รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมยืนยันไม่มีใครมากดดัน หรือชี้นำศาลได้ ระบุ “สนธิ ลิ้มทองกุล” และพันธมิตรฯ สามารถจัดประชุมแสดงความคิดต่างๆ ในฐานะสื่อมวลชนหรือประชาชนคนไทยได้ และถือเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญที่สามารถทำได้ ระบุไม่เคยให้สัมภาษณ์อย่างที่สื่อแม้วตีพิมพ์ในวันนี้เลย
จากกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะจัดรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าระวังจะติดคุกหากออกมาเคลื่อนไหวแล้วทำผิดเงื่อนไขที่ศาลให้ประกันตัว เป็นการชี้นำศาลหรือไม่นั้น
วันนี้ (14 มี.ค.) นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ความเห็นของสาธารณชนต่างๆ ไม่สามารถมาชี้นำหรือโน้มน้าวความเห็นของศาลได้ การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลนั้นเป็นไปโดยอิสระ มีความเป็นกลางทางการเมืองอยู่แล้ว สำหรับการประชุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หากเป็นการชุมนุมโดยสงบ เปิดเผยและปราศจากอาวุธ ก็เป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญที่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับการแสดงความคิดเห็นต่างๆ กฎหมายก็ให้การรับรองไว้ ส่วนการผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่นั้น ต้องไปดูก่อนว่าศาลกำหนดเงื่อนไขการให้ประกันตัวอย่างไรไว้บ้าง ถ้าในกรณีที่ศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขไว้ การประชุม การแสดงความคิดต่างๆ ในฐานะสื่อมวลชนหรือประชาชนคนไทยก็สามารถทำได้อยู่แล้ว
นายสราวุธ กล่าวย้ำว่า ในส่วนของศาลนั้นไม่มีปัญหา ไม่น่าเป็นห่วงว่าการแสดงความคิดเห็นของบุคคลต่างๆ จะมาโน้นน้าวความคิดเห็นของศาลได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฯ แห่งราชอาญาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 197 วรรคสอง ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้พิพากษา ตุลาการมีอิสระในการพิพากษาอรรถคดีให้เป็นไปโดยถูกต้อง รวดเร็วและเป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคล และสื่อมวลชนมีการรองรับไว้ในรัฐธรรมนูญเช่นกัน ถือเป็นเสรีภาพซึ่งการเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น แล้วรัฐธรรมนูญเองก็กำหนดไว้ด้วยว่า การจำกัดสิทธิเสรีภาพดังกล่าวไม่สามารถทำได้ เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาต เช่น มีการตรากฎหมายออกมา โดยอาศัยอำนาจตามขอบเขตของกฎหมาย และต้องกำหนดไว้ด้วยว่าเพื่อความมั่นคงของรัฐเท่านั้นหรือเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวของบุคคลอื่น
“หมายถึงว่าถ้าการพูดหรือการแสดงความคิดเห็นนั้นไปกระทบกับความมั่นคงของรัฐ หรือว่ากระทบสิทธิ ชื่อเสียงหรือสิทธิในครอบครัวความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น จะกระทำไม่ได้ หรือว่าเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยอันดีของประชาชน เช่นเดียวกันถ้าสอดคล้องกันว่า การชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธก็เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทยที่สามารถทำได้” รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าว
ปฏิเสธไม่ได้ให้สัมภาษณ์อย่างที่ ‘สื่อแม้ว’ ระบุ
อนึ่งในเช้าวันนี้หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์อันเป็นหนังสือพิมพ์ในเครือข่ายสื่อของระบอบทักษิณได้ตีพิมพ์ข่าวชิ้นหนึ่ง โดยอ้างว่านายสราวุธ ให้สัมภาษณ์ในเชิงไม่เห็นด้วยกับการจัดสัมมนาของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน โดยระบุว่า
“นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการศาลยุติธรรม กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่าบ้านเมืองยังอยู่ในช่วงที่ฝ่าฟันกันอีกมาก การที่ออกมาใช้คำพูดที่เป็นการเสี้ยมให้มีความแตกแยก ไม่มีผลดีกับประเทศชาติ คำบางคำที่มันรุนแรงเกินไปก็ให้คิดไตร่ตรองกันให้ดีก่อนที่จะพูดกันออกไป แค่นี้สังคมก็ระส่ำระสายกันอยู่แล้ว อยากให้ช่วยกันห้ามปรามกันบ้าง มีอะไรก็พูดกันแบบตรงไปตรงมาอย่าใช้คำพูดบิดเบือน ทำให้เรื่องมันเสีย”
ซึ่งเมื่อทางผู้จัดการออนไลน์ได้สอบถามไปยังนายสราวุธ ถึงเนื้อหาของบทสัมภาษณ์ดังกล่าวแล้วได้รับคำตอบว่า ข้อความที่หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ตีพิมพ์ในวันนี้ โดยอ้างว่าเขาเป็นผู้พูดนั้นเป็นข้อความที่ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ได้เป็นผู้พูด โดยในช่วงที่ผ่านมาทางทีมงานของประชาทรรศน์ได้พยายามติดต่อเข้ามาหลายครั้ง เพื่อให้เขาสัมภาษณ์ในเชิงไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ได้แสดงความเห็นว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ สามารถกระทำได้ภายใต้กรอบของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ