พันธมิตรฯ แถลงฉบับ 3 ย้ำ “รัฐบาลนอมินี” ยังเหิมเกริม โยกย้าย ขรก.-แทรกแซง คตส.-อัยการ-ฟื้นรัฐตำรวจ-เอื้อประโยชน์ระบอบทักษิณ ประกาศเคลื่อนไหวนัดแรก จัด “ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ” ระดมองค์กรภาค ปชช.ร่วมวางยุทธศาสตร์ใหม่ หอประชุมใหญ่ มธ.28 มี.ค.นี้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง แถลงการณ์พันธมิตรฉบับที่ 3
คลิก! ชมการแถลงของพันธมิตรฯ (56K) |(256K)
กำหนดการ"ยามเฝ้าแผ่นดิน" ภาคพิเศษ 28 มี.ค.51
เวลาประมาณ 12.30 น.วันนี้ (12 มี.ค.) หลังจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วยนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย (พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ติดภารกิจที่ประเทศเกาหลีใต้) และตัวแทนองค์กรภาคประชาชน ได้ประชุมหารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่บ้านพระอาทิตย์แล้ว ได้มีการออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 กำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ดังนี้
แถลงการณ์ฉบับที่ 3/2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่อง “เคลื่อนไหวครั้งที่ 1 : ต้านเผด็จการทุนนิยมสามานย์และรัฐตำรวจ”
ตามที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2551 ลงวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2551 แล้ว ได้ปรากฏว่ารัฐบาลยังคงแสดงพฤติกรรมเหิมเกริม ลุแก่อำนาจ ข่มขู่การเคลื่อนไหวของพี่น้องข้าราชการและประชาชนอย่างต่อเนื่อง ดังปรากฏพฤติกรรมเป็นหลักฐานดังต่อไปนี้
ประการแรก รัฐบาลนอมินีได้กระทำการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมก่อนถึงศาลจนได้ปรากฏเป็นที่ชัดเจนว่ากระบวนการยุติธรรมได้ถูกแทรกแซง แทรกซึม และแทรกซื้อ จากอำนาจรัฐชนิดรวบรัดตัดตอนเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการฟอกความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายระบอบทักษิณ โดยเฉพาะการใช้อำนาจรัฐยึดกระบวนการยุติธรรมก่อนถึงศาล ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย และแกนนำพรรคพลังประชาชนให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ ดังตัวอย่างที่ปรากฏต่อไปนี้
1. มีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ที่มีความเกี่ยวพันกับการดำเนินคดี นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎรในการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งจนอาจเป็นผลทำให้ต้องมีการยุบพรรคพลังประชาชน ให้พ้นจากตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 และกำลังจะโยกย้ายรองผู้บังคับการตำรวจท่านหนึ่งที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช เข้าไปทำหน้าที่แทน
2. มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้รับผิดชอบในการดำเนินคดีบุกรุกและครอบครองที่ดินกรณีเขากระโดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย และที่ดินสาธารณประโยชน์ในอำเภอสตึก ที่เกี่ยวโยงกับคนในครอบครัวชิดชอบบางคน นอกจากนี้ พ.ต.อ.สังวรณ์ยังทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดบุรีรัมย์ และกำลังตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์ในขณะนี้ ให้ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2551 ในทางตรงกันข้าม กลับมีการโยกย้ายให้ พ.ต.อ.สมบัติ คงพิบูลย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนครที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ “คนในครอบครัวชิดชอบบางคน” ไปช่วยราชการในตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์แทน
3.มีการเปิดตำแหน่งใหม่ในโครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเตรียมโยกย้ายคนใกล้ชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อให้มาควบคุมดูแลและสถาปนา “รัฐตำรวจ” กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
4.มีการแทรกแซง และทำลายความชอบธรรมของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และแทรกแซงสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อประโยชน์ต่อคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้องอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเข้าไปแทรกแซงในคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อช่วยเหลือการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งอย่างแจ้งชัด
เมื่อรวมกับพฤติกรรมของรัฐบาลนอมินี ในการโยกย้ายข้าราชการตามที่ได้มีการแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ ย่อมเป็นการตอกย้ำแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินการแทรกแซง ครอบงำ และตัดตอนกระบวนการยุติธรรมเป็นที่ประจักษ์แล้ว
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) สำนักงานอัยการสูงสุด และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถือเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการยุติธรรมก่อนถึงศาล ซึ่งสามารถทำให้พยานและหลักฐานมีน้ำหนักไม่เพียงพอในการลงโทษผู้กระทำความผิดได้
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนไม่เคยปฏิเสธในการโยกย้ายข้าราชการเมื่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หากแต่การโยกย้ายข้าราชการของรัฐบาลชุดนี้กลับเต็มไปด้วยการกระทำที่ไร้ระบบคุณธรรม โดยมุ่งหวังการโยกย้ายข้าราชการเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ตลอดจนพวกพ้อง ให้พ้นจากขั้นตอนการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพียงอย่างเดียว
ประการที่สอง มีความพยายามฟื้น “รัฐตำรวจ” อันน่าสะพรึงกลัว เหมือนกับเหตุการณ์ร่วมสมัยในยุค พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ และในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งละเมิดสิทธิมนุษยชน ฆ่าตัดตอน และกลั่นแกล้งคุกคามการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนในทุกรูปแบบ
รัฐบาลนอมินีและพรรคพลังประชาชน มักกล่าวอ้างว่า องค์กรอิสระ หรือข้าราชการที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการกระทำความผิดในช่วงเวลาที่ผ่านนั้นไม่มีความชอบธรรมเพราะมาจากการรัฐประหาร ในขณะที่รัฐบาลนอมินีชุดนี้ก็เข้ามาสู่อำนาจภายใต้รัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาของการรัฐประหารเช่นเดียวกัน
แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลนอมินีเลือกใช้อำนาจทางกฎหมายเฉพาะส่วนที่ตัวเองได้ประโยชน์ ส่วนใดที่เสียประโยชน์ก็จะปฏิเสธกติกานั้นเสีย อันเป็นการกล่าวอ้างเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องเท่านั้น
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน จึงได้มาประชุมกำหนดจุดยืนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดังต่อไปนี้
1.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน ขอยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงเป็นปัญหาของแผ่นดินต่อไป ขอให้พี่น้องประชาชนเตรียมพร้อมเพื่อรับการคุกคามทุกรูปแบบจากรัฐตำรวจที่เกิดขึ้นแล้ว
เราขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้เป็นน้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบกอย่าได้ตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาลนอมินีในการสร้างรัฐตำรวจ และใช้รัฐตำรวจในการคุกคามประชาชน
จึงขอเตือนสติไปยัง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ให้ยอมรับธรรมของพระพุทธเจ้าที่ว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างมีความไม่เที่ยงแท้ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะไม่มีอะไรที่อยู่คงทนตลอด” ดังนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ จึงควรทำสิ่งที่ถูกต้อง เป็นธรรม และกล้าหาญ เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ตลอดจนเพื่อเป็นเกียรติแต่วงศ์ตระกูล “วงษ์สุวรรณ”
2. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ แสดงความกล้าหาญดำเนินการเสนอศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคการเมืองที่กระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งและประพฤติตนเป็นนอมินีให้กับพรรคไทยรักไทยโดยเร็วที่สุด
3. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน ขอเรียกร้องต่อพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐภายใต้รัฐธรรมนูญ เพื่อพัฒนาไปสู่สังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
4. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และองค์กรเครือข่ายฯ มีมติ “ให้เคลื่อนไหวครั้งที่ 1” โดยมอบหมายให้ให้มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินดำเนินการจัดการสัมมนารายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ในวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2551 ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น
เชิญขอเรียนเชิญพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และองค์กรเครือข่ายทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ภาคประชาชนต่อไป ทั้งนี้จะประกาศเปิดตัวคณะกรรมการตรวจสอบอำนาจรัฐทั้ง 5 คณะอย่างเป็นทางการในวันดังกล่าว
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า ยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวในขณะนี้ คือ การสร้างเอกภาพ ความรับรู้ อย่างกว้างขวางว่า ปัญหาของชาติขณะนี้เกิดจากความขัดแย้ง 2 กระแส คือ
1. กระแสฟื้นระบอบเผด็จการทุนนิยมสามานย์ โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวแทน
2. กระแสต่อต้านระบอบเผด็จการทุนนิยมสามานย์ โดยมี พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และภาคประชาชนทั่วประเทศ เป็นตัวแทน
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและองค์กรเครือข่ายพร้อมยืนหยัดอยู่ข้างกระแสต่อต้านระบอบเผด็จการทุนนิยมสามานย์ และพร้อมเคลื่อนไหวในทุก “รูปแบบ” ด้วยสันติวิธีภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ 2550
ด้วยจิตคารวะ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
12 มีนาคม 2551
แกนนำพันธมิตรฯ และองค์กรแนวร่วม แถลงเพิ่มเติม
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ความเห็นของแกนนำพันธมิตรฯ
สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
อยากจะกราบเรียนว่าพี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่เรียกร้องให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนไหว เราได้จัดการตอบสนองพวกท่านแล้วนะครับ โดยการนัดหมายมาสัมมนาปัญหาหลักของชาติในวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม ที่หอประชุมใหญ่ ธรรมศาสตร์ เราสนใจประเด็นพิเศษของระบอบทักษิณ การฟื้นรัฐตำรวจ และปฏิบัติการของรัฐบาลหุ่นเชิดที่ทำการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น เราอยากจะยกตัวอย่างเดียวของการเลือกใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตน ก็คือว่า ในกรณีของประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ได้ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งวินิจฉัยว่ากระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อ คตส. ซึ่งทำหน้าที่ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดและส่งฟ้อง อันนี้เกินชี้มูลความผิดอีกนะ ส่งฟ้อง 47 จำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในกรณีฐานความผิดเรื่องการออกหวยบนดินผิดกฎหมาย แต่รัฐบาลกลับไม่เลือกใช้กฎหมาย คงปล่อยให้ 3 รัฐมนตรีลอยนวลอยู่ ท้าทายสังคมอย่างเปิดเผย
เราขอยืนยันว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นปฏิบัติการอยู่เหนือกฎหมายรัฐธรรมนูญดังเช่นระบอบทักษิณเคยทำตัวอยู่เหนือกฎหมายรัฐธรรมนูญมา 5 ปี จึงเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนมาร่วมสัมมนาปัญหาหลักของชาติภายใต้กระบวนการที่เหมาะสม สันติวิธี และภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ พี่น้องประชาชน เราจะได้พบกันครับ
วีระ สมความคิด
พี่น้องสื่อมวลชนที่เคารพนะครับ ก็เป็นครั้งแรกที่เครือข่ายภาคประชาชนได้เข้ามาร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในการกำหนดการเคลื่อนไหวภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญของภาคประชาชน ในการที่เราจะให้ทุกภาคส่วนในสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วม ก็ขอเชิญชวนพี่น้องพันธมิตรฯ องค์กรประชาชนที่รักความเป็นธรรม มาร่วมกันในวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2551 ที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ก็ขอเชิญนะครับ ในวันนั้นจะเป็นวาระสำคัญ เป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ภาคประชาชน จะถือเป็นก้าวย่างสำคัญที่เราจะช่วยกันผ่านวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เป็นวิกฤตการณ์สำคัญที่พวกเราประเมินแล้วว่าเขาจะใช้รัฐตำรวจเป็นเครื่องมือในการที่จะทำให้กระบวนการต่างๆ โดยเฉพาะกระบวนการที่จะตรวจสอบ ลงโทษ ผู้ที่ทำการทุจริตคอร์รัปชั่นต่างๆ โดยเฉพาะคุณทักษิณ และพวกพ้อง อันนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญที่พี่น้องประชาชนจะต้องช่วยกันติดตามและตรวจสอบ ก็ขอเชิญนะครับ ทุกภาคส่วนในสังคมเข้ามามีส่วนร่วม
หนึ่งแก่น บุญรอด
กราบเรียนพี่น้องสื่อมวลชน และประชาชนที่เคารพยิ่งครับ ผมหนึ่งแก่น บุญรอด สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ที่มีท่านประสงค์ สุ่นศิริ เป็นประธานที่ปรึกษา และท่านไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เป็นเลขาธิการ ผมในฐานะรองเลขาธิการ วันนี้มาร่วมประชุมกัน ก็เห็นด้วยกันทั้งหมด และขอร้องสื่อมวลชนและทุกท่านด้วยว่า วันศุกร์ที่ 28 น่าจะเป็นครั้งแรก ผมคิดว่าวิกนี้คงจะแตกแน่ เพราะว่าพันธมิตรประชาชนฯ และสมาชิกสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย คงจะมาร่วมกันมาก สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย กำลังเตรียมการวางแผนที่จะประชุมแต่ละจังหวัดให้ความรู้ ให้ความถูกต้องกับประชาชนทั่วประเทศ กำลังไล่ตามอยู่ วันนี้ก็มาร่วมประชุมกันครับ ขอบพระคุณครับ
พิภพ ธงไชย
พี่น้องสื่อมวลชนครับ เราแถลงการณ์มา 1 และ 2 ฉบับ วันนี้เป็นฉบับที่ 3 ถ้าสื่อมวลชนได้ติดตามก็จะเห็นได้ว่าการแถลงการณ์ของเราได้ชี้ให้เห็นยุทธศาสตร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และยุทธวิธีที่กำลังดำเนินตามยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ของคุณทักษิณก็คือจะต้องไม่นำตนเองและครอบครัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเป็นคำอ่อนไปแล้ว แถลงการณ์ฉบับนี้ได้ชี้ให้เห็นว่ามีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมก่อนถึงศาลอย่างไร แต่ยุทธศาสตร์หลักของเขาก็คือจะต้องไม่นำตัวขึ้นศาล ดังที่แถลงไปคราวที่แล้ว ได้ชี้ให้เห็นเป็นขั้นตอน แล้ววันนี้ก็ชี้ให้เห็นว่ายุทธศาสตร์หลัก นอกจากจะไม่นำตัวอดีตนายกรัฐมนตรีขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็ยังมียุทธศาสตร์หลักก็คือฟื้นระบอบทักษิณ หรือระบอบทุนนิยมสามานย์ โดยพรรคที่เป็นรัฐบาล เป็นนอมินีอยู่ในขณะนี้ อันนี้เป็นยุทธศาสตร์ที่ 2 ยุทธศาสตร์ที่ 3 ที่เราบอกกับพี่น้องประชาชนวันนี้ก็คือการฟื้นรัฐตำรวจ หรือการทำให้เกิดรัฐตำรวจ ในขั้นตอนนี้อาจจะผ่านการฟื้นไปแล้ว แต่เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดรัฐตำรวจ และเหมือนกับคราวที่แล้ว ที่ผมพูดถึงเรื่องการรัฐประหารตัวเองของรัฐบาลในอดีต ตั้งแต่ 2475 เป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ย่อมรู้ว่าประวัติศาสตร์ย่อมซ้ำรอย
การสร้างรัฐตำรวจขึ้นมาก็เป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ตั้งแต่ยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม และ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เพราะฉะนั้นคนไทยจะต้องสนใจประวัติศาสตร์ แล้วดูประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยอย่างไร และในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ใช้รัฐตำรวจคุกคามประชาชน จนเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน เกิดการฆ่าตัดตอน เกิดการคุกคามภาคประชาชนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ซ้ำรอยในประวัติศาสตร์ใกล้ๆ และซ้ำรอยประวัติศาสตร์เมื่อก่อน 2500 อันนี้ก็อยากจะชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เป็นความคุกคาม ถ้ารัฐไหนพยายามที่จะใช้อำนาจของรัฐตำรวจ การคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนก็จะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นวันนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และองค์กรเครือข่าย พยายามจะส่งสัญญาณ พยายามจะบอกไปกับพี่น้องประชาชน ว่าการกระทำ การรื้อฟื้นในสิ่งต่างๆ ใน 3 ยุทธศาสตร์นั้น มันได้ดำเนินการอยู่ และกำลังจะประสบความสำเร็จอย่างเป็นขั้น เพราะฉะนั้นถ้าพี่น้องประชาชนไม่รู้เท่าทัน และไม่ร่วมกัน ภาษาอังกฤษเรียกว่า Voice หรือออกเสียง ส่งเสียง ให้เห็นว่าเราไม่ต้องการ เราต้องปฏิเสธระบอบทักษิณและทุนนิยมสามานย์ อันนี้ก็จะเห็นชัดเจน
เราไม่ได้จงเกลียดจงชัง หรือมีความคิดที่ไม่ดีต่อคนที่ยังมีความรักใคร่คุณทักษิณ แต่เราอยากจะเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่า จะต้องพิจารณาโดยรวมให้เห็นชัดเจนว่า การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคนอมินีนั้น กำลังนำไปสู่ยุทธศาสตร์ 3 ยุทธศาสตร์ อย่างที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และองค์กรเครือข่ายชี้หรือเปล่า ถ้าเห็นพ้องต้องกัน ผมคิดว่าเราจะต้องกลับมาร่วมกันต่อต้านไม่ให้ยุทธศาสตร์ทั้ง 3 ประสบความสำเร็จ และนำประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เราขอยืนยันว่าเราจะเคลื่อนไหวอย่างสงบและสันติ เหมือนกับการเคลื่อนไหวในช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ปรากฏเป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าเป็นการเคลื่อนไหวอย่างสงบและสันติ หรือการใส่ร้าย ให้ร้ายใดๆ ที่จะหาเหตุว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงของการเคลื่อนไหวตามสิทธิเสรีภาพของรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 และอย่างสงบสันตินั้น เป็นการต้องการบิดเบือนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนอย่างแท้จริง เราขอยืนยันว่า เราจะดูแลการเคลื่อนไหว การสัมมนา การประชุม ให้อยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ และขอยืนยันว่า เรามีสิทธิและเสรีภาพที่จะใช้สิทธิเสรีภาพของเราในการเคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 และมีธรรมะ สันติวิธี เป็นตัวกำกับ ขอบคุณครับ
สมศักดิ์ โกศัยสุข
เรียนพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน อธิบายนิดหนึ่ง คำว่าเผด็จการทุนนิยมสามานย์ ซึ่งอาจจะไม่คุ้นเคย ความจริงเป็นวิธีการเผด็จการพันธุ์ใหม่ของระบบทุนนิยม ที่ฟอกด้วยวิธีการเลือกตั้ง และพวกเผด็จการพันธุ์นี้จะอธิบายว่า ถ้ามาจากการเลือกตั้งก็ถือว่าเป็นประชาธิปไตยแล้ว และไม่ได้ให้ประชาชนเข้าใจว่า แม้จะมาจากการเลือกตั้ง ถ้าการเลือกตั้งนั้นเป็นไปโดยไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม หรือใช้อาวุธ ใช้เงินเป็นอำนาจ เพื่อให้ได้เข้าสู่อำนาจรัฐ และขั้นที่ 2 ก็ใช้อำนาจรัฐไปโดยที่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน แต่เพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่นต่างๆ อันนี้เป็นเผด็จการที่ไม่ได้มาจากประชาชนโดยประชาชนเพื่อประชาชน ตามนิยามของระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น ดังนั้นเป็นภารกิจร่วมกันของพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนที่ต้องตื่นตัว ในฐานะที่เป็นเจ้าของประเทศ ผู้เสียภาษี ต้องทำหน้าที่ ใช้สิทธิเสรีภาพในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกขั้นตอน เพื่อให้การทุจริต การคอร์รัปชั่น ซึ่งองค์การโปร่งใส สุดท้ายจัดลำดับประเทศไทย ในเอเชีย รู้สึกว่าอยู่อันดับที่ 12 หมายความว่าทุจริตมากเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศฟิลิปปินส์ อันนี้ก็เป็นตัวที่ปรากฏชัดเจนว่าเป็นที่ประจักษ์ของสากลโลกว่าบ้านเมืองนี้มีปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่น ฉะนั้นกระบวนการที่เราต้องการให้ตรวจสอบอดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคพวกนั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ผลประโยชน์ที่รัฐตรวจสอบ ยึดกลับคืนมาได้ตกเป็นของชาติของแผ่นดิน เป็นของคนไทยทุกคน ผมย้ำทุกครั้งนะครับ อย่าได้ไปมองว่าเป็นความไม่ถูกกันระหว่างบุคคล มันไม่ใช่ แต่ฝ่ายพันธมิตรประชาชนฯ และเครือข่าย ยึดประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ เพราะว่าการยึดทรัพย์ หรือผู้ที่ทำผิดลงโทษนั้น เราไม่ได้ประโยชน์ส่วนตัว แต่ชาติ แผ่นดินได้ประโยชน์ แต่อีกฝ่ายหนึ่งนั้นถ้ามีการได้ประโยชน์ ก็เป็นได้ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง อยากให้ชัดเจนนะครับว่านี่เป็นเรื่องของสาธารณะ ส่วนรวม กับเรื่องของกลุ่มบุคคลที่ใช้อำนาจโดยไม่ถูกต้องมาในอดีต เราอยากจะเห็นกระบวนการตรวจสอบนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส สุจริต และเที่ยงธรรมในทุกกระบวนการ
เราจะเห็นนะครับว่าการคุกคามเริ่มต้น บางครั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ออกมาบอกว่า ถ้ามีการชุมนุม อะไรเกิดขึ้น ไม่รับผิดชอบนะ อะไรนะ ซึ่งมันเป็นลักษณะของการข่มขู่ ปล่อยข่าว สร้างสถานการณ์ว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ทั้งที่การกระทำใดๆ ของประชาชนที่อยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ มันเป็นสิทธิที่จะทำได้ และการที่จะให้นักวิชาการบางพวก บางคน ออกไปดำเนินการกล่าวหาประชาชนที่เขาใช้สิทธิตรวจสอบตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพลเมืองดีเสียด้วยซ้ำ ที่ควรจะกระทำ ฉะนั้นเราจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องมาเคลื่อนไหวเปิดโปง เผยแพร่ ปอกเปลือก ให้เห็นว่าทุนนิยมสามานย์และรัฐตำรวจนั้น เป็นยุทธวิธี วิธีการที่จะเอามาใช้ในการปราบปรามประชาชน เหมือนกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นแล้วในการฆ่าตัดตอน 2 พันกว่าศพ และการหายตัวไปของคุณสมชาย นีละไพจิตร กับอดีต ที่คุณพิภพ ได้พูดให้เห็นในเรื่องสมัยจอมพลเผ่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ห่างไกล แต่กำลังเกิดขึ้นแล้ว และอยากเรียกร้องต่อพี่น้องประชาชน และสื่อมวลชนได้ช่วยกันตรวจสอบ นี่คือสิ่งที่เราได้แถลงเป็นครั้งที่ 3 เพื่อให้เห็นถึงวิธีการดำเนินการ การเคลื่อนไหวตามลำดับ ขอบคุณครับ
สนธิ ลิ้มทองกุล
ท่านสื่อมวลชน และท่านพ่อแม่พี่น้องที่กำลังดูการถ่ายทอดสดข่าวนี้อยู่ ผมอยากจะชี้แจงนิดหนึ่ง เพราะว่ามีความเข้าใจกันอย่างมากพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นที่ว่าพวกเราลุกขึ้นมาสู้เพื่ออะไร เราเป็นคนก่อความวุ่นวายหรือเปล่า ประเด็นนั้นอยู่ในแถลงการณ์หมดแล้ว ว่าเราต้องการให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ให้รู้จักผิดชอบชั่วดี เราขอเพียงแค่นี้ เราไม่ได้ขออะไรมากไปกว่านี้ กระบวนการยุติธรรมนั้นเราขอให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องมีการแทรกแซง หรือว่าแทรกซื้อ แทรกแซงนั้นก็คือโยกย้ายคนที่กำลังทำคดีอยู่ แทรกซื้อคือใช้อามิสสินจ้างให้กับคนบางคนในกระบวนการยุติธรรม
เรื่องที่ 2 ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นชัดถึงการทำงาน ทันทีที่โยกย้ายอธิบดีดีเอสไอ ก็มีการตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบคดีเพชรซาอุฯ หรือคดีนักธุรกิจซาอุดีอาระเบียที่ถูกลอบสังหารไป จนกระทั่งหาผู้กระทำผิดไม่ได้ วัตถุประสงค์ในการทำเช่นนั้นเพื่อเป็นการเช็กบิล พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม การโยกย้าย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ไปเป็นตำแหน่งประธานที่ปรึกษากลาโหม เพื่อแขวน เหตุผลนั้นก็เพราะว่า พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม เป็นคนซึ่งไปแจ้งความคุณยงยุทธ ติยะไพรัช พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม นั้นเป็นนายตำรวจคนหนึ่งในการสืบสวนสอบสวนคดีกรณีซื้อเสียงในเชียงราย ก็เลยรื้อฟื้นเอาคดีฆ่านักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถูกตั้งคณะกรรมการสอบมาเป็นสิบๆ ชุดแล้ว ก็ไม่มีหลักฐาน คำถามมีอยู่ว่า ทำไมคดีคุณสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งถูกลอบสังหารไปตั้ง 4 ปี หายตัวไป ทำไมดีเอสไอไม่พูดเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว กลับเอาเฉพาะเรื่องนี้ นี่คือการเช็กบิลอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะนี้รัฐตำรวจได้เกิดขึ้นแล้ว มีการดักฟังโทรศัพท์กลับไปเหมือนเดิม ตลอดจนมีการติดตาม ผมเอง และพันธมิตรฯ หลายท่านก็ถูกหน่วยติดตามของทางการ แอบติดตาม ไปไหนมาไหนก็จะมีรถคอยเฝ้าติดตาม มีการถ่ายรูปตลอดเวลา เพราะฉะนั้นรัฐตำรวจได้กลับขึ้นมาอีกครั้งแล้ว เหมือนบรรยากาศเก่าๆ ด้วยเหตุนี้ ผมเป็นห่วง นี่ไม่ใช่วิถีทางอนาคตของประเทศไทยที่เราจะเดินต่อไป นี่ไม่ใช่วิถีทางของการต่อสู้กันในระบอบประชาธิปไตยอย่างเปิดเผย ทั้งๆ ที่เราทำทุกเรื่องอย่างสันติวิธี อย่างที่คุณพิภพ ธงไชย ได้พูด ตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 ปลายปี จนกระทั่งถึงวันรัฐประหาร เราชุมนุมอย่างสงบ อย่างสันติ ตรงกันข้ามกับคนของ นปก. คนของ นปก.เข้ามาประชุมและชุมนุม ชุมนุมอย่างรุนแรง ยั่วยุ หลักฐานมีให้ปรากฏเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นภาพวีซีดี ทุกอย่าง และในการชุมนุมในขณะนั้นก็ชุมนุมเพื่อต่อต้านเผด็จการ แท้ที่จริงแล้วชุมนุมเพื่อที่จะหวังลาภยศกันทั้งสิ้น ลาภสักการะ ดูคนที่เคยอยู่ใน นปก. วันนี้เป็นทั้งรัฐมนตรี คนบางคนโพกหัวแล้วบุกไปที่หน้าบ้านป๋าเปรม ก็ได้เป็นรัฐมนตรี คนบางคนได้รับรางวัลเป็นกรรมการบอร์ด ซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่เคยต่อสู้เพื่อตำแหน่งลาภยศสักการะอะไรทั้งสิ้น เราสู้เพื่อความถูกต้องของสังคม ถ้าสังคมไม่มีความถูกต้อง สังคมไทยจะมีประโยชน์อะไรสำหรับลูกหลานในรุ่นหลังๆ ถ้าเราเน้นความชั่ว ถ้าเราเน้นว่าใครยิ่งทำชั่ว ยิ่งทำมาก ยิ่งได้ดี ผลกรรมอันนี้มันจะส่งผลให้หลายคนเริ่มมาทำความชั่ว เพราะว่ามองว่าทำชั่วได้ตำแหน่ง
เหมือนคุณเทิดภูมิ ใจดี ได้ไปงานศพของมารดาของคุณเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ พรรคพวกคุณเกรียงกมล บอกคุณเทิดภูมิ ใจดี พูดว่าอย่างไรรู้ไหม พูดบอกว่า เฮ้ย เทิดภูมิ อยู่กับพวกพันธมิตรฯ กับสนธิ มีแต่กินแกลบกินรำนะ อยู่กับทักษิณ มีเงินมีทองใช้ มีอำนาจ มีตำแหน่ง พี่น้องสื่อมวลชน กระบวนทัศน์แบบนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดขึ้นกับคนที่เคยอ้างตัวเองว่าเป็นฝ่ายซ้าย มีอุดมการณ์ ต่อสู้ทั้ง 14 ตุลาฯ ทั้ง 6 ตุลาฯ แต่มาคิดอย่างนี้ว่าต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคม กินแกลบกินรำ หลายต่อหลายคนในสายของคุณทักษิณ บอกว่าสนธิมันโง่ พันธมิตรฯ มันโง่ โง่จริงๆ ทำไมวันนี้เขาถึงกลับมามีอำนาจ ทำไมไม่ประนีประนอมเอาเงินเอาทอง เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกับเขา เราต้องการที่จะให้เขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างถูกต้อง เราไม่ได้สนใจ เข้ามาอย่างถูกต้อง ถ้าผิดก็ว่าเป็นผิด ถ้าศาลจะยกฟ้องก็ยกฟ้องไป เราก็ไม่เคยห้าม ไม่ให้เขากลับเข้ามาเล่นการเมือง อยากจะเล่นก็เล่น แต่ขอให้ทำให้ถูกต้อง นั่นคือสิ่งที่เราขอเพียงแค่นี้ แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น กลับมาสร้างรัฐตำรวจ กลับมาตั้งรัฐบาลนอมินี กลับมาใช้อำนาจซึ่งไม่เป็นธรรม เพราะฉะนั้นแล้วผมอยากจะยืนยันให้พ่อแม่พี่น้อง และท่านสื่อมวลชนเข้าใจ ว่าจุดยืนของเราพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายภาคประชาชนทั้งหมด ไม่ได้มีวาระซ่อนเร้นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มีทั้งสิ้น เรามีเรื่องอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นเอง คือเรื่องที่ถูกให้ถูก ยืนหยัดในสิ่งที่ถูก แล้วแก้เรื่องที่ผิดให้มันถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เท่านั้นเอง ขอบคุณมากครับ
ช่วง ถาม-ตอบ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ช่วงถาม-ตอบ
ถาม – เมื่อวานนี้ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พูดพาดพิงคุณสนธิใช้เงิน 400 ล้านบาทแล้วไปพูดที่อเมริกาว่าใช้เงินส่วนตัว แล้วบอกสื่อมวลชนตรวจสอบเรื่องนี้
สนธิ - คือจริงๆ ผมไม่อยากจะตอบโต้คุณณัฐวุฒิ เพราะว่าคุณณัฐวุฒิเป็นนอมินีของคุณทักษิณ แต่ผมกราบเรียนสักนิดหนึ่ง ถ้าผมต้องขายสมบัติอะไรต่างๆ ของคนโน้นคนนี้ หรือยืมคนโน้นคนนี้มา เพื่อที่จะทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง มันไม่ได้หนักอะไรใครทั้งสิ้น เพราะว่าผมทำเพื่อชาติบ้านเมือง แล้วผมมีที่มาที่ไป ผมไม่ได้รับเงินรับทองจากท่อน้ำเลี้ยงของใครบางคน ในชีวิตคนบางคนที่ต่อสู้กับพวกเรา บ้านก็ไม่มีสักหลังหนึ่ง แต่พอมาขึ้นเวที นปก.มีรถป้ายแดงใช้ มีบ้านหลังใหม่อยู่ คนพวกนี้น่าจะเป็นคนซึ่งตอบกับจริยธรรมตัวเอง ถ้ายังมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง แต่จริงๆ แล้วผมไม่สนใจหรอกครับ ไม่ว่าคุณเฉลิมจะพูดอย่างไรตอนนี้ คุณณัฐวุฒิจะพูดอย่างไร คุณจักรภพ เพ็ญแข จะพูดอย่างไร เพราะคนพวกนี้คือนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เผื่อแผ่ช่วยเรื่องนี้สินของคนหลายคนที่ออกมาปกป้องให้คุณทักษิณ ตั้งแต่อาจารย์มหาวิทยาลัยไล่ลงไปจนถึงคนที่เคลื่อนไหว บางคนทำธุรกิจล้มเหลวแต่ว่ามีความสามารถในการดึงมวลชน คุณทักษิณ ในอดีตเคยเคลียร์หนี้เคลียร์สินให้ ก็เลยเป็นหนี้บุญคุณกัน พวกนี้เลยยึดถือหนี้บุญคุณส่วนตัวสำคัญมากกว่าหนี้บุญคุณของส่วนรวม สำคัญมากกว่าแผ่นดินที่ให้เขาเกิด
ถาม - คุณนพดลออกมาบอกว่าพันธมิตรฯ เหมือนอยู่ใต้ประชาธิปัตย์
สมเกียรติ - พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบัน ตั้งมา 62 ปี แล้วไม่เคยเกี่ยวข้องเรื่องนี้ ผมเคยเป็นพันธมิตรฯ มาก่อนเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ผมเพิ่งเข้าพรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2550 ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ไม่เคยไปสัมพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน แล้วพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเปิด ยอมรับความแตกต่าง ขณะเดียวกัน ผมได้ชี้แจงและทำความเข้าใจกับพรรค พรรคมีความเห็นว่า ผมได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง เพราะว่าเป็นการกระทำภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ ผมไม่อยากจะโต้ตอบทนายความที่เป็นลิ่วล้อของระบอบทักษิณ เป็นคนโคราชจังหวัดเดียวกัน ซึ่งเราไม่ควรให้ราคามาโต้ตอบมาก และคำถามนี้ก็ถามผมเป็นครั้งที่ 5 และมีสื่อมวลชนบางฉบับที่สนใจเรื่องของพวกลิ่วล้อทักษิณ เพื่อจะให้ผมตอบโต้เหล่านี้ พรรคกับพันธมิตรฯ ไม่เกี่ยวข้องกัน พันธมิตรฯ ยิ่งใหญ่เกรียงไกรอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นการเมืองภาคประชาชน ส่วนพรรคการเมืองไหนที่ทำหน้าที่เป็นแนวร่วมกับภาคประชาชน จะเป็นพรรคที่มีคุณค่าที่สุดของสังคม พรรคไหนที่ปฏิเสธ ซื้อมวลชนมาแล้วไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม พรรคนั้นในที่สุดผู้นำจะกลายเป็นทรราช ผมทำความเข้าใจกับพรรคทั้งเป็นวาจาและลายลักษณ์อักษร พรรคสนับสนุนผมครับ
ถาม - มี ส.ส.ของพรรคนอกจากอาจารย์เข้ามาร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วย เจ๊หมวย
สนธิ - เจ๊หมวยเป็นพันธมิตรฯ มาก่อนที่จะเป็น ส.ส. แล้วอีกเรื่องหนึ่งต้องเรียนให้ทราบนิดหนึ่งเดี๋ยวจะโวยวายกัน คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ทำจดหมายไปถึงช่อง 11 เพื่อขอเวลาเท่าเทียมกับคุณสมัคร สุนทรเวช ในเมื่อคุณสมัครมีสิทธิ์ที่จะออกมาพูดให้ประชาชนฟังที่ช่อง 11 คุณอภิสิทธิ์ก็มีสิทธิ์ในฐานะหัวหน้าฝ่ายค้าน ผมเข้าใจว่าช่อง 11 คงไม่ให้ แต่ช่อง 11 ไม่ให้ ASTV เพื่อความเป็นธรรมในสังคม พร้อมจะให้คุณอภิสิทธิ์ออกรายการสดทุกๆ 1 ชั่วโมง ทุกวันอาทิตย์ ทันทีที่คุณสมัครออกจบ ตอนกลางคืนวันนั้น ASTV จะให้คุณอภิสิทธิ์มีสิทธิ์ที่จะออก 1 ชั่วโมงเช่นกัน เพราะเราเชื่อเรื่องความเป็นธรรมในการเสนอข่าวเช่นกัน อย่างน้อยที่สุด คุณอภิสิทธิ์ในฐานะเป็นพรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ จะมีสิทธิ์มีเสียงในสื่อมวลชนในทีวีเพียงช่องเดียวเท่านั้นเอง ที่กล้าให้เวลาคุณอภิสิทธิ์ หรือคุณสมัครจะมาออก ขอเวลา ASTV เราก็พร้อมจะให้เช่นกัน
ถาม - การกลับมาเคลื่อนไหวจะทำให้ถูกฟ้อง คือตอนนี้มีการโจมตี พันธมิตรฯ ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย
พิภพ - อย่างนี้นะครับ รัฐธรรมนูญทุกฉบับของโลกนี้ได้บอกว่า การที่มีผู้แทนจากการเลือกตั้งไม่พอที่ผู้แทนจะรับทราบปัญหาของประชาชน เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญทุกฉบับในโลกนี้จึงได้เขียนไว้ว่า ประชาชนมีสิทธิที่จะชุมนุมและเดินขบวนอย่างสงบและสันติ ทำไมเขาจึงเขียนไว้ เพราะเขารู้ว่า เมื่อถึงเวลา ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาจะไปติดกับกับอำนาจและผลประโยชน์ที่ได้จากการอยู่ในรัฐบาล เพราะฉะนั้นการที่โต้ตอบบอกว่า เราใช้กฎหมู่ แสดงว่าไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตย ที่ให้ประชาชนสามารถรวมตัวกันได้
อันที่ 2 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และองค์กรเครือข่าย เป็นประชาชน ขอย้ำตรงนี้นะครับ เป็นประชาชนทุกคน เมื่อเป็นประชาชนก็พยายามจะเป็นประชาชนซึ่งเป็นพลเมืองที่เอาใจใส่กับการบริหารงานของตัวแทนของเราที่เราเลือกตั้งไปเป็นรัฐบาล การเอาใจใส่ การดูแลตัวแทนของรัฐบาลที่ไปทำงาน ทำได้หลายแบบ เขียนบทความ ให้สัมภาษณ์ ปราศรัย และการแถลงการณ์ร่วมกัน เพราะฉะนั้นไม่ใช่เป็นการใช้กฎหมู่ แต่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพตามประชาธิปไตยในรัฐธรรมนูญทุกที่ที่มีบัญญัติไว้ และวันนี้ แถลงการณ์ 3 ฉบับ เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพียงแต่เปล่งวาจาและวอยซ์ ออกเสียงออกไปว่า เราเห็นว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ ขณะที่รัฐบาลได้ปิดกั้นสื่อมวลชนไม่ให้ออก ให้พันธมิตรฯ ไปออกรายการชี้แจงได้ เรามีหน้าที่จะต้องบอกสื่อมวลชนในรูปของการแถลงข่าว ในรูปของการสัมมนา นี่เป็นเสียงหนึ่งของประชาชนที่จะบอกกับรัฐบาลว่า คุณกำลังทำอะไรอยู่ และบอกกับประชาชนให้จับตา ตรวจสอบ เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เป็นกฎหมู่
สมศักดิ์ - ขอเพิ่มเติมนิดนึง อันนี้เป็นวิธีการของเผด็จการทุนนิยมสามาลย์ ที่พอประชาชนจะใช้สิทธิ์ก็กลัว กล่าวหา กลัว และพยายามบิดเบือนว่าเป็นพวกฝ่ายนู้น ฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ ที่จริงต้องดูเนื้อหาว่าเขาเครื่องไหวเรื่องอะไร แล้วคุณต้องตอบ ต้องชี้แจงว่า สิ่งที่เขากล่าวหาเคลื่อนไหวนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปตามทำนองของระบบประชาธิปไตยที่ประชาชนมีสิทธิ์จะตรวจสอบ เขาต้องชี้แจงว่าเขาไม่ได้เป็นเพราะเหตุนั้น เหตุนี้อย่างไร แต่ไม่ใช่ไปขัดขวาง ไปกล่าวร้าย ไปโจมตี ไปบิดเบือน เพราะว่าพวกเราทำหน้าที่ในส่วนของประชาชน อันนี้อยากจะให้ผู้สื่อข่าวเห็นว่า คำพูดแบบนี้คุณสมัครเคยพูดมาตั้งแต่เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย และไม่ใช่พวกนิยมประชาธิปไตย ใช้ภาษาแบบนี้ เพราะถ้าใช้เมื่อไหร่จะละเมิดสิทธิ์ประชาชนเมื่อนั้น เป็นภาษาที่ เก่าโบราณ ไม่น่าจะได้ยินในเหตุการณ์ปัจจุบัน
สนธิ - ผมว่าเอาเป็นรูปธรรมง่ายๆ ดีกว่าครับ คุณลองเปรียบเทียบการใช้สิทธิเสรีภาพของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อต้นปี 2549 จนกระทั่งถึงวันที่ 19 กันยายน เปรียบเทียบกับการใช้สิทธิการประท้วงตามระบอบ ภายใต้ระบอบเผด็จการที่เขาอ้าง ของ นปก. ความรุนแรง ภาษาที่ใช้ ข้าวของที่เสียหาย เอานี้ไปเปรียบเทียบกันดูจะเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นแล้วคนที่พูด คำพูดว่า เราก่อความวุ่นวาย ให้ดูตัวเองซะก่อน ให้ทำความสะอาดหน้าบ้านตัวเองซะก่อนแล้วค่อยมาเที่ยววิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเขา
สมเกียรติ - ผมขอสั้นๆ หวังว่าทางสื่อมวลชนจะไม่ถามเรื่องประชาธิปัตย์มาหนุนหลัง ประชาธิปัตย์มาเกี่ยวข้องอะไร พันธมิตรฯ เป็นองค์กรภาคประชาชนที่มีเกียรติภูมิสูงยิ่ง ผมกำเนิดจากภาคประชาชนมา ผมต้องไม่ลืมบุญคุณของภาคประชาชน เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่เป็นสถาบันทางการเมืองไป พรรคเข้าใจและสนับสนุนการทำงานของผมภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ เมื่อวานนี้ก็มีการต่อที่ประชุม ส.ส. 164 คนเรียบร้อยแล้ว พรรคเข้าใจอย่างดีต่อการทำหน้าที่ของผมภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ หวังว่าจะไม่ถามเพื่อ ถามเหมือนกลุ่มคนที่ได้เป็นรัฐมนตรีในสภาอีกนะครับ
ถาม - เวทีวันที่ 28 แกนนำจะขึ้นทุกคน
สุริยะใส - ครบทุกคนครับ แล้วเปิดตัวคณะกรรมการทุกคณะที่จะมีการจัดตั้งขึ้น ตอนนี้เราทาบทามไปได้ 30-40 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ว่ารอเปิดตัวพร้อมๆ กัน แต่ละคณะจะมีประธานคณะกรรมการ และรูปแบบการทำงานจะมีความชัดเจนในวันนั้น ซึ่งคณะกรรมการจะมีอิสระในการคิดกิจกรรม ในการเคลื่อนไหว หรือในการสร้างกิจกรรมกับภาคประชาชนส่วนอื่นๆ ด้วย
ถาม - แนวสัมมนาเป็นอย่างไร
สุริยะใส - ทุกแนวครับ ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม ให้อิสระในแต่ละคณะเขาไปคิดเอง รอความชัดเจนวันที่ 28 อีกทีหนึ่ง
ถาม - อนาคตจะมีโอกาสแถลงการณ์ที่สวนลุมฯ หรือลานพระรูป ไหม
สุริยะใส - ให้สถานการณ์เป็นตัวตัดสินอีกทีหนึ่ง แต่ทั้งหมดทั้งมวลอย่างที่แถลงการณ์ย้ำ หน้าสุดท้ายว่า ปัจจัยในการกำหนดการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ อยู่ที่ท่าทีของรัฐบาล อยู่ที่การใช้อำนาจของรัฐบาลด้วย ถ้ารัฐบาลนี้มุ่งแก้ปัญหาประเทศโดยสุจริตและโปร่งใส พันธมิตรฯ ไม่มีเหตุที่จะออกมา แต่พอเราออกมา เราเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมเริ่มออกนอกลู่นอกทาง เริ่มแทรกแซง นี้เป็นเหตุที่เราต้องออกมา
ถาม - การจะให้คุณอภิสิทธิ์ออกตกลงติดต่อคุณอภิสิทธิ์ไว้เรียบร้อย
สนธิ - ยังคับ คือผมจะรอให้คุณอภิสิทธิ์ได้คำตอบมาจากช่อง 11 เสียก่อน ถ้าช่อง 11 ไม่ให้ ผมคิดว่าในฐานะเป็นสื่อมวลชน เรามีความจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้คุณอภิสิทธิ์ได้แสดงออก เพราะเป็นทางออกทางเดียว อีกเรื่องหนึ่งอยากจะฝากไปที่พี่น้องประชาชนที่จะมาวันที่ 28 ขอยืนยันนะครับ ไม่มี 200 บาท ไม่มี 500 บาทนะครับ นอกจากไม่มีแล้ว อาจจะต้องมาแล้วช่วยบริจาคให้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยครับ เพราะฉะนั้นแล้วไม่มีค่าหัว มาด้วยใจที่ต้องการมา แล้วอาจจะต้องขอร้องให้ช่วยบริจาคให้เราด้วย
ถาม - เป็นการเตรียมการบริจาคเพื่อมีการเคลื่อนไหวในวันข้างหน้าหรือเปล่า
สนธิ - ไม่ทราบครับ มันเป็นเรื่อง ค่าใช้จ่ายมีครับ ค่าเช่าหอประชุมก็เป็นแสน ค่าเตรียมการ มันต้องใช้เงินใช้ทอง
ถาม - พันธมิตรฯ กำหนดอีกทีวันที่ 28 เลยหรือเปล่า
สุริยะใส - เดี๋ยวแจ้งให้ทราบอีกที ดูเหตุการณ์อีกทีหนึ่ง