xs
xsm
sm
md
lg

“สมพงษ์”ปากแข็งเอื้อ“แม้ว” “สุนัย”แฉ ปปท.ไม่มีออฟฟิศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - “สมพงษ์” ไม่กล้าสาบานเด้ง “สุนัย” เอื้อประโยชน์คดีแม้ว-ล้างแค้นแทนน้องชาย ตะแบงอ้างกฎหมาย ป.ป.ท.บีบคอตั้งเร่งตั้ง ไม่วายเยินยอ ”ทวี” เก่งสอบสวน "จรัญ" ทำใจหากถูกย้าย ระบุอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ "สุนัย" ขอบคุณที่ถูกย้ายคนแรก ขณะที่ ป.ป.ท.ยังไม่มีสำนักงาน ด้านคดีรุกป่าสบกกสะดุด ก.ล.ต.ยันไม่กระทบการทำงานด้านคดี

วานนี้ (25 ก.พ.) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม แถลงถึงการย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสเอ)ไปช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ว่าเมื่อเข้ารับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม ได้หารือกับนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม หลายเรื่อง โดยนายจรัญ ได้แจ้งให้ทราบว่ามีเรื่องด่วนที่ต้องดำเนินการคือสำนักงาน ป.ป.ท.ซึ่งช่วงนั้นยังไม่ได้แถลงนโยบายรัฐบาลจึงดำเนินการใดๆ ไม่ได้ แต่เนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ท.เป็นเรื่องด่วน เพราะเมื่อ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) มีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 24 ม.ค.2551และกำหนดให้ต้องมีสำนักงาน ป.ป.ท.ภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบในวันที่ 24 ก.พ. จึงเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ที่จะต้องมีเลขาธิการ ป.ป.ท.จึงไปดูผู้ที่เหมาะสม ซึ่งก็นำมาพิจารณาหลายท่าน ที่สุดก็เห็นว่านายสุนัย เป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุด

นายสมพงษ์กล่าวว่า นายสุนัยเป็นอดีตผู้พิพากษา และงานที่เกี่ยวข้องกับ ป.ป.ท.เป็นเรื่องการไต่สวนเรื่องของระเบียบที่สำคัญๆ การวางคน วางงบประมาณ เพราะงานเพิ่ม ตนจึงเห็นว่านายสมัยเหมาะสมที่สุด และตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ท.เป็นระดับอธิบดีจึงไม่ถือเป็นการลดตำแหน่งใดๆ

นายสมพงษ์ กล่าวด้วยว่า เมื่อตนเซ็นคำสั่งยังได้สอบถามปลัดกระทรวงยุติธรรมว่า ทำได้หรือไม่ ท่านก็ยังได้ตรวจสอบคำสั่งให้ว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 2578 หรือไม่ ซึ่งท่านก็ตรวจสอบแล้วบอกว่าถูกต้องไม่ผิดรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามก่อนเซ็นคำสั่งปลัดกระทรวงยุติธรรมยังได้มาเรียนกับตนเกี่ยวกับนายสุนัย ว่าอาจไม่อยากรับตำแหน่งนี้ ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจ ตนจึงได้ขอร้องปลัดฯให้ไปบอกกับนายสุนัย ที่สุดท่านก็ยอมรับตำแหน่งนี้

"อยากใช้คำพูดสั้นๆว่า หากผมพบท่านสุนัยจากนี้ไปผมจะกราบขอบพระคุณท่านที่ยอมรับตำแหน่งอันทรงเกียรติ์นี้ เพราะเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญต่อกระทรวงยุติธรรมอย่างยิ่ง เพราะจะเกิดประโยชน์กับกระทรวง ไม่ได้คิดล้างแค้น ที่มีคนบอกว่าผมมาล้างแค้นแทนน้องชาย คือ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดี ดีเอสไอ นั้นขอบอกว่าไม่เคยมีอยู่ในจิตใจผมเลย อยากให้ดูพฤติกรรมในวันข้างหน้าจะรู้"

ปัดย้ายเอื้อประโยชน์คดี"แม้ว"

นายสมพงษ์ ยืนยันว่าการย้ายนายสุนัย ครั้งนี้ ไม่ได้เอื้อประโยชน์กับคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่จะกลับมาสู้คดีแต่อย่างใด เพราะคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในส่วนของดีเอสไอ ขณะนี้ไปอยู่ที่อัยการสูงสุดหมดแล้ว ซึ่งก็ถือว่าโชคดีไม่เช่นนั้นก็จะถูกกล่าวหาเพราะตนก็เคยอยู่กับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นกัน

"ผมเองก็เคยให้สัมภาษณ์แล้วว่าจะไม่อำนวยความสะดวกใดๆ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีที่ค้าง กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย ผมจะไม่เข้าไปบังคับบิดพริ้ว เพราะรัฐมนตรีไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเข้ามาสู้กระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง แต่จะให้ความสำคัญ อำนวยความสะดวกท่านเหมือนอดีตนายกฯทุกๆ คนที่จะได้รับ ส่วนเรื่องคดีก็ว่ากันไปตามกระบวนการ"

ยกย่อง “ทวี” เก่งด้านสืบสวน

นายสมพงษ์ กล่าวว่าเหตุผลที่แต่งตั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง มารักษาการอธิบดี ดีเอสไอว่า ดีเอสไอมีหน้าที่หลักๆ คือการปราบปรามทุจริต สิ่งไม่ถูกต้อง โดยมีการสืบสวนสอบสวน จักกุมซึ่งมีเทคนิคต่างๆ พ.ต.อ.ทวี เป็นอดีต รอง ผบก.ป.มาก่อน ทำงานด้านปราบปรามสอบสวนสืบสวนมาตลอด ดีเอสไอจำเป็นต้องใช้คนอย่างนี้ ตนไม่ได้ยกย่องแต่ดูจากประสบการณ์ท่านมีมาก

ส่วนทำไมไม่เลื่อน นายพรชัย อัศววัฒนาพร และ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีดีเอสไอขึ้นมาแทนนั้น นายสมพงษ์ อ้างว่า แม้รองอธิบดีดีเอสไอ จะอาวุโสกว่า พ.ต.อ.ทวี แต่ท่านเก่งด้านกฎหมาย เมื่อรัฐบาลต้องการทำงานให้เห็นผลใน 6 เดือนหรือ 1 ปี ก็ต้องใช้คนให้เหมาะสมของคนที่จะมาเป็นอธิบดี

ปากแข็งไร้แนวคิดเด้ง “จรัญ”

ผู้สื่อข่าวถามว่าปลัดกระทรวงยุติธรรมจะเป็นคิวต่อไปหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ไม่เคยมีแนวคิดที่จะปลดปลัดกระทรวงยุติธรรม ไม่เชื่อลองไปถามท่านดูว่า ตนคุยกับท่านอย่างไร แต่ตนคงบอกไม่ได้เพราะเป็นที่เข้าใจกันในเรื่องการทำงาน

"ท่านปลัดฯเป็นคนเก่ง ผมต้องการให้ช่วยกันทำงานให้กระทรวงนี้เจริญไปข้างหน้า แต่ก็ต้องเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ต้องไปในทางเดียวกัน อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ ฉะนั้นยืนยันได้ว่าไม่มีการปลดปลัดฯยุติธรรม"

ผู้สื่อข่าวถามว่าท่านกล้าสาบานได้หรือไม่ว่าการย้ายครั้งนี้ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง นายสมพงษ์ กล่าวสวนว่า"คุณจะให้ผมเป็นคุณสมัครหรือ" เมื่อถามย้ำว่ากล้าสาบานไหมไม่เกี่ยวกับการที่ดีเอสไอไปดูแลตระกูล "ชินวัตร" นายสมพงษ์ กล่าวว่า "ไม่ต้องสาบานครับ แต่จะให้ไปกี่วัดก็บอกมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงนายสมพงษ์ ได้เดินมาหาผู้สื่อข่าว ที่ท้าให้สาบานและบอกว่า "เดี๋ยวคุณไปวัดพระแก้วกับผมนะ"

“จรัญ”ยันอยู่ที่ใหนก็ทำงานได้

นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายสมพงษ์ ยืนยันจะไม่ย้ายตนออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ท่ามกลางกระแสข่าวว่าอาจจะมีการเสนอเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายจรัญ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 26 ก.พ. ว่าหากต้องถูกย้ายก็รู้สึกเป็นเกียรติ เราเป็นข้าราชการ เวลามีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายต้องรับได้ ไม่หวาดผวา ไม่ดิ้นรนชนิดว่าจะเป็นจะตาย สำหรับตนไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ อย่างไรก็ตาม อำนาจย้ายตำแหน่งปลัดกระทรวงไม่ได้อยู่ที่รัฐมนตรีคนเดียว ตอนนี้ตนจะพูดอย่างใดอย่างหนึ่งไปก็ไม่ดี

ส่วนที่ รมว.ยุติธรรมอ้างความเหมาะสมในเรื่องการปราบปรามทุจริต ควรเอาผู้พิพากษาไปทำ ส่วนดีเอสไอ ที่เกี่ยวกับการปราบปรามอาชญากรรม ควรให้ตำรวจไปทำนั้น นายจรัญ กล่าวว่า ต้องถามท่านที่ออกคำสั่ง เพราะตนไม่ใช่คนพิจารณาความ

เมื่อถามว่า การปรับย้ายจะลามมาถึงปลัดด้วยหรือ นายจรัญ กล่าวว่า "ถ้าลามมาก็มีเหตุผลนะที่จะลาม เพราะว่าผมเองก็อาจจะมองว่ามาในบรรยากาศ ของการปฏิวัตรัฐประหารเพราะฉะนั้นเมื่อประเทศเปลี่ยนเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยจะมีการปรับย้ายอะไรก็พอเข้าใจ"

“สุนัย”ฝาก"ทวี"ดูแลดีเอสไอ

นายสุนัย มโนมัยอุดม เปิดเผยว่า ตนได้พูดคุยกับนายสมพงษ์ ว่าจะทำงานในหน้าที่ใหม่ให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับครั้งที่ย้ายมาทำหน้าที่อธิบดีเอสไอ เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยปล่อยให้กรมเป็นไปตามเดิมก็อย่าทำดีกว่า นอกจากนี้ยังฝากให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีดีเอสไอ ว่า อยากให้ดีเอสไอเป็นองค์กรแบบพลเรือน ไม่ต้องการให้ระบบพวกพ้อง เนื่องจากดีเอสไอ ไม่มีกองกำลัง มีแต่บุคลากรที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสหวิชาชีพ หากใช้วัฒนธรรมองค์กรแบบกองกำลัง จะทำให้เกิดความแตกแยก จึงควรหาทางหล่อหลอมบุคคลเข้าด้วยกัน ซึ่งมีกุญแจดอกเดียวคือใช้ความเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวถามเรื่องการโอนย้ายกลับศาลยุติธรรม นายสุนัย กล่าวว่า เรื่องขอกลับศาลถึงอย่างไรก็ต้องกลับ เพราะที่นั่นเกษียณอายุราชการที่อายุ 70 ปี หากทำงานตรงนั้นจะเป็นประโยชน์แก่สังคมมากกว่า การย้ายกลับจึงไม่ใช่เรื่องความผิดหวังในการทำงาน เมื่อถึงเวลาก็ต้องกลับอยู่ดี เพราะอยู่ที่ดีเสไอจะเกษียณอายุราชการที่ 60 ปี หากไม่รีบก็จะกลับไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีซุกหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่สรุปสำนวนสั่งฟ้องส่งให้อัยการ หากอัยการสั่งสอบเพิ่มเติม และส่งสำนวนคืนให้ดีเอสไอจะเกิดการเปลี่ยนในทางตรงกันข้ามหรือไม่ นายสุนัย กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต ทุกอย่างมีสิทธิเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ ตอนนี้ยังพูดไม่ได้ ส่วนที่ตนเคยวางแผนการสอบสวนว่าจะขึ้นเบิกความบรรยายพฤติการณ์กระทำผิดในคดีนี้ด้วยตนเอง เพื่อให้ศาลเกิดความเข้าใจในคดีทางด้านการเงินที่สลับซับซ้อนได้ง่ายขึ้น ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าอัยการจะระบุชื่อตนในบัญชีพยานหรือไม่

แปลก ป.ป.ท.ยังไม่มีสำนักงาน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการทำงานใน ป.ป.ท.ซึ่งยังไม่มีการจัดตั้งสำนักงานนายสุนัย กล่าว่า ตนจะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้จัดสรรงบประมาณมาเช่าพื้นที่ ชั้น 25 อาคารสุขประพฤติ ซึ่งเดิมเป็นสำนักงานอธิบดีดีเอสไอไว้ให้ ป.ป.ท.ทำงานต่อ แต่ยังไม่ทราบว่าจะได้รับอนุมัติหรือไม่ ส่วนเรื่องบุคลากร ขณะนี้ทั้งสำนักงาน ป.ป.ท มีตนอยู่เพียงคนเดียว แต่กฎหมายกำหนดให้จัดตั้งสำนักงานให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 120 วัน ขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียง 3 เดือน ดังนั้นจะขอตัวนายธาริต เพ็งดิษฐ์ และนายพรชัย อัศววัฒนาพร รองอธิบดีดีเอสไอ มาเป็นรองเลขาธิการ ป.ป.ท. เพราะทั้ง 2 คนเป็นคดีคนเก่ง มีคุณธรรมเหมาะสมทำเรื่องปราบปรามทุจริต และคาดว่าจะมีข้าราชการดีๆ อีกหลายคนโอนย้ายมาช่วยงาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ถูกย้ายเป็นคนแรก นายสุนัยกล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับตนและกรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่วนกรณีมีการจุดปะทัดหน้าดีเอสไอในช่วงเช้าวันนี้นั้น คนทำคงเป็นคนจีน จุดประสงค์ของการจุดปะทัด มองได้ 2 แง่ มีทั้งจุดเพื่อขับไล่สิ่งไม่ดี หรือจุดต้อนรับก็เป็นได้

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ ได้ทยอยกันเก็บข้าวของเพื่อย้ายไปอยู่ยังสถานที่ตั้งแห่งใหม่บนถนนแจ้งวัฒนะ แต่ที่ห้องทำงานของนายสุนัย ปรากฏว่าไม่พบการเคลื่อนไหว เช่น มีเจ้าหน้าที่ไปเก็บของ หรือเคลื่อนย้ายสิ่งของใดๆ ของนายสุนัยออกนอกห้อง ทั้งนี้ เนื่องจากมีรายงานว่านายสุนัย เตรียมที่จะขอสถานที่เดิมจากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม ให้เป็นที่ทำการของ สำนักงาน เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เนื่องจากแม้จะมีคำสั่งย้ายให้นายสุนัยไปช่วยราชการยัง ป.ป.ท.แล้ว แต่ก็ไม่มีสถานที่ทำงานแต่อย่างใด

"พีระพันธ์"ยันเด้งสุนัยฟังไม่ขึ้น

นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.เงาก.ยุติธรม แถลงกรณีเดียวกันว่า ตนยังมีความเคลือบแคลงสงสัยกับเหตุผลที่รัฐมนตรีอ้างต่อการโกย้ายครั้งนี้ และอยากเรียกร้องให้ดูแลให้ดี คือ 1. รัฐมนตรีพยายามอธิบายเรื่องความเหมาะสมของการเอา พ.ต.อ.ทวี มารักษาการอธิบดีดีเอสไอ. โดยอ้างว่ามีความเชี่ยวชาญการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มากกว่า เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ2 สำนักงานปปท.ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ เพื่อสอบสวนคดีทุจริต ดังนั้นคนที่มาใหม่จะเชี่ยวชาญกว่าคนเดิมได้อย่างไร เพราะเมื่อมาอยู่ในหน่วยงานนี้จะต้องทำงานการสอบสวนที่มากกว่าการสอบสวนของหน้าที่ ดีเอสไอ.ด้วยซ้ำ ซึ่งหากอ้างเช่นนั้น ควรจะย้ายพ.ต.อ.ทวีไปอยู่ปปท.จะเหมาะสมกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายสุนัยถูกเด้งเป็นเพราะทำคดีเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายพีระพันธ์กล่าวว่านายสุนัยได้รับผิดชอบหลายคดี ทั้งเกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ และคนใกล้ชิด รวมถึงบางส่วนที่ไมได้เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจะต้องระวัง เพราะการกระทำอะไรอาจจะถูกมองในแง่ลบ และอาจก่อให้เกิดความเสียหาย เพราะกรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา ทำอะไรต้องอธิบายได้

พิษเด้ง"สุนัย"คดีป่าสบกกสะดุด

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของการสอบสวนเอาผิดกลุ่มผู้มีอิทธิพลสั่งรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสบกกฝั่งขวา บ้านห้วยข่อยหร่อย ม.12 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เสียหายเนื้อที่ 918 ไร่ คิดเป็นมูลค่า 62 ล้านบาทของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ.) ว่า อาจจะมีปัญหาขึ้นได้หลังเกิดการโยกย้ายนายสุนัย ทำให้ทีมสอบสวนดีเอสไอในคดีนี้ที่มี พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษและโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหัวหน้าชุดเกิดความระส่ำภายใน

แหล่งข่าวจากทีมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ชุดทำคดีรุกป่าสบกก เปิดเผยว่า การสืบสวนของคดีป่าสบกก ซึ่งเดิมทีจะทำให้เสร็จสิ้นทุกขั้นตอนในเดือน ก.พ.นี้โดยจะมีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม ในเร็วๆ นี้ด้วย ทำให้ต้องยุติลง แม้ว่าจะมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่เชียงราย เพื่อประสานกับทางศาลจังหวัดเชียงราย ในการขออนุมัติออกหมายจับกุมผู้ต้องหา ที่มีในบัญชีกว่า 10 คน แล้วก็ตาม

มีรายงานข่าวแจ้งว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) พร้อมคณะ จะเดินทางเข้าพื้นที่ จ.เชียงรายในเร็วๆนี้ เพื่อติดตามดูปัญหาเรื่องบ่อนพนัน ปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-พม่า รวมทั้งเข้าติดตามคดีการรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าสบกก ที่ จ.เชียงราย ด้วย

ก.ล.ต.ยันไม่กระทบคดี

นายประสงค์ วินัยแพทย์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวถึง การโยกย้ายนายสุนัย ว่า การโยกย้ายดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการประสานงานระหว่าง ก.ล.ต.กับดีเอสไอ เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นการประสานงานระหว่างองค์กรมาโดยตลอด จึงไม่น่าจะมีปัญหาต่อการสืบสวนสอบสวนในเรื่องต่างๆ

ปัจจุบันยังมีคดีที่ ก.ล.ต.ได้มีการส่งเรื่องต่อให้ดีเอสไปเข้าไปตรวจสอบในอีกหลายคดี โดยคดีต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการสืบสวนจะมีการหารือร่วมกันรวมถึงการประสานงานเพื่อสรุปสำนวนต่อไป ในขณะเดียวกันดีเอสไอเองยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนอีกจำนวนหนึ่ง

ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะมีผลต่อการดำเนินงานด้านดคี ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยังส่งข้อมูลที่มีการสอบถามตามปกติ โดยหากมีการพบความผิดปกติในการซื้อขายหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะส่งเรื่องให้ ก.ล.ต.พิจารณาก่อนเพื่อให้ ก.ล.ต.ส่งต่อให้ดีเอสไอตามขั้นตอนต่อไป

เชื่อว่าแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่การประสานงานจะยังคงสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยตลาดหลักทรัพย์ยังพร้อมที่จะเป็นหน่วยงานแรกในการตรวจสอบความผิดปกติเหมือนเช่นเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น