อนุฯสรุป พปช.มีลักษณะเป็นตัวการ ตัวแทน ทรท.แต่กลับไม่เข้าความผิด กม.เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ขณะที่ 2 กกต.สุเมธ-ประพันธ์ ชี้ บทสรุปอนุฯยังไม่เพียงพอให้ลงความเห็นยืนตามอนุ จึงให้สอบเพิ่ม
วันนี้ (12 มี.ค.) นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ กกต.มีมติเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค (ชาติไทย-มัชฌิมาธิปไตย) ที่มี นายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธานมีมติไม่ยุบพรรคชาติไทย และ พรรคมัชฌิมาธิปไตย ว่า ไม่ทราบว่าข่าวดังกล่าวออกมาได้อย่างไร เพราะในที่ประชุม กกต.เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา เลขานุการของคณะกรรมการได้มารายงานให้ที่ประชุม กกต.ทราบว่า คณะกรรมการได้ลงมติเรียบร้อย แต่ไม่ได้เปิดเผยผลลงมติ เนื่องจากกกต.ไม่ต้องการให้ข้อมูลรั่วไหล จึงให้เลขานุการของคณะกรรมการกลับมาเสนอใหม่ พร้อมกับรายงานสรุปที่คณะกรรมการ จะสรุปในวันที่ 13 มี.ค.คาดว่า จะเสนอ กกต.ได้ในวันศุกร์ที่ 14 มี.ค.จึงขอยืนยันว่า ไม่มี กกต.รายใดทราบมติของคณะกรรมการชุดดังกล่าวว่า ยุบหรือไม่ ทั้งนี้ หากคณะกรรมการสรุปผลแล้ว กกต.จะนำเข้าสู่การพิจารณาในวันที่ 18 มี.ค.หากไม่มีปัญหา หรือไม่มี กกต.รายใด ติดใจประเด็นคาดว่าจะลงมติได้
นายสุเมธ ยังกล่าวถึงกรณีที่ กกต.ให้อนุกรรมการสอบสวนกรณีพรรคพลังประชาชน เป็นนอมินี พรรคไทยรักไทย สอบสวนเพิ่มอีก ว่า กกต.ได้ขยายเวลาการสอบสวนออกไปอีก 15 วัน เนื่องจากต้องเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน และ นพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี แกนนำเครือข่ายสมัชชาประชาชนภาคอีสาน มาสอบสวนเพิ่มเติม โดย กกต.เห็นว่า จากรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบนั้น มีความเห็นว่า คล้ายๆ จะเป็นตัวแทน ตัวการ กกต.จึงเห็นว่า มันอาจจะเข้ามาตรา 94 และ 97 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ก็ควรจะได้สอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะถ้าลงมติอันเป็นผลร้ายไปมันอาจจะไม่ถูกต้อง
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางต่างประเทศ ก็สามารถส่งเป็นหนังสือชี้แจงมาแทนได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจไม่มีเวลามาก รวมทั้งกกต.อยากสอบให้ไวที่สุด แต่สุดท้ายต้องอยู่ที่กรรมการ และต้องขออนุมัติจากกกต.ชุดใหญ่อีกทีก่อน
เมื่อถามว่า แสดงว่า คณะอนุกรรมการได้สรุปมาว่า พปช.เข้าข่ายเป็นนอมินีไทยรักไทย นายสุเมธ กล่าวว่า ทำนองนั้น เพราะคำนี้เราก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เข้าข่ายตัวการตัวแทน แต่ดูจากพฤติการณ์ที่เขาให้ เขาอ้างว่า รู้สึกจะไม่มีกฎหมายที่บอกว่าเป็นความผิด แต่มาพิจารณาแล้วมันอาจจะเข้ามาตราใดมาตราหนึ่ง จึงอยากให้มีโอกาสชี้แจง
เมื่อถามว่า คณะอนุกรรมการหยิบยกกฎหมายมาตราใดที่ว่ามีการกระทำที่เป็นนอมินี นายสุเมธ กล่าวว่า เขาไม่ได้พูดเขาบอกไม่มีกฎหมาย แต่ดูข้อเท็จจริง เมื่อถามว่าดูจากข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสุเมธ กล่าวว่า คงบอกไม่ได้ เมื่อถามต่อว่า คณะอนุกรรมการนำกฎหมายมาตรการใดมาบอกว่าพรรคพลังประชาชนมีพฤติกรรมเป็นนอมินีพรรคไทยรัก นายสุเมธ กล่าวว่า ที่พูดคือข้อเท็จจริงจากพฤติการณ์จากพยานหลักฐานน่าเชื่อว่า....(เงียบ) ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อ ว่า น่าเชื่อว่า พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทยจริง นายสุเมธ กล่าวว่า ทำนองนั้น
เมื่อถามว่า คณะอนุกรรมการได้สรุปมาหลายเหตุผลหรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่า มีหลายเหตุผล ซึ่ง กกต.ยังไม่คุยเพิ่มว่าจะต้องไปสอบประเด็นไหนเพิ่มนอกเหนือจากการสอบ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อถามว่า ในส่วนกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนคนอื่นๆ ถือว่าเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่า ก็ให้การหลายคนแล้ว น่าจะเพียงพอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะไม่เดินทางมาชี้แจง กกต.เอง แต่ ได้มอบหมายให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกประจำตัว เป็นผู้ยื่นเอกสารกับ กกต.แทนแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า แม้อนุกรรมการจะมีความเห็นในลักษณะว่า พฤติการณ์ของพรรคพลังประชาชนเข้าข่ายเป็นการกระทำการแทนพรรคไทยรักไทย เนื่องจากการสอบสวนได้พิจารณาจากหลักฐานในช่วงของความเคลื่อนไหวในการจัดตั้งพรรคพลังประชาชน โดยเฉพาะซีดีการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ระบุว่า หลังจากพรรค ทรท.แตก สมาชิกแตกไปหมดแต่ต้องการทำงานให้ประชาชน จึงเห็นว่า ควรมาตั้งพรรค พปช.เพราะฉะนั้นหากต้องการใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำงาน ก็ให้เลือกพรรค พปช.หรือกรณีการแจกซีดี 1 ปีทักษิณ หรือกรณีความเคลื่อนไหวในการตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลนี้มีการพาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นไปตามการชี้นำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งหมด รวมถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช ก็ออกมายอมรับตัวเองว่าเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นต้น แต่อนุฯก็ยอมรับว่า ในกฎหมายเกี่ยวกับการเเลือกตั้ง ไม่มีบทบัญญัติใดที่รองรับว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นความผิด จึงเสนอให้กกต.พิจารณาข้อเท็จจริง พยานหลักฐานและพยานแวดล้อมต่างๆ ประกอบข้อกฎหมาย
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ในการประชุม กกต.เมื่อวันที่ 11 มี.ค.เพื่อพิจารณาผลสรุปดังกล่าวที่อนุกรรมการเสนอมานั้น นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม และ นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง ยังเห็นว่า ยังไม่สามารถให้ความเห็นหรือลงมติในเรื่องดังกล่าวได้ จึงเสนอให้สอบพยานเพิ่มเพราะข้อเท็จจริงยังไม่สมบูรณ์ โดยให้เชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และ นายวีระ สมความคิด ในฐานะผู้ร้องกรณีดังกล่าว โดยที่ กกต.ที่เหลืออีก 3 คน คือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ นายสมชัย จึงประเสริฐ และ นางสดศรี สัตยธรรม ก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด
นายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ ประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนฯ เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 14 มี.ค.จะทำหนังสือเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายวีระ สมความคิด และ นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี มาสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ กก.จะตั้งคำถามไปด้วย เพื่อให้ตอบมา ซึ่งหากต้องการชี้แจงอะไรเพิ่มก็สามารถชี้แจงมาได้ แต่จะต้องอยู่ในกรอบ 15 วันที่ กกต.กำหนด