“มิ่งขวัญ” สั่งห้ามส่งออกหมู หลังพบมีการลักลอบส่งออกประเทศเพื่อนบ้านกินส่วนต่างราคา จนอาจทำให้ในประเทศขาดแคลน ท้าชนบิ๊กผู้ผลิตลูกหมู ขอชำแหละต้นทุน ชี้เป็นต้นเหตุทำให้หมูมีราคาแพง จากการปรับราคาลูกหมูแบบก้าวกระโดด ส่วนผู้ผลิตยันรัฐอย่าแทรกแซงกลไกตลาด ควรปล่อยให้เกษตรกรได้ประโยชน์ ส่วนลดค่าโทรศัพท์มือถือยังไม่สรุป รอคุยอีกรอบจันทร์นี้ ทรูมูฟ เผยค่าบริการนาทีละ 50 สตางค์ ถูกสุดในโลกแล้ว หากจะให้ลดอีกรัฐต้องลงมาช่วย
วานนี้ (14 มี.ค.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้มีการติดตามและตรวจสอบการลักลอบนำหมูออกไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ราคาเนื้อหมูในประเทศเพื่อนบ้านสูงกว่าไทย เป็นเหตุจูงใจให้มีการลักลอบไปขาย เพื่อหากำไรส่วนต่าง โดยการแก้ไขปัญหาจะนำมาตรการให้แจ้งการเคลื่อนย้าย และห้ามการส่งออกมาใช้ และได้ขอให้นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ รับไปดำเนินการแล้ว
ทั้งนี้ ปัจจุบันหมูเป็นหนึ่งในบัญชีสินค้าควบคุม แต่ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้เข้มงวดในเรื่องนี้ แต่หลังจากที่มีปัญหาหมูแพง ประกอบกับเริ่มมีการลักลอบส่งออกไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจจะทำให้หมูในประเทศขาดแคลน และมีราคาแพงขึ้น กระทรวงพาณิชย์ จึงได้มีการพิจารณาเพิ่มมาตรการต่างๆ มาใช้มากขึ้น
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่าสำหรับสถานการณ์ราคาหมูเนื้อแดงในขณะนี้ พบว่า หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้นำหมูพาณิชย์กิโลกรัมละ 98 บาทมาจำหน่ายในร้านค้าปลีกและตลาดสดที่เข้าร่วมโครงการ ราคาเนื้อหมูในตลาดอื่นๆ มีราคาปรับลดลง ซึ่งมีตั้งแต่กก.ละ 95 -120 บาท ถือเป็นการสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค
ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว หลังจากพ้นระยะขอความร่วมมือให้จำหน่ายเนื้อหมูกิโลกรัมละ 98 บาท กระทรวงพาณิชย์ จะเข้าไปดูแลการเลี้ยงสุกรทั้งระบบ โดยจะหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง ซึ่งในเบื้องต้นพบว่า ราคาลูกหมู ขณะนี้มีราคาแพงขึ้นมาก และมีการปรับขึ้นราคาเร็วมาก จากช่วงที่ผ่านมา ราคาตัวละ 800 บาท เพิ่มเป็น 1,000 บาท 1,5000 บาท และล่าสุดตัวละ 1,800 บาท จึงต้องหาสาเหตุว่า ทำไมราคาถึงได้ปรับขึ้นเร็วขนาดนี้
ปัจจุบัน ผู้ผลิตลูกหมูรายใหญ่มีเพียงไม่กี่ราย โดยรายที่สำคัญ คือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) และเครือเบทาโกร โดยที่ผ่านมา สาเหตุที่ทำให้ราคาหมูเป็นเพิ่มขึ้น เพราะเกษตรกรต้องซื้อลูกหมูมาเลี้ยงในราคาที่แพงขึ้น และยังต้องซื้ออาหารสัตว์ในราคาที่แพงขึ้น
ลดภาษีกากถั่วเหลือง
นายมิ่งขวัญ กล่าวอีกว่า การลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองเพื่อแก้ไขปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาแพงนั้น ต้องพิจารณาก่อนว่าการลดภาษีเหลือ 0% จะช่วยลดราคาอาหารสัตว์ลงมามากน้อยแค่ไหน ลดแล้วจะกระทบกับอุตสาหกรรมใกล้เคียงหรือไม่ อย่างไร ซึ่งต้องมาชั่งน้ำหนักของทุกๆ ฝ่าย ทั้งนี้ ก่อนจะตัดสินใจจะมีการประชุมหารือร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 5 กระทรวง
ซีพี.ยันปล่อยตามกลไกตลาด
แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท ซีพี กล่าวว่าการแก้ปัญหาของกรมการค้าภายใน ในการที่จะออกมาควบคุมราคาสินค้าเกษตรนั้นควรจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด เนื่องจากเกษตรกรผู้ผลิตสินค้าเกษตร จะสามารถแข่งขันในตลาดได้ เพราะถ้าเห็นว่าตลาดไหนราคาดีก็จะผลิตออกไปจำหน่าย การที่รัฐเข้ามาควบคุมพยายามบังคับให้สินค้าเกษตรหรือที่เกี่ยวข้องกับผลิตผลทางการเกษตรลดราคาลงมาว่า เป็นมาตการแทรกแซงตลาดที่ปลายทาง ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง แล้วยังส่งผลลบ เพราะจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำกว่าความเป็นจริงทั้ง ๆที่ ปกติกลุ่มเกษตรกร ก็เป็นกลุ่มที่ถูกกดราคามาจากกลุ่มพ่อค้าคนกลางมาโดยตลอด ที่ถูกแล้วรัฐบาลควรจะประกันราคาขั้นต่ำ และส่งเสริมให้ราคาของสินค้าเกษตร อยู่ในระดับความเป็นจริงของตลาด เพื่อเกษตรกรจะได้รับเม็ดเงินอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
"กรมการค้าภายในไม่ควรเข้าไปแทรกแซงกลไกตลาดในส่วนของสินค้าที่เกี่ยวข้องกับผลิตผลทางการเกษตร เพราะราคาสินค้าจะขึ้นอยู่กับฤดูกาล ไม่แน่นอนเหมือนสินค้าอุตสาหกรรม และราคาที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยนี้ก็หมายถึงรายได้ของเกษตรกร ที่เพิ่มมากขึ้น กรมการค้าภายในต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของเกษตรกรด้วย ไม่ใช่มุ่งแต่จะสร้างภาพให้ตัวเองเท่านั้น" แหล่งข่าว กล่าว
ลดค่ามือถือยังไม่สรุป
ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ นายมิ่งขวัญได้เชิญผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 4 ราย ได้แก่ เอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ และฮัชท์ เข้าหารือ เพื่อสรุปรายละเอียดการลดค่าบริการโทรศัพท์มือถือ และการลดราคาซิมโทรศัพท์ โดยเปิดโอกาสให้เข้าพบเพื่อชี้แจงรายละเอียดทีละราย ซึ่งจนถึงเวลา 18.00 น. เพิ่งหารือได้เพียง 2 ราย คือ ฮัชท์ และทรูมูฟ
นายขจร เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทรูมูฟ พร้อมให้ความร่วมมือในการลดค่าบริการโทรศัพท์มือถือ โดยไม่กี่วันมานี้ ได้ลดราคาค่าโทรมือถือเหลือนาทีละ 50 สตางค์ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ต่อวัน ถือว่าเป็นราคาค่าบริการที่ถูกที่สุดในโลกแล้ว ทั้งๆที่มีต้นทุน 1 บาท จากการจ่ายค่าธรรมเนียมหมายเลขให้กับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)
"ที่ทรูมูฟทำ ก็เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ใช้โทรศัพท์มือถือได้ถูกลง แต่การทำต้องมีระยะเวลา เพราะราคาถูกดีกับทุกคน แต่จะต้องมีจุดๆ หนึ่งที่จะทำ เนื่องจากผู้ประกอบการต้องหารายได้ไปพัฒนาเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามา" นายขจรกล่าว
ส่วนกรณีที่นายมิ่งขวัญ ต้องการให้มีการปรับลดราคาลงมาอีก ทั้งในส่วนของค่าโทรศัพท์มือถือ และโทรศัพท์พื้นฐานนั้น ทรูมูฟ กำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งหากจะให้ลดลงมาอีก ภาครัฐจะต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนด้วย โดยยอมลดส่วนแบ่งรายได้ต่างๆ ลงมา ทั้งค่าใบอนุญาต ค่าเลขหมาย เป็นเรื่องที่รัฐจะต้องตัดสินใจเข้ามามีส่วนร่วม เอกชนจะทำเพียงคนเดียวไม่ได้แล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการเชิญผู้ประกอบการทั้ง 4 รายมาหารือในครั้งนี้ นายมิ่งขวัญ ขอดูรายละเอียดการลดราคาค่าบริการโทรศัพท์มือถือ ของแต่ละราย และได้ขอให้มีการปรับลดราคาลงมาอีก พร้อมกับขอให้มีการมาหารือกันอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 17 มี.ค.นี้
วานนี้ (14 มี.ค.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้มีการติดตามและตรวจสอบการลักลอบนำหมูออกไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ราคาเนื้อหมูในประเทศเพื่อนบ้านสูงกว่าไทย เป็นเหตุจูงใจให้มีการลักลอบไปขาย เพื่อหากำไรส่วนต่าง โดยการแก้ไขปัญหาจะนำมาตรการให้แจ้งการเคลื่อนย้าย และห้ามการส่งออกมาใช้ และได้ขอให้นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ รับไปดำเนินการแล้ว
ทั้งนี้ ปัจจุบันหมูเป็นหนึ่งในบัญชีสินค้าควบคุม แต่ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้เข้มงวดในเรื่องนี้ แต่หลังจากที่มีปัญหาหมูแพง ประกอบกับเริ่มมีการลักลอบส่งออกไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจจะทำให้หมูในประเทศขาดแคลน และมีราคาแพงขึ้น กระทรวงพาณิชย์ จึงได้มีการพิจารณาเพิ่มมาตรการต่างๆ มาใช้มากขึ้น
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่าสำหรับสถานการณ์ราคาหมูเนื้อแดงในขณะนี้ พบว่า หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้นำหมูพาณิชย์กิโลกรัมละ 98 บาทมาจำหน่ายในร้านค้าปลีกและตลาดสดที่เข้าร่วมโครงการ ราคาเนื้อหมูในตลาดอื่นๆ มีราคาปรับลดลง ซึ่งมีตั้งแต่กก.ละ 95 -120 บาท ถือเป็นการสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค
ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว หลังจากพ้นระยะขอความร่วมมือให้จำหน่ายเนื้อหมูกิโลกรัมละ 98 บาท กระทรวงพาณิชย์ จะเข้าไปดูแลการเลี้ยงสุกรทั้งระบบ โดยจะหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง ซึ่งในเบื้องต้นพบว่า ราคาลูกหมู ขณะนี้มีราคาแพงขึ้นมาก และมีการปรับขึ้นราคาเร็วมาก จากช่วงที่ผ่านมา ราคาตัวละ 800 บาท เพิ่มเป็น 1,000 บาท 1,5000 บาท และล่าสุดตัวละ 1,800 บาท จึงต้องหาสาเหตุว่า ทำไมราคาถึงได้ปรับขึ้นเร็วขนาดนี้
ปัจจุบัน ผู้ผลิตลูกหมูรายใหญ่มีเพียงไม่กี่ราย โดยรายที่สำคัญ คือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) และเครือเบทาโกร โดยที่ผ่านมา สาเหตุที่ทำให้ราคาหมูเป็นเพิ่มขึ้น เพราะเกษตรกรต้องซื้อลูกหมูมาเลี้ยงในราคาที่แพงขึ้น และยังต้องซื้ออาหารสัตว์ในราคาที่แพงขึ้น
ลดภาษีกากถั่วเหลือง
นายมิ่งขวัญ กล่าวอีกว่า การลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองเพื่อแก้ไขปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาแพงนั้น ต้องพิจารณาก่อนว่าการลดภาษีเหลือ 0% จะช่วยลดราคาอาหารสัตว์ลงมามากน้อยแค่ไหน ลดแล้วจะกระทบกับอุตสาหกรรมใกล้เคียงหรือไม่ อย่างไร ซึ่งต้องมาชั่งน้ำหนักของทุกๆ ฝ่าย ทั้งนี้ ก่อนจะตัดสินใจจะมีการประชุมหารือร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 5 กระทรวง
ซีพี.ยันปล่อยตามกลไกตลาด
แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท ซีพี กล่าวว่าการแก้ปัญหาของกรมการค้าภายใน ในการที่จะออกมาควบคุมราคาสินค้าเกษตรนั้นควรจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด เนื่องจากเกษตรกรผู้ผลิตสินค้าเกษตร จะสามารถแข่งขันในตลาดได้ เพราะถ้าเห็นว่าตลาดไหนราคาดีก็จะผลิตออกไปจำหน่าย การที่รัฐเข้ามาควบคุมพยายามบังคับให้สินค้าเกษตรหรือที่เกี่ยวข้องกับผลิตผลทางการเกษตรลดราคาลงมาว่า เป็นมาตการแทรกแซงตลาดที่ปลายทาง ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง แล้วยังส่งผลลบ เพราะจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำกว่าความเป็นจริงทั้ง ๆที่ ปกติกลุ่มเกษตรกร ก็เป็นกลุ่มที่ถูกกดราคามาจากกลุ่มพ่อค้าคนกลางมาโดยตลอด ที่ถูกแล้วรัฐบาลควรจะประกันราคาขั้นต่ำ และส่งเสริมให้ราคาของสินค้าเกษตร อยู่ในระดับความเป็นจริงของตลาด เพื่อเกษตรกรจะได้รับเม็ดเงินอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
"กรมการค้าภายในไม่ควรเข้าไปแทรกแซงกลไกตลาดในส่วนของสินค้าที่เกี่ยวข้องกับผลิตผลทางการเกษตร เพราะราคาสินค้าจะขึ้นอยู่กับฤดูกาล ไม่แน่นอนเหมือนสินค้าอุตสาหกรรม และราคาที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยนี้ก็หมายถึงรายได้ของเกษตรกร ที่เพิ่มมากขึ้น กรมการค้าภายในต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของเกษตรกรด้วย ไม่ใช่มุ่งแต่จะสร้างภาพให้ตัวเองเท่านั้น" แหล่งข่าว กล่าว
ลดค่ามือถือยังไม่สรุป
ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ นายมิ่งขวัญได้เชิญผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 4 ราย ได้แก่ เอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ และฮัชท์ เข้าหารือ เพื่อสรุปรายละเอียดการลดค่าบริการโทรศัพท์มือถือ และการลดราคาซิมโทรศัพท์ โดยเปิดโอกาสให้เข้าพบเพื่อชี้แจงรายละเอียดทีละราย ซึ่งจนถึงเวลา 18.00 น. เพิ่งหารือได้เพียง 2 ราย คือ ฮัชท์ และทรูมูฟ
นายขจร เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทรูมูฟ พร้อมให้ความร่วมมือในการลดค่าบริการโทรศัพท์มือถือ โดยไม่กี่วันมานี้ ได้ลดราคาค่าโทรมือถือเหลือนาทีละ 50 สตางค์ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ต่อวัน ถือว่าเป็นราคาค่าบริการที่ถูกที่สุดในโลกแล้ว ทั้งๆที่มีต้นทุน 1 บาท จากการจ่ายค่าธรรมเนียมหมายเลขให้กับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)
"ที่ทรูมูฟทำ ก็เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ใช้โทรศัพท์มือถือได้ถูกลง แต่การทำต้องมีระยะเวลา เพราะราคาถูกดีกับทุกคน แต่จะต้องมีจุดๆ หนึ่งที่จะทำ เนื่องจากผู้ประกอบการต้องหารายได้ไปพัฒนาเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามา" นายขจรกล่าว
ส่วนกรณีที่นายมิ่งขวัญ ต้องการให้มีการปรับลดราคาลงมาอีก ทั้งในส่วนของค่าโทรศัพท์มือถือ และโทรศัพท์พื้นฐานนั้น ทรูมูฟ กำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งหากจะให้ลดลงมาอีก ภาครัฐจะต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนด้วย โดยยอมลดส่วนแบ่งรายได้ต่างๆ ลงมา ทั้งค่าใบอนุญาต ค่าเลขหมาย เป็นเรื่องที่รัฐจะต้องตัดสินใจเข้ามามีส่วนร่วม เอกชนจะทำเพียงคนเดียวไม่ได้แล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการเชิญผู้ประกอบการทั้ง 4 รายมาหารือในครั้งนี้ นายมิ่งขวัญ ขอดูรายละเอียดการลดราคาค่าบริการโทรศัพท์มือถือ ของแต่ละราย และได้ขอให้มีการปรับลดราคาลงมาอีก พร้อมกับขอให้มีการมาหารือกันอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 17 มี.ค.นี้