xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ นัดพบ 12 มี.ค. ยันผนึกกันแน่นไม่มีแตก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แกนนำพันธมิตรฯ ยันยังผนึกกำลังเหนียวแน่น ตอก "เหลิม" แค่หาทางสร้างราคาให้ตัวเอง ผวาพลังมวลชน พยายามยุแยงเพื่อแยกสลาย แต่ไม่สำเร็จ เผย 12 มี.ค.นี้ จะนัดหารือและมีแนวร่วมมาประชุมด้วย และปลายเดือนนี้จะมีการเคลื่อนไหวรูปแบบใหม่

วานนี้ (10 มี.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปฏิเสธที่จะพูดคุย ทำความเข้าใจว่า เมื่อไม่ตอบรับทุกอย่างก็คงต้องยุติ ตนจะไม่ติดต่อคุยสมานฉันท์กับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคนอื่นอีกแล้ว

ส่วนการที่นายสนธิ จะดีเบตด้วย ก็ไม่ขอที่จะร่วมดีเบต แต่ส่วนตัวอยากจะเตือนกลุ่มพันธมิตรฯเพราะทราบข่าวมาว่า ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ และแนวร่วม กำลังขัดแย้งกันอย่างรุนแรง คิดไม่ดีต่อกัน หากเกิดอะไรขึ้นขอให้รับรู้ว่า รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

"ผมอยากเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ ช่วยตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลบนพื้นฐานข้อมูลความถูกต้อง อย่างตรงไปตรงมา หากต้องการที่จะชุมนุมก็ไม่คิดขัดขวาง จะปล่อยให้ชุมนุมกันไป" รมว.มหาดไทย กล่าว

ด้าน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่าขณะนี้พันธมิตรฯมีความขัดแย้งภายในกันเองว่า ตนไม่ขอออกความเห็นใดๆในสิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิม พูดเพราะร.ต.อ.เฉลิม เป็นคนที่เกิดมาเพื่อพูดอยู่แล้ว ปล่อยให้พูดไปเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าขณะนี้ทั้งแกนนำและมวลชนของพันธมิตรฯ ยังเหนียวแน่นเหมือนเดิม ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น โดยในวันพุธที่ 12 มี.ค.นี้ จะมีการแถลงข่าวใหญ่ ที่บ้านท่าพระอาทิตย์ เวลา 12.00 น.

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า สถานการณ์ของพันธมิตรฯ ในวันนี้ นอกจากจะไม่มีความแตกแยกแล้วยังถือว่ามีความสามัคคีกันมากกว่าช่วงที่ขับไล่ทักษิณ 5-10 เท่า

"มวลชนทุกส่วนพร้อมที่จะเคลื่อนไหวร่วมกับเรา เชื่อว่าการพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นความพยายามปลุกปั่น ยุแยง ย่อยสลายกำลังของพันธมิตรฯ ซึ่งไม่มีทางทำสำเร็จ" นายสุริยะใส กล่าว

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม พยายามออกแบบให้สังคมเห็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดี ซึ่งได้เพียรพยายามติดต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล แต่ได้รับการปฏิเสธ และไม่ให้ความสำคัญกับบทบาทของคนคนนี้ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้ว ร.ต.อ.เฉลิม ก็ไม่ได้มีความตั้งใจจะเจรจาอย่างจริงจังแต่อย่างใด

นายสมเกียรติ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่ทำเพื่อประโยชน์เฉพาะบุคคล เห็นได้จากการใช้บทบาทในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไปต้อนรับและเป็นกระบอกเสียงให้กับจำเลยของแผ่นดินอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

"คุณเฉลิมรู้ดีว่า จุดแข็งของกลุ่มพันธมิตรฯ คือ เชื่อมโยงกับภาคประชาชน จึงต้องออกแบบเพื่อมาทำลายให้เกิดความแตกแยก แต่ตรงกันข้าม พันธมิตรฯ มีความเป็นปึกแผ่นมากกว่าสมัยที่ชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวงเสียอีก"

นายสมเกียรติ ยังกล่าวด้วยว่าในเดือนนี้ จะเห็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญโดยจะแบ่งแยกหน้าที่กันทำงาน โดยนายสนธิ จะรับดูแลในเรื่องการออกแบบสังคมระดมความคิดนักวิชาการ ส่วนพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ทำหน้าที่ขยายแนวร่วม สำหรับตนเอง จะทำหน้าที่ในสภา

นายสมเกียรติ ตั้งข้อสังเกตว่า ฝ่ายพรรคพลังประชาชน พยายามทำลายจุดแข็งที่เชื่อมระหว่างภาคประชาชนกับพรรคการเมืองและสภา ทำให้พวกนั้นเกิดความฟุ้งซ่าน และยังเปิดเผยอีกว่าในการประชุมแกนนำพันธมิตรฯ ในวันพุธ (12 มี.ค.)นี้ จะมีแนวร่วมฯมาประชุมด้วย พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ในเดือนมี.ค.นี้ กลุ่มพันธมิตรฯจะมีการเคลื่อนไหวรูปแบบใหม่

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ระบุให้พรรคประชาธิปัตย์ แสดงท่าทีที่ชัดเจน ต่อกรณีที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำของกลุ่มพันธมิตรฯว่า ตนอยากแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่า นายนพดล ควรไปดูแลงานในหน้าที่ของตัวเองให้ดี อย่ามาวุ่นวายกับการเอารัดเอาเปรียบทางการเมืองจนเกินเหตุ มีหน้าที่ในกระทรวงตัวเองที่ต้องสะสางให้ถูกต้องเหมาะสมหลายอย่างก็ให้ไปดูเรื่องของตัวเองไม่ใช่มาชวนชาวบ้านทะเลาะ

"เขาให้เป็นรัฐมนตรีแล้วก็ไปทำงาน ไม่ใช่ทำตัวเป็นทนายหน้าหอใครแล้ว วันนี้กินเงินเดือนในว่าตำแหน่งรัฐมนตรีถ้ายังไม่สำนึกว่า ตัวเองมีบทบาทหรือมีหน้าที่อะไรก็เป็นเรื่องที่ประชาชนน่าเสียดาย"นายสุเทพ กล่าว

ส่วนกรณีของนายสมเกียรติ ก็เปิดเผยอย่างชัดเจนว่า อยู่ในกลุ่มพันธมิตรฯ มาก่อนและร่วมกันเคลื่อนไหวก่อนจะมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ และได้มาชี้แจงกับพรรค สิ่งที่จะไปทำกับกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ขัดกับแนวทางอุดมการณ์ หรือจุดยืนของพรรคแต่ประการใด และไม่ได้ทำอะไรที่ฝ่าฝืนกฎมหาย ฉะนั้นพรรคไม่เข้าไปแทรกแซง ไม่จำกัดสิทธิของใคร ตราบเท่าที่ปฏิบัติอยู่ในกรอบของกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคเผด็จการอย่างที่นายนพดล คุ้นเคย เพราะฉะนั้น เราไม่ไปกำหนดว่า สมาชิกพรรคทำอะไรได้บ้าง ทำอะไรไม่ได้บ้าง ต้องฟังพรรค อย่างนั้นไม่ใช่
กำลังโหลดความคิดเห็น