xs
xsm
sm
md
lg

ยามเฝ้าแผ่นดิน 25/02/51 (ช่วงที่ 1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จินดารัตน์- สวัสดีค่ะ คุณผู้ชมคะขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการยามเฝ้าแผ่นดินค่ะ วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 พบกับเราสองคนเช่นเคยค่ะ คุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และดิฉัน จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ค่ะ วันนี้ถ้าบรรดาพันธมิตรทั้งหลายที่ชมข่าวคราวเมื่อช่วงเที่ยงนี้ คงจะลุ้นระทึกอยู่เหมือนกันนะคะว่า แถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ของอดีตแกนนำทั้งหลายจะออกมาว่าอย่างไร ปรากฏว่าวันนี้ หลังจากที่คุยกันตั้งแต่ช่วงเช้า ตอนเที่ยงก็มีการออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1/2551 ออกมา มีเหตุผลทั้งหมด 7 ข้อด้วยกัน พูดถึงสถานการณ์บ้านเมือง เดี๋ยวเราจะเปิดเสียงบรรดาอดีตแกนนำให้ฟังกันอีกครั้งว่าอย่างไร

ปานเทพ- เราเริ่มต้นที่บทสรุปในการประกาศจุดยืนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของบ้านเมือง โดยคุณสุริยะใส กตะศิลา ประมาณสัก 3 นาที ถึงจุดยืนทั้ง 7 ข้อของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่ามีจุดยืนว่าอย่างไร

จินดารัตน์- แต่เรียนคุณผู้ชมว่า คุณผู้ชมต้องฟังดีๆ

ปานเทพ- ฟังดีๆ

จินดารัตน์- ทุกคำพูด ทุกประโยคนะคะ

ปานเทพ- มีความหมาย อย่าปล่อยให้ใครมาบิดเบือน

จินดารัตน์- ใช่ค่ะ เพราะวันนี้ตลอดทั้งวันมีการบิดเบือน ไปฟังเลยค่ะ

*******VTR พันธมิตรฯ แถลง*******

จินดารัตน์- เป็นการแถลงจุดยืนทั้ง 7 ข้อ

ปานเทพ- ในการแสดงจุดยืน มีการแสดงจุดยืนเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างการบริหารองค์กรของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และส่วนที่เหลือก็เป็นการเรียกร้องต่อ กกต. เรียกร้องต่อ นายสมัคร สุนทรเวช เรียกร้องต่อรัฐบาล และสุดท้ายก็คือ เรียกร้องต่อข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชน นี่คือบทบาทของพันธมิตรฯ ในค่ำคืนนี้ที่เรานำมาออกอากาศ แต่เดี๋ยวเราจะไปวิเคราะห์ว่านัยของการแถลงครั้งนี้มันมีความหมายมากกว่านั้นอีกหลายเท่า แต่ว่าเราจะไปฟังแกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ใหญ่ คุณแอนครับ นับตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน หลังมีการรัฐประหาร พันธมิตรฯ ไม่เคยมีการแถลงในเชิงก่อร่างสร้างตัวกลับมาสักครั้งเดียว ไม่เคยมีเลย เรียกได้ว่าหายกันเป็นปีกว่า ปี 7 เดือนกระมังครับ คุณแอน

จินดารัตน์- ใช่ค่ะ

ปานเทพ- เท่ากับว่าตอนนี้เสมือนเป็นวันเริ่มต้นในการกลับคืนมาจริงๆ และท่ามกลางการตอบรับจากประชาชน กระแสประชาชนตอบรับเยอะมาก ดูจากทั้งในเว็บ ดูจากความรู้สึกประชาชนที่อัดอั้นตันใจกับสถานการณ์บ้านเมือง เอาเป็นว่าวันนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบปีกว่าที่เราไม่เห็น 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อดีตแกนนำ มารวมตัวกันแล้วแถลง ราวกับว่าสถานการณ์กลับไปสู่จุดเดิม เมื่อครั้งเกิดวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองนะครับ

จินดารัตน์- วันนี้แกนนำที่เดินทางมาร่วมแถลงกับเรา ก็คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, คุณพิภพ ธงไชย, คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข, อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เราลองไปฟังบรรดาแกนนำพูดถึงการแถลงจุดยืนในวันนี้ กันดูว่าให้เหตุผลอย่างไรกันบ้าง ไปฟังกันเลยค่ะ

ปานเทพ- เชิญครับ

*******VTR พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย*******

ปานเทพ- นี่สรุป สนุกนะครับ ดูการแถลงกับหน้าประวัติศาสตร์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในบริบทใหม่ ที่เรียกว่ากลับคืนมาสู่สภาพเดิม เอาเป็นว่า ตลอดระยะเวลาที่เราเหลืออยู่ อยากเชิญชวนท่านผู้ชมว่าถ้าอยากแสดงความเห็นว่า การต่อสู้ทุกรูปแบบ ณ ช่วงเวลานี้ ท่านนึกอะไรออกบ้าง ไม่ใช่พวกเขาไม่มีนะครับพันธมิตรฯ เขามีนะครับ เขามีวิธีคิดอยู่ แต่อยากฝากความเห็นท่านผู้ชมว่า อยากเสนอแนวคิด คำว่า ทุกรูปแบบ นั้นท่านผู้ชมอยากเสนออะไร

จินดารัตน์- คิดอะไรออกบ้าง

ปานเทพ- โดยการส่ง SMS นะครับ 4850770 ครั้งละ 6 บาท ช่วย ASTV และช่วยระดมสมอง ถือว่าให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วย แต่ว่าคุณแอนครับ ถ้าดูจากกระแสข่าววันนี้ เอาเริ่มต้นจากสื่อสารมวลชนที่ถาม 5 แกนนำ จะถามในทำนองว่า ชุมนุมใช่ไหม ชุมนุมใช่ไหม

จินดารัตน์- จะชุมนุมกันเมื่อไหร่ จะชุมนุมกันแน่แล้วใช่ไหม

ปานเทพ- เรียกว่าบางสื่อไปพาดต่อข่าวว่าจะมีการชุมนุม ถามนักกาารเมืองต่อว่าเขาจะชุมนุมเนี่ยนะครับ ซึ่งเป็นการนำเสนอข่าวที่ไม่ถูกต้อง อย่างที่คุณสนธิ บอกว่า เป็นการต่อสู้ทุกรูปแบบ แปลว่าไม่มีขีดจำกัด ชุมนุมหรือไม่ก็ไม่ได้ประกาศ แต่ว่าทุกรูปแบบหมายถึงว่า มีเป้าประสงค์เพื่อการต่อสู้กับระบอบทักษิณโดยตรง ทีนี้ต้องเข้าใจว่าวันทั้งวันตอนนี้ ไปสัมภาษณ์นักการเมืองจะมีบางประเด็น เช่น พันธมิตรฯ ทำให้เกิดความวุ่นวาย พันธมิตรฯออกมาชุมนุมทำไม มาห้ามคุณทักษิณกลับประเทศได้อย่างไร ทั้งวันเลยนะครับ

จินดารัตน์- ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็บอกว่า กลับมาก็จะให้กลับมา

ปานเทพ- เดี๋ยวผมจะมาเล่าให้ฟังครับ และถ้าท่านผู้ชมถามผมว่า ท่านผู้ชมจะเข้าใจว่า นักการเมืองเหล่านี้ ถ้าไม่ได้ถูกตั้งคำถามจนกระทั่งไไม่ได้ฟังข้อมูลข่าวสารที่ผิดพลาด ก็ต้องเป็นคนที่บิดเบือน ยกตัวอย่างเช่น คุณเฉลิม ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง ให้ความเห็นไว่าว่าอย่างไรเรื่องนี้ เราลองไปฟังก่อนไหม เชิญครับ

********VTR ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง*******

จินดารัตน์- แล้วยังบอกอีกนะคะว่า ช่วงสายของวันที่ 26 ก็คือวันพรุ่งนี้ น่าจะรู้แล้วละว่าคุณทักษิณจะกลับวันไหน แต่คุณทักษิณน่ะกลับแน่ๆ ผมยืนยัน จะไปรับให้ใกล้ที่สุด ด้วยตัวเอง ส่วนคนเชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่แค่แสนคนแต่มีเป็นสิบล้านคน แต่คนเหล่านี้อยู่ที่บ้านไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหว

ปานเทพ- ครับ ผมก็เชื่อครับ พอๆ กับที่มีคนที่ไม่ได้เลือกคุณทักษิณ หรืออาจจะไม่ชอบคุณทักษิณ ก็เป็นสิบล้านพอกัน ก็อยากจะบอกว่า สิ่งที่คุณเฉลิมเข้าใจผิด เข้าใจผิดคิดว่าพันธมิตรฯ มาต่อต้านการกลับมาของคุณทักษิณ และเป็นการบิดเบือนประเด็น ทำลายความชอบธรรมการแถลงข่าวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

จินดารัตน์- คือพูดคล้ายๆ กับว่า พวกเราจะไม่ยอมให้คุณทักษิณกลับประเทศ

ปานเทพ- ถ้าดูความเป็นธรรมจะเห็นได้ว่า พันธมิตรฯ เขาพูดชัดเจน ประการที่ 5 เป็นจุดยืนครับ ที่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่เคยคัดค้านการกลับเข้าประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หากเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมที่ไม่ถูกแทรกแซง และเป็นอิสระ เมื่อรัฐบาลหุ่นเชิดใช้อำนาจแทรกแซง และตัดตอนกระบวนการยุติธรรม คุณทักษิณจึงยังคงเป็นปัญหาของแผ่นดินต่อไป พันธมิตรฯ จึงคัดค้านการกลับประเทศของคุณทักษิณในทุกรูปแบบ ตราบใดที่กระบวนการยุติธรรมยังคงถูกแทรกแซง และไม่เป็นอิสระ แปลว่า กลับได้ถ้าไม่แทรกแซงในกระบวนการยุติธรรม

จินดารัตน์- กระบวนการยุติธรรมปล่อยให้ดำเนินไป

ปานเทพ- แต่ปัจจุบันนี้ กระบวนการยุติธรรมได้ถูกแทรกแซงแล้ว ไม่มีใครตอบได้สักคนว่า เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมต้องโยกย้าย คุณสุนัย มโนมัยอุดม จากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปนั่งในตำแหน่งที่ยังไม่มีงานทำ ทั้งๆ ที่งานปัจจุบันกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติและต้องแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเพื่อพิสูจน์ความจริงว่า คุณทักษิณและครอบครัว และบริวาร ผิดจริงหรือไม่ เขาไม่ได้เกี่ยวนะครับกับพันธมิตรฯ เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาจากผู้พิพากษาที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไปโยกย้ายเขาทำไม หาเหตุผลไม่ได้ถึงวันนี้เลยนะครับ

จินดารัตน์- แล้วถามว่า คนที่ถูกโยกย้ายกลับมานั่งรักษาการณ์อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นใคร ก็คือคนเดิมๆ ที่เรารู้จักกันดี

ปานเทพ- เป็นคนที่ต้องถือว่ามีความใกล้ชิดกับรัฐบาลคุณทักษิณ ใช่หรือไม่

จินดารัตน์- พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง

ปานเทพ- ใช่ ต้องถือว่าเป็นคนใกล้ชิดครอบครัวชินวัตร์ ใช่หรือไม่คุณแอนครับ แต่ทีนี้ถ้าเรามาวิเคราะห์เฉพาะที่คุณสุริยะใสแถลง 7 ข้อ และสิ่งที่แกนนำ 5 คนได้แถลง เราเกือบจะสรุปได้เลยว่า สถานการณ์ตอนนี้ บ้านเมืองมันเป็นบ้านเมืองในยุคที่มีความวิกฤติและเป็นกลียุคจริงๆ แต้ถ้าเราจะให้ความเป็นธรรม ผมจะสรุปทีละย่อหน้าว่า ก่อนที่จะมาเป็น 7 ข้อในการประกาศจุดยืน เขาคิดอย่างไร ก่อนที่ใครคนอื่นๆ นักการเมืองจะถือโอกาสบิดเบือนเพื่อให้ท่านผู้ชม หรือประชาชนทั่วไป เข้าใจผิดว่าพวกเราไม่รู้จัดสถานการณ์ กาละเทศะ มัวแต่เป็นกลุ่มคนที่วุ่นวาย ไม่ให้โอกาสรัฐบาลทำงานเหมือนกับที่หลายคนพูดทุกวันนี้นะครับ เริ่มตั้งแต่ย่อหน้าแรกเลยคุณแอน
ย่อหน้าที่ 1 พันธมิตรฯเขาประกาศเลยว่า เขาไม่เคยเห็นด้วยกับการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน แต่เขาหยุดลงเพราะเหตุผลว่าคุณทักษิณ ได้พ้นจากตำแหน่งตามวัตถุประสงค์ของการรวมพลของประชาชนจำนวนมาก ไม่ใช่เหตุผลว่าเขาเห็นชอบกับการรับประหารนะครับ ผมจำได้ว่า รัฐประหารเสร็จ พันธมิตรฯ แถลงวันรุ่งขึ้นว่า ไม่เห็นชอบกับการรัฐประหาร ไม่ได้เห็นด้วย แต่เห็นว่าคุณทักษิณ พ้นจากตำแหน่งจึงยุติบทบาทหน้าที่ของพันธมิตรฯ หลายไปเป็นปีกว่า เหตุผลที่ย่อหน้าที่ 1 เขียนอย่างนี้นะครับ
ย่อหน้าที่ 2 ทบทวนความผิดของคุณทักษิณ ว่าระบอบทักษิณมีอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทุจริตคอร์รัปชั่น แปลงรัฐวิสาหกิจ แทรกแซงสื่อ ละเมิดสิทธิมนุษยชน แทรกแซงองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เลือกตั้งไม่เป็นประชาธิปไตย ปัญหาเยอะแยะเลย แล้วก็อธิบายว่า พล.อ.สุรยุทธ์ นายกรัฐมนตรีไม่สามารถแก้ไขวิกฤตในช่วงเวลาปีกว่าได้ พันธมิตรฯก็ไม่เคยชุมนุม ถามว่าทำไม เพราะเหตุผล 2 ข้อ เพราะมีกระบวนการยุติธรรม ยังคงเดินหน้าต่อไป และในขณะที่สื่อสารมวลชนยังไม่ถูกปิดกั้น แค่ 2 ข้อเองครับ เราจึงปล่อยไปตามครรลอง ไม่เรียกร้องการชุมนุมอะไรขึ้นมาอีก และเหตุผลทั้งหลายนี่ก็คือ เป็นเหตุผลที่ถูกนำมาหยิบใช้ในการรัฐประหาร ก็คือความผิดพลาดของรัฐบาลนั่นแหละ ไม่ใช่คนอื่นเลยนะครับ
ทีนี้เราก็พูดต่อในย่อหน้าที่ 3 ว่า หลังการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม ปรากฏว่า มีการทุจริตต่อการเลือกตั้งจำนวนมาก มีกระบวนการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจำนวนมาก มีนอมินีของพรรคการเมืองที่ถูกยุบ อันเนื่องมากจากตุลาการรัฐธรรมนูญ บอกว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ เป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตย และ กกต.ทำงานไม่ได้ใช่ไหมคุณแอน

จินดารัตน์- ค่ะ

ปานเทพ- นอกจากทำงานไม่ได้ ไม่มีความสามารถแล้ว บางคนยังมีวาระซ่อนเร้นด้วย เพื่อไปปกป้องระบอบทักษิณ เราเคลื่อนไหวไหม ไม่ได้เคลื่อนไหว ไม่ได้ประกาศ ไม่ได้ชุมนุม อดทน กล้ำกลืนฝืนทนเพียงเพราะว่า ยังหวังว่ากระบวนการยุติธรรมและสื่อสารมวลชนจะไม่ถูกแทรกแซง เป็นขั้นต่ำ และหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะไม่กระทำความผิดซ้ำซากเหมือนรัฐบาลคุณทักษิณ หวังแค่นี้ครับจึงยังไม่ชุมนุม แต่ในที่สุดเราก็มาพบว่า ได้เกิดกระบวนการเกิดขึ้นแล้วว่ารัฐบาลชุดนี้ได้ก่อให้เกิดบรรยากาศที่ทำให้เกิดจะมีความชอบธรรมเหมือนกับที่ทหารได้ทำการรัฐประหาร เหตุผลเดิมๆ เช่นอะไรครับ โดยมีการเริ่มต้นในการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม มีการแทรกแซงสื่อและคุกคามสื่อ ตามแถลงนี้หมายถึง ระบุ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ไร้วุฒิภาวะ กระทำการอุกอาจเหิมเกริม 1 ด้าน แล้วทำการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยการย้ายคุณสุนัย ย้ายออกไป เท่ากับว่า สัญญาที่พันธมิตรฯ จะไม่ชุมนุม ไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย หรือว่าไม่ก่อให้เกิดการชุมนุมอย่างสงบ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญนะครับ ไม่ใช้ที่ผ่านมา ปัจจุบันต้องใช้แล้ว เพราะมีการละเมิดข้อตกลง 2 ข้อ คือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และปิดกั้นสื่อ ดังนั้นที่หวังว่าจะไม่มีการชุมนุม จึงต้องถือว่าจบสิ้นลง ที่หวังว่าคุณทักษิณจะกลับมาแล้วเดินตามกระบวนการยุติธรรม ย่อมยอมรับไม่ได้ถ้ากระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงหมด ประชาชนจะใช้อาวุธ เครื่องมืออะไร ในการมีหลักประกันว่า คนกระทำความผิด หรือต้องถูกตรวจสอบโดยกระบวนการยุติธรรม โดยที่ไม่ถูกแทรกแซง คุณเฉลิมเข้าใจผิดครับ พันธมิตรฯ ไม่เคยห้ามคุณทักษิณกลับประเทศ เขาสงสัยเพียงว่า ไม่ต้องการให้มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การกระทำของคุณสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จึงเสมือนเป็นการจุดชนวนระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นมา ที่ทำให้ต้องมีความรู้สึกอัดอั้นตันใจของภาคประชาชน ที่ต้องกดดันและผลักดันให้พันธมิตรฯ ต้องรวมตัวกันอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ พันธมิตรฯ เขาก็บอกว่า กระบวนการไม่ใช่แค่นี้ ยังมีข่าวในเรื่องของความพยายามจะโยกย้าย คุณจรัญ ภักดีธนากุล

จินดารัตน์- ปลัดกระทรวงยุติธรรม

ปานเทพ- ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส

จินดารัตน์- ผบ.ตร.

ปานเทพ- ผบ.ตร.นี่นะครับ รวมถึงความพยายามในการฟื้นฟูนโยบายการปราบปรามยาเสพติด ด้วยวิธีการฆ่าตัดตอน อันขัดต่อหลักนิติธรรม และการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งมีความพยายามจะฟื้นนโยบายรัฐตำรวจให้กลับมาอีกครั้ง เหตุผลแค่นี้ เราก็พอสรุปได้ว่า คุณสมัคร รัฐบาลคุณสมัคร ก็ไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลคุณทักษิณ เหมือนทำงานให้คุณทักษิณ แล้วทำให้กระบวนการเหล่านี้ มันทำให้เป็นแรงกดดัน เสมือนเป็นเหตุผลของความที่ฝ่ายทหารใช้เหตุผลเหล่านี้มากระทำการรัฐประหารนั่นเอง บัดนี้ก็ได้เกิดขึ้นซ้ำอีกแล้ว เราเห็นว่าเกิดวิกฤติและเป็นกลียุคแน่ จึงต้องมีการแถลงข่าวออกมา ไม่ใช่ไม่ให้โอกาสครับ ให้โอกาสตลอด สังเกตสิครับ นอกจากการรวมตัวกันตามประการที่ 1
ประการที่ 2 คือว่า เรียกร้องให้ กกต. แก้ไขวิกฤติ ซึ่งยังมีเวลาอยู่นะครับ ยังคงแก้ไขวิกฤติได้ ตราบใดที่ได้นักการเมืองสุจริตเที่ยงธรรมปัญหาบ้านเมืองจะลดลง
ประการที่ 3 ให้โอกาสคุณสมัครครับ ให้โอกาสคุณสมัคร สุนทรเวช ได้แสดงความจงรักภักดี ด้วยการกระทำ ไม่ใช่ด้วยคำพูด อย่าให้คนไม่ดีมาปกครองบ้านเมือง แล้วก็ยุติการกระทำอันเป็นหุ่นเชิดของคุรทักษิณ และต้องทำเพื่อคนไทยทั้ง 63 ล้านคน ตามที่คุณสมัคร ได้เข้าไปปฏิญาณตน และได้รับพระบรมราโชวาทจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่าจะเสียสละทำงานเพื่อคน 63 ล้านคน ไม่ใช่เพื่อคุณทักษิณ
ประการที่ 4 ก็คือให้รัฐบาลคุณสมัคร ทบทวนในการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะข้าราชการ ซึ่งถ้ารัฐบาลยังมีความรู้สึกว่าไม่ต้องการทำให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น หรืออยากบริหารรัฐบาลยาวต่อไป ก็ต้องทบทวนใรการโยกย้ายอะบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยเร็ว ซึ่งพรุ่งนี้ยังมีเวลานะครับ วันที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งสามารถที่จะกลับการโยกย้ายย่อมทำได้ เพือ่เห็นแก่ชาติบ้านเมือง ไม่อยากเห็นกลียุค ไม่อยากเห็นเหตุผลว่าทำไมพันธมิตรฯจึงต้องมีความจำเป็นในการชุมนุม หรือเคลื่อนไหวในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม ประการถัดมาก็คือว่า เราย้ำว่าไม่เคยคัดค้านการกลับมา แต่จะคัดค้านก็ต่อเมื่อกลับมาบวกกับแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งแทรกแซงแล้ว และสุดท้ายค่ออย่าแทรกแซงสื่อ อย่าคุกคามสื่อ และก็ปลุกให้ประชาชนตื่น เตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบหากมีเหตุอันไม่ชอบมาพากล ที่ผ่านมาหยุดมาปีกว่า นักการเมืองเขายังมีความรู้สึกไหมว่า เราหยุดไปเพราะให้โอกาส เลือกตั้งมาจากพรรคพลังประชาชน คนทั่วบ้านทั่วเมืองรู้กันหมดว่าทำงานให้กับพรรคไทยรักไทยหรือไม่ ทำกันอย่างโจ๋งครึ่ม พันธมิตรฯ ไม่เคยประชุมแม้แต่สักครั้งเดียว หรือกำหนดท่าทีเพื่อเคลื่อนไหวหรือกดดันแม้แต่ครั้งเดียว รัฐบาลอยากอยู่ยาวก็ต้องพึงสำนึกว่า เป็นเหตุผลแค่ 2 ข้อ ที่จริง 3 ข้อ 1.อย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ปล่อยเป็นตามปกติกับเรื่องในอดีต เราอยากทำอย่างอื่นครับ อย่าแทรกแซงสื่อ อย่าปิดกั้นสื่อ และอย่าทำผิดซ้ำซาก แค่นี้เองครับ ถ้าไม่มีเหตุผล 3 ข้อนี้ เราไม่รวมตัวกันหรอก ผมจะบอกให้ ว่าเดิมทีพันธมิตรฯ เขาต่างแยกย้ายกันไป ต่างคนต่างทำหน้าที่ และหลายคนอยากทำงานที่สร้างสรรค์มากกว่าการพูดถึงการล้มระบอบทักษิณเพียงอย่างเดียว โดยหวังแค่ว่าคนทำหน้าที่อย่างกระบวนการยุติธรรม สามารถให้ความเป็นธรรมต่อบ้านเมืองได้ สามารถให้ความเป็นธรรมต่อทุกคดีความได้อย่างไม่มีการแทรกแซง อย่างไม่มีการครอบงำ หรือตัดตอนในกระบวนการยุติธรรม และมันก็ไม่เป็นตามนั้นไง ถามว่าคุณสนธิ อยากทำอะไรครับ อยากสร้างสังคมใหม่ อยากสร้างทางเลือกให้กับสังคมใหม่ ไม่ใช่การรบราบ้านเมือง หรือการรบรากะบระบอบทักษิณเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องการอย่างนั้นหรอกครับ ทุกคนอยากทำหน้าที่ของตัวเองที่สร้างสรรค์มากกว่านี้ ไม่ใช่จมปลักอยู่กับกระบวนการที่พยายามรับใช้กับระบอบทักษิณเพียงอย่างเดียว มันซ้ำซากจำเจเต็มทีแล้ว แต่เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่าความเหิมเกริม ไม่ยี่หระ ไม่แยแสต่อความรู้สึกของประชาชน ตั้งแต่การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี นำบุคคลที่ใช้ไม่ได้ ซึ่งทุกคนก็อดทนอดกลั้น มาจนถึงเหิมเกริมจนกระทั่งแทรกแซงสื่อสารมวลชน และกระทำการจนถึงขั้นแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ผมถือว่าตรงนี้เป็นเหตุอันสมควรแล้ว มีเหตุผลอันชอบธรรมแล้วที่พันธมิตรฯต้องก่อร่างสร้างตัว และเรียกร้องในทุกรูปแบบ อย่าประมาทคำว่าในทุกรูปแบบนะครับ ที่นักข่าวพยายามถามว่าชุมนุมหรือไม่ คำว่าทุกรูปแบบมันมีความหมายมากกว่าและกว้างว่าคำว่าชุมนุมนะครับ

จินดารัตน์- วันนี้กระบวนการแทรกแซงทั้งสื่อ ทั้งกระบวนการยุติธรรมของรัฐบาลนั้น หลายคนเขาบอกว่าเกินกว่าจะรับไหว ถ้าไม่ออกมาเคลื่อนไหว อีกหน่อยเรามองอนาคตว่าประเทศไทยจะเหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านเราในหลายประเทศไหม อย่างฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เราจะปล่อยให้บ้านเมืองของเราเป็นอย่างนั้นหรือ ถึงจะออกมาทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เขาต้องเรียกได้ว่าบรรดาผู้ที่มีอำนาจในบ้านเมืองของทั้ง 2 ประทศนั้น ได้ปู้ยี่ปู้ยำทำประเทศจนเกือบจะอยู่ไม่ได้แล้วคุณปานเทพ ถึงเวลานั้นมันอาจจะช้าไป สายเกินไปหรือเปล่า

11

ถึงจะออกมาทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เพราะต้องเรียกได้ว่า บรรดาผู้ที่มีอำนาจในบ้านเมืองของทั้ง 2 ประเทศนั้น ได้ปู้ยี่ปู้ยำทำประเทศจนเกือบจะอยู่ไม่ได้แล้วคุณปานเทพ ถึงเวลานั้นมันอาจจะช้าไป สายเกินไปหรือเปล่า วันนี้เราฟังความเห็นจากคุณผู้ชมทางบ้านเข้ามาเยอะมากนะคะ อีกประเด็นหนึ่งสำคัญ ที่ อ.สมเกียรติ ได้พูดกับสื่อวันนี้ ที่บ้านพระอาทิตย์ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ คือเรื่องของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และประธานสภาผู้แทนราษฎร เดินทางไปที่ปักกิ่ง ไปพบกับคุณทักษิณ ชินวัตร นี่เป็นการยอมรับจากปากคุณทักษิณเอง จากงาน ชมรมคนรักทักษิณ ที่จัดขึ้นเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ปรากฏว่า คุณนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาบอกว่า การไปประเทศจีนไปพบกับคุณทักษิณเมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีนักธุรกิจชาวจีนจัดงานปีใหม่แล้วเชิญนักธุรกิจคนไทยหลายคนไปร่วมงาน ถือว่าไปแบบส่วนตัว ไม่ได้ไปในนามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือทนายความคุณทักษิณ ซึ่งคุณทักษิณเองจะเดินทางกลับประเทศเร็วๆ นี้ และคงจะประกาศว่าจะกลับมาอย่างไร รายละเอียดคงจะประกาศในวันพรุ่งนี้ แต่ไม่เกิน 1 เดือนแน่ๆ และยังบอกอีกด้วยว่า พูดคุยกับคุณทักษิณ เป็นการคุยกันเรื่องทั่วๆ ไป แล้วคุณทักษิณยังพูดกับตัวเขาเองด้วยนะคะว่า เมื่อเดินทางกลับประเทศไทยแล้วจะเลิกยุ่งการเมืองโดยเด็ดขาด บอกว่า จะกลับมาเป็นคนหน่อมแน้ม มาเป็นคนปกติธรรมไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชาชน จะอยู่เงียบๆ ไปกินก๋วยเตี๋ยว พบเพื่อนสื่อมวลชนบ้าง พักผ่อนกับครอบครัว

ปานเทพ- ครับ คุณแอนครับ บังเอิญคำสัมภาษณ์ ถ้าอ่านจนจบ เผอิญผมได้ฟัง คุณนพดลพูดต่อบอกว่า ถึงอย่างไรเขาเป็นคนยึดหลักความกตัญญู เขาเป็นคนยึดหลักกตัญญูตลอดชีวิตเลย เพราะฉะนั้นการที่เขาไปหาคุณทักษิณก็เป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการแสดงความกตัญญู แต่ผมอยากจะบอกอย่างนี้ครับ ถ้านึกถึงความกตัญญู ผมว่าคุณนพดลน่าจะนึกถึง ทุนอานันทมหิดล ที่ทำให้ตัวเองมีการศึกษาที่ดี จบมาจนมีความรู้ความสามารถ มาจนถึงวันนี้เป็นรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนเองแล้ว ต่อหน้าพระพักตร์ที่มีพระบรมราโชวาทว่า ต้องเสียสละและกระทำการเพื่อคน 63 ล้านคน ทั่วประเทศ การกระทำของคุณนพดลที่บอกว่า กตัญญูนี้นะครับ คุณนพดลได้สำนึกบ้างไหมว่า ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปเจอผู้ต้องหาในเรื่องของผู้ร้ายข้ามแดนในเวลาตอนนี้ ที่เรียกว่าฝ่ายตุลาการทั้งหลายพยายามจะตามหา ตามจับอยู่ตอนนี้นะครับ แล้วคุณนพดลเดินทางไปเช่นนั้นมันเหมาะสมหรือไม่ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และมาตอบแทนคุณทักษิณอย่างนั้นอย่างนี้ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของประเทศไทย มันเหมาะไหม ผมคิดว่า ผมว่าคุณนพดลไม่ค่อยเข้าใจสถานภาพ ความสง่างาม เกียรติภูมิของประเทศ ที่ตัวเองเป็นถึงตัวแทนประเทศในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น ควรวางท่าทีและศักดิ์ศรีของประเทศอย่างไร ผมคิดว่า ผมไม่แน่ใจว่าคุณนพดลเข้าใจหรือเปล่าในท่าทีแบบนี้ แต่ผมถือว่ามันเป็นท่าทีที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

จินดารัตน์- เห็นบอกว่า กำลังจะโยกย้ายทูต ภายใน 1-2 เดือนนี้ด้วยนะคะ ซึ่งเป็นการปรับให้สอดคล้องกับการบริหารงาน หนึ่งในนั้นก็คือ ท่านทูตอังกฤษ ที่อยู่ที่อังกฤษ ท่านทูตกิตติ วสีนนท์ ซึ่งได้ข่าวมาว่า ท่านไม่ค่อยจะดูดำดูดีคุณทักษิณเท่าไหร่ตอนที่อพยพโยกย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ ก็คือไม่ได้รับการดูแลจากท่านทูต แต่ถามว่า จะให้ท่านทูตดูแลคุณทักษิณในฐานะอะไร ผู้ร้ายข้ามแดนหรือคะ หรือผู้ต้องหา หรืออย่างไร จะให้ปูพรมแดงเหมือนกับทูตท่านหนึ่งเคยทำ หรืออย่างไร เราก็ต้องติดตามกันต่อ นี่ก็คืออีกหนึ่งกระบวนการในการเข้าไปแทรกแซง แล้วเขาเรียกว่า ลงโทษคนที่ไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับพรรคพลังประชาชนหรือเปล่า แล้วมีนักข่าวไปถามเรื่อง พาสปอร์ตนักการทูต พาสปอร์ตเล่มแดง ว่าคืนให้คุณทักษิณแล้วหรอ คุณนพดลบอกว่า จริงๆ แล้วตัวเขาเองไม่ได้อนุมัติในการคืนพาสปอร์ตเล่มแดงให้คุณทักษิณ แต่ว่า พาสปอร์ตเล่มแดงคืนให้คุณทักษิณก่อนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งตอนนั้นตัวเองยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แหมดีนะคะ เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศทำงานเรื่องนี้เร็วมาก สนองรับนายใหม่ได้รวดเร็ว

ปานเทพ- นึกถึงเรื่องศรีธนญชัย คือบอกว่าตัวเองไม่เกี่ยวแต่ว่าตอบแบบ คล้ายๆ กับไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ว่าสนองนายครบถ้วนทุกบริการหรือไม่ คุณแอนครับ คุณแอนสังเกตแถลงการณ์ครั้งนี้ไหม ว่าทำไมเขาให้โอกาสคุณสมัคร สุนทรเวช คือจากการเรียกร้องทั้งหลาย

จินดารัตน์- มี 1 ใน 7 ข้อนั้น

ปานเทพ- 1 ใน 7 ข้อนี่นะครับที่เรียกร้อง เหมือนให้โอกาสคุณสมัคร สุนทรเวช แม้ว่าจะบอกว่า ขอให้ยุติการกระทำอันเป็นหุ่นเชิดของคุณทักษิณก็ตาม แต่เรียกร้องให้ปฏิบัติเป็นนายกรัฐมนตรีที่เสียสละ เพื่อคน 63 ล้านคนอย่างแท้จริง เพราะคุณสมัครพูดด้วยปากตลอดเวลา คุณแอนว่า คุณสมัครเป็นคนที่มีความจงรักภักดี เราอยากเห็นการกระทำ คุณแอน การกระทำที่แสดงออกว่า รัฐบาลไม่ว่าจะประกอบด้วยใครก็แล้วแต่ ในฐานะผู้นำรัฐบาล ต้องมีความสำนึกว่าตัวเองนั้นได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ที่มีพระบรมราโชวาทยาวนานเป็นกรณีพิเศษ แล้วคุณสมัครน่าจะสำนึกตรงนี้ จนกระทั่งเป็นผู้นำรัฐบาล ที่เมื่อใดก็ตามถ้ามีคนในรัฐบาลกระทำการไม่ถูกต้อง กระทำการฝืนความรู้สึกประชาชน หรือมีลักษณะอันส่อเจตนาได้ว่า กระทำการเพื่อทั้งหมดช่วยเหลือเพียงคุณทักษิณ หรือครอบครัวเท่านั้น คุณสมัครก็สมควรต้องแสดงท่าทีตัวเอง หรือจุดยืนตัวเองในการระงับสิ่งเหล่านี้ ถูกไหมครับ

จินดารัตน์- ค่ะ

ปานเทพ- สังเกตไหมครับว่า เราเคยวิเคราะห์ว่า คุณสมัคตอนนี้น่าจะมีความอึดอัด หรือกินแหนงแครงใจกับคุณทักษิณ เราเคยวิเคราะห์กันอย่างนี้ โดยเฉพาะคุณสมัครมีกระบวนการที่ถืออยู่ในมือ ทั้งทหารในกระทรวงกลาโหม มีกระบวนการยุติธรรมที่ถืออยู่ในมือ แล้วก็ยังมีผลประโยชน์งบประมาณมหาศาลอยู่ข้างหน้าด้วย ทุกอย่างเหมือนกำลังจะสถาปนาอำนาจของตัวเอง ผมว่าการโยกย้ายคุณสุนัยมันสะท้อนหลายให้เห็นถึงความรู้สึกทางการเมืองที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชาชน ดังต่อไปนี้
1. ผมเชื่อว่าจริงๆ แล้วคุณทักษิณยังคงไม่ไว้ใจคุณสมัครต่อไป เพราะถ้าเราเชื่อว่า มีกระบวนการในการครอบงำในกระบวนการยุติธรรมผ่านคุณสมัครจริง ผ่านสำนักงานอัยการสูงสุดจริง กรมสอบสวนคดีพิเศษยื่นถึงอัยการสูงสุด อัยการสั่งไม่ฟ้อง จบ ไม่จำเป็นต้องฝืนหักกระแสที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่อย่างใด เพราะว่า ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ คุณแอนครับ แม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะอ้างว่า ก็ในเมื่อยื่นเข้าสู่อัยการแล้ว แต่ไม่ทุกคดีนะครับ บางคดี และเรื่องเข้าสู่อัยการแล้วก็ยังไม่จบ เพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษในฐานะผู้ดำเนินคดี หรือรวบรวมคดี ต้องไปชี้แจงต่ออัยการและศาลด้วย อันนี้ก็สำคัญ จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับคดีคุณทักษิณแล้วก็พูดไม่ได้เต็มปาก อย่างไรก็ตาม ก็สะท้อนให้เห็นว่า คุณสมัครคุมอัยการ เหมือนอำนาจไขว้กันอยู่ รัฐมนตรีคุมเองได้ ถึงแม้คุณสมัครจะควบคุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติะรรม แต่กระทรวงยุติธรรมก็หักในชั้นโยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วยตัวเอง อำนาจแบบสลับขั้วกัน เป็นชั้นๆ นี่นะครับ เมื่อทำเช่นนี้เลยทำให้คุณสมัครทำหน้าทีได้เพียงนายกรัฐมนตรีที่ประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ รับเป็นวาระเพื่อทราบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โยกย้ายไป 1 คน ก็ตัดตอนไป 1 ขั้น ไม่ให้ถึงอัยการด้วยซ้ำไป เพราะอัยการอยู่ในมือคุณสมัคร นี่คือสัญลักษณ์ของความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน นี่คือ ประการที่ 1
ประการถัดมา สะท้อนให้เห็นว่า คุณทักษิณแท้ที่จริงแล้ว ถ้ามีการครอบงำหรือสั่งการผ่านกระบวนการดังที่ว่าจริงแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็สะท้อนให้เห็นว่า คุณทักษิณไม่ไว้ใจว่า ตัวเองนั้นมีความบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า คือถ้าถูกจริงต่อให้จะถูกกลั่นแกล้งอย่างไร ในชั้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรืออัยการก็แล้วแต่ ต้องมั่นใจอยู่เสมอว่า ตัวเองไม่มีทางผิด เพราะเรื่องเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในศาลฎีกาแผนกนักการเมือง ก็ดี หรือศาลแพ่ง ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ก็แล้วแต่ ต้องมั่นใจซิ จะไปกลัวหรือยี่หระอะไร แต่ถ้าเกิดไม่มั่นใจแล้วใช้อำนาจแทรกแซง นี่ก็คือบทสะท้อนให้เห็นว่า ผลลัพธ์ก็ต้องโยกย้ายใครสักคนหนึ่งเพื่อตัดตอนในกระบวนการยุติธรรม
ประการที่ 3 ผมเห็นว่า การที่คุณสมัครไม่เป็นที่ไว้วางใจต่อคุณทักษิณ ด้วยการสถาปนาอำนาจตัวเองอย่างชัดเจนขนาดนี้ เลยทำให้คุณทักษิณต้องเร่งรัดในการให้ตัวเองนั้นกลับมา กลับมาให้เร็วที่สุด แต่ก่อนกลับมาต้องสะสางในความเสี่ยงของตัวเอง อย่างน้อยในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และอาจจะลามไปถึงกระทรวงยุติธรรม และลามไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เบื้องต้นนะครับ ยังไม่นับในส่วนของทหารว่าจะทำได้หรือไม่ เพราะคุณสมัครไม่มีท่าทีที่จะขยับเลย ร้อนใจอยากจะกลับมาเร็ว ปัญหาคือว่า คุณทักษิณอยากจะกลับมา มีความมั่นใจไหมที่จะได้กลับออกไป ตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญ

จินดารัตน์- ก็เห็นบอก ขอเงื่อนไขเดียวกับคุณหญิงพจมานนี่คะ

ปานเทพ- ใช่ไหมครับ ปัญหาคือว่า คุณทักษิณในฐานะหลบหนีไประยะเวลานานพอสมควร จะมีเหตุผลเพียงพอไหมที่จะอยู่ในประเทศไทยและกลับไปได้กลับไปมา ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ใช่ไหมครับ ถ้าไม่มีการเจรจาจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองจะกลับมาได้หรือไม่ได้ อันนี้ไม่มีใครรู้จริงๆ นะครับว่าเขามีเจรจาหรือไม่

จินดารัตน์- โดยปกติกลับมา ก็มีนักข่าวไปถามท่าน ผบ.ตร.เหมือนกัน ถามคุณนพดลเหมือนกัน ว่าเอ๊ะ กลับมาในฐานะผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว ตำรวจต้องไปรับตัวจากสนามบินไปที่ศาลเลยหรือเปล่า คุณปานเทพ อย่างกรณีคุณทักษิณ คุณนพดลบอกว่า คงจะยังไม่ไปที่ศาล แต่จะดูวันก่อนว่าจะไปวันไหน อย่างนี้หมายความว่าอย่างไรคะ ได้สิทธิพิเศษอะไร

ปานเทพ- ผมไม่แน่ใจว่า คุณทักษิณทำไมต้องได้สิทธิพิเศษเหนือกว่าคนอื่น เข้ามาอย่างไรก็ปฏิบัติไปตามนั้น เรื่องของคุณเฉลิมว่าจะไปรับเพื่อรักษาความปลอดภัย เพราะตัวเองหาเสียง เดี๋ยวจะวิเคราะห์ให้ฟัง คุณเฉลิมไม่ธรรมดา เดี๋ยวจะวิเคราะห์ในเบรกหลังว่า ทำไมคุณเฉลิมถึงไม่ธรรมดาและคิดการอะไร แต่ว่า หลักการต้องนำคุณทักษิณไปที่ศาลเหมือนกับกรณีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ต้องไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้

จินดารัตน์- ซึ่งกรณีของคุณหญิงพจมานก็ถือได้ว่า ได้รับสิทธิพิเศษมากเหลือเกินแล้ว

ปานเทพ- แต่ผมอยากให้คุณทักษิณเข้ามาเลย เข้ามาแล้วอยู่นานๆ ถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่ถูกแทรกแซง แต่ถ้าถูกแทรกแซงแล้วกลับมา ก็เตรียมรับสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทุกรูปแบบของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผมไม่อยากจะบอกว่ามีจำนวนเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อว่า ก็มีหลักไม่น้อยกว่าสิบล้านเช่นเดียวกัน จะถึง 20 ล้านที่ไม่เลือกพรรคพลังประชาชนหรือเปล่า ผมไม่สามารถจะตอบได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นเสียงโนโหวต จำนวนไม่น้อยที่อยู่รายล้อมในประเทศไทย อยู่แทบทุกจังหวัดในประเทศไทย คุณทักษิณต้องคิดให้ดี อยากจะกลับมาพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรมอย่างสงบ และต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความจริงโดยที่ไม่มีใครขัดแย้ง ไม่มีความขัดแย้งต่อประเทศชาติ ไม่มีใครชุมนุม ไม่มีใครทำอะไรทั้งสิ้น หรือต้องการท้าทาย หรือต้องการทำให้เกิดความไม่สงบเกิดขึ้น หลังจากที่คุณทักษิณกลับมา ก็ต้องพิสูจน์ใจคุณทักษิณเอง ถ้ากลับมาแล้วก็ไม่อยากให้มีความรู้สึกว่า คิดถึงอังกฤษ อยากกลับไปที่อังกฤษแต่กลับไม่ได้

จินดารัตน์- ค่ะ เดี๋ยวเราพักกันก่อน ช่วงหน้ากลับมาดู วันนี้ท่านอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ คุณสุนัย มโนมัยอุดม ก็ให้สัมภาษณ์บ้างแล้ว แต่ยังพูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำ ท่านบอกว่า อย่าเพิ่งถามรายละเอียดเดี๋ยวสักพักจะออกมาบอกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง พักกันสักครู่ก่อนค่ะ
กำลังโหลดความคิดเห็น