xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” แจงช่วย “หล่อเล็ก” โดนหางเลข ยันไม่เกี่ยวการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อภิสิทธิ์” รับหน้าเสื่อแจงยิบ “อภิรักษ์” ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทุจริตรถดับเพลิง ชี้ต้นตอเอโอยูเจ้าปัญหาบังคับให้ผู้ว่าฯจำเป็นต้องแอลซี ยืนยันการตัดสินใจลาออก ไม่เกี่ยวเกมการเมืองกดดันรัฐบาล


วันนี้ (14 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ว่า เมื่อคตส.แจ้งข้อกล่าวหาเพื่อให้การดำเนินการต่างๆ ของ คตส.สามารถดำเนินการได้อย่างตรงไปตรงมา เที่ยงธรรม นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.ก็ไม่ประสงค์จะใช้อำนาจหน้าที่อะไร เพื่อที่จะทำให้เกิดความไม่มั่นใจในกระบวนการของการตรวจสอบ จึงขอยุติการใช้อำนาจหน้าที่ในขณะนี้ แล้วหลังจากนั้น ท่านก็ได้ไปดูความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติของข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ คตส.ยังไม่ได้ชี้มูลความผิด แต่ คตส.ได้มีมติแจ้งข้อกล่าวหา นายอภิรักษ์ ก็ต้องไปแก้ข้อกล่าวหา จากนั้น คตส. จึงจะมีมติอีกครั้งหนึ่งว่า มีมูลความผิดที่จะส่งฟ้องไปที่อัยการ หรือจะไปดำเนินการอะไรในศาลต่อไป

“ตอนที่นายอภิรักษ์ กำลังหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อยู่ ผู้ว่าฯ กทม.คนเก่าได้ไปเซ็นสัญญาซื้อขายรถดับเพลิง แล้วก็ไปเซ็นสัญญาโดยไปพันกับบันทึกข้อตกลง หรือข้อตกลงที่เรียกว่า เอโอยู ระหว่างรัฐบาล ไม่ใช่ กทม.ซึ่งรัฐบาลกับทางออสเตรียมีกรณีการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน และขณะนั้นมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การซื้อขายรถดับเพลิงมีความไม่ชอบมาพากล หลายต่อหลายประเด็นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องของราคา หรือเงื่อนไขต่างๆ ช่วงหาเสียงเอง ช่วงระหว่างหาเสียงก็ยังได้บอกกับประชาชนว่า เข้าไปแล้วสิ่งที่จะต้องเข้าไปดูก็คือเรื่องนี้จะแก้ไขอย่างไร เมื่อนายอภิรักษ์เข้าไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ก็มีประเด็นว่า เอโอยู กำหนดให้หลังจากที่ กทม.เซ็นสัญญาแล้ว ต้องเปิด แอลซี นายอภิรักษ์ จึงตั้งคณะทำงานแล้วก็ได้สอบถามไปยังกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ เพราะมันมีเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนสินค้า ไปจนถึงกระทรวงการต่างประเทศ เรื่องของเอโอยู สอบถามไปบอกว่า มันมีปัญหาอย่างที่มีการวิพากวิจารณ์อย่างนี้ ไม่เปิดแอลซี ได้ไหม ก็ปรากฎว่าทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะทางกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแล กทม.โดยตรงก็ยืนยันมาตลอดว่า ต้องเปิด แล้วถ้าไม่เปิดก็เท่ากับเป็นการผิดข้อตกลงกับทางออสเตรีย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า วันนั้นถ้าไม่เปิด ก็แปลว่า ทางออสเตรียก็คงจะไปโต้แย้งสิทธิ์ ซึ่งหมายถึงต้องไปต่อสู้กันที่อนุญาโตตุลาการที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพราะว่าเงื่อนไขไปเซ็นไว้อย่างนั้นหมด แล้วก็ปรึกษานักกฎหมายหลายฝ่าย ถ้าไม่เปิดแล้ว ก็มองไม่ค่อยเห็นลู่ทางในการที่จะไปสู้กับทางออสเตรีย เพราะในขณะนั้นก็ยังไม่มีข้อมูลอะไร ที่บอกว่า ตัวสัญญาหรือข้อตกลงนั้นมันเป็นปัญหา ซึ่งหมายความว่าถ้าไม่เซ็น ถ้าไม่เปิดแอลซี ก็เสี่ยงต่อการที่จะถูกโต้แย้งสิทธิ์แล้วไปอนุญาโตฯ แล้วก็อาจจะต้องเสียค่าปรับและเกิดความเสียหายต่อประเทศ แล้วก็ตัว กทม.ก็จะเป็นคนที่ทำผิดเงื่อนไขข้อตกลงระหว่างประเทศนั้นเอง เพราะฉะนั้นก็ในที่สุดหลังจากที่สอบถามไปหลายครั้ง แล้วก็ได้รับการยืนยันมาหลายครั้ง ก็จึงได้มีการเปิดแอลซี

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ได้มีการตรวจสอบจากหน่วยงานต่างๆอย่างต่อเนื่องเต็มไปหมดในทุกขั้นตอนที่มีความจำเป็นที่จะต้องตัดสินใจเรื่องนี้ เช่นเวลาที่จะต้องตัดสินใจว่าจะรับรถหรือไม่ จะจ่ายเงินตามงวดต่างๆ ทางผู้ว่าฯ ก็จะย้ำไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่กำลังตรวจสอบว่า สัญญานี้เป็นโมฆะหรือไม่ เพราะว่าตอนหลังก็มีการมาชี้ว่ามีการทุจริต ถ้าเป็นโมฆะก็จะได้มีการระงับยับยั้งไม่ให้มันเดินต่อ แม้กระทั่งช่วงประมาณ ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก็ยังมีการถามเรื่องแบบนี้อยู่ ถ้าเข้าใจไม่ผิดน่าจะถาม คตส.ไปด้วยซ้ำ เพราะว่าจะได้สามารถมาจัดการแก้ไขปัญหาได้ แต่ทุกครั้งที่ผ่านมานั้น ก็ไม่มีหน่วยงานไหน อัยการก็ดี ใครก็ดี ที่ยอมตอบ กทม.มาว่า สัญญานั้นไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถที่จะไประงับ ยับยั้ง แก้ไขอะไรได้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า จนกระทั่งเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา เราได้เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก ว่ามีคนวินิจฉัยว่า สัญญานี้เป็นโมฆะ การที่จะเป็นโมฆะได้เราต้องพยายามพิสูจน์ให้ได้ว่า ทางฝ่ายเขามีส่วนรู้เห็นกับความไม่ชอบมาพากล เพราะว่าถ้าเกิดเป็นเรื่องคนของเราฝ่ายเดียวมันก็คงเป็นเรื่องยากที่คู่สัญญาเขาจะยอมรับว่า มันมีปัญหา เพราะฉะนั้น คตส. มาชี้ครั้งนี้ในแง่ของตัวปัญหาเรื่องรถดับเพลิงต่อไป ตนคิดว่า ถ้าชี้ชัด ๆ ว่ามันเป็นโมฆะแล้ว กทม. คงต้องรีบอาศัยอำนาจของศาล ในการระงับการจ่ายเงินแต่ละงวดไป แล้วก็ไปเรียกเงินงวดเก่าคืนมาด้วย แต่ก็เชื่อว่าก็คงต้องไปโต้แย้งกันแน่นอนไปถึงอนุญาโตตุลาการ

“พูดตรง ๆ เราก็คิดไม่ถึงว่า พอวินิจฉัยอย่างนี้แล้วก็เลยกลายเป็นผู้ว่าฯกทม. ถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปด้วย แต่ว่าผมเองนั้นยังไม่ได้มีโอกาสเห็นว่าทางข้อกล่าวหาที่แจ้งนั้น ทราบคร่าวๆ จากข่าวเท่านั้นเองว่าเป็นมาตรา 157 ก็เลยยังไม่ทราบว่า ที่บอกว่าผู้ว่าฯ กระทำผิดนั้น มันคือ ตรงไหน อยากจะให้เป็นแนวทางที่เป็นบรรทัดฐานในทางการเมือง มันก็เหมือนกับในสมัยที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ รมว.มหาดไทย ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินท่านลาออกเลย ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น คือ มันก็มีแนวทางซึ่งทางพรรคฯ ได้ยึดถือปฏิบัติมาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะไปบอกว่ามันเป็นเรื่องเฉพาะตัวมันก็ไม่ใช่ เป็นคนละเรื่องกับกดดัน เพราะไม่คิดว่าจะไปกดดันรัฐบาลได้ เพราะรัฐบาลมีท่าทีอยู่แล้วว่าไม่ได้คิดแบบเดียวกับเรา ยังนึกแปลกใจว่า กลับมาวิพากษ์วิจารณ์ท่านผู้ว่าฯ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนที่จะมาตำหนิหรือตั้งข้อสังเกตว่าเป็น เกมการเมือง เราตรงไปตรงมา ทำไมเวลาพอคนทำสิ่งที่คิดว่าควรจะพึงกระทำ เรากลับไม่ให้กำลังใจ

เมื่อถามว่า จะมีผลต่อต่อการตัดสินใจลงสมัครผู้ว่าฯ อีกสมัยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่า กระบวนการของ คตส. จะต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหน ถ้าชี้ว่าไม่ผิดแล้วยังไม่ได้มีการเลือกตั้งเราก็สนับสนุนนายอภิรักษ์ แต่ถ้ากระบวนการยังไม่เสร็จแล้วมีเลือกตั้งเสียก่อนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น