xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ชี้คดี “ยุทธ ใบแดง” ถึงมือศาลฎีกาฯ จันทร์นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปธ.อนุฯสอบ พปช.ระบุร่อนหนังสือเรียก “แม้ว” นอมินี ทรท.แจง 19 มี.ค.นี้ ด้าน “ปธ กกต.” ระบุ คำร้องตัดสิทธิ “ทั่นยุทธ” ถึงศาลฎีกาแน่ จันทร์นี้

วันนี้ (14 มี.ค.) นายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ ประธานอนุกรรมการสอบสวนกรณีพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้ข้อยุติทำหนังสือเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย มาให้ปากคำคณะกรรมการในวันที่ 19 มี.ค.นี้ โดยจะให้เจ้าหน้าที่นำหนังสือเชิญไปมอบให้ที่บ้าน พร้อมขอคำตอบจาก พ.ต.ท.ทักษิณ หรือผู้ทำการแทน ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาชี้แจงด้วยตนเอง หรือจะชี้แจงตอบมาด้วยเอกสารภายในวันที่ 19 มี.ค.หรือไม่สนใจที่จะใช้สิทธิชี้แจงข้อกล่าวหา รวมทั้งมีการนัดหมายทางโทรศัพท์กับ นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ซึ่งตอบรับแล้วว่า จะมาให้ถ้อยคำวันที่ 18 มี.ค.นี้ ส่วน นพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี แกนนำเครือข่ายสมัชชาประชาชนภาคอีสาน ยังอยู่ระหว่างการประสานงานรอคำตอบ

“ที่ประชุมยังได้ตั้งประเด็นคำถามที่แนบไปพร้อมกับหนังสือเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยจะถามว่าจากการที่ กกต.ได้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวีซีดีหาเสียง และการปราศรัยหาเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกพรรคพลังประชาชน โดยระบุว่า คนดีๆ ของพรรคไทยรักไทยไปรวมกันอยู่ที่พรรคพลังประชาชน และได้รับนโยบายต่อยอดมาจากพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกกล่าวหาว่า เป็นการจูงใจให้ประชาชนหลงเชื่อในคะแนนนิยมของผู้สมัครให้เข้าใจผิดจากความเป็นจริงนั้นมีข้อเท็จจริงอย่างไร รวมทั้งสอบถามความหมายของคำกล่าวข้างต้นด้วย”

ในส่วนของเงินทุนสนับสนุน และการจัดงานหาทุนที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั้น ทางคณะอนุกรรมการสอบสวนฯ ไม่ได้สอบถามไป เพราะไม่มีพยานที่ชี้ชัดว่ามีการสนับสนุนด้านเงินทุนอย่างชัดเจนจากอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน แม้ว่าจะมีกรรมการบริหารไทยรักไทยบางส่วนไปปรากฏตัวในงาน นอกจากนี้ ในส่วนของสัญญาเช่าอาคารที่ทำการพรรค การเปลี่ยนแปลงของนโยบายพรรคนั้นก็ไม่ได้สอบถามไป เพราะข้อเท็จจริงปรากฏเป็นเอกสารอยู่ในสำนวนเรียบน้อยแล้ว และเห็นว่าหากถามไปแล้วถูกปฏิเสธมาก็ไม่ได้มีความหมายอะไร

ด้าน นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.กล่าวถึงผลสอบสวนที่ออกมาว่า ขณะนี้ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติคำว่านอมินีไว้ แต่ต้องดูพฤติการณ์ว่ามีความเกี่ยวโยงถึงขั้นนั้นหรือไม่ แม้อนุกรรมการจะออกมาระบุว่ามีโลโก้ของพรรคพลังประชาชนคล้ายคลึงกับพรรคพลังประชาชนอย่างชัดเจนเราก็ต้องนำมาประกอบการพิจารณา เพราะการที่เราตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ก็ต้องการให้หารายละเอียดให้มากที่สุด

“จากข้อเท็จจริงพรรคพลังประชาชนก็ตั้งมาเป็นเวลานาน แต่เราต้องหาความเชื่อมโยง โดยดูจากพฤติการณ์ กกต.ไม่ได้ตั้งธงว่าจะไปยุบพรรคพลังประชาชน เพราะเราต้องพิจารณาอย่างเป็นกลางมากที่สุด แต่จะพิจารณาจากข้อเท็จจริงเป็นสำคัญ”

เมื่อถามว่า ถ้าไม่มีกฎหมายเอาผิดจะต้องยกคำร้องเลยหรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่จบเพียงคำว่าไม่มีคำว่านอมินีในกฎหมาย ไม่อย่างนั้นเราจะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาทำไม เราต้องดูรายละเอียดให้มากที่สุด โดยเหตุจำเป็นที่เราให้สอบเพิ่มนั้น เพราะเราไม่ทราบว่าผลสรุปจะส่งผลร้ายหรือผลดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงต้องให้ผู้ถูกกล่าวหามีโอกาสอธิบาย แต่ไม่ได้ต้องการซื้อเวลา เนื่องจากเห็นว่าเราไม่อยากให้ทำอะไรลวกๆ แม้ว่าอนุกรรมการจะทำมาดีแล้วแต่ก็อยากให้สอบเพิ่มเติม

“เราไม่ได้พยายามให้คณะอนุกรรมการฯ หากฎหมายเพื่อจะมาเอาผิดหรือยุบพรรคพลังประชาชน แต่ต้องการให้สอบให้ละเอียด หากภายใน 15 วันสอบไม่แล้วเสร็จก็สามารถขยายเวลาเพิ่มเติมได้”

นายอภิชาต ยังกล่าวด้วยว่า ที่ประชุม กกต.ได้ตรวจพิจารณาคำร้องที่จะยื่นต่อศาลฎีกาเพื่อเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าในวันจันทร์ที่ 17 มี.ค.นี้ คงจะส่งไปถึงศาลฎีกาได้ ซึ่งเมื่อศาลฎีการับคำร้องในชั้นงานธรุการ นายยงยุทธ ยังไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่แต่จะต้องหยุดเมื่อศาลมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย เมื่อถามว่า กกต. มั่นใจในสำนวนที่เสนอต่อศาลฎีกาหรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า เป็นเรื่องดุลพินิจของศาลอย่างไรก็ตาม กกต.ก็มั่นใจในความเห็นที่ส่งไป

นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.กล่าวถึงกรณีที่ นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ออกมาระบุว่า ภายในสำนักงานกกต.มีความขัดแย้งจึงได้ไปสมัครเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ยืนยันว่า ภายใน กกต.ไม่มีความขัดแย้ง และจากที่ตนติดตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ก็ไม่ได้เห็นว่าสมชัยระบุว่ามีความกดดันจาก กกต.ทั้งนี้ ในที่ประชุมเมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) ตนได้ถามนายสมชัย ถึงการไปสมัครเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ กกต.ยังทำงานกันดี โดยการทำหน้าที่ในฐานะ กกต.นั้น แต่ละคนก็ทำงานกันอย่างอิสระ แม้ในการลงมติแต่ละครั้งได้แสดงความคิดเห็นกันอย่างเต็มที่ แม้มติจะปรากฏออกเป็นเสียงข้างน้อยหรือข้างมาก แต่เมื่อสรุปแล้วเราก็ยอมรับมติที่ออกมา ซึ่งประเด็นดังกล่าวไม่คิดว่าจะทำให้เกิดความกดดันกับนายสมชัย

“กกต.ทุกคนก็เห็นสภาพของการทำงานในบทบาทของ กกต.ที่มีงานค่อนข้างหนัก ซึ่งเราก็ยืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้งและไม่ได้กดดันการทำงานของใคร ทุกคนอยากทำงานให้ดีที่สุด ถ้านายสมชัยเห็นว่ากดดัน หรือไม่สบายใจในการทำงานและต้องการไปสมัครเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นความประสงค์ของท่าน ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้สอบถามกันในที่ประชุม และถ้านายสมชัยได้รับเลือกก็จะไม่กระทบต่อการทำงานของกกต. เพราะคนที่เหลืออยู่ก็ยังสามารถทำงานได้และการทำงานก็จะใช้มติเสียงข้างมาก” นายอภิชาต กล่าวและว่า หากตำแหน่ง กกต.ว่างลงก็จะต้องมีกระบวนการสรรหาเข้ามาแทน แต่ยังไม่ขอกล่าวถึง เพราะนายสมชัยยังไม่ได้รับเลือกให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
กำลังโหลดความคิดเห็น