ผู้จัดการรายวัน-ข้าวส่งออกมีโอกาสแตะตันละ 1 พันเหรียญสหรัฐ เหตุความต้องการตลาดต่างประเทศพุ่งไม่หยุด อินเดียงดส่งออกไม่มีกำหนด คาดราคาข้าวในประเทศขยับตาม
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาส่งออกข้าวของไทยว่า ในปีนี้ ราคาส่งออกข้าวขาว 100% ของไทยแบบเอฟโอบี (ส่งมอบ ณ ท่าเรือกรุงเทพ โดยผู้ส่งออกไม่ต้องเสียค่าระวางเรือ และค่าประกันสินค้า) น่าจะมีโอกาสไปแตะที่ตันละ 1,000 เหรียญสหรัฐ จากปัจจุบันตันละ 556 เหรียญ เพราะความต้องการซื้อข้าวจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นมาก จากภาวะขาดแคลนภายในประเทศ ประกอบกับผู้ส่งออกรายใหญ่ อย่างอินเดีย ที่เคยส่งออกเฉลี่ยปีละ 4 ล้านตัน หยุดส่งออกอย่างไม่มีกำหนด และยังตั้งราคาส่งออกขั้นต่ำสูงถึงตันละ 650 เหรียญ ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดในปัจจุบันมาก ส่วนราคาส่งออกข้าวหอมมะลิน่าจะทะลุตันละ 1,000 เหรียญเช่นเดียวกัน จากปัจจุบันอยู่ที่ตันละ 790 เหรียญ
“ปีนี้เราอาจมีโอกาสเห็นราคาส่งออกข้าวไทยแบบเอฟโอบีไปแตะที่ตันละ 1,000 เหรียญสหรัฐ เพราะความต้องการมีเยอะมาก อินเดียที่เคยส่งออกปีละประมาณ 4 ล้านตันยังหยุดส่งออกแบบไม่มีกำหนด ความต้องการซื้อจึงมาที่ไทย ทำให้ในเดือนก.พ.2551 ไทยส่งออกเกินเดือนละ 1 ล้านตันต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แล้ว จากปกติเดือนละ 600,000-700,000 ตัน ผมส่งออกข้าวมานาน ยังไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี เพราะอาจทำให้สต๊อกข้าวในประเทศขาดแคลนได้ โดยขณะนี้ มีทั้งโรงสี และผู้ส่งออกหลายรายตกเขียวข้าวของเกษตรกร หรือไปกว้านซื้อข้าวที่กำลังจะเก็บเกี่ยวโดยให้ราคาดีไปหมดแล้ว เพื่อสต๊อกไว้หวังเก็งกำไร เพราะราคาข้าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” นายชูเกียรติกล่าว
ทั้งนี้ ผลจากการที่ราคาส่งออก ราคาภายในก็จะสูงตามไปด้วย โดยราคาข้าวเปลือกล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มี.ค.2551 ข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 12,300-12,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 9,400-9,700 บาท ข้าวเปลือกเหนียวตันละ 9,400-9,600 บาท คาดว่า ปีนี้น่าจะเป็นปีทองของเกษตรกรไทย ที่จะขายข้าวได้ในราคาสูงมาก แต่สำหรับผู้ส่งออกไม่ใช่เรื่องดี เพราะต้องซื้อข้าวในประเทศราคาแพงเพื่อส่งออก ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม จากราคาข้าวในประเทศที่สูงขึ้นมาก มีโอกาสที่จะเกิดการทุจริตในโกดังเก็บข้าวของรัฐบาลได้มาก โดยอาจมีการนำข้าวในสต๊อกรัฐไปขายทำกำไรก่อน แล้วจึงซื้อข้าวใหม่ช่วงต้นฤดูมาเก็บแทน เพราะจะมีราคาถูกกว่ามาก
นายวัฒนา รัตนวงศ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ได้รายงานให้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ได้รับทราบแล้วว่าปริมาณผลผลิตข้าวนาปรังปี 2551 ที่เริ่มออกในเดือนมี.ค.นี้ มีปัญหาในเรื่องเมล็ดข้าวไม่สวยผลจากอากาศหนาว และผลผลิตอาจมีไม่มากนัก และขณะนี้ราคาตลาดข้าวเปลือกมีความผันผวนและปรับขึ้นเร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดความปั่วป่วนวงการค้าข้าว จึงเสนอให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแล และพิจารณาอย่างรอบคอบในการกำหนดราคารับจำนำข้าวนาปรัง ซึ่งเบื้องต้นควรจะกำหนดราคารับจำนำ 80% ของราคาตลาด ณ ขณะนั้น เพราะแนวโน้มราคาข้าวยังสูงได้ต่อเนื่อง
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาส่งออกข้าวของไทยว่า ในปีนี้ ราคาส่งออกข้าวขาว 100% ของไทยแบบเอฟโอบี (ส่งมอบ ณ ท่าเรือกรุงเทพ โดยผู้ส่งออกไม่ต้องเสียค่าระวางเรือ และค่าประกันสินค้า) น่าจะมีโอกาสไปแตะที่ตันละ 1,000 เหรียญสหรัฐ จากปัจจุบันตันละ 556 เหรียญ เพราะความต้องการซื้อข้าวจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นมาก จากภาวะขาดแคลนภายในประเทศ ประกอบกับผู้ส่งออกรายใหญ่ อย่างอินเดีย ที่เคยส่งออกเฉลี่ยปีละ 4 ล้านตัน หยุดส่งออกอย่างไม่มีกำหนด และยังตั้งราคาส่งออกขั้นต่ำสูงถึงตันละ 650 เหรียญ ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดในปัจจุบันมาก ส่วนราคาส่งออกข้าวหอมมะลิน่าจะทะลุตันละ 1,000 เหรียญเช่นเดียวกัน จากปัจจุบันอยู่ที่ตันละ 790 เหรียญ
“ปีนี้เราอาจมีโอกาสเห็นราคาส่งออกข้าวไทยแบบเอฟโอบีไปแตะที่ตันละ 1,000 เหรียญสหรัฐ เพราะความต้องการมีเยอะมาก อินเดียที่เคยส่งออกปีละประมาณ 4 ล้านตันยังหยุดส่งออกแบบไม่มีกำหนด ความต้องการซื้อจึงมาที่ไทย ทำให้ในเดือนก.พ.2551 ไทยส่งออกเกินเดือนละ 1 ล้านตันต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แล้ว จากปกติเดือนละ 600,000-700,000 ตัน ผมส่งออกข้าวมานาน ยังไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี เพราะอาจทำให้สต๊อกข้าวในประเทศขาดแคลนได้ โดยขณะนี้ มีทั้งโรงสี และผู้ส่งออกหลายรายตกเขียวข้าวของเกษตรกร หรือไปกว้านซื้อข้าวที่กำลังจะเก็บเกี่ยวโดยให้ราคาดีไปหมดแล้ว เพื่อสต๊อกไว้หวังเก็งกำไร เพราะราคาข้าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” นายชูเกียรติกล่าว
ทั้งนี้ ผลจากการที่ราคาส่งออก ราคาภายในก็จะสูงตามไปด้วย โดยราคาข้าวเปลือกล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มี.ค.2551 ข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 12,300-12,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 9,400-9,700 บาท ข้าวเปลือกเหนียวตันละ 9,400-9,600 บาท คาดว่า ปีนี้น่าจะเป็นปีทองของเกษตรกรไทย ที่จะขายข้าวได้ในราคาสูงมาก แต่สำหรับผู้ส่งออกไม่ใช่เรื่องดี เพราะต้องซื้อข้าวในประเทศราคาแพงเพื่อส่งออก ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม จากราคาข้าวในประเทศที่สูงขึ้นมาก มีโอกาสที่จะเกิดการทุจริตในโกดังเก็บข้าวของรัฐบาลได้มาก โดยอาจมีการนำข้าวในสต๊อกรัฐไปขายทำกำไรก่อน แล้วจึงซื้อข้าวใหม่ช่วงต้นฤดูมาเก็บแทน เพราะจะมีราคาถูกกว่ามาก
นายวัฒนา รัตนวงศ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ได้รายงานให้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ได้รับทราบแล้วว่าปริมาณผลผลิตข้าวนาปรังปี 2551 ที่เริ่มออกในเดือนมี.ค.นี้ มีปัญหาในเรื่องเมล็ดข้าวไม่สวยผลจากอากาศหนาว และผลผลิตอาจมีไม่มากนัก และขณะนี้ราคาตลาดข้าวเปลือกมีความผันผวนและปรับขึ้นเร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดความปั่วป่วนวงการค้าข้าว จึงเสนอให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแล และพิจารณาอย่างรอบคอบในการกำหนดราคารับจำนำข้าวนาปรัง ซึ่งเบื้องต้นควรจะกำหนดราคารับจำนำ 80% ของราคาตลาด ณ ขณะนั้น เพราะแนวโน้มราคาข้าวยังสูงได้ต่อเนื่อง
