให้ตายตรงนี้ก็เอาสิ เอากันมั้ย เอาให้ตายกันไปเลย ให้พรรคการเมืองมันตายไปเลย พรรคการเมืองมันตายไม่เป็นไร แต่ประเทศชาติมันตาย ก็ล้มลุกคลุกคลาน กว่าจะโงหัวขึ้นมาได้ พอเงยหน้า พอไปคบค้าสมาคมกับใครเขาได้ ก็จะกลับอย่างเดิม ก็จะเอากันให้ตายอีก "
เมื่อถามว่าระบุถึงคนที่จะยุบพรรคได้หรือไม่นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ต้องระบุ ประชาชนทุกคนรู้ ใครคิดจะทำอะไร คิดบ้าง นี่มันบ้างเมือง มันประเทศของเรา เอาพรรคการเมืองให้ตาย แปลว่า ต้องการฆ่าประเทศนี้ให้ตาย มันสะใจอะไรกันนักหนา มันเจ็บช้ำน้ำใจอะไรกันนักหนา ปฏิวัติไปแล้ว ยึดอำนาจไปแล้วจะฆ่ากันให้ตาย เอากันให้ตายอีก
เมื่อถามว่ากกต.บอกว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ กับพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ บังคับให้ต้องยุบพรรค มองว่าเป็นปัญหาที่กกต.หรือปัญหาที่กฎหมาย นายสมัคร กล่าวว่าจะบอกให้ฟังนะ รู้จักหาดทรายเปียกน้ำไหม หาดเปียกน้ำนั้นเวลาไปเดินแล้วหาไม้มาหนึ่งอัน แล้วยืนขีดวงกลมล้อมรอบ แล้วก็ร้องเย้วๆ บอกว่า ออกไม่ได้ๆ กฎหมายก็เขียนด้วยคน การพิจารณากฎหมายก็คน
เมื่อถามว่าแสดงว่าเรื่องนี้มีธง มีเป้าหมายอยู่แล้ว นายสมัคร กล่าวว่า นั่นลูกสาวคุณบรรหาร(น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา รองหัวหน้าพรรคชาติไทย) ท่านพูด ก็ต้องขอบคุณ คุณกัญจนา
"เรื่องพรรค์อย่างนี้ ใครจะทำอะไร ก็สุดแท้แต่ มาจนถึงป่านนี้แล้ว ไม่ต้องหรอก คือจะต้องการฆ่าให้ตาย ก็ฆ่าไปเลย แต่ผมบอกให้รู้เท่านั้นว่า ไม่ได้ฆ่าพรรคการเมือง3 พรรค แต่มันฆ่าประเทศไทย" นายสมัคร กล่าวย้ำ
เมื่อถามว่ามีคนคนหนึ่งที่พยายามทำให้บ้านเมืองมีปัญหาใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ได้ใช้คำนี้เลย มีคุณกัญจนา พูดเฉียดไปหน่อย เลิกพูดแล้วเรื่องนี้ ไม่ต้องการจะพูดอีกแล้ว วันนี้ตนจำเป็นที่ต้องแสดงความรู้สึกนึกคิดออกมา มันน่าเจ็บช้ำน้ำใจ
"คุณเป็นผม คุณจะรู้เลยว่า มันอะไรกันนักหนา มันทำไม มันทำไม กับไอ้พรรคการเมืองพรรคนี้ มันทำความชอกช้ำให้ใคร จะเอามันให้ตายอย่างนั้นหรือ ผมต้องร้องถามเลย ผมต้องขอความเป็นธรรมกับสังคม ผมทำงานให้บ้านเมืองนี้อยู่ ทำไปถูกฉุดกระชากลากไป ก็ต้องรู้สึกเหมือนผมซิ" นายสมัครกล่าวด้วยน้ำเสียงโมโห
เมื่อถามว่าคิดว่ามีการวางยาไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า แหงๆ เมื่อถามว่า กกต.บอกว่าพิจารณาเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นายสมัคร กล่าวว่า ก็ฆ่ากันให้ตายไปเลย รู้แล้วรู้รอดไป
ไม่สนคำแนะนำให้ชิงยุบสภา
นายสมัคร ยังกล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เสนอให้ชิงยุบสภา ก่อนจะถูกตัดสินยุบพรรค ว่านั่นเป็นความเห็นส่วนตัวของเขา เมื่อถามว่าท่านจะไม่ทำตามใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ตามไม่ตาม ไม่รู้ แต่เขาเป็นนักการเมือง เขามีความคิด เขาพูดคุณก็ฟังเขาก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า ท่านยืนยันหรือไม่ที่จะไม่ยุบสภา นายสมัคร กล่าวว่า คุณคิดว่า ผมจะทำอย่างนั้นหรือ พูดไปเมื่อกี้ มันไม่แรงพอหรือ บอกว่าบ้านเมืองจะตายอยู่แล้ว มีคนจะทำให้ตาย มันไม่แรงพอหรือ ไอ้คนที่ต้องการจะทำลายพรรคการเมือง 3 พรรค ให้คิดนะว่าเป็นการฆ่าประเทศชาตินะ พอใจหรือยัง ไม่ต้องถามแล้ว
"เหลิม"สวด กกต.อำนาจล้นฟ้า
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช มีความกังวลเรื่องยุบพรรค ว่า "ปัดโธ่! ใครๆก็กังวล ผมนี่รำคาญที่สุด เช้า สาย บ่าย ก็มีข่าวยุบพรรค ผมเขียนดุษฎีนิพนธ์277หน้า ศึกษาเรื่องอำนาจหน้าที่ของ กกต. ทั่วโลกพบว่าไม่มีกกต.ที่ใดมีอำนาจใหญ่โตเท่ากกต.บ้านเรา ตอนนี้บ้านเมืองกำลังเดือดร้อน ปัญหาภาคใต้ เศรษฐกิจก็แย่ ยาเสพติดระบาด ถึงคอหอยและลูกกระเดือก แต่ก็ยังพูดเรื่องยุบๆๆๆพรรคเท่านั้น"
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กฎหมายนั้นหากแปลความเป็นคุณบ้างได้ก็ดี เพราะกฎหมายเลือกตั้งเป็นกฎหมายมหาชน ไม่ใช่กฎหมายบังคับใช้ในคดีอาญา แต่มันก็พูดกันจริง ยุบแล้วยุบอีก เมื่อถามว่า หากกฎหมายแปลเป็นคุณ จะเกิดผลดีอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า "อ้าว มันก็ดี เพราะมันไม่ยุ่งไง ถามว่าหากยุบพรรคพลังประชาชนยุ่งไหม มันก็ยุ่ง แต่หากหาพรรคใหม่ไปสังกัดมันก็จบ แล้วจะทำให้ยุ่งและสับสนทำไม ไม่เป็นอันทำงาน"
เมื่อถามว่า หากตีความกฎหมายให้เป็นคุณ มันอาจขัดหลักกฎหมาย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่มีหรอก ในปรัชญาทางการเมืองไม่มีอะไรขัดกับความเป็นจริง การเมืองเป็นเรื่องของความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้
"เติ้ง"อัด"สุเมธ"ชี้นำยุบพรรค
ด้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ระหว่างการประชุมใหญ่ประจำปีของพรรค เมื่อวานนี้ (21มี.ค.) ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้เกิดความยุ่งยากในการดำเนินการของพรรคการเมือง เป็นการบั่นทอนทางการเมืองของประเทศไทย ดังนั้นต้องมีการแก้ไข
นายบรรหาร กล่าวด้วยว่า ก่อนที่ตนจะนำพรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาล ก็มีการพูดกันว่า ถ้าพรรคชาติไทยมาร่วมรัฐบาล กับพรรคพลังประชาชน จะถูกใบแดง
"ผมไม่เชื่อเท่าไร แต่ก็ต้องเชื่อ เพราะเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ จ.ชัยนาท ถูกใบแดง และอาจถูกยุบพรรคไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ตอนนี้เหตุการณ์ใกล้เคียงแล้ว ผมไม่พูดว่ามีใบสั่งหรือไม่ บอกไม่ได้ แต่ที่นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ออกมาพูด จริงๆท่านไม่ควรพูดที่บอกว่า มาตรา 237 (2) ของรัฐธรรมนูญปี2550 กับ ม.103 (2) ของพ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ ใช้คำพูดว่า หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดชอบ เรื่องนี้ก็ต้องดูด้วยว่า พรรคยับยั้ง หรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย ผมขอตำหนินายสุเมธ ไม่น่าพูดอย่างนี้ เป็นการชี้นำ แล้วบอกว่ากกต.ส่วนใหญ่เห็นด้วย ทั้งที่เรื่องยังอยู่ที่ที่ปรึกษา ซึ่งโดยมารยาทแล้วคนที่จะพูดเรื่องนี้ ต้องเป็นประธาน กกต." นายบรรหารกล่าว
จวก"หมัก-เติ้ง"แก้รธน.เพื่อตัวเอง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญปี50 กล่าวถึงความพยายามของฝ่ายการเมืองที่จะแก้ไขรธน.ว่า ถามว่าจะแก้ไปเพื่ออะไร หากจะแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม เชื่อว่าประชาชนคงไม่คัดค้าน แต่หากจะแก้ไขเพื่อช่วยเหลือให้พวกพ้องหลุดรอดคดี อย่างนี้คงไม่ได้ รธน.ฉบับนี้ กมธ.ยกร่างทั้ง 35 คน ได้ร่วมกันศึกษา และแก้ไขเพื่ออุดช่องโหว่ รธน.ปี 40 ที่นักการเมืองใช้แสวงหาผลประโยชน์ให้พวกพ้อง
การที่นักการเมืองจะมากล่าวโทษ รธน. เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะหากคนระดับรองหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคไปทำผิด ซื้อสิทธิขายเสียง แล้วจะมาโทษกฎหมายรุนแรงไม่ได้ พรรคดังกล่าวก็สมควรถูกยุบ
น.ต.ประสงค์ ยังกล่าวถึง นายบรรหาร ว่า อย่าใช้อารมณ์ และไปต่อว่าการทำหน้าที่ของกกต. ว่า พรรคการเมืองเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งทางการเมือง ที่จะนำไปซึ่งระบอบประชาธิปไตย หากพรรคการเมืองไม่ยอมทำตามกติกา ไปซื้อสิทธิขายสิทธิ ก็สมควรถูกยุบ
ส่วนที่นายสมัคร สุนทรเวช ระบุว่า หากพรรคถูกยุบแล้วประเทศชาติจะล้มลุกคลุกคลาน พร้อมโยงไปว่ามีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเป็นผู้อยู่เบื้องหลังนั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ถนัดและชอบกล่าวอ้างโทษคนอื่นไปทั่วทั่ว หากมีตัวตนจริง ก็หาหลักฐานจับดำเนินคดีได้เลย
น.ต.ประสงค์ กล่าวด้วยว่า ให้จับตาในช่วงเดือนเม.ย.หลังเทศกาลสงกรานต์ จะมีเหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ด้วยน้ำมือจากคนในรัฐบาลเอง ที่สั่งสมความไม่พอใจจนกระทั่งคลื่นมวลชนต้องออกมาแสดงพลังอีกครั้ง
ที่ปรึกษากม.ยันยังไม่มีมติยุบ
นายสุพล ยุติธาดา ประธานคณะที่ปรึกษากฎหมายของกกต. กล่าวว่า ในการประชุมคณะที่ปรึกษาเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมได้มีการถกปัญหาในข้อกฎหมายที่ กกต. ขอให้คณะที่ปรึกษาพิจารณา ทั้งในเรื่องที่กฎหมายกำหนดว่า เมื่อกรรมการบริหารพรรคทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กกต.จะต้องส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดย ถือว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นครบองค์ประกอบกฎหมายแล้วหรือยัง หรือกรรมการบริหารพรรคทำผิด จนถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง จะต้องมีกรรมการบริหารพรรคคนอื่นรู้เห็นด้วยหรือไม่ แต่ทั้งนี้ที่ประชุมก็ยังไม่ได้มีการลงมติใดๆ ทั้งสิ้น เพราะกรรมการทั้ง 7 คน ยังมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันนัก ซึ่งเป็นประเด็นของรายละเอียดที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ คณะที่ปรึกษาจะมีการประชุมอีกครั้ง ซึ่งน่าจะได้ข้อยุติ พร้อมทั้งเสนอความเห็นต่อกกต.ได้
กกต.ชี้ยุบพรรคยังอีกไกล
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวว่า หากคณะที่ปรึกษากฎหมายเสนอความเห็นมา ที่ประชุม กกต.ก็จะใช้ดุลพินิจเรื่องนี้อีกครั้ง สมมุติว่า กกต.เห็นพ้องกับที่ปรึกษากฎหมาย โดยส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็ไม่ใช่ว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายในเร็ววัน เพราะตามขั้นตอนแล้วกกต.จะต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่า เห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งอัยการสูงสุดจะต้องใช้เวลากว่า 30วัน ถ้าอัยการสูงสุดไม่เห็นด้วย นายทะเบียนพรรคการเมืองก็สามารถตั้งกรรมการขึ้นมาร่วมกับอัยการเพื่อพิจารณา หรือถ้าถึงขั้นตอนนั้นหาก กกต. เห็นว่า ควรยื่นศาลรัฐธรรมนูญเอง ก็สามารถยื่นเองได้
"ขั้นตอนยังอีกยาวไกล เมื่อเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องใช้เวลาไต่สวนอีกนาน และเมื่อศาลพิจารณาแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณายุบพรรคทุกเรื่อง เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาอย่างละเอียด เพราะไม่ใช่ว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นจะร้ายแรงถึงขั้นต้องยุบพรรค และกกต.ก็ไม่ได้ตั้งธงจะยุบพรรคการเมืองใดทั้งนั้น เราใช้ดุลพินิจตามกฎหมาย ไม่มีใครมาสั่งการหรือมาชี้นำให้ทำตามได้"
ส่วนที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ออกมาระบุว่าหากกกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เรื่องยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาฯ ก็จะส่งผลให้ยุบพรรคพลังประชาชนด้วย และจะเสนอเรื่องให้นายกรัฐมนตรี ชิงยุบสภาก่อนจะที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินยุบพรรคนั้น ก็ถือเป็นเรื่องตีตนไปก่อนไข้ เพราะขั้นตอนยังอีกนาน
"ถามว่าถ้าชิงยุบสภาไปแล้ว คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาอยู่นั้นจะเลิกไปไหม มันก็ไม่เลิก เพราะศาลก็ต้องไต่สวนต่อไป แล้วการชิงยุบสภาก่อนที่ศาลจะตัดสินจะมีประโยชน์อะไร อย่าคิดไปไกลถึงขั้นนั้น" นายประพันธ์ กล่าว
ยันไม่มีใบสั่งใครเพื่อยุบพรรค
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณี น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา รองหัวหน้าพรรคชาติไทย เชื่อว่ามี "ใบสั่ง" ให้มีการยุบพรรคชาติไทย และมัชฌิมาฯ โดยดูได้จากการที่ตนเองออกมาพูดชี้นำว่า ตนไม่ได้ชี้นำใครและไม่เคยบอกว่าพรรคไหนต้องถูกยุบ รวมถึงปฏิเสธที่มีคนหาว่า ตนทำงานโดยได้รับใบสั่งให้ยุบพรรค
" ผมไม่ใช่คนเลวขนาดไปรับใบสั่งจากใคร อย่างที่มีบางคนกล่าวหา ผมไม่ได้ไปกินเงินเดือนใคร ผมพูดตามข้อกฎหมายว่าตามกฎหมายแล้วขั้นตอนเป็นอย่างไรและมีปัญหาอย่างไร ยังไม่ได้บอกว่าจะต้องยุบพรรคไหน คนอย่างผมจะไปชี้นำใครได้"
นายสุเมธ กล่าวด้วยว่า นายบรรหาร เป็นนักการเมืองคนหนึ่งที่อาจรู้สึกว่าเสียประโยชน์ ซึ่งตนก็เข้าใจว่าเขาต้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง
"จะไปว่าท่านก็ไม่ได้ เพราะท่านคงรู้สึกว่าท่านเสียผลประโยชน์ ก็ย่อมต้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ท่านอาจจะรู้สึกนึกคิดไปเป็นอย่างนั้น"นายสุเมธ กล่าว
เผยเจตนารมย์รธน.ยุบพรรคชัด
แหล่งข่าวระดับสูงในคณะกรรมาธิการยกร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. กล่าวถึงช่วงขณะที่พิจารณายกร่าง มาตรา 103 ว่าได้พยายามหานิยามของความผิดที่จะนำไปสู่การยุบพรรค แต่ในที่สุดก็พบว่า ไม่สามารถเขียนระบุออกมาในกฎหมายได้ เพราะไม่อาจนึกถึงเหตุการณ์ที่จะครอบคลุมสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมดในอนาคต จึงเพียงแต่นำเนื้อหาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ทั้งหมดมาใส่ใน มาตรา103 โดยคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ได้ยืนยันว่า ให้เป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญเอง ที่จะชี้ว่ากรณีใดที่จะมีความผิดเข้าข่ายยุบพรรคได้
"ยืนยันได้ว่าคำว่า"ให้ถือว่า" ในมาตรา103 วรรค 2 ตามที่นายสุเมธ อุปนิสากร ระบุว่า เป็นการมัดคอกกต.ให้ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยไม่มีทางเลือกนั้นถูกต้องแล้ว เพราะทั้งรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูก ไม่ได้ให้อำนาจ กกต.ในการวินิจฉัยว่า กรณีใดเข้าข่ายยุบพรรค เพียงแต่กำหนดองค์ประกอบไว้ 2 ทางคือ 1. หัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้กระทำผิด และ 2. ผู้สมัครของพรรคกระทำผิดโดยที่หัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็น หรือรู้ภายหลังแล้วไม่ห้ามปราม ดังนั้นการที่ผู้สมัครที่กระทำผิดทุจริตการเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรคเอง จึงเข้าองค์ประกอบที่ กกต.จะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง"
แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า แต่การที่กกต. ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้แปลว่าจะต้องมีการยุบพรรคเสมอไป ขึ้นกับดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญเอง ส่วน กกต.จะทำสำนวนที่เป็นคุณ หรือเป็นโทษต่อพรรคการเมืองนั้น เป็นดุลยพินิจที่เป็นสิทธิ์ของกกต.
ส่วนกรณีที่หากมีการยุบพรรคจริง แล้วจะมีการตัดสิทธิ์การเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคคนใดหรือทั้งหมด ก็เป็นดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะสั่งในภายหลัง
ส.ส.เหนือจวก"กานต์"แอบอ้างมติ
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว ส.ส.ระบบสัดส่วน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เสนอให้นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาก่อนที่พรรคพลังประชาชนจะถูกยุบว่า ส.ส.ภาคเหนือยังไม่มีการพูดคุยในประเด็นดังกล่าว เชื่อว่าเป็นความเห็นของพ.ต.ท.กานต์ คนเดียว และเชื่อว่าเรื่องนี้ทั้ง ส.ส.ภาคเหนือ และทุกคนในพรรคไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน ที่จะเลือกใช้วิธีการยุบสภา เพื่อหนีการยุบพรรค
"การออกมาพูดของพ.ต.ท.กานต์ เป็นความคิดส่วนตัวแล้วมาอ้าง ส.ส.ภาคเหนือ ตรงนี้ไม่เป็นความจริง เพราะขนาดคุณละออง ติยะไพรัช น้องสาวท่านยงยุทธ ยังโทรศัพท์มาหาผม บอกว่าไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมดังกล่าว เพราะเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคฯ ซึ่งในการประชุมใหญ่ของพรรคในวันที่22 มี.ค. นี้ คงจะมีการตักเตือนกันบ้าง”นายสามารถกล่าว
สำหรับกรณีที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะ เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ออกมาเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการเร่งด่วน เพื่อเปิดช่องแก้ไขประเด็นที่ระบุโทษยุบพรรคนั้น นายสามารถ กล่าวว่า เข้าใจว่าท่านคงมองด้วยความห่วงใยในสถานการณ์ของประเทศ หากอนาคตมีการตัดสินสั่งให้ยุบพรรคการเมือง จะมีผลกระทบต่อประเทศ จึงออกมาเสนอแนวคิดให้มีการทบทวนรัฐธรรมนูญ เพราะหลายประเด็นมีการเขียนล็อคไว้มากเกินไป ขัดกับหลักสากล
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน พร้อมกับคณะ ได้ยื่นญัตติด่วนต่อสภา ขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งจะมีการพิจารณาหลายประเด็นในการปฎิบัติหน้าที่ของ ส.ส.รวมถึงประเด็นยุบพรรคด้วย
ยันไม่เปลี่ยนกก.บห.หนียุบพรรค
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการหาทางออก กรณีศาลฎีการับฟ้องคดีใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งอาจนำไปสู่การยุบพรรค พลังประชาชนว่า ถ้าเรายอมรับว่า ประกาศคปค. คือกฎหมาย ก็ตั้งทีมกฎหมายเพื่อต่อสู่คดีกันไป
ส่วนที่มีการมองว่าหากพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตยถูกยุบ จะลามไปถึงพรรคพลังประชาชนนั้น ตนมองว่าข้อกฎหมายยังมีปัญหาอยู่พอสมควร เพราะจริงๆไม่ได้หมายความว่ากรรมการบริหารพรรคทำแล้วจะอัตโนมัติ เพราะถ้าดูกฎหมายทั้งมาตรา จะเห็นว่าพูดถึงตัวผู้สมัคร แล้วต่อด้วยหัวหน้าพรรคหรือ กรรมการบริหารพรรคที่รู้เห็นเป็นใจ ดังนั้นจะไปเหมารวมว่าถ้ากรรมการบริหารพรรคทำแล้วจะอัตโนมัติคงไม่ใช่
นายชูศักดิ์ ยังกล่าวถึง แนวคิดในการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า ต้องรวมกันหลายเรื่อง ทั้งระบบเลือกตั้งและอื่นๆ และดูจังหวะเวลา ถ้ามาแก้ตอนนี้ ก็ว่าแก้เพื่อตัวเอง แต่ขอให้ดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ แต่เชื่อว่าน่าจะมีการนำทางไปสู่การแก้ ซึ่งขณะนี้ ส.ส.ของพรรคได้เสนอญัตติไปแล้วว่า ขอศึกษารัฐธรรมนูญ
นายชูศักดิ์ ยังกล่าวถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปี พรรคพลังประชาชน ในวันที่ 22 มี.ค.นี้ ว่า ไม่มีวาระเรื่องการเปลี่ยนตัวกรรมการบริหารพรรค และปรับลด จำนวนกรรมการบริหารพรรค เพื่อหนีถูกยุบพรรค เพราะครั้งก่อนพรรคไทยรักไทย ถูกยุบ แม้จะมีการลาออกกันไป แต่ศาลบอกว่าความผิดเกิดขึ้นก่อน ฉะนั้นลาออกก็ไม่พ้น ดังนั้นข่าวที่บอกว่าจะยุบสภา ลาออกหนี มันไม่มี
"พวกผมไม่หนีแน่ รับรองสู้ทุกรูปแบบ สู้เต็มที่ สิ่งที่พูดกันเป็นความเห็นส่วนตัวมากกว่า ถ้าไปทำอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่นักการเมืองที่มีอุดมการณ์ ไปใช้ช่องกฎหมาย หนีไปหนีมาไม่เอา ถ้าสู้ก็สู้กัน และไม่จำเป็นจะต้องไปหาพรรคเตรียมไว้สำรองด้วย" นายชูศักดิ์ กล่าว
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคดีที่ กกต.กำลังพิจารณา ยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งมีแนวโน้มว่า พรรคพลังประชาชน ก็จะถูกยุบเช่นกัน หลังจากมีการแจกใบแดง นายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่ามันเป็นกรรมของบ้านเมืองนี้ มีการปฏิวัติยึดอำนาจ เสร็จแล้วก็ออกรัฐธรรมนูญใหม่ จนกระทั่งได้มีประชาธิปไตย ทั่วโลกเขาก็เห็นว่ามีประชาธิปไตยแล้ว เลือกตั้งกันมาแล้วตั้งรัฐบาลได้แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้จักจบจักสิ้น ใครที่เป็นคนดำเนินการให้ไม่รู้จักจบสิ้น ลองคิดดูบ้างซิ ไม่สงสารบ้านเมืองบ้างหรือ
" จะเอากันให้ตายตรงนี้ก็เอาสิ เอากันมั้ย เอาให้ตายกันไปเลย ให้พรรคการเมืองมันตายไปเลย พรรคการเมืองมันตายไม่เป็นไร แต่ประเทศชาติมันตาย ก็ล้มลุกคลุกคลาน กว่าจะโงหัวขึ้นมาได้ พอเงยหน้า พอไปคบค้าสมาคมกับใครเขาได้ ก็จะกลับอย่างเดิม ก็จะเอากันให้ตายอีก "
เมื่อถามว่าระบุถึงคนที่จะยุบพรรคได้หรือไม่นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ต้องระบุ ประชาชนทุกคนรู้ ใครคิดจะทำอะไร คิดบ้าง นี่มันบ้างเมือง มันประเทศของเรา เอาพรรคการเมืองให้ตาย แปลว่า ต้องการฆ่าประเทศนี้ให้ตาย มันสะใจอะไรกันนักหนา มันเจ็บช้ำน้ำใจอะไรกันนักหนา ปฏิวัติไปแล้ว ยึดอำนาจไปแล้วจะฆ่ากันให้ตาย เอากันให้ตายอีก
เมื่อถามว่ากกต.บอกว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ กับพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ บังคับให้ต้องยุบพรรค มองว่าเป็นปัญหาที่กกต.หรือปัญหาที่กฎหมาย นายสมัคร กล่าวว่าจะบอกให้ฟังนะ รู้จักหาดทรายเปียกน้ำไหม หาดเปียกน้ำนั้นเวลาไปเดินแล้วหาไม้มาหนึ่งอัน แล้วยืนขีดวงกลมล้อมรอบ แล้วก็ร้องเย้วๆ บอกว่า ออกไม่ได้ๆ กฎหมายก็เขียนด้วยคน การพิจารณากฎหมายก็คน
เมื่อถามว่าแสดงว่าเรื่องนี้มีธง มีเป้าหมายอยู่แล้ว นายสมัคร กล่าวว่า นั่นลูกสาวคุณบรรหาร(น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา รองหัวหน้าพรรคชาติไทย) ท่านพูด ก็ต้องขอบคุณ คุณกัญจนา
"เรื่องพรรค์อย่างนี้ ใครจะทำอะไร ก็สุดแท้แต่ มาจนถึงป่านนี้แล้ว ไม่ต้องหรอก คือจะต้องการฆ่าให้ตาย ก็ฆ่าไปเลย แต่ผมบอกให้รู้เท่านั้นว่า ไม่ได้ฆ่าพรรคการเมือง3 พรรค แต่มันฆ่าประเทศไทย" นายสมัคร กล่าวย้ำ
เมื่อถามว่ามีคนคนหนึ่งที่พยายามทำให้บ้านเมืองมีปัญหาใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ได้ใช้คำนี้เลย มีคุณกัญจนา พูดเฉียดไปหน่อย เลิกพูดแล้วเรื่องนี้ ไม่ต้องการจะพูดอีกแล้ว วันนี้ตนจำเป็นที่ต้องแสดงความรู้สึกนึกคิดออกมา มันน่าเจ็บช้ำน้ำใจ
"คุณเป็นผม คุณจะรู้เลยว่า มันอะไรกันนักหนา มันทำไม มันทำไม กับไอ้พรรคการเมืองพรรคนี้ มันทำความชอกช้ำให้ใคร จะเอามันให้ตายอย่างนั้นหรือ ผมต้องร้องถามเลย ผมต้องขอความเป็นธรรมกับสังคม ผมทำงานให้บ้านเมืองนี้อยู่ ทำไปถูกฉุดกระชากลากไป ก็ต้องรู้สึกเหมือนผมซิ" นายสมัครกล่าวด้วยน้ำเสียงโมโห
เมื่อถามว่าคิดว่ามีการวางยาไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า แหงๆ เมื่อถามว่า กกต.บอกว่าพิจารณาเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นายสมัคร กล่าวว่า ก็ฆ่ากันให้ตายไปเลย รู้แล้วรู้รอดไป
ไม่สนคำแนะนำให้ชิงยุบสภา
นายสมัคร ยังกล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เสนอให้ชิงยุบสภา ก่อนจะถูกตัดสินยุบพรรค ว่านั่นเป็นความเห็นส่วนตัวของเขา เมื่อถามว่าท่านจะไม่ทำตามใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ตามไม่ตาม ไม่รู้ แต่เขาเป็นนักการเมือง เขามีความคิด เขาพูดคุณก็ฟังเขาก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า ท่านยืนยันหรือไม่ที่จะไม่ยุบสภา นายสมัคร กล่าวว่า คุณคิดว่า ผมจะทำอย่างนั้นหรือ พูดไปเมื่อกี้ มันไม่แรงพอหรือ บอกว่าบ้านเมืองจะตายอยู่แล้ว มีคนจะทำให้ตาย มันไม่แรงพอหรือ ไอ้คนที่ต้องการจะทำลายพรรคการเมือง 3 พรรค ให้คิดนะว่าเป็นการฆ่าประเทศชาตินะ พอใจหรือยัง ไม่ต้องถามแล้ว
"เหลิม"สวด กกต.อำนาจล้นฟ้า
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช มีความกังวลเรื่องยุบพรรค ว่า "ปัดโธ่! ใครๆก็กังวล ผมนี่รำคาญที่สุด เช้า สาย บ่าย ก็มีข่าวยุบพรรค ผมเขียนดุษฎีนิพนธ์277หน้า ศึกษาเรื่องอำนาจหน้าที่ของ กกต. ทั่วโลกพบว่าไม่มีกกต.ที่ใดมีอำนาจใหญ่โตเท่ากกต.บ้านเรา ตอนนี้บ้านเมืองกำลังเดือดร้อน ปัญหาภาคใต้ เศรษฐกิจก็แย่ ยาเสพติดระบาด ถึงคอหอยและลูกกระเดือก แต่ก็ยังพูดเรื่องยุบๆๆๆพรรคเท่านั้น"
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กฎหมายนั้นหากแปลความเป็นคุณบ้างได้ก็ดี เพราะกฎหมายเลือกตั้งเป็นกฎหมายมหาชน ไม่ใช่กฎหมายบังคับใช้ในคดีอาญา แต่มันก็พูดกันจริง ยุบแล้วยุบอีก เมื่อถามว่า หากกฎหมายแปลเป็นคุณ จะเกิดผลดีอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า "อ้าว มันก็ดี เพราะมันไม่ยุ่งไง ถามว่าหากยุบพรรคพลังประชาชนยุ่งไหม มันก็ยุ่ง แต่หากหาพรรคใหม่ไปสังกัดมันก็จบ แล้วจะทำให้ยุ่งและสับสนทำไม ไม่เป็นอันทำงาน"
เมื่อถามว่า หากตีความกฎหมายให้เป็นคุณ มันอาจขัดหลักกฎหมาย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่มีหรอก ในปรัชญาทางการเมืองไม่มีอะไรขัดกับความเป็นจริง การเมืองเป็นเรื่องของความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้
"เติ้ง"อัด"สุเมธ"ชี้นำยุบพรรค
ด้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ระหว่างการประชุมใหญ่ประจำปีของพรรค เมื่อวานนี้ (21มี.ค.) ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้เกิดความยุ่งยากในการดำเนินการของพรรคการเมือง เป็นการบั่นทอนทางการเมืองของประเทศไทย ดังนั้นต้องมีการแก้ไข
นายบรรหาร กล่าวด้วยว่า ก่อนที่ตนจะนำพรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาล ก็มีการพูดกันว่า ถ้าพรรคชาติไทยมาร่วมรัฐบาล กับพรรคพลังประชาชน จะถูกใบแดง
"ผมไม่เชื่อเท่าไร แต่ก็ต้องเชื่อ เพราะเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ จ.ชัยนาท ถูกใบแดง และอาจถูกยุบพรรคไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ตอนนี้เหตุการณ์ใกล้เคียงแล้ว ผมไม่พูดว่ามีใบสั่งหรือไม่ บอกไม่ได้ แต่ที่นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ออกมาพูด จริงๆท่านไม่ควรพูดที่บอกว่า มาตรา 237 (2) ของรัฐธรรมนูญปี2550 กับ ม.103 (2) ของพ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ ใช้คำพูดว่า หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดชอบ เรื่องนี้ก็ต้องดูด้วยว่า พรรคยับยั้ง หรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย ผมขอตำหนินายสุเมธ ไม่น่าพูดอย่างนี้ เป็นการชี้นำ แล้วบอกว่ากกต.ส่วนใหญ่เห็นด้วย ทั้งที่เรื่องยังอยู่ที่ที่ปรึกษา ซึ่งโดยมารยาทแล้วคนที่จะพูดเรื่องนี้ ต้องเป็นประธาน กกต." นายบรรหารกล่าว
จวก"หมัก-เติ้ง"แก้รธน.เพื่อตัวเอง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญปี50 กล่าวถึงความพยายามของฝ่ายการเมืองที่จะแก้ไขรธน.ว่า ถามว่าจะแก้ไปเพื่ออะไร หากจะแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม เชื่อว่าประชาชนคงไม่คัดค้าน แต่หากจะแก้ไขเพื่อช่วยเหลือให้พวกพ้องหลุดรอดคดี อย่างนี้คงไม่ได้ รธน.ฉบับนี้ กมธ.ยกร่างทั้ง 35 คน ได้ร่วมกันศึกษา และแก้ไขเพื่ออุดช่องโหว่ รธน.ปี 40 ที่นักการเมืองใช้แสวงหาผลประโยชน์ให้พวกพ้อง
การที่นักการเมืองจะมากล่าวโทษ รธน. เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะหากคนระดับรองหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคไปทำผิด ซื้อสิทธิขายเสียง แล้วจะมาโทษกฎหมายรุนแรงไม่ได้ พรรคดังกล่าวก็สมควรถูกยุบ
น.ต.ประสงค์ ยังกล่าวถึง นายบรรหาร ว่า อย่าใช้อารมณ์ และไปต่อว่าการทำหน้าที่ของกกต. ว่า พรรคการเมืองเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งทางการเมือง ที่จะนำไปซึ่งระบอบประชาธิปไตย หากพรรคการเมืองไม่ยอมทำตามกติกา ไปซื้อสิทธิขายสิทธิ ก็สมควรถูกยุบ
ส่วนที่นายสมัคร สุนทรเวช ระบุว่า หากพรรคถูกยุบแล้วประเทศชาติจะล้มลุกคลุกคลาน พร้อมโยงไปว่ามีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเป็นผู้อยู่เบื้องหลังนั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ถนัดและชอบกล่าวอ้างโทษคนอื่นไปทั่วทั่ว หากมีตัวตนจริง ก็หาหลักฐานจับดำเนินคดีได้เลย
น.ต.ประสงค์ กล่าวด้วยว่า ให้จับตาในช่วงเดือนเม.ย.หลังเทศกาลสงกรานต์ จะมีเหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ด้วยน้ำมือจากคนในรัฐบาลเอง ที่สั่งสมความไม่พอใจจนกระทั่งคลื่นมวลชนต้องออกมาแสดงพลังอีกครั้ง
ที่ปรึกษากม.ยันยังไม่มีมติยุบ
นายสุพล ยุติธาดา ประธานคณะที่ปรึกษากฎหมายของกกต. กล่าวว่า ในการประชุมคณะที่ปรึกษาเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมได้มีการถกปัญหาในข้อกฎหมายที่ กกต. ขอให้คณะที่ปรึกษาพิจารณา ทั้งในเรื่องที่กฎหมายกำหนดว่า เมื่อกรรมการบริหารพรรคทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กกต.จะต้องส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดย ถือว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นครบองค์ประกอบกฎหมายแล้วหรือยัง หรือกรรมการบริหารพรรคทำผิด จนถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง จะต้องมีกรรมการบริหารพรรคคนอื่นรู้เห็นด้วยหรือไม่ แต่ทั้งนี้ที่ประชุมก็ยังไม่ได้มีการลงมติใดๆ ทั้งสิ้น เพราะกรรมการทั้ง 7 คน ยังมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันนัก ซึ่งเป็นประเด็นของรายละเอียดที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ คณะที่ปรึกษาจะมีการประชุมอีกครั้ง ซึ่งน่าจะได้ข้อยุติ พร้อมทั้งเสนอความเห็นต่อกกต.ได้
กกต.ชี้ยุบพรรคยังอีกไกล
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวว่า หากคณะที่ปรึกษากฎหมายเสนอความเห็นมา ที่ประชุม กกต.ก็จะใช้ดุลพินิจเรื่องนี้อีกครั้ง สมมุติว่า กกต.เห็นพ้องกับที่ปรึกษากฎหมาย โดยส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็ไม่ใช่ว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายในเร็ววัน เพราะตามขั้นตอนแล้วกกต.จะต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่า เห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งอัยการสูงสุดจะต้องใช้เวลากว่า 30วัน ถ้าอัยการสูงสุดไม่เห็นด้วย นายทะเบียนพรรคการเมืองก็สามารถตั้งกรรมการขึ้นมาร่วมกับอัยการเพื่อพิจารณา หรือถ้าถึงขั้นตอนนั้นหาก กกต. เห็นว่า ควรยื่นศาลรัฐธรรมนูญเอง ก็สามารถยื่นเองได้
"ขั้นตอนยังอีกยาวไกล เมื่อเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องใช้เวลาไต่สวนอีกนาน และเมื่อศาลพิจารณาแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณายุบพรรคทุกเรื่อง เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาอย่างละเอียด เพราะไม่ใช่ว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นจะร้ายแรงถึงขั้นต้องยุบพรรค และกกต.ก็ไม่ได้ตั้งธงจะยุบพรรคการเมืองใดทั้งนั้น เราใช้ดุลพินิจตามกฎหมาย ไม่มีใครมาสั่งการหรือมาชี้นำให้ทำตามได้"
ส่วนที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ออกมาระบุว่าหากกกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เรื่องยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาฯ ก็จะส่งผลให้ยุบพรรคพลังประชาชนด้วย และจะเสนอเรื่องให้นายกรัฐมนตรี ชิงยุบสภาก่อนจะที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินยุบพรรคนั้น ก็ถือเป็นเรื่องตีตนไปก่อนไข้ เพราะขั้นตอนยังอีกนาน
"ถามว่าถ้าชิงยุบสภาไปแล้ว คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาอยู่นั้นจะเลิกไปไหม มันก็ไม่เลิก เพราะศาลก็ต้องไต่สวนต่อไป แล้วการชิงยุบสภาก่อนที่ศาลจะตัดสินจะมีประโยชน์อะไร อย่าคิดไปไกลถึงขั้นนั้น" นายประพันธ์ กล่าว
ยันไม่มีใบสั่งใครเพื่อยุบพรรค
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณี น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา รองหัวหน้าพรรคชาติไทย เชื่อว่ามี "ใบสั่ง" ให้มีการยุบพรรคชาติไทย และมัชฌิมาฯ โดยดูได้จากการที่ตนเองออกมาพูดชี้นำว่า ตนไม่ได้ชี้นำใครและไม่เคยบอกว่าพรรคไหนต้องถูกยุบ รวมถึงปฏิเสธที่มีคนหาว่า ตนทำงานโดยได้รับใบสั่งให้ยุบพรรค
" ผมไม่ใช่คนเลวขนาดไปรับใบสั่งจากใคร อย่างที่มีบางคนกล่าวหา ผมไม่ได้ไปกินเงินเดือนใคร ผมพูดตามข้อกฎหมายว่าตามกฎหมายแล้วขั้นตอนเป็นอย่างไรและมีปัญหาอย่างไร ยังไม่ได้บอกว่าจะต้องยุบพรรคไหน คนอย่างผมจะไปชี้นำใครได้"
นายสุเมธ กล่าวด้วยว่า นายบรรหาร เป็นนักการเมืองคนหนึ่งที่อาจรู้สึกว่าเสียประโยชน์ ซึ่งตนก็เข้าใจว่าเขาต้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง
"จะไปว่าท่านก็ไม่ได้ เพราะท่านคงรู้สึกว่าท่านเสียผลประโยชน์ ก็ย่อมต้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ท่านอาจจะรู้สึกนึกคิดไปเป็นอย่างนั้น"นายสุเมธ กล่าว
เผยเจตนารมย์รธน.ยุบพรรคชัด
แหล่งข่าวระดับสูงในคณะกรรมาธิการยกร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. กล่าวถึงช่วงขณะที่พิจารณายกร่าง มาตรา 103 ว่าได้พยายามหานิยามของความผิดที่จะนำไปสู่การยุบพรรค แต่ในที่สุดก็พบว่า ไม่สามารถเขียนระบุออกมาในกฎหมายได้ เพราะไม่อาจนึกถึงเหตุการณ์ที่จะครอบคลุมสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมดในอนาคต จึงเพียงแต่นำเนื้อหาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ทั้งหมดมาใส่ใน มาตรา103 โดยคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ได้ยืนยันว่า ให้เป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญเอง ที่จะชี้ว่ากรณีใดที่จะมีความผิดเข้าข่ายยุบพรรคได้
"ยืนยันได้ว่าคำว่า"ให้ถือว่า" ในมาตรา103 วรรค 2 ตามที่นายสุเมธ อุปนิสากร ระบุว่า เป็นการมัดคอกกต.ให้ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยไม่มีทางเลือกนั้นถูกต้องแล้ว เพราะทั้งรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูก ไม่ได้ให้อำนาจ กกต.ในการวินิจฉัยว่า กรณีใดเข้าข่ายยุบพรรค เพียงแต่กำหนดองค์ประกอบไว้ 2 ทางคือ 1. หัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้กระทำผิด และ 2. ผู้สมัครของพรรคกระทำผิดโดยที่หัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็น หรือรู้ภายหลังแล้วไม่ห้ามปราม ดังนั้นการที่ผู้สมัครที่กระทำผิดทุจริตการเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรคเอง จึงเข้าองค์ประกอบที่ กกต.จะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง"
แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า แต่การที่กกต. ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้แปลว่าจะต้องมีการยุบพรรคเสมอไป ขึ้นกับดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญเอง ส่วน กกต.จะทำสำนวนที่เป็นคุณ หรือเป็นโทษต่อพรรคการเมืองนั้น เป็นดุลยพินิจที่เป็นสิทธิ์ของกกต.
ส่วนกรณีที่หากมีการยุบพรรคจริง แล้วจะมีการตัดสิทธิ์การเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคคนใดหรือทั้งหมด ก็เป็นดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะสั่งในภายหลัง
ส.ส.เหนือจวก"กานต์"แอบอ้างมติ
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว ส.ส.ระบบสัดส่วน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เสนอให้นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาก่อนที่พรรคพลังประชาชนจะถูกยุบว่า ส.ส.ภาคเหนือยังไม่มีการพูดคุยในประเด็นดังกล่าว เชื่อว่าเป็นความเห็นของพ.ต.ท.กานต์ คนเดียว และเชื่อว่าเรื่องนี้ทั้ง ส.ส.ภาคเหนือ และทุกคนในพรรคไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน ที่จะเลือกใช้วิธีการยุบสภา เพื่อหนีการยุบพรรค
"การออกมาพูดของพ.ต.ท.กานต์ เป็นความคิดส่วนตัวแล้วมาอ้าง ส.ส.ภาคเหนือ ตรงนี้ไม่เป็นความจริง เพราะขนาดคุณละออง ติยะไพรัช น้องสาวท่านยงยุทธ ยังโทรศัพท์มาหาผม บอกว่าไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมดังกล่าว เพราะเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคฯ ซึ่งในการประชุมใหญ่ของพรรคในวันที่22 มี.ค. นี้ คงจะมีการตักเตือนกันบ้าง”นายสามารถกล่าว
สำหรับกรณีที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะ เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ออกมาเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการเร่งด่วน เพื่อเปิดช่องแก้ไขประเด็นที่ระบุโทษยุบพรรคนั้น นายสามารถ กล่าวว่า เข้าใจว่าท่านคงมองด้วยความห่วงใยในสถานการณ์ของประเทศ หากอนาคตมีการตัดสินสั่งให้ยุบพรรคการเมือง จะมีผลกระทบต่อประเทศ จึงออกมาเสนอแนวคิดให้มีการทบทวนรัฐธรรมนูญ เพราะหลายประเด็นมีการเขียนล็อคไว้มากเกินไป ขัดกับหลักสากล
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน พร้อมกับคณะ ได้ยื่นญัตติด่วนต่อสภา ขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งจะมีการพิจารณาหลายประเด็นในการปฎิบัติหน้าที่ของ ส.ส.รวมถึงประเด็นยุบพรรคด้วย
ยันไม่เปลี่ยนกก.บห.หนียุบพรรค
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการหาทางออก กรณีศาลฎีการับฟ้องคดีใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งอาจนำไปสู่การยุบพรรค พลังประชาชนว่า ถ้าเรายอมรับว่า ประกาศคปค. คือกฎหมาย ก็ตั้งทีมกฎหมายเพื่อต่อสู่คดีกันไป
ส่วนที่มีการมองว่าหากพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตยถูกยุบ จะลามไปถึงพรรคพลังประชาชนนั้น ตนมองว่าข้อกฎหมายยังมีปัญหาอยู่พอสมควร เพราะจริงๆไม่ได้หมายความว่ากรรมการบริหารพรรคทำแล้วจะอัตโนมัติ เพราะถ้าดูกฎหมายทั้งมาตรา จะเห็นว่าพูดถึงตัวผู้สมัคร แล้วต่อด้วยหัวหน้าพรรคหรือ กรรมการบริหารพรรคที่รู้เห็นเป็นใจ ดังนั้นจะไปเหมารวมว่าถ้ากรรมการบริหารพรรคทำแล้วจะอัตโนมัติคงไม่ใช่
นายชูศักดิ์ ยังกล่าวถึง แนวคิดในการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า ต้องรวมกันหลายเรื่อง ทั้งระบบเลือกตั้งและอื่นๆ และดูจังหวะเวลา ถ้ามาแก้ตอนนี้ ก็ว่าแก้เพื่อตัวเอง แต่ขอให้ดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ แต่เชื่อว่าน่าจะมีการนำทางไปสู่การแก้ ซึ่งขณะนี้ ส.ส.ของพรรคได้เสนอญัตติไปแล้วว่า ขอศึกษารัฐธรรมนูญ
นายชูศักดิ์ ยังกล่าวถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปี พรรคพลังประชาชน ในวันที่ 22 มี.ค.นี้ ว่า ไม่มีวาระเรื่องการเปลี่ยนตัวกรรมการบริหารพรรค และปรับลด จำนวนกรรมการบริหารพรรค เพื่อหนีถูกยุบพรรค เพราะครั้งก่อนพรรคไทยรักไทย ถูกยุบ แม้จะมีการลาออกกันไป แต่ศาลบอกว่าความผิดเกิดขึ้นก่อน ฉะนั้นลาออกก็ไม่พ้น ดังนั้นข่าวที่บอกว่าจะยุบสภา ลาออกหนี มันไม่มี
"พวกผมไม่หนีแน่ รับรองสู้ทุกรูปแบบ สู้เต็มที่ สิ่งที่พูดกันเป็นความเห็นส่วนตัวมากกว่า ถ้าไปทำอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่นักการเมืองที่มีอุดมการณ์ ไปใช้ช่องกฎหมาย หนีไปหนีมาไม่เอา ถ้าสู้ก็สู้กัน และไม่จำเป็นจะต้องไปหาพรรคเตรียมไว้สำรองด้วย" นายชูศักดิ์ กล่าว
