“บรรณวิทย์” ยันยืนข้างพันธมิตรฯ ไม่เปลี่ยนแปลง ลั่นไม่หวั่นแม้ “แม้ว” เหยียบประเทศไทย เผยโล่งใจหลังยื่นเรื่องจับทุจริตให้ ป.ป.ช.แล้ว 11 เรื่อง ด้าน “เกรียงศักดิ์” แฉสัญญาเซ็ลทรัลยืดเยื้อ เพราะคนใน ร.ฟ.ท.เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี คืนวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยเปิดประเด็นซักถาม พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายเกรียงศักดิ์ แข็งขัน ประธานสหภาพการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และนายพูลศักดิ์ อยู่ประเสริฐ รองเลขาธิการคณะกรรมาธิการการคมนาคม สนช. ถึงการกลับประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และความคืบหน้ากรณีเครือเซ็นทรัลเตรียมต่อสัญญาเช่าที่ดินกับ ร.ฟ.ท.
โดย พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทยถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะกลับมาต่อสู้คดี อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าจะยังคงยืนอยู่ข้างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ต่อสู้เพื่อประชาชน โดยไม่มีเปลี่ยนแปลง ซึ่งในอดีตตนยอมเสียทุกอย่างแม้กระทั่งตำแหน่งหน้าที่การงาน และมาถึงตอนนี้ตนไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น เพราะถือว่าเป็นราษฎรเต็มขั้นแล้ว
“คงต้องดูกันต่อไปว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาสู้คดีอย่างไร ส่วนการโยกย้ายอธิบดี ดีเอสไอ นั้น ผมรู้สึกเสียใจมาก เพราะถือเป็นตัวจักรสำคัญในการปราบปรามทุจริต แต่ก็ถือว่าโชคดี เพราะได้ส่งเรื่องทุจริตไปให้ ป.ป.ช.แล้ว 11 เรื่อง และยังมีที่คั่งค้างอยู่ใน ดีเอสไอ 5 เรื่อง ซึ่งขอภาวนาให้เรื่องทั้งหมดถูกนำไปสู่ศาล เราไม่กังวลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะนำวิธีการใหม่ๆ เข้ามาใช้ เพราะเรามีชมรมคนรู้ทันทักษิณ และคาดว่าคงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไรที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนจะเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หรือไม่นั้น คงต้องให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน”พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่เครือเซ็นทรัลเตรียมต่อสัญญากับ ร.ฟ.ท.นั้น พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า สัญญาเดิมเป็นเพียง ร.ฟ.ท.ให้เครือเซ็นทรัลเช่าที่ดินเท่านั้น โดยหลังจากนั้นทรัพย์สินต่างๆ ที่ก่อสร้างขึ้นในพื้นที่ จะต้องตกเป็นของ ร.ฟ.ท. ซึ่งท้ายที่สุดทางเครือเซ็นทรัลก็พยายามที่จะต่อสัญญาอีกครั้ง ซึ่งพื้นที่ 47.22 ไร่ ซึ่งทำสัญญาไว้ ได้รับเงินเพียงปีละ 3 ล้านบาท หลังจากนั้นทางเครือเซ็นทรัลก็เพิ่มขึ้นให้อีก 5 เปอร์เซ็นต์ รวมแล้ว 30 ปี ได้ค่าเช่าที่แค่ 100 กว่าล้านบาทเท่านั้น ซึ่งน่าแปลกใจว่าก่อนหน้านี้เครือเซ็นทรัลจ่ายค่าปรับให้กับ ร.ฟ.ท. 500 กว่าล้านบาท ซึ่งมากกว่าเงินค่าเช่า 30 ปีเสียอีก
“บริษัทต่างชาติเขาบอกเราว่า ทรัพย์สินที่ดินของ ร.ฟ.ท.ที่มีอยู่ทั่วประเทศตอนนี้ ถ้านำมาใช้ประโยชน์ก็สามารถเปิดเดินรถฟรีให้กับประชาชนได้เลย และถ้า ร.ฟ.ท.เปิดประมูลเช่าที่ดิน หรือสามารถเจรจากับเครือเซ็นทรัลในวงเงินสัญญาเช่า 60,000 ล้านบาท ก็จะสามารถช่วยล้างหนี้กว่า 40,000 ล้านบาท ให้กับ ร.ฟ.ท.ได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยคนยากไร้ได้ขึ้นรถไฟในราคาถูกได้ในอนาคต”พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว
ด้าน นายพูลศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนั้นเซ็ลทรัลทำสัญญาเช่าแต่ที่ดินของ ร.ฟ.ท. โดยในสัญญาระบุว่า เมื่อครบ 30 ปี แล้ว สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดจะตกเป็นของ ร.ฟ.ท. จนกระทั่งปี 2545 เซ็ลทรัล ผิดเงื่อนไขโดยการต่อเติมสถานที่เพิ่มการพาณิชย์เข้าไป โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ร.ฟ.ท. จนสุดท้ายเซ็ลทรัลต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินกว่า 500 ล้านบาท
“การต่อสัญญาดังกล่าว ผู้เช่าจะต่อสัญญาได้ก็จะต้องทำการเจรจากัน ซึ่ง ร.ฟ.ท.จะให้ต่อสัญญาหรือไม่ก็ได้ แต่สิ่งที่ ร.ฟ.ท. สมควรทำก็คือน่าจะให้ผู้ลงทุนรายอื่นๆ เข้าร่วมประมูล เพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่เท่าที่ทราบเขากระทำกันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีการตั้งกรรมการกันขึ้นมาเองโดยไม่ผ่านรัฐบาล”นายพูลศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลที่สุดในขณะนี้คือของ ร.ฟ.ท.ก็คือ คนที่เกี่ยวข้องไม่มองผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก มีแต่มองผลประโยชน์ส่วนตัว โดยเฉพาะกรณีเซ็นทรัล ถ้าเราสามารถเก็บเงินค่าเช่าได้ตามจริง หรือมีสัดส่วนที่มากขึ้น ก็สามารถเอาไปทำประโยชน์ได้อีกหลายอย่าง เช่น เอาไปปรับปรุงรถไฟ หรือแม้แต่เอาเงินไปช่วยเหลือประชาชนที่ยากไร้ ที่สำคัญคือไม่รัฐบาลไหนเข้ามา ก็จ้องที่จะแปรรูป ร.ฟ.ท. ซึ่งจริงๆ แล้วรถไฟเป็นของรัชการที่ 5 ซึ่งทำเพื่อประชาชน และถือเป็นสาธารณูปโภค
“ตอนนี้ทางสหภาพฯ กำลังติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งดูเหมือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับผู้บริหาร และบอร์ดเท่านั้น และดูเหมือนว่าจะมีการดึงเวลา แต่ถ้าทำทีโออาร์แล้วจะได้เงินมหาศาล ซึ่งควรจะนำเงินในส่วนนั้นไปชำระหนี้”นายเกรียงศักดิ์ กล่าว
