นครศรีธรรมราช – พ่อค้าคนกลางตระเวนกว้านซื้อข้าวจากเกษตรกรใน อ.ปากพนัง หลังราคาข้าวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ขณะที่จังหวัดเร่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาติดตามสถานการณ์แล้ว
นายบริรักษ์ ชูสิทธิ การค้าภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังจากมีข่าวเรื่องการปรับขึ้นของราคาข้าวเปลือก และข้าวสารอย่างต่อเนื่อง กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการต่างๆ มารองรับ ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีการประชุมคณะทำงานเรื่องข้าวจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมี 3 คณะ ได้แก่ คณะทำงานนโยบายด้านการผลิต ด้านการตลาด และคณะทำงานประเมินสถานการณ์และติดตามราคาข้าว และผลิตภัณฑ์จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ห้องประชุมสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามสถานการณ์ข้าวในปัจจุบันพร้อมทั้งหาข้อสรุปในการบริหารจัดการข้าวทั้งระบบของจังหวัดนครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ราคาข้าวภายในประเทศอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง ซึ่งจากการติดตามภาวะราคาข้าวตั้งแต่กลางเดือน ม.ค.2551 ถึงกลางเดือน มี.ค.พบว่า ราคาข้าวเปลือกและข้าวสารทุกชนิดปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค รวมทั้งโรงสีและผู้ส่งออกที่มีความเสี่ยงต่อการขาดทุนจากภาวะความผันผวนของราคาข้าว ชาวนาถูกกดราคารับซื้อเพื่อชดเชยกับภาวะเสี่ยงต่อการขาดทุน
กรมการค้าภายในได้ติดตามภาวะราคาข้าวสารทุกวัน ตรวจสอบ สต๊อกข้าวเปลือก และข้าวสารคงเหลือในความครอบครองของโรงสี และผู้ส่งออกทั่วประเทศ เพื่อป้องปรามไม่ให้มีการกักตุนข้าวเพื่อเก็งกำไร พร้อมทั้งเพิ่มปริมาณข้าวในตลาด โดยนำข้าวในสต๊อกรัฐบาลออกจำหน่ายเพื่อลดความความรุนแรงในการปรับขึ้นราคา
การค้าภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สาเหตุของราคาข้าวเปลือกและข้าวสารที่แพงขึ้น เนื่องจากผู้ส่งออกข้าวสารต้องการส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข้าวนึ่ง ซึ่งประเทศอินเดียเคยส่งออกเดือนละหลายแสนตัน แต่ไม่สามารถส่งออกได้ ผู้ส่งออกหันมาซื้อข้าวจากไทย แต่ไทยมีปริมาณไม่เพียงพอต่อการส่งออก ทำให้พ่อค้าข้าวจากภาคกลางหันมาซื้อข้าวในภาคใต้ โดยเฉพาะลุ่มน้ำปากพนัง ทำให้ราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับราคาข้าวเปลือกเกี่ยวสดความชื้น 25% ณ ที่นาราคาตันละ 6,100 บาท เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะนี้ปรับขึ้นถึงตันละ 9,500-10,000 บาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 5,500 บาท เท่านั้น ส่วนราคาข้าวสาร ข้าวหอมมะลิ จากเดิมกิโลกรัมละ 21-22 บาท ปรับเป็น 24-25 บาท
นายบริรักษ์ ชูสิทธิ การค้าภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังจากมีข่าวเรื่องการปรับขึ้นของราคาข้าวเปลือก และข้าวสารอย่างต่อเนื่อง กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการต่างๆ มารองรับ ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีการประชุมคณะทำงานเรื่องข้าวจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมี 3 คณะ ได้แก่ คณะทำงานนโยบายด้านการผลิต ด้านการตลาด และคณะทำงานประเมินสถานการณ์และติดตามราคาข้าว และผลิตภัณฑ์จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ห้องประชุมสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามสถานการณ์ข้าวในปัจจุบันพร้อมทั้งหาข้อสรุปในการบริหารจัดการข้าวทั้งระบบของจังหวัดนครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ราคาข้าวภายในประเทศอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง ซึ่งจากการติดตามภาวะราคาข้าวตั้งแต่กลางเดือน ม.ค.2551 ถึงกลางเดือน มี.ค.พบว่า ราคาข้าวเปลือกและข้าวสารทุกชนิดปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค รวมทั้งโรงสีและผู้ส่งออกที่มีความเสี่ยงต่อการขาดทุนจากภาวะความผันผวนของราคาข้าว ชาวนาถูกกดราคารับซื้อเพื่อชดเชยกับภาวะเสี่ยงต่อการขาดทุน
กรมการค้าภายในได้ติดตามภาวะราคาข้าวสารทุกวัน ตรวจสอบ สต๊อกข้าวเปลือก และข้าวสารคงเหลือในความครอบครองของโรงสี และผู้ส่งออกทั่วประเทศ เพื่อป้องปรามไม่ให้มีการกักตุนข้าวเพื่อเก็งกำไร พร้อมทั้งเพิ่มปริมาณข้าวในตลาด โดยนำข้าวในสต๊อกรัฐบาลออกจำหน่ายเพื่อลดความความรุนแรงในการปรับขึ้นราคา
การค้าภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สาเหตุของราคาข้าวเปลือกและข้าวสารที่แพงขึ้น เนื่องจากผู้ส่งออกข้าวสารต้องการส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข้าวนึ่ง ซึ่งประเทศอินเดียเคยส่งออกเดือนละหลายแสนตัน แต่ไม่สามารถส่งออกได้ ผู้ส่งออกหันมาซื้อข้าวจากไทย แต่ไทยมีปริมาณไม่เพียงพอต่อการส่งออก ทำให้พ่อค้าข้าวจากภาคกลางหันมาซื้อข้าวในภาคใต้ โดยเฉพาะลุ่มน้ำปากพนัง ทำให้ราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับราคาข้าวเปลือกเกี่ยวสดความชื้น 25% ณ ที่นาราคาตันละ 6,100 บาท เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะนี้ปรับขึ้นถึงตันละ 9,500-10,000 บาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 5,500 บาท เท่านั้น ส่วนราคาข้าวสาร ข้าวหอมมะลิ จากเดิมกิโลกรัมละ 21-22 บาท ปรับเป็น 24-25 บาท
