แก๊งอันธพาลครองเมือง “สมศักดิ์ ยะลังวงศ์” หัวหด ปัดไม่ได้โทรขู่ฆ่า"วีระ สม - 5 แกนนำพันธมิตร" ขณะที่เบอร์โชว์ ตร.ยังมืดหาตัวไม่เจอ ด้าน “วีระ” ย้ำไม่ก้าวล่วงคดี แต่ท้าให้นำตัวมาเผชิญหน้า เพื่อพิสูจน์เสียง เลขาศาลฯ ระบุชัดไม่มีใครชี้นำศาลได้ ย้ำ "สนธิ-พันธมิตร" จัดรายงานยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษได้ตามสิทธิฯ ขณะที่พันธมิตรฯ ต่างจังหวัด พร้อมเคลื่อนพล ส่วน ผบ.ทร.มาแปลก ขอเวลาให้ "รัฐบาลหมัก" ทำงาน
วานนี้ (14 มี.ค.) พ.ต.ท.มนตรี กองจำปา พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.พลับพลาไชย 1 เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีมีโทรศัพท์ข่มขู่ฆ่านายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คตป.) ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่จะร่วมเคลื่อนไหวกับ 5 แกนนำพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยในนัดแรกที่จะจัดสัมมนา “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” โดยจะระดมองค์กรภาคประชาชนต่างๆ เข้าร่วมวางยุทธศาสตร์ใหม่ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 28 มี.ค.51 โดยโทรศัพท์ลึกลับได้อ้างตัวว่าชื่อนายสมศักดิ์ ยะลังวงศ์ หรือฉายา “อู๊ด โคลีเซียม” เป็นเพื่อนสนิท ตู่ ติงลี่ และขู่ให้หยุดเคลื่อนไหวว่า พนักงานสอบสวนได้ติดตามเรื่องโดยได้ติดต่อไปยังตัวนายสมศักดิ์ ที่ถูกอ้างตัวขณะโทร.หานายวีระ แต่นายสมศักดิ์ ได้ปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับให้การว่า ตนเองเป็นบุคคลธรรมดา ทำมาหากินหาเช้ากินค่ำ ไม่เคยรู้จักกับอู๊ด โคลีเซียม และไม่เคยเป็นเพื่อนสนิทกับตู่ ติงลี่ คนที่โทร.ไปขู่นายวีระ กล่าวอ้างชื่อตนขึ้นมาลอยๆ และไม่รู้ว่าได้ชื่อตนเองมาจากใครที่ไหน
ส่วนเบอร์โทรศัพท์หมายเลข 08-9745-1505 ที่มีคนโทร.มาข่มขู่นายวีระ นั้น พ.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจเช็กไม่ได้ว่าเป็นของใคร แต่ในเรื่องที่เกิดขึ้นกับนายวีระ ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ จะพยายามสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามขบวนการสืบสวนต่อไป
"วีระ" แนะตำรวจนำตัวพิสูจน์เสียง
ด้านนายวีระ เปิดเผยว่า จะไม่เข้าไปก้าวก่ายการทำงานของเจ้าหน้าตำรวจ แต่ไม่เข้าใจว่าการที่จะสืบหาว่าเบอร์โทร.ที่โทร.มาข่มขู่ตนเป็นของใครไม่น่าจะยาก ถ้าตำรวจจะตรวจสอบจริง และกรณีที่ตัวนายสมศักดิ์ ที่ถูกอ้างชื่อโทร.ข่มขู่ตนปฏิเสธไม่ได้ทำ เจ้าหน้าที่ตำรวจควรที่จะเชิญตัวนายสมศักดิ์ มาเจอกันกับตน เพราะตนจำเสียงผู้ที่โทร.ได้จะได้รู้ว่าเป็นตัวจริงตัวปลอม ซึ่งการที่ตนเข้าแจ้งความในเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นสิทธิทำตามกฎหมายเพื่อป้องกันเหตุร้ายหากเกิดขึ้นกับตนเองจริง ตำรวจจะได้สืบหาข้อเท็จจริงได้ และการถูกขู่ไม่ได้เกิดขึ้นกับตนคนเดียวแต่เกิดกับแกนนำ 5 พันธมิตรฯ ด้วย
“ส่วนตัวไม่คาดหวังหรือหวังพึ่งกระบวนบวนการยุติธรรมเท่าที่ควร เพราะรู้อยู่แล้วเป็นเรื่องยาก รู้อยู่รัฐบาลของใคร” นายวีระ กล่าว
"สนธิ-พันธมิตรฯ" เสวนาได้ตามสิทธิฯ
ทางด้านนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯที่จะจัดรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ”ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ที่หอประชุมใหญ่ หาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าให้ระวังจะติดคุกหากออกมาเคลื่อนไหวแล้วทำผิดเงื่อนไขที่ศาลให้ประกันตัว เป็นการชี้นำศาลหรือไม่ว่า ความเห็นของสาธารณชนต่างๆ ไม่สามารถมาชี้นำหรือโน้มน้าวความเห็นของศาลได้ การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลนั้นเป็นไปโดยอิสระ มีความเป็นกลางทางการเมืองอยู่แล้ว
สำหรับการประชุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หากเป็นการชุมนุมโดยสงบ เปิดเผยและปราศจากอาวุธ ก็เป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญที่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับการแสดงความคิดเห็นต่างๆ กฎหมายก็ให้การรับรองไว้ ส่วนการผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่นั้น ต้องไปดูก่อนว่าศาลกำหนดเงื่อนไขการให้ประกันตัวอย่างไรไว้บ้าง ถ้าในกรณีที่ศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขไว้ การประชุม การแสดงความคิดต่างๆ ในฐานะสื่อมวลชนหรือประชาชนคนไทยก็สามารถทำได้อยู่แล้ว
นายสราวุธ กล่าวย้ำว่า ในส่วนของศาลนั้นไม่มีปัญหา ไม่น่าเป็นห่วงว่าการแสดงความคิดเห็นของบุคคลต่างๆ จะมาโน้นน้าวความคิดเห็นของศาลได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฯ แห่งราชอาญาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 197 วรรคสอง ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้พิพากษา ตุลาการมีอิสระในการพิพากษาอรรถคดีให้เป็นไปโดยถูกต้อง รวดเร็วและเป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคล และสื่อมวลชนมีการรองรับไว้ในรัฐธรรมนูญเช่นกัน ถือเป็นเสรีภาพซึ่งการเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น แล้วรัฐธรรมนูญเองก็กำหนดไว้ด้วยว่า การจำกัดสิทธิเสรีภาพดังกล่าวไม่สามารถทำได้ เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาต เช่น มีการตรากฎหมายออกมา โดยอาศัยอำนาจตามขอบเขตของกฎหมาย และต้องกำหนดไว้ด้วยว่าเพื่อความมั่นคงของรัฐเท่านั้นหรือเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวของบุคคลอื่น
“หมายถึงว่าถ้าการพูดหรือการแสดงความคิดเห็นนั้นไปกระทบกับความมั่นคงของรัฐ หรือว่ากระทบสิทธิ ชื่อเสียงหรือสิทธิในครอบครัวความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น จะกระทำไม่ได้ หรือว่าเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยอันดีของประชาชน เช่นเดียวกันถ้าสอดคล้องกันว่า การชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธก็เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทยที่สามารถทำได้”
พันธมิตรฯ อัด มท.1-โฆษก รบ.ไร้ปัญญา
ส่วนทางด้านนายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ชุมพร และอดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยสาขาภาคใต้ กล่าวว่า กรณีที่แกนนำพันธมิตรฯจากส่วนกลางจะเปิดเวทียามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าจากการประสานกับแกนนำเครือข่ายกลุ่มพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้ทุกคนพร้อมที่จะเดินทางไปร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง แต่การไปรวมตัวกันในครั้งนี้ตนไม่อยากให้มองว่าเป็นการไปชุมนุมกัน แต่อยากให้มองว่าเป็นการไปเข้าร่วมระดมความคิดเห็น ปรึกษาหารือ เพื่อกำหนดแนวทาง ท่าที รูปแบบในการเคลื่อนไหว เกี่ยวกับสถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้มากกว่า ในส่วนของเครือข่ายพันมิตรฯชุมพร จะมีการนัดประชุมสมาชิกเครือข่ายวันที่ 22 มี.ค.เพื่อกำหนดมาตรการแนวทางการเดินทางไปเข้าร่วมในครั้งนี้เช่นกัน
นายสุนทร กล่าวต่อว่า สำหรับเครือข่ายพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้นั้นแม้ที่ผ่านมาจะหยุดดำเนินกิจกรรมไปบ้างก็ตาม แต่ปัจจุบันยังคงรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นเหมือนเดิม สำหรับความเห็นส่วนตัวของตนในขณะนี้ยังไม่อยากให้มีการเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่เกิดขึ้น เพราะกลัวว่ามือที่สามจะอาศัยโอกาสจากสถานการณ์ แล้วฉกฉวยรับผลประโยชน์ไป ในที่สุดแล้วประชาชน และประเทศชาติ ก็จะไม่ได้อะไร เหมือนที่ผ่านมา
นายสุนทร กล่าวต่อว่า ขณะที่พันธมิตรฯเองต้องใช้สติปัญญามากขึ้นเนื่องจากการต่อสู้ของเราในครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะปัจจุบันเราต้องต่อสู้กับระบอบทักษิณแล้ว และเรายังจะต้องต่อสู้กับนอมินีทักษิณ อีกด้วย ดังนั้น เราจะต้องใช้สติปัญญาในการพิจารณาอย่างรอบคอบรอบด้านมากขึ้น ซึ่งขณะนี้จึงอยากจะให้ใช้วิธีการ เช่น ล่ารายชื่อถอดถอนรัฐมนตรี ที่ประพฤติไม่ชอบ ตามกระบวนการเงื่อนไขทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไปก่อน
ในขณะที่รัฐบาลเองก็ควรจะมุ่งหน้าทำงาน อย่ามัวแต่หาทางแก้ปัญหาให้กับระบอบทักษิณ และไม่ควรพูดจายั่วยุให้เกิดความแตกแยก รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาไทย และนายนัฐวุฒิ ไสเกื้อ รองโฆษกรัฐบาล เพราะการพูดจายั่วยุ ในโลกนี้เขาเรียกว่าเป็นพฤติกรรมการพูดของคนไม่มีปัญญา
“หากถึงที่สุดแล้วแกนนำพันธมิตร ฯ จากส่วนกลางมีมติ หรือมีความเห็นอย่างไร หรือเห็นว่าถึงเวลาแล้ว เราก็พร้อมระดมพลเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ได้ทันที เพราะเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 14 จังหวัดภาคใต้นั้นพร้อมตลอดเวลา”
ผบ.ทร.วอนให้โอกาสรัฐบาล
ขณะที่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ที่ผ่านมามีบทเรียนมามากแล้ว อยากให้ทุกฝ่ายตั้งสติและทบทวนว่า สิ่งที่แต่ละฝ่ายทำเกิดผลอะไรบ้าง สิ่งไหนที่ดีก็ทำ สิ่งไหนไม่ดีอย่าทำ คิดว่าทุกคนรู้ทุกอย่าง แต่จะทำหรือไม่ จึงอยากขอร้องให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
“รัฐบาลเพิ่งทำงานได้เพียง 1 เดือน ควรให้โอกาสเขาได้ทำงานให้เรียบร้อย จากนั้นค่อยดูที่ผลงาน ต้องเปิดโอกาส และเราก็ดูตัวเราว่า มีสิทธิ์ มีอำนาจแค่ไหน ที่จะไปติเตียนเขา ให้รัฐบาลลองทำงานก่อนว่าเป็นอย่างไร เราต้องเคารพคนไทย 70 ล้านคน หากเราเป็นกลุ่มเล็กๆ แค่พันคน หมื่นคน จะนำกลุ่มคนเพียงพันคน ไปตัดสินแทนคน 70 ล้านคนได้อย่างไร เราเลือกตั้งมาแล้วต้องปล่อยให้เขาทำ การที่เราจะมาขัดขวาง หรือมาตินั้น ต้องฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่" ผบ.ทร. กล่าว
ส่วนการเดินทางออกนอกประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำให้สถานการณ์การเมืองลดความร้อนแรงลงหรือไม่นั้น ถ้าทุกคนตั้งสติให้ดี นึกว่าเรามีหน้าที่อะไร รับผิดชอบอะไรและเราทำตามหน้าที่ ที่เรารับผิดชอบ ต่างฝ่ายทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด ทุกอย่างจะไม่มีปัญหา แต่ในขณะนี้ไม่ใช่ มีการก้าวก่ายกันมากพอสมควร จึงอยากขอร้องให้กลับไปนั่งคิดว่า ใครรับผิดชอบอะไร ก็ทำในสิ่งที่ตนเองรับผิดชอบ ถือว่าดีที่สุด
ทางด้าน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ประกาศจะจัดกลุ่มมาต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯว่า คงไม่พูดอะไรลงรายละเอียดมากกว่านี้ เพราะทุกฝ่ายในบ้านเมืองได้รับบทเรียนมามากแล้ว เรื่องสามัคคี เป็นเรื่องพื้นฐานของสังคม หากสังคมใดไม่มี ก็ไปไม่รอด ก็วิงวอนให้คนไทยสามัคคีกันดีกว่า
วานนี้ (14 มี.ค.) พ.ต.ท.มนตรี กองจำปา พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.พลับพลาไชย 1 เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีมีโทรศัพท์ข่มขู่ฆ่านายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คตป.) ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่จะร่วมเคลื่อนไหวกับ 5 แกนนำพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยในนัดแรกที่จะจัดสัมมนา “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” โดยจะระดมองค์กรภาคประชาชนต่างๆ เข้าร่วมวางยุทธศาสตร์ใหม่ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 28 มี.ค.51 โดยโทรศัพท์ลึกลับได้อ้างตัวว่าชื่อนายสมศักดิ์ ยะลังวงศ์ หรือฉายา “อู๊ด โคลีเซียม” เป็นเพื่อนสนิท ตู่ ติงลี่ และขู่ให้หยุดเคลื่อนไหวว่า พนักงานสอบสวนได้ติดตามเรื่องโดยได้ติดต่อไปยังตัวนายสมศักดิ์ ที่ถูกอ้างตัวขณะโทร.หานายวีระ แต่นายสมศักดิ์ ได้ปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับให้การว่า ตนเองเป็นบุคคลธรรมดา ทำมาหากินหาเช้ากินค่ำ ไม่เคยรู้จักกับอู๊ด โคลีเซียม และไม่เคยเป็นเพื่อนสนิทกับตู่ ติงลี่ คนที่โทร.ไปขู่นายวีระ กล่าวอ้างชื่อตนขึ้นมาลอยๆ และไม่รู้ว่าได้ชื่อตนเองมาจากใครที่ไหน
ส่วนเบอร์โทรศัพท์หมายเลข 08-9745-1505 ที่มีคนโทร.มาข่มขู่นายวีระ นั้น พ.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจเช็กไม่ได้ว่าเป็นของใคร แต่ในเรื่องที่เกิดขึ้นกับนายวีระ ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ จะพยายามสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามขบวนการสืบสวนต่อไป
"วีระ" แนะตำรวจนำตัวพิสูจน์เสียง
ด้านนายวีระ เปิดเผยว่า จะไม่เข้าไปก้าวก่ายการทำงานของเจ้าหน้าตำรวจ แต่ไม่เข้าใจว่าการที่จะสืบหาว่าเบอร์โทร.ที่โทร.มาข่มขู่ตนเป็นของใครไม่น่าจะยาก ถ้าตำรวจจะตรวจสอบจริง และกรณีที่ตัวนายสมศักดิ์ ที่ถูกอ้างชื่อโทร.ข่มขู่ตนปฏิเสธไม่ได้ทำ เจ้าหน้าที่ตำรวจควรที่จะเชิญตัวนายสมศักดิ์ มาเจอกันกับตน เพราะตนจำเสียงผู้ที่โทร.ได้จะได้รู้ว่าเป็นตัวจริงตัวปลอม ซึ่งการที่ตนเข้าแจ้งความในเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นสิทธิทำตามกฎหมายเพื่อป้องกันเหตุร้ายหากเกิดขึ้นกับตนเองจริง ตำรวจจะได้สืบหาข้อเท็จจริงได้ และการถูกขู่ไม่ได้เกิดขึ้นกับตนคนเดียวแต่เกิดกับแกนนำ 5 พันธมิตรฯ ด้วย
“ส่วนตัวไม่คาดหวังหรือหวังพึ่งกระบวนบวนการยุติธรรมเท่าที่ควร เพราะรู้อยู่แล้วเป็นเรื่องยาก รู้อยู่รัฐบาลของใคร” นายวีระ กล่าว
"สนธิ-พันธมิตรฯ" เสวนาได้ตามสิทธิฯ
ทางด้านนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯที่จะจัดรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ”ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ที่หอประชุมใหญ่ หาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าให้ระวังจะติดคุกหากออกมาเคลื่อนไหวแล้วทำผิดเงื่อนไขที่ศาลให้ประกันตัว เป็นการชี้นำศาลหรือไม่ว่า ความเห็นของสาธารณชนต่างๆ ไม่สามารถมาชี้นำหรือโน้มน้าวความเห็นของศาลได้ การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลนั้นเป็นไปโดยอิสระ มีความเป็นกลางทางการเมืองอยู่แล้ว
สำหรับการประชุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หากเป็นการชุมนุมโดยสงบ เปิดเผยและปราศจากอาวุธ ก็เป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญที่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับการแสดงความคิดเห็นต่างๆ กฎหมายก็ให้การรับรองไว้ ส่วนการผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่นั้น ต้องไปดูก่อนว่าศาลกำหนดเงื่อนไขการให้ประกันตัวอย่างไรไว้บ้าง ถ้าในกรณีที่ศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขไว้ การประชุม การแสดงความคิดต่างๆ ในฐานะสื่อมวลชนหรือประชาชนคนไทยก็สามารถทำได้อยู่แล้ว
นายสราวุธ กล่าวย้ำว่า ในส่วนของศาลนั้นไม่มีปัญหา ไม่น่าเป็นห่วงว่าการแสดงความคิดเห็นของบุคคลต่างๆ จะมาโน้นน้าวความคิดเห็นของศาลได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฯ แห่งราชอาญาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 197 วรรคสอง ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้พิพากษา ตุลาการมีอิสระในการพิพากษาอรรถคดีให้เป็นไปโดยถูกต้อง รวดเร็วและเป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคล และสื่อมวลชนมีการรองรับไว้ในรัฐธรรมนูญเช่นกัน ถือเป็นเสรีภาพซึ่งการเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น แล้วรัฐธรรมนูญเองก็กำหนดไว้ด้วยว่า การจำกัดสิทธิเสรีภาพดังกล่าวไม่สามารถทำได้ เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาต เช่น มีการตรากฎหมายออกมา โดยอาศัยอำนาจตามขอบเขตของกฎหมาย และต้องกำหนดไว้ด้วยว่าเพื่อความมั่นคงของรัฐเท่านั้นหรือเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวของบุคคลอื่น
“หมายถึงว่าถ้าการพูดหรือการแสดงความคิดเห็นนั้นไปกระทบกับความมั่นคงของรัฐ หรือว่ากระทบสิทธิ ชื่อเสียงหรือสิทธิในครอบครัวความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น จะกระทำไม่ได้ หรือว่าเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยอันดีของประชาชน เช่นเดียวกันถ้าสอดคล้องกันว่า การชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธก็เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทยที่สามารถทำได้”
พันธมิตรฯ อัด มท.1-โฆษก รบ.ไร้ปัญญา
ส่วนทางด้านนายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ชุมพร และอดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยสาขาภาคใต้ กล่าวว่า กรณีที่แกนนำพันธมิตรฯจากส่วนกลางจะเปิดเวทียามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าจากการประสานกับแกนนำเครือข่ายกลุ่มพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้ทุกคนพร้อมที่จะเดินทางไปร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง แต่การไปรวมตัวกันในครั้งนี้ตนไม่อยากให้มองว่าเป็นการไปชุมนุมกัน แต่อยากให้มองว่าเป็นการไปเข้าร่วมระดมความคิดเห็น ปรึกษาหารือ เพื่อกำหนดแนวทาง ท่าที รูปแบบในการเคลื่อนไหว เกี่ยวกับสถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้มากกว่า ในส่วนของเครือข่ายพันมิตรฯชุมพร จะมีการนัดประชุมสมาชิกเครือข่ายวันที่ 22 มี.ค.เพื่อกำหนดมาตรการแนวทางการเดินทางไปเข้าร่วมในครั้งนี้เช่นกัน
นายสุนทร กล่าวต่อว่า สำหรับเครือข่ายพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้นั้นแม้ที่ผ่านมาจะหยุดดำเนินกิจกรรมไปบ้างก็ตาม แต่ปัจจุบันยังคงรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นเหมือนเดิม สำหรับความเห็นส่วนตัวของตนในขณะนี้ยังไม่อยากให้มีการเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่เกิดขึ้น เพราะกลัวว่ามือที่สามจะอาศัยโอกาสจากสถานการณ์ แล้วฉกฉวยรับผลประโยชน์ไป ในที่สุดแล้วประชาชน และประเทศชาติ ก็จะไม่ได้อะไร เหมือนที่ผ่านมา
นายสุนทร กล่าวต่อว่า ขณะที่พันธมิตรฯเองต้องใช้สติปัญญามากขึ้นเนื่องจากการต่อสู้ของเราในครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะปัจจุบันเราต้องต่อสู้กับระบอบทักษิณแล้ว และเรายังจะต้องต่อสู้กับนอมินีทักษิณ อีกด้วย ดังนั้น เราจะต้องใช้สติปัญญาในการพิจารณาอย่างรอบคอบรอบด้านมากขึ้น ซึ่งขณะนี้จึงอยากจะให้ใช้วิธีการ เช่น ล่ารายชื่อถอดถอนรัฐมนตรี ที่ประพฤติไม่ชอบ ตามกระบวนการเงื่อนไขทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไปก่อน
ในขณะที่รัฐบาลเองก็ควรจะมุ่งหน้าทำงาน อย่ามัวแต่หาทางแก้ปัญหาให้กับระบอบทักษิณ และไม่ควรพูดจายั่วยุให้เกิดความแตกแยก รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาไทย และนายนัฐวุฒิ ไสเกื้อ รองโฆษกรัฐบาล เพราะการพูดจายั่วยุ ในโลกนี้เขาเรียกว่าเป็นพฤติกรรมการพูดของคนไม่มีปัญญา
“หากถึงที่สุดแล้วแกนนำพันธมิตร ฯ จากส่วนกลางมีมติ หรือมีความเห็นอย่างไร หรือเห็นว่าถึงเวลาแล้ว เราก็พร้อมระดมพลเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ได้ทันที เพราะเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 14 จังหวัดภาคใต้นั้นพร้อมตลอดเวลา”
ผบ.ทร.วอนให้โอกาสรัฐบาล
ขณะที่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ที่ผ่านมามีบทเรียนมามากแล้ว อยากให้ทุกฝ่ายตั้งสติและทบทวนว่า สิ่งที่แต่ละฝ่ายทำเกิดผลอะไรบ้าง สิ่งไหนที่ดีก็ทำ สิ่งไหนไม่ดีอย่าทำ คิดว่าทุกคนรู้ทุกอย่าง แต่จะทำหรือไม่ จึงอยากขอร้องให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
“รัฐบาลเพิ่งทำงานได้เพียง 1 เดือน ควรให้โอกาสเขาได้ทำงานให้เรียบร้อย จากนั้นค่อยดูที่ผลงาน ต้องเปิดโอกาส และเราก็ดูตัวเราว่า มีสิทธิ์ มีอำนาจแค่ไหน ที่จะไปติเตียนเขา ให้รัฐบาลลองทำงานก่อนว่าเป็นอย่างไร เราต้องเคารพคนไทย 70 ล้านคน หากเราเป็นกลุ่มเล็กๆ แค่พันคน หมื่นคน จะนำกลุ่มคนเพียงพันคน ไปตัดสินแทนคน 70 ล้านคนได้อย่างไร เราเลือกตั้งมาแล้วต้องปล่อยให้เขาทำ การที่เราจะมาขัดขวาง หรือมาตินั้น ต้องฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่" ผบ.ทร. กล่าว
ส่วนการเดินทางออกนอกประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำให้สถานการณ์การเมืองลดความร้อนแรงลงหรือไม่นั้น ถ้าทุกคนตั้งสติให้ดี นึกว่าเรามีหน้าที่อะไร รับผิดชอบอะไรและเราทำตามหน้าที่ ที่เรารับผิดชอบ ต่างฝ่ายทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด ทุกอย่างจะไม่มีปัญหา แต่ในขณะนี้ไม่ใช่ มีการก้าวก่ายกันมากพอสมควร จึงอยากขอร้องให้กลับไปนั่งคิดว่า ใครรับผิดชอบอะไร ก็ทำในสิ่งที่ตนเองรับผิดชอบ ถือว่าดีที่สุด
ทางด้าน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ประกาศจะจัดกลุ่มมาต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯว่า คงไม่พูดอะไรลงรายละเอียดมากกว่านี้ เพราะทุกฝ่ายในบ้านเมืองได้รับบทเรียนมามากแล้ว เรื่องสามัคคี เป็นเรื่องพื้นฐานของสังคม หากสังคมใดไม่มี ก็ไปไม่รอด ก็วิงวอนให้คนไทยสามัคคีกันดีกว่า