อิทธิพลเถื่อนยุคอันธพาลครองเมือง โทรศัพท์ขู่ฆ่า"วีระ สมความคิด " พร้อม 5 แกนนำพันธมิตรฯ เผยชายลึกลับอ้างตัวเป็น "อู๊ด โคลีเซี่ยม" เป็นเพื่อนสนิท "ตู่ ติงลี่" โทรข่มขู่ให้หยุดเคลื่อนไหว เหิมหนักประกาศเด็ดหัว 5 แกนนำภายใน 7 วัน พร้อมจะบุกฆ่าในธรรมศาสตร์ "วีระ" แฉคำพูดคล้าย "เฉลิม" คาดลิ่วล้อหวังข่มขู่ให้หยุดเปิดโปง "ระบอบทักษิณ" โฆษกรัฐบาลหมักร่วมวงขู่ใช้กฎหมายเล่นงานพันธมิตรฯ ด้าน "ผบ.ทบ." เชื่อพันธมิตรเคลื่อนไหวไม่มีรุนแรง ขณะที่ "แม่ทัพภาค 1" โยนรัฐบาลแก้ปัญหา ลั่นถ้าสั่งพร้อมนำทหารระงับเหตุ
หลังจาก 5 แกนนำพันธมิตรเพื่อประชาชนประชาธิปไตย แถลงการณ์จะมีการเคลื่อนไหวนัดแรก จัดสัมมนา "ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ" โดยจะระดมองค์กรภาคประชาชนต่างๆ เข้าร่วมวางยุทธศาสตร์ใหม่ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 28 มี.ค.นี้โดยมีนายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คตป.) เข้าร่วมด้วย ปรากฏว่า วานนี้ (13 มี.ค.) นายวีระ เปิดเผยในรายการ"รู้ทันประเทศไทย" ดำเนินรายการโดยนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ออกอากาศทาง เอเอสทีวีว่า วานนี้ (13 มี.ค.) เวลาประมาณ 16.28 น. ตนได้รับโทรศัพท์หมายเลข 081-8158114 เข้ามา แต่ขณะนั้นยังติดโทรศัพท์อีกสายหนึ่งอยู่ จึงยังไม่ได้คุยและได้โทรศัพท์กลับไปยังหมายเลขดังกล่าวในเวลา 16.53 น.
นายวีระ กล่าวว่า ปลายทางอ้างว่าชื่อนายสมศักดิ์ ยะลังวงศ์ หรือฉายา อู๊ด โคลีเซียม บอกให้ตนไปถามคนแถวโคลีเซี่ยม มีคนรู้จักหมด และอ้างว่าเกิดหลัง พ.ศ.2499 เล็กน้อย พูดเหมือนเป็นนักเลงใหญ่ และเป็นเพื่อนกับ "ตู่ ติงลี่" ซึ่งตอนแรกชายคนดังกล่าวได้ถามตนว่า ไปนั่งแถลงข่าวกับพันธมิตรฯ ใช่หรือไม่ ตนตอบว่าใช่ แต่หลังจากพูดไปพูดมา ชายคนดังกล่าวก็พูดขึ้นมึงขึ้นกู โดยบอกว่า "พวกมึงน่ะ ไอ้พวกป่วนเมืองทั้งหลาย"
หลังจากได้ฟังก็รู้สึกว่าผิดปกติแล้ว ตนไม่ได้ยินคำพูดข่มขู่แบบนี้มาหลายปีแล้ว เพิ่งจะมีวันนี้ แล้วก็บอกว่า "ไอ้พวกมึง พวกพาลทะมิตร พวกมึงมาก่อกวน บ้านเมืองกำลังจะไปได้ด้วยดี กูขอเตือนนะ ให้พวกมึงหยุดก่อกวนได้แล้ว ถ้ามึงไม่หยุด พวงมึงไม่เหลือ เพราะว่ากูเกิดมาเพื่อจัดการกับไอ้คนระยำอย่างพวกมึง กูไม่ได้ขู่ กูทำจริง ให้ฝากไปบอกแกนนำพันธมิตรฯ ด้วย ภายใน 7 วันนี้ จะไปเด็ดหัวให้หมด"
นายวีระ กล่าวอีกว่า ชายคนดังกล่าวขู่อีกว่า "กูไม่เล่นระเบิดกับพวกมึงหรอก ไม่สะใจ กับพวกมึงนี่ ต้องเอาให้สะใจกับความเหี้ยความระยำของพวกมึง ต้องเนื้อถึงเนื้อ" และบอกอีกว่า "วันที่ 28 นี้ ถ้าพวกมึงยังไม่หยุดจัดที่ธรรมศาสตร์ ถึงที่ธรรมศาสตร์กูก็ไม่กลัวหรอก แล้วก็ไม่ใช้ระเบิดกับพวกมึงอย่างที่กูบอก ก็จะเล่นกันตัว-ตัวเลย ถึงตัวพวกมึงเลยทุกคน มันถึงจะสะใจ เกิดมาก็ตายพร้อมกันครั้งเดียว"
"ผมก็บอกโอ้โห ทำไมคุณรุนแรงจัง แล้วใช้คำพูดที่ไม่สุภาพกับผม เขาก็เลยด่าผมว่า มึงไม่ต้องมาพูดดีกับกู คือเราพยายามจะให้เขาพูดนะ ให้มากที่สุด ผมก็บอกคุณมีอะไรระบายออกมาให้เต็มที่เลยครับ ผมก็จะฟังคุณ เขาก็พูดจนพอใจ นานเกือบ 10 นาที ผมก็ฟังไปเรื่อย ก่อนวางหูผมก็พูดกับเขาว่า หมดหรือยังครับ คืออยากจะรู้ความคิดเขา และอยากจะรู้ว่าเขาอยากจะสื่ออะไร" นายวีระ กล่าว
แฉคำพูดคล้ายคำพูดของ "เฉลิม"
นายวีระกล่าวว่า คำพูดของชายคนดังกล่าวคล้ายกับคำพูดที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เตือนนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ตามข่าวที่ออกมาวันนี้ที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้เตือนนายสนธิ ให้หยุดเคลื่อนไหว เพราะสู้ไปก็ไม่มีทางชนะ มีแต่ติดคุกคนเดียว
"ไม่รู้ว่าระหว่างนายสมศักดิ์ กับ ร.ต.อ.เฉลิม ใครจะเลียนแบบใคร แต่พฤติการณ์เป็นการข่มขู่ ที่ค่อนข้างจะใช้ถ้อยคำหยาบคาย แต่ก็ยอมรับว่าเขาเปิดตัวออกมาตรงๆ และกำลังตรวจสอบอยู่ว่าชื่อนี้จะเป็นชื่อจริงหรือไม่ โดยให้ตำรวจช่วยตรวจสอบ"
พร้อมเผยอีกว่า ต่อมาเวลา 18.09 น.ก็มีโทรศัพท์หมายเลข 089-7451505 โทรศัพท์เข้ามา แต่รายนี้ไม่บอกชื่อ พอตอนรับโทรศัพท์ก็ใส่เลยว่า "มึงเป็นตัวป่วนนักใช่มั้ย ไอ้สัตว์ อยากตายนักใช่มั้ย" แล้ววางสายไป
นายวีระ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านั้นหรือช่วงบ่ายวานนี้ (13) ตนได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ กกต.ตัดสินคดียุบพรรคด้วยข้อหานอมินี แล้วก็สั่งสมมาเรื่อยเป็นหลายสาเหตุ ที่ตนกำลังเปิดโปงอย่างหนักตั้งแต่ทำรายการ "ค้นคนโกง" ทุกวันเสาร์ (ทางเอเอสทีวี) 2 ครั้งแล้วและวันเสาร์นี้เป็นอีกตอนที่ต้องติดตาม สำหรับก่อนหน้านี้ ครั้งสุดท้ายที่ตนถูกข่มขู่คือเมื่อปี 2543 ที่ไปขุดคุ้ยกรณีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หลังจากนั้นก็หายไปหลายปี ว่างเว้นไปนาน
"ที่กลับมาถูกข่มขู่ครั้งนี้ คิดว่ามันคงใกล้เวลา เพราะว่า มีการเปิดเผยกันอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น คิดว่าบทบาทของผม มันคงจะไปเข้าตาเขา"
"วีระ" ลั่นไม่ถอนตัวร่วมกับพันธมิตรฯ
นายวีระ กล่าวอีกว่า สาเหตุคงจะมาจากหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ และการเปิดโปงการบุกรุกที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งก็แรง อย่างไรก็ตามยังไม่อยากตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่ง มันคงสั่งสมมาจากการที่ตนออกมามีบทบาทในการตรวจสอบกลุ่มอำนาจเก่า
"เขาก็ด่าว่าผมนี่ทีสนธิ บุญยรัตกลิน ทำความระยำให้บ้านเมือง ไม่เห็นไปจัดการกับสนธิบังเลย รัฐบาลสุรยุทธ์ อะไรพวกนี้ แต่ทีทักษิณนี่ ทำไมผมต้อง แหมเอาเป็นเอาตายกับเขา ทั้งๆ ที่เขานี่อุตส่าห์ปลดหนี้ไอเอ็มเอฟ ทำไมพวกมึงไม่รู้จักบุญคุณของเขา เขาเอ่ยชื่อคุณทักษิณเลย ก็ชัดเจนว่าเป็นคนที่สนับสนุนคุณทักษิณ"
นายวีระ กล่าวว่า จากเหตุการณ์นี้ก็คงต้องระวังตัวเพิ่มมากขึ้น แต่คงไม่ยุติการเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ เพราะไม่ได้ทำผิดกฎหมาย การที่จะต้องไปช่วยกันกำหนดบทบาทภาคประชาชนในการขัดขวางการฟื้นรัฐตำรวจ คัดค้านระบอบทุนนิยมสามานย์ เป็นหน้าที่ที่คนไทยอย่างตนต้องไปร่วม ไปช่วยกันทำในสิ่งที่เป็นการรักษาประโยชน์ชาติบ้านเมือง ถ้าพวกเขาคิดว่าตนทำลายชาติบ้านเมือง ก็คงห้ามไม่ให้เขาคิดไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีสิทธิมาห้ามความคิดและการกระทำของตนเหมือนกัน
"ขอเตือนและขอฝากไว้ด้วยว่า ผมเปิดโปงใครขอให้คนนั้นเป็นเจ้าภาพจัดการกับผมเถอะ คนอื่นอย่ายุ่งเลย พวกลิ่วล้อทั้งหลาย พวกอันธพาลทั้งหลายอย่ามายุ่งเลย ผมไม่ได้ไปทำให้คุณเดือดร้อนนะ แต่ถ้าใครที่คิดว่าผมทำให้เดือดร้อน ก็ใช้กระบวนการยุติธรรมจัดการกับผสมสิครับ เพราะผมเปิดโปงเขาอย่างตรงไปตรงมาอย่างเปิดเผย ถ้าคิดเขาคิดว่าเขาเสียหายก็ใช้สิทธิทางศาลจัดการกับผมได้ ผมยินดีแล้วเราก็สู้กันในศาล อย่ามาใช้วิธีที่ป่าเถื่อน วิธีอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง"
นายวีระ กล่าวต่อว่า คงต้องไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพราะมีทั้งชื่อ ทั้งเบอร์โทรศัพท์ครบแล้ว ตำรวจตรวจสอบได้ ตามตัวได้เลย
โฆษกรัฐบาลร่วมขู่พันธมิตรฯ ซ้ำ
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯว่า บ้านเมืองมีขื่อมีแป จะเคลื่อนไหวจะชุมนุมอะไรก็แล้วแต่สามารถทำได้ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อไรที่ไปละเมิดสิทธิของบุคคลอื่นทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติ ต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ทางฝ่ายบ้านเมืองที่บังคับใช้กฎหมายก็จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะกฎหมายจะต้องรักษาสิทธิของคนส่วนใหญ่ในประเทศ
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวว่า ทีมโฆษกพรรคได้วิเคราะห์กันแล้ว พปช.ไม่หวั่นไหว ไม่กลัว ถือเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย ยินดีต้อนรับและเปิดโอกาสให้ แต่ขอให้เคลื่อนไหวโดยไม่มีวาระซ้อนเร้น ปราศจากการอยู่เบื้องหลังของนักการเมืองในสภา เนื่องจากมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางคนเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จึงมีคำถามว่า พรรคใหญ่ที่เก่าแก่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะตอบคำถามนี้อย่างไร มีเวทีสภาแล้วไปร่วมเคลื่อนไหวทำไม
"ส่วนวิธีการรับมือกับกลุ่มพันธมิตรฯนั้น พปช.ขอส่งสัญญาณให้ประชาชนทราบว่า เราจะใช้แนวทางของผู้ใหญ่ในการหารือกัน ไม่ใช้วิธีการข่มขู่ คุกคาม ไม่เอาประชาชนมาต่อกรกัน แม้มีสมาชิกพรรคประกาศจัดคนมาสู้รบด้วย พรรคประชาชนก็ไม่มีแนวทางดังกล่าว"
ผบ.ทบ.เชื่อสถานการณ์ไม่น่าห่วง
วันเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯจะเคลื่อนไหวในวันที่ 28 มี.ค.นี้ว่า ไม่น่าจะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบเดิม เพราะน่าจะเป็นกลไกของการสมดุล ฝ่ายหนึ่งคอยดูแลกำกับอีกฝ่ายหนึ่ง คิดว่าน่าจะหยุดอยู่แค่นั้น คิดว่าไม่น่าจะมีความวุ่นวาย และความรุนแรงอะไร เพราะไม่มีเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรง
ส่วนจะมีการฟื้นแผนรักษาความปลอดภัย เช่น แผนปฐพี 149 หรือไม่นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มี ยังไม่ได้คิดแผนอะไรทั้งสิ้น เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องและรัฐบาล ในฐานะประชาชนคนหนึ่งอยากให้ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลอง ใครมีสิทธิ์อะไรก็ทำไปตามกรอบของกฎหมาย ถ้าสิ่งใดจะทำให้เกิดความวุ่นวายก็ลดราวาศอกกันก็น่าจะดี เมื่อถามว่าจะต้องใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "พอแล้วมั้งจะไปรบกับใครอีก"
ด้าน พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวในเรื่องอะไร ต้องรอดูก่อน เพียงแต่เขาบอกว่าจะต่อสู้กับระบอบทักษิณ เราต้องคอยดูต่อไป ส่วนอาจจะก่อให้เกิดปัญหาอะไรนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องรับปัญหาและแก้ไข จากนั้นเขาจะสั่งการมาเองว่า ใครจะทำอะไร อย่างไร ซึ่งเราพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
ส่วนถ้าสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้นทหารจะออกมาระงับสถานการณ์หรือไม่นั้น พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทหารจะออกมาปฏิบัติงานหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งทหารจะออกมาได้ต่อเมื่อได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเมื่อมีการสั่งการจากผู้บังคับบัญชา แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการร้องขอ
"ส่วนการฟื้นแผนปฐพี 149 นั้นไม่มี รัฐบาลไม่ได้สั่ง เราจะไปทำอะไรได้ ต้องรอฟังคำสั่งจากรัฐบาล ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่าเพิ่งพูด"
สตช.ไม่กังวลพันธมิตรนัดชุมนุม
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มมวลชนต่างๆ เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องให้ความสนใจอยู่แล้ว โดยจะมองในเรื่องความสะดวกการกระทบต่อการอำนวยความสะดวกของประชาชน ก็ต้องจับตาดูว่ามีอะไรกระทบบ้าง ทั้งเรื่องการจราจร และข้อมูลที่อาจทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลเป็นเรื่องของสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็ต้องดูแลไม่ให้เกิดการปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่และกลุ่มที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน"
"สมเกียรติ" เหน็บลิ่วล้อแม้วไม่มีราคา
ด้าน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพันธมิตรฯปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กรณีที่นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรค พปช.ระบุว่าในวันที่กลุ่มพันธมิตรฯจัดสัมมนาใหญ่กลุ่มมหาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย จะมาร่วมชุมนุมด้วย และ ส.ส.พปช.จะระดมพลออกมาต่อต้านว่า กลุ่มพันธมิตรฯขอไม่ตอบโต้กับสิ่งที่กลุ่มลิ่วล้อพูดเพราะถือว่าไร้สาระและไม่มีราคาพอ
"ใครอยากพูดอะไรก็พูดไป เพราะรัฐธรรมนูญให้สิทธิ์ไว้พันธมิตรฯจะไม่ตีเป็นราคา และจะไม่ขอให้หยุดพูดด้วย ส่วนการสัมมนาของกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 28 มี.ค.นี้เชื่อว่าจะมีประชาชนมาร่วมมากกว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯครั้ง" นายสมเกียรติ กล่าว
พันธมิตรฯ เหนือ ระดมพลร่วมเวที
ทางด้านการเคลื่อนไหวของเครือข่ายกลุ่มพันธมิตรฯในภาคต่างๆ มีรายงานข่าวจากเครือข่ายพันธมิตรฯ ภาคเหนือตอนล่าง ที่ล่าสุดได้แปสภาพจัดตั้งเป็น "ชมรมลุ่มน้ำเหนือตอนล่าง" ประกอบด้วย จ.กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย ตาก เพชรบูรณ์ และนครสวรรค์แจ้งว่า ขณะนี้เครือข่ายชมรมฯทั้ง 7 จังหวัดได้ลงมติร่วมกันว่า จะเดินทางเข้าร่วมเวทีที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 มี.ค.แน่นอน
เบื้องต้นแกนนำแต่ละจังหวัดกำลังเร่งประสานงานสมาชิกแต่ละท้องที่เพื่อร่วมเดินทางเข้าไปในเวทีดังกล่าวจังหวัดละ 2-3 คันรถตู้ หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้ โดยมีจุดนัดหมายสุดท้ายที่นครสวรรค์ในเวลาประมาณ 12.30-13.00 น.วันที่ 28 มี.ค.ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนเข้ากรุงเทพฯพร้อมกันทั้งหมด
แกนนำเครือข่ายคนหนึ่งบอกว่า นอกจากนี้ทางชมรมฯยังมีมติร่วมกันอีกว่า ในการขับเคลื่อนระลอกใหม่ครั้งนี้ชมรมฯจะจัดทำผ้าคาดศรีษะ หรือผ้าคลุมไหล่เป็นสัญลักษณ์ประจำองค์กร "ลุ่มน้ำเหนือตอนล่าง" ล็อตแรกไม่น้อยกว่า 3,500 ชิ้น หรือจังหวัดละ 500-1,000 ชิ้น โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการหารือเกี่ยวกับข้อความที่จะนำมาสกรีนติดแสดงความเป็นเครือข่ายยามเฝ้าแผ่นดินอยู่ คาดว่าจะสามารถนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวครั้งแรก 28 มี.ค.51 นี้อย่างแน่นอน
พันธมิตรฯ ใต้ พร้อมเข้ากรุง 28 มี.ค.
นายเอกชัย อิสระทะ ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯสงขลา กล่าวว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯสงขลาเห็นด้วยกับแนวทางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯในทุกๆ เรื่องตามแถลงการณ์โดยเฉพาะเรื่องของการใช้อำนาจที่ขัดกับความรู้สึกของประชาชน โดยทางกลุ่มพันธมิตรฯสงขลาและเครือข่ายอีกหลายจังหวัดในภาคใต้จะเข้าร่วมการสัมมนาปัญหาหลักของชาติที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 มี.ค.นี้แน่นอน
นายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ แกนนำยามเฝ้าแผ่นดินจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของยามฯภูเก็ตจะประชุมร่วมกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรเดิมอีกครั้ง เพื่อกำหนดทิศทางในการดำเนินการ รวมทั้งจำนวนของผู้ที่จะร่วมเดินทางไปร่วมเวทีที่กรุงเทพฯ โดยในเบื้องต้นจะมีการเดินทางไปร่วมแน่นอน ส่วนการเดินทางนั้นเชื่อว่าน่าจะมีการสกัดกั้นจากกลุ่มเจ้าหน้าที่ แต่เราก็จะเดินทางไป ในส่วนของภูเก็ตนั้นจะเดินทางในลักษณะของดาวกระจาย ต่างคนต่างไป
"การเดินทางไปครั้งนี้จะนำธงยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต และเสื้อยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ตไปร่วมเวทีในครั้งนี้ด้วย ส่วนจำนวนคนที่เดินทางไปเชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่า 150 คน ส่วนผู้ที่ไม่ได้ร่วมเดินทางไป ในส่วนของภูเก็ตนั้นจะจัดให้มีการถ่ายทอดสดรายการดังกล่าวผ่านดาวเทียมมายังบริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ตด้วย เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยจะเริ่มในเวลา 18.00 น.เป็นต้นไป"
หลังจาก 5 แกนนำพันธมิตรเพื่อประชาชนประชาธิปไตย แถลงการณ์จะมีการเคลื่อนไหวนัดแรก จัดสัมมนา "ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ" โดยจะระดมองค์กรภาคประชาชนต่างๆ เข้าร่วมวางยุทธศาสตร์ใหม่ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 28 มี.ค.นี้โดยมีนายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คตป.) เข้าร่วมด้วย ปรากฏว่า วานนี้ (13 มี.ค.) นายวีระ เปิดเผยในรายการ"รู้ทันประเทศไทย" ดำเนินรายการโดยนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ออกอากาศทาง เอเอสทีวีว่า วานนี้ (13 มี.ค.) เวลาประมาณ 16.28 น. ตนได้รับโทรศัพท์หมายเลข 081-8158114 เข้ามา แต่ขณะนั้นยังติดโทรศัพท์อีกสายหนึ่งอยู่ จึงยังไม่ได้คุยและได้โทรศัพท์กลับไปยังหมายเลขดังกล่าวในเวลา 16.53 น.
นายวีระ กล่าวว่า ปลายทางอ้างว่าชื่อนายสมศักดิ์ ยะลังวงศ์ หรือฉายา อู๊ด โคลีเซียม บอกให้ตนไปถามคนแถวโคลีเซี่ยม มีคนรู้จักหมด และอ้างว่าเกิดหลัง พ.ศ.2499 เล็กน้อย พูดเหมือนเป็นนักเลงใหญ่ และเป็นเพื่อนกับ "ตู่ ติงลี่" ซึ่งตอนแรกชายคนดังกล่าวได้ถามตนว่า ไปนั่งแถลงข่าวกับพันธมิตรฯ ใช่หรือไม่ ตนตอบว่าใช่ แต่หลังจากพูดไปพูดมา ชายคนดังกล่าวก็พูดขึ้นมึงขึ้นกู โดยบอกว่า "พวกมึงน่ะ ไอ้พวกป่วนเมืองทั้งหลาย"
หลังจากได้ฟังก็รู้สึกว่าผิดปกติแล้ว ตนไม่ได้ยินคำพูดข่มขู่แบบนี้มาหลายปีแล้ว เพิ่งจะมีวันนี้ แล้วก็บอกว่า "ไอ้พวกมึง พวกพาลทะมิตร พวกมึงมาก่อกวน บ้านเมืองกำลังจะไปได้ด้วยดี กูขอเตือนนะ ให้พวกมึงหยุดก่อกวนได้แล้ว ถ้ามึงไม่หยุด พวงมึงไม่เหลือ เพราะว่ากูเกิดมาเพื่อจัดการกับไอ้คนระยำอย่างพวกมึง กูไม่ได้ขู่ กูทำจริง ให้ฝากไปบอกแกนนำพันธมิตรฯ ด้วย ภายใน 7 วันนี้ จะไปเด็ดหัวให้หมด"
นายวีระ กล่าวอีกว่า ชายคนดังกล่าวขู่อีกว่า "กูไม่เล่นระเบิดกับพวกมึงหรอก ไม่สะใจ กับพวกมึงนี่ ต้องเอาให้สะใจกับความเหี้ยความระยำของพวกมึง ต้องเนื้อถึงเนื้อ" และบอกอีกว่า "วันที่ 28 นี้ ถ้าพวกมึงยังไม่หยุดจัดที่ธรรมศาสตร์ ถึงที่ธรรมศาสตร์กูก็ไม่กลัวหรอก แล้วก็ไม่ใช้ระเบิดกับพวกมึงอย่างที่กูบอก ก็จะเล่นกันตัว-ตัวเลย ถึงตัวพวกมึงเลยทุกคน มันถึงจะสะใจ เกิดมาก็ตายพร้อมกันครั้งเดียว"
"ผมก็บอกโอ้โห ทำไมคุณรุนแรงจัง แล้วใช้คำพูดที่ไม่สุภาพกับผม เขาก็เลยด่าผมว่า มึงไม่ต้องมาพูดดีกับกู คือเราพยายามจะให้เขาพูดนะ ให้มากที่สุด ผมก็บอกคุณมีอะไรระบายออกมาให้เต็มที่เลยครับ ผมก็จะฟังคุณ เขาก็พูดจนพอใจ นานเกือบ 10 นาที ผมก็ฟังไปเรื่อย ก่อนวางหูผมก็พูดกับเขาว่า หมดหรือยังครับ คืออยากจะรู้ความคิดเขา และอยากจะรู้ว่าเขาอยากจะสื่ออะไร" นายวีระ กล่าว
แฉคำพูดคล้ายคำพูดของ "เฉลิม"
นายวีระกล่าวว่า คำพูดของชายคนดังกล่าวคล้ายกับคำพูดที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เตือนนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ตามข่าวที่ออกมาวันนี้ที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้เตือนนายสนธิ ให้หยุดเคลื่อนไหว เพราะสู้ไปก็ไม่มีทางชนะ มีแต่ติดคุกคนเดียว
"ไม่รู้ว่าระหว่างนายสมศักดิ์ กับ ร.ต.อ.เฉลิม ใครจะเลียนแบบใคร แต่พฤติการณ์เป็นการข่มขู่ ที่ค่อนข้างจะใช้ถ้อยคำหยาบคาย แต่ก็ยอมรับว่าเขาเปิดตัวออกมาตรงๆ และกำลังตรวจสอบอยู่ว่าชื่อนี้จะเป็นชื่อจริงหรือไม่ โดยให้ตำรวจช่วยตรวจสอบ"
พร้อมเผยอีกว่า ต่อมาเวลา 18.09 น.ก็มีโทรศัพท์หมายเลข 089-7451505 โทรศัพท์เข้ามา แต่รายนี้ไม่บอกชื่อ พอตอนรับโทรศัพท์ก็ใส่เลยว่า "มึงเป็นตัวป่วนนักใช่มั้ย ไอ้สัตว์ อยากตายนักใช่มั้ย" แล้ววางสายไป
นายวีระ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านั้นหรือช่วงบ่ายวานนี้ (13) ตนได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ กกต.ตัดสินคดียุบพรรคด้วยข้อหานอมินี แล้วก็สั่งสมมาเรื่อยเป็นหลายสาเหตุ ที่ตนกำลังเปิดโปงอย่างหนักตั้งแต่ทำรายการ "ค้นคนโกง" ทุกวันเสาร์ (ทางเอเอสทีวี) 2 ครั้งแล้วและวันเสาร์นี้เป็นอีกตอนที่ต้องติดตาม สำหรับก่อนหน้านี้ ครั้งสุดท้ายที่ตนถูกข่มขู่คือเมื่อปี 2543 ที่ไปขุดคุ้ยกรณีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หลังจากนั้นก็หายไปหลายปี ว่างเว้นไปนาน
"ที่กลับมาถูกข่มขู่ครั้งนี้ คิดว่ามันคงใกล้เวลา เพราะว่า มีการเปิดเผยกันอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น คิดว่าบทบาทของผม มันคงจะไปเข้าตาเขา"
"วีระ" ลั่นไม่ถอนตัวร่วมกับพันธมิตรฯ
นายวีระ กล่าวอีกว่า สาเหตุคงจะมาจากหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ และการเปิดโปงการบุกรุกที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งก็แรง อย่างไรก็ตามยังไม่อยากตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่ง มันคงสั่งสมมาจากการที่ตนออกมามีบทบาทในการตรวจสอบกลุ่มอำนาจเก่า
"เขาก็ด่าว่าผมนี่ทีสนธิ บุญยรัตกลิน ทำความระยำให้บ้านเมือง ไม่เห็นไปจัดการกับสนธิบังเลย รัฐบาลสุรยุทธ์ อะไรพวกนี้ แต่ทีทักษิณนี่ ทำไมผมต้อง แหมเอาเป็นเอาตายกับเขา ทั้งๆ ที่เขานี่อุตส่าห์ปลดหนี้ไอเอ็มเอฟ ทำไมพวกมึงไม่รู้จักบุญคุณของเขา เขาเอ่ยชื่อคุณทักษิณเลย ก็ชัดเจนว่าเป็นคนที่สนับสนุนคุณทักษิณ"
นายวีระ กล่าวว่า จากเหตุการณ์นี้ก็คงต้องระวังตัวเพิ่มมากขึ้น แต่คงไม่ยุติการเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ เพราะไม่ได้ทำผิดกฎหมาย การที่จะต้องไปช่วยกันกำหนดบทบาทภาคประชาชนในการขัดขวางการฟื้นรัฐตำรวจ คัดค้านระบอบทุนนิยมสามานย์ เป็นหน้าที่ที่คนไทยอย่างตนต้องไปร่วม ไปช่วยกันทำในสิ่งที่เป็นการรักษาประโยชน์ชาติบ้านเมือง ถ้าพวกเขาคิดว่าตนทำลายชาติบ้านเมือง ก็คงห้ามไม่ให้เขาคิดไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีสิทธิมาห้ามความคิดและการกระทำของตนเหมือนกัน
"ขอเตือนและขอฝากไว้ด้วยว่า ผมเปิดโปงใครขอให้คนนั้นเป็นเจ้าภาพจัดการกับผมเถอะ คนอื่นอย่ายุ่งเลย พวกลิ่วล้อทั้งหลาย พวกอันธพาลทั้งหลายอย่ามายุ่งเลย ผมไม่ได้ไปทำให้คุณเดือดร้อนนะ แต่ถ้าใครที่คิดว่าผมทำให้เดือดร้อน ก็ใช้กระบวนการยุติธรรมจัดการกับผสมสิครับ เพราะผมเปิดโปงเขาอย่างตรงไปตรงมาอย่างเปิดเผย ถ้าคิดเขาคิดว่าเขาเสียหายก็ใช้สิทธิทางศาลจัดการกับผมได้ ผมยินดีแล้วเราก็สู้กันในศาล อย่ามาใช้วิธีที่ป่าเถื่อน วิธีอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง"
นายวีระ กล่าวต่อว่า คงต้องไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพราะมีทั้งชื่อ ทั้งเบอร์โทรศัพท์ครบแล้ว ตำรวจตรวจสอบได้ ตามตัวได้เลย
โฆษกรัฐบาลร่วมขู่พันธมิตรฯ ซ้ำ
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯว่า บ้านเมืองมีขื่อมีแป จะเคลื่อนไหวจะชุมนุมอะไรก็แล้วแต่สามารถทำได้ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อไรที่ไปละเมิดสิทธิของบุคคลอื่นทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติ ต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ทางฝ่ายบ้านเมืองที่บังคับใช้กฎหมายก็จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะกฎหมายจะต้องรักษาสิทธิของคนส่วนใหญ่ในประเทศ
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวว่า ทีมโฆษกพรรคได้วิเคราะห์กันแล้ว พปช.ไม่หวั่นไหว ไม่กลัว ถือเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย ยินดีต้อนรับและเปิดโอกาสให้ แต่ขอให้เคลื่อนไหวโดยไม่มีวาระซ้อนเร้น ปราศจากการอยู่เบื้องหลังของนักการเมืองในสภา เนื่องจากมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางคนเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จึงมีคำถามว่า พรรคใหญ่ที่เก่าแก่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะตอบคำถามนี้อย่างไร มีเวทีสภาแล้วไปร่วมเคลื่อนไหวทำไม
"ส่วนวิธีการรับมือกับกลุ่มพันธมิตรฯนั้น พปช.ขอส่งสัญญาณให้ประชาชนทราบว่า เราจะใช้แนวทางของผู้ใหญ่ในการหารือกัน ไม่ใช้วิธีการข่มขู่ คุกคาม ไม่เอาประชาชนมาต่อกรกัน แม้มีสมาชิกพรรคประกาศจัดคนมาสู้รบด้วย พรรคประชาชนก็ไม่มีแนวทางดังกล่าว"
ผบ.ทบ.เชื่อสถานการณ์ไม่น่าห่วง
วันเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯจะเคลื่อนไหวในวันที่ 28 มี.ค.นี้ว่า ไม่น่าจะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบเดิม เพราะน่าจะเป็นกลไกของการสมดุล ฝ่ายหนึ่งคอยดูแลกำกับอีกฝ่ายหนึ่ง คิดว่าน่าจะหยุดอยู่แค่นั้น คิดว่าไม่น่าจะมีความวุ่นวาย และความรุนแรงอะไร เพราะไม่มีเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรง
ส่วนจะมีการฟื้นแผนรักษาความปลอดภัย เช่น แผนปฐพี 149 หรือไม่นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มี ยังไม่ได้คิดแผนอะไรทั้งสิ้น เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องและรัฐบาล ในฐานะประชาชนคนหนึ่งอยากให้ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลอง ใครมีสิทธิ์อะไรก็ทำไปตามกรอบของกฎหมาย ถ้าสิ่งใดจะทำให้เกิดความวุ่นวายก็ลดราวาศอกกันก็น่าจะดี เมื่อถามว่าจะต้องใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "พอแล้วมั้งจะไปรบกับใครอีก"
ด้าน พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวในเรื่องอะไร ต้องรอดูก่อน เพียงแต่เขาบอกว่าจะต่อสู้กับระบอบทักษิณ เราต้องคอยดูต่อไป ส่วนอาจจะก่อให้เกิดปัญหาอะไรนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องรับปัญหาและแก้ไข จากนั้นเขาจะสั่งการมาเองว่า ใครจะทำอะไร อย่างไร ซึ่งเราพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
ส่วนถ้าสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้นทหารจะออกมาระงับสถานการณ์หรือไม่นั้น พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทหารจะออกมาปฏิบัติงานหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งทหารจะออกมาได้ต่อเมื่อได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเมื่อมีการสั่งการจากผู้บังคับบัญชา แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการร้องขอ
"ส่วนการฟื้นแผนปฐพี 149 นั้นไม่มี รัฐบาลไม่ได้สั่ง เราจะไปทำอะไรได้ ต้องรอฟังคำสั่งจากรัฐบาล ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่าเพิ่งพูด"
สตช.ไม่กังวลพันธมิตรนัดชุมนุม
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มมวลชนต่างๆ เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องให้ความสนใจอยู่แล้ว โดยจะมองในเรื่องความสะดวกการกระทบต่อการอำนวยความสะดวกของประชาชน ก็ต้องจับตาดูว่ามีอะไรกระทบบ้าง ทั้งเรื่องการจราจร และข้อมูลที่อาจทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลเป็นเรื่องของสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็ต้องดูแลไม่ให้เกิดการปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่และกลุ่มที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน"
"สมเกียรติ" เหน็บลิ่วล้อแม้วไม่มีราคา
ด้าน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพันธมิตรฯปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กรณีที่นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรค พปช.ระบุว่าในวันที่กลุ่มพันธมิตรฯจัดสัมมนาใหญ่กลุ่มมหาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย จะมาร่วมชุมนุมด้วย และ ส.ส.พปช.จะระดมพลออกมาต่อต้านว่า กลุ่มพันธมิตรฯขอไม่ตอบโต้กับสิ่งที่กลุ่มลิ่วล้อพูดเพราะถือว่าไร้สาระและไม่มีราคาพอ
"ใครอยากพูดอะไรก็พูดไป เพราะรัฐธรรมนูญให้สิทธิ์ไว้พันธมิตรฯจะไม่ตีเป็นราคา และจะไม่ขอให้หยุดพูดด้วย ส่วนการสัมมนาของกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 28 มี.ค.นี้เชื่อว่าจะมีประชาชนมาร่วมมากกว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯครั้ง" นายสมเกียรติ กล่าว
พันธมิตรฯ เหนือ ระดมพลร่วมเวที
ทางด้านการเคลื่อนไหวของเครือข่ายกลุ่มพันธมิตรฯในภาคต่างๆ มีรายงานข่าวจากเครือข่ายพันธมิตรฯ ภาคเหนือตอนล่าง ที่ล่าสุดได้แปสภาพจัดตั้งเป็น "ชมรมลุ่มน้ำเหนือตอนล่าง" ประกอบด้วย จ.กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย ตาก เพชรบูรณ์ และนครสวรรค์แจ้งว่า ขณะนี้เครือข่ายชมรมฯทั้ง 7 จังหวัดได้ลงมติร่วมกันว่า จะเดินทางเข้าร่วมเวทีที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 มี.ค.แน่นอน
เบื้องต้นแกนนำแต่ละจังหวัดกำลังเร่งประสานงานสมาชิกแต่ละท้องที่เพื่อร่วมเดินทางเข้าไปในเวทีดังกล่าวจังหวัดละ 2-3 คันรถตู้ หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้ โดยมีจุดนัดหมายสุดท้ายที่นครสวรรค์ในเวลาประมาณ 12.30-13.00 น.วันที่ 28 มี.ค.ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนเข้ากรุงเทพฯพร้อมกันทั้งหมด
แกนนำเครือข่ายคนหนึ่งบอกว่า นอกจากนี้ทางชมรมฯยังมีมติร่วมกันอีกว่า ในการขับเคลื่อนระลอกใหม่ครั้งนี้ชมรมฯจะจัดทำผ้าคาดศรีษะ หรือผ้าคลุมไหล่เป็นสัญลักษณ์ประจำองค์กร "ลุ่มน้ำเหนือตอนล่าง" ล็อตแรกไม่น้อยกว่า 3,500 ชิ้น หรือจังหวัดละ 500-1,000 ชิ้น โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการหารือเกี่ยวกับข้อความที่จะนำมาสกรีนติดแสดงความเป็นเครือข่ายยามเฝ้าแผ่นดินอยู่ คาดว่าจะสามารถนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวครั้งแรก 28 มี.ค.51 นี้อย่างแน่นอน
พันธมิตรฯ ใต้ พร้อมเข้ากรุง 28 มี.ค.
นายเอกชัย อิสระทะ ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯสงขลา กล่าวว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯสงขลาเห็นด้วยกับแนวทางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯในทุกๆ เรื่องตามแถลงการณ์โดยเฉพาะเรื่องของการใช้อำนาจที่ขัดกับความรู้สึกของประชาชน โดยทางกลุ่มพันธมิตรฯสงขลาและเครือข่ายอีกหลายจังหวัดในภาคใต้จะเข้าร่วมการสัมมนาปัญหาหลักของชาติที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 มี.ค.นี้แน่นอน
นายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ แกนนำยามเฝ้าแผ่นดินจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของยามฯภูเก็ตจะประชุมร่วมกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรเดิมอีกครั้ง เพื่อกำหนดทิศทางในการดำเนินการ รวมทั้งจำนวนของผู้ที่จะร่วมเดินทางไปร่วมเวทีที่กรุงเทพฯ โดยในเบื้องต้นจะมีการเดินทางไปร่วมแน่นอน ส่วนการเดินทางนั้นเชื่อว่าน่าจะมีการสกัดกั้นจากกลุ่มเจ้าหน้าที่ แต่เราก็จะเดินทางไป ในส่วนของภูเก็ตนั้นจะเดินทางในลักษณะของดาวกระจาย ต่างคนต่างไป
"การเดินทางไปครั้งนี้จะนำธงยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต และเสื้อยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ตไปร่วมเวทีในครั้งนี้ด้วย ส่วนจำนวนคนที่เดินทางไปเชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่า 150 คน ส่วนผู้ที่ไม่ได้ร่วมเดินทางไป ในส่วนของภูเก็ตนั้นจะจัดให้มีการถ่ายทอดสดรายการดังกล่าวผ่านดาวเทียมมายังบริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ตด้วย เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยจะเริ่มในเวลา 18.00 น.เป็นต้นไป"