xs
xsm
sm
md
lg

ฟื้นรัฐตำรวจ…จุดชนวนกลียุค!

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

ก่อนอื่นก็ต้องขอบอกศาลาประกาศโมฆะกรรมในการทำหน้าที่ของรัฐมนตรี 3 คนที่ถูก คตส. ใช้อำนาจ ป.ป.ช. สั่งว่าคดีมีมูล และส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาพิพากษาคดี ซึ่งกฎหมายบัญญัติชัดเจนว่ารัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาเช่นนี้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที

จะไปอ้างว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรัฐบาลก่อนและไม่ได้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับรัฐบาลก่อนไม่ได้ เพราะนี่เป็นเหตุผลวิปริตทำนองเดียวกับใครที่ฆ่าคนในสมัยรัฐบาลก่อนก็ยังคงต้องรับผิดในความผิดที่ทำไว้ ไม่ว่าจะมีการสั่งคดีในเวลาไหนก็ตาม

ดังนั้นบรรดาข้าราชการและคนทั้งปวงจึงต้องระมัดระวังหากมีกรณีต้องเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรี 3 คน 3 กระทรวงนี้ เพราะเมื่อกฎหมายห้ามไม่ให้ทำหน้าที่แล้วขืนไปทำเข้า นอกจากผู้ทำจะผิดกฎหมายแล้ว สิ่งที่ทำนั้นก็ไร้ผลเป็นโมฆะ ใครเชื่อฟังทำตามก็ต้องรับผิดชอบกันเองเป็นส่วนตัว

ใครจะคิดว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ค้ำฟ้าเหมือนที่เคยคิดกับพรรคไทยรักไทยแล้วยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายก็เชิญตามสบาย โดยเฉพาะคนที่คิดว่ารัฐบาลนี้อยู่ค้ำฟ้าแล้วทำอะไรต่อมิอะไรในทางย่ำยีชาติบ้านเมืองและประชาชนก็ควรจะสังวรเอาไว้บ้าง เพราะหากเกิดเหตุพลิกผันขึ้นมา จะเปลี่ยนสีแปรธาตุแบบจิ้งจกซ้ำแล้วซ้ำเล่าคงจะไม่มีใครเชื่อถือเป็นแน่

ที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้วันนี้ก็มีแรงจูงใจจากกรณีที่เกิดเหตุตำรวจยิงทหารคนหนึ่งถึงแก่ความตาย ในขณะที่ในมือยังถือข้าวเหนียวหมูย่างอยู่ แต่ก็มีคนเอาปืนไปโยนไว้ข้าง ๆ ทหารผู้นั้น ซึ่งพอจะคาดเดาได้ว่าหมายจะให้เป็นคดีวิสามัญหรือไม่ก็เป็นคดีต่อสู้ แล้วพรรคพวกที่เป็นทหารด้วยกันเห็นว่าไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรม จึงยกพวกกันไปติดตามจนเป็นข่าวเกรียวกราวขึ้น

การที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ก็เพราะมีความเห็นมากหลายส่อไปในทางที่ว่านี่เพราะมีการฟื้นรัฐตำรวจขึ้นมาจึงเกิดอาการกร่างและทำให้เกิดเหตุขึ้น ซึ่งความเห็นแบบนี้จะมองข้ามไม่ได้เพราะตรองไปแล้วก็เป็นเรื่องใหญ่เอาการ

อดีตเป็นเครื่องบอกอนาคตอย่างหนึ่ง ต้นสะพานจะสาวไปถึงปลายสะพานก็ย่อมได้ ประวัติศาสตร์แม้ล่วงพ้นไปแต่ใช่ว่าจะไม่เกิดซ้ำรอยขึ้นมาอีก

และความจริงเรื่องการตั้งรัฐหรือสร้างรัฐตำรวจนั้นมีมานานแล้ว แล้วก็เกิดเหตุพิบัติฉิบหายวายวอดทุกครั้งไป ถึงกระนั้นก็ยังคงมีคนคิดเรื่องรัฐตำรวจและพยายามที่จะสร้างรัฐตำรวจขึ้นมา

ที่เป็นดังนี้ก็เพราะว่าในประเทศด้อยพัฒนาอย่างประเทศไทยของเรานี้ ตำรวจคือกลไกรัฐที่มีอานุภาพและมีความคล่องตัวมากที่สุด ในยามปกติมีอำนาจหน้าที่เหนือกว่าทหาร จะสู้ไม่ได้ก็ต่อเมื่อทหารเข้ายึดอำนาจเท่านั้น นอกจากนี้แล้วต่อให้ระดับนายพลก็เถอะอาจถูกตำรวจจับใส่กุญแจมือราวกับเป็นอาชญากรดังที่เห็น ๆ กันมาแล้ว

จะลองยกตัวอย่างทางประวัติศาสตร์มาเป็นนิทรรศน์อุทาหรณ์ด้วยหวังว่าอาจสามารถหยุดยั้งกลียุคที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมือง หรือเหตุการณ์ที่จะนำพาชาติบ้านเมืองถอยหลังเข้าคลองอีกครั้งหนึ่ง

ในประเทศไทยของเรานี้มีความพยายามสร้างรัฐตำรวจยุคแรกสุดก็คือยุคพลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ มีแผนแม่บทที่จะสร้างกรมตำรวจให้เหมือนกับกองทัพทุกประการ และยุคนั้นก็เป็นยุคที่ตำรวจมีอำนาจบาทใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ในโลกนี้เขาจัดชั้นอัศวินให้กับพวกทหารเท่านั้น เพิ่งมีประเทศไทยในยุคดังกล่าวนี่แหละที่จัดชั้นอัศวินให้กับตำรวจ และในบรรดาตำรวจชั้นอัศวินทั้งหลายนั้นก็ยังมีระดับชั้นย่อยลงมาอีกตั้งแต่ระดับแหวนเพชรลงมา

อำนาจของตำรวจในยุคนั้นขยายวงกว้างออกไปทุกที จนกระทั่งคุกคามฝ่ายทหาร มีเหตุการณ์ตำรวจยิงทหารตายอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด ในขณะที่ความขัดแย้งทางการเมืองก็รุนแรงมากขึ้นทุกที

ประชาชนถูกอุ้มฆ่าเป็นว่าเล่น!

ในที่สุดจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ยึดอำนาจและล้มรัฐตำรวจของพลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ จนพินาศไป

แต่ความคิดเรื่องรัฐตำรวจก็ยังดำรงคงอยู่ และเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความคิดนี้ที่จะต้องไม่มีวันตาย จึงยังคงมีการสร้างอนุสาวรีย์และสดุดีผู้เป็นบิดาของรัฐตำรวจไทยมาจนถึงทุกวันนี้

ในยุคถัดมาคือก่อน รสช. ก็มีความพยายามที่จะฟื้นรัฐตำรวจขึ้นมาคานกับกองทัพไทย ถึงขนาดบังอาจคุกคามฝ่ายทหารอย่างไม่แยแสต่อความรู้สึกนึกคิดใด ๆ มีการนำเอารถโมบายไปตั้งดักฟังคณะนายทหาร

มีการใช้กำลังตำรวจในการอารักขานายกรัฐมนตรีแทนทหาร และหวังเป็นกำลังจู่โจมเร็วอีกด้วย

ในที่สุดพลเอก สุนทร คงสมพงษ์ และพลเอก สุจินดา คราประยูร ก็ยึดอำนาจล้มรัฐบาลพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ และล้มความคิดฟื้นรัฐตำรวจไปอีกรอบหนึ่ง โดยคนที่เกี่ยวข้องต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ

ถัดมาก็ในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย กระบวนการสร้างรัฐตำรวจได้เกิดขึ้นอีก องค์กรของรัฐต่าง ๆ ถูกขยับตัวบุคคลเดิมออกจากหน้าที่แล้วใช้ตำรวจไปครองตำแหน่งแทน แม้กระทั่งองค์กรอิสระและองค์กรเศรษฐกิจจำนวนมากก็ใช้ตำรวจเข้าไปควบคุมทั้งนั้น

การฆ่าตัดตอนเรื่องยาเสพติดนับพัน ๆ ศพ เป็นเรื่องฮือฮาระดับโลกและอยู่ระหว่างการตรวจสอบของสหประชาชาติในขณะนี้ก็เกิดขึ้น ควบคู่กับการอุ้มฆ่าและสังหารประชาชน ตลอดจนการใช้อำนาจรัฐกลั่นแกล้งข่มเหงกดหัวทั้งนักการเมืองและภาคประชาชนก็เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง

รัฐตำรวจเข้มแข็งเกรียงไกรมากที่สุดหลังจากสิ้นยุคพลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ เฉพาะเครื่องดักฟังก็ใช้กันอย่างกว้างขวางและลักลอบดักฟังทุกผู้คนทุกชั้นชนในสังคมไทยจนเกิดความหวาดระแวงแคลงใจไปทั่ว สังคมไทยหวุดหวิดจะกลายเป็นสังคมโรคจิตไปในครั้งนั้น

แล้วก็มาถึงขั้นการเข้าครอบงำฝ่ายความมั่นคง มีการส่งตำรวจเข้าไปคุมหน่วยงานความมั่นคงมากขึ้น ๆ และขยายไปถึงกำลังปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีการสั่งให้ฝ่ายทหารออกจากพื้นที่แล้วให้ฝ่ายตำรวจเข้าไปทำหน้าที่แทนจนเกิดเหตุบานปลายระเบิดเถิดเทิงต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้

ความไม่เป็นธรรมขยายตัวไปทั่วแผ่นดิน จึงเป็นธรรมชาติของสังคมที่ที่ใดมีการกดขี่ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้ ประชาชนจึงรวมตัวกันต่อสู้ภายใต้การนำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และต่อมาก็มีการรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง

รัฐตำรวจที่พยายามสร้างขึ้นถึง 3 ครั้ง 3 ครา ได้ก่อให้เกิดความหายนะและความขัดแย้งใหญ่ในบ้านเมืองอย่างชัดเจน และจบลงด้วยการปฏิวัติรัฐประหารทั้ง 3 ครั้ง

ในวันนี้ข่าวคราวทุกกระแสตรงกันว่ามีความพยายามที่จะฟื้นฟูรัฐตำรวจขึ้นมาอีก กระบวนการโยกย้ายผ่องถ่ายเพื่อเอาพวกพ้องเข้าครองอำนาจตำรวจกำลังอึกทึกครึกโครมและกำลังก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในวงการตำรวจอย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้

ก็ต้องชี้เสียตรงนี้ว่าความพยายามฟื้นรัฐตำรวจในคราวนี้ได้ก่อให้เกิดศัตรูจากฝ่ายตำรวจด้วยกันเองที่เป็นวงกว้างที่สุดยิ่งกว่าความพยายามสร้างรัฐตำรวจทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา

รัฐบาลกำลังทำอะไรกันนี่? เพียงแค่ไม่ถึง 3 เดือนหลังเลือกตั้ง ผลพวงแห่งการเลือกตั้งซึ่งทุกคนมุ่งหวังว่าจะเกิดความปรองดอง ความสามัคคีและการพัฒนากลับถูกทำลายลงอย่างราบคาบ สิ่งที่ปรากฏก็คือความขัดแย้งที่รุนแรงก่อนการรัฐประหารกำลังกลับคืนมาเหมือนเดิมและขยายตัวไปมากกว่าเดิม

รัฐบาลฮึกห้าวเหิมเกริมเกินไป และมีข้อมูลที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง เช่น สำคัญผิดคิดว่าภาคประชาชนอ่อนแอไม่มีน้ำยาแล้ว หรือไม่ก็ขัดแย้งกันเอง หรือจ้องจองล้างจองผลาญกันเอง จึงฮึกห้าวเหิมเกริมคิดว่าจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจอีก

ผิดถนัด! ภาคประชาชนเติบใหญ่ชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นแต่อำนาจบังตาทำให้ไม่เห็นความจริงและกำลังก้าวเดินลงเหวไปดื้อ ๆ เหมือนกับผู้มีอำนาจที่อธรรมคนแล้วคนเล่าเคยประพฤติมาในอดีต

ในวันนี้ภาคประชาชนเขารู้กันทั่วแล้วว่ากระแสหลักของประเทศไทยไม่ใช่กระแสพัฒนาหรือสันติอะไรทั้งนั้น แต่มันเป็นกระแสความขัดแย้งที่จะไปสู่กลียุค ซึ่งอาจมีการประหัตประหารกันครั้งใหญ่ที่สุดดังที่นายแพทย์ประเวศ วะสี ได้ชี้ไว้

มันเป็นความขัดแย้งระหว่างกระแสที่จะฟื้นฟูอำนาจรัฐเผด็จการทุนสามานย์กับกระแสที่ต้องการโค่นล้มเผด็จการทุนสามานย์ นี่คือกระแสหลักของประเทศไทยที่ทุกคนจะต้องรีบทำความเข้าใจแล้วหยุดยั้งกลียุคให้ทันท่วงที

ในวันนี้ภาคประชาชนเขารู้กันทั่วแล้วว่าเพื่อจะฟื้นฟูอำนาจรัฐเผด็จการทุนสามานย์นั้น รัฐบาลหุ่นกำลังดำเนินงาน 3 ขั้นตอนคือ

ขั้นตอนที่หนึ่ง การเคลียร์คดีความให้กับอดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเอาทรัพย์สมบัติและเสรีภาพคืนมา ดังนั้นจึงมีการโยกย้ายและแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างไม่ยั้งมือและอย่างอหังการที่สุด

แต่ตรงนี้ก็คือจุดเปราะบางและแตกหักหนักแน่นที่สุด เพราะไม่มีใครในโลกและประเทศไทยที่จะยอมให้กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายครั้งที่ผ่านมาล้วนเกิดขึ้นจากการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมทั้งนั้น

ขั้นตอนที่สอง การฟื้นรัฐตำรวจและการกระชับอำนาจ และเป็นที่แน่นอนว่าย่อมมีเป้าหมายสุดท้ายอยู่ที่การเข้าครองอำนาจทหาร โดยประเดิมเช็กบิลจุดที่อ่อนเปราะที่สุดคือโยกย้ายคนของรัฐบาลเต่าที่แต่งตั้งไปเมื่อคราวที่แล้ว และถัดมาก็เป็นคนของ คมช. ซึ่งบัดนี้หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. ก็ถูกเช็กบิลแล้ว

ความพยายามที่จะเข้าครอบงำกองทัพจะเป็นตัวเร่งสำคัญของการเปลี่ยนแปลงเพราะหลักการแห่งอำนาจรัฐที่ว่าอำนาจรัฐเกิดจากกระบอกปืนนั้น ต่างฝ่ายต่างก็รู้อยู่กระจ่างใจทั้งนั้น

ถ้าเขายึดกองทัพได้ก็หมายความว่าทุกสิ่งจบสิ้นแล้ว ความเปลี่ยนแปลงตามที่เป็นข่าวเล่าขานกันมาจะปรากฏเป็นจริงขึ้น คนไทยจะมีหนทางเลือก 2 ทางเท่านั้นคือสวามิภักดิ์ จงรักภักดีต่ออำนาจใหม่ หรือไปตายซะ!

เดิมพันครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก

ขั้นตอนที่สาม คือการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างตามแนวคิดที่เพิ่งปรากฏล่าสุดที่ว่า พวกที่อยู่บนยอด (Top People) ไม่ได้สร้างรากฐานให้กับประเทศไทย เพราะมัวแต่สนุกสนานอยู่กับผลประโยชน์ที่ได้จากรัฐบาลที่อ่อนแอ นั่นคือประเทศไทยจะถูกสร้างใหม่ที่รากฐาน

ไม่เห็นหรือ เริ่มมีการตอกเสาเข็มกันแล้วด้วยแนวคิดหวยเสรี เปิดบ่อนเสรี ซึ่งในอนาคตคงจะมีเรื่องบอลเสรี และโสเภณี ตลอดจนยาบ้าเสรีตามมาด้วย

สถานการณ์ขณะนี้จะมาถึงจุดสำคัญหรือถึงจุดยุทธศาสตร์ใหญ่จุดหนึ่ง คือการฟื้นฟูรัฐตำรวจ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเปิดตำแหน่งรอไว้แล้ว รอคนสำคัญมานั่งครองตำแหน่งนี้เมื่อใด รัฐตำรวจก็จะได้รับการฟื้นฟูขนานใหญ่เมื่อนั้น

มันจะดำเนินไปสู่ความสำเร็จของการเปลี่ยนแปลงใหญ่แบบไหนกัน? ก็ต้องคอยดูกันให้ใกล้ชิด.

กำลังโหลดความคิดเห็น