xs
xsm
sm
md
lg

รมว.ยธ.อ้างเด้ง “สุนัย” เพื่อเหมาะสมไม่กล้าสาบานโยงคดี “แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รัฐมนตรียุติธรรมแถลงย้าย “สุนัย” พ้นดีเอสไอ เพื่อความเหมาะสมด้านการบริหารงาน พร้อมทั้งยืนยันไม่เคยคิดเด้ง “จรัญ” เป็นคิวเชือดรายต่อไป อ้างไม่เคยคิด ไม่กล้าสาบานโยกย้ายไม่เกี่ยวคดี “แม้ว”

วันนี้(25 ก.พ.) เมื่อเวลา 08.30 น.ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ แถลงข่าวถึงกรณีที่มีคำสั่งย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมกรมสอบสวนพิเศษ(ดีเอสไอ)ไปช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดตั้งใหม่ต้องแล้วตั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) อดีตรองอธิบดีกรมดีเอสไอ กลับมาเป็นใหญ่นั่งเก้าอี้อธิบดีกรม ดีเอสไอว่า เมื่อเข้ามารับตำแหน่งรมว.ยุติธรรมในระยะต้นๆกลางเดือนกุมภาพันธ์ ได้หารือนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรมหลายๆ อย่าง โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมได้แจ้งให้ทราบว่า มีเรื่องด่วนที่ต้องดำเนินการ นั้นคือเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.ซึ่งช่วงนั้นยังไม่มีการแถลงนโยบายรัฐบาล จึงไม่อยากที่จะดำเนินการใดๆ เพราะคงทราบกันดีว่า รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ชัดเจนหากยังไม่มีการแถลงนโยบายรัฐบาลไม่ควรที่จะดำเนินการใดๆ นอกจากเรื่องนั้นเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เรื่องด่วนจริงๆ และจะเห็นได้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ตนไม่เซ็นคำสั่งอะไร นอกจากเซ็นสั่งรับทราบ

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า คำถามที่ตนขอฟันธงเลยคือ ทำไมถึงต้องมาทำกันในตอนนี้ เนื่องจากกฎหมายอันนี้มีพระราชบัญญัติออกมาผ่านคณะรัฐมนตรีผ่านไปที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สนช. จากสนช.ลงพระราชกิจจานุเบกษาวันที่ 24 มกราคม และในกฎหมายกำหนดไว้ว่า ให้มีผลบังคับใช้ในวันถัดไป โดยในข้อที่ 1 กำหนดไว้ว่า ภายใน 30 วันจะต้องมีสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการทุจริตภาครัฐ ป.ปท.ให้ได้ คำนวณตัวเลขจะครบในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เราก็ยั
งไม่มีสำนักงานฯ ตัวเลขาฯ มีความจำเป็นที่ต้องมาคิดว่า ผู้ที่เหมาะสมเป็นใคร ก็เรียกด้วยความเคราพได้หยิบยกมาหลายท่าน และมาตรวจสอบดู

“ต้องเรียนว่า หลายๆ ท่านมาพูดว่า ผมเองล้างแค้นแทนน้อง เพราะพล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ เป็นน้องแท้ๆ ผม ซึ่งไม่เคยมีอยู่ในจิตใจผมเลย ว่าผมจะต้องไปล้างแค้น แต่ว่าเป็นไร สิ่งเหล่านี้ต่างจิตต่างใจ ใครจะพูดยังไง ดูพฤติกรรมในข้างหน้าเป็นเรื่องหลัก” รมว.ยุติธรรม กล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นได้พิจารณาดูท่านสุนัยเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด จากการที่ผมได้ตรวจสอบ ท่านเป็นอดีตผู้พิพากษา งานของการปราบปรามทุจริตภาครัฐ เป็นงานเกี่ยวกับเรื่องการไต่สวน เรื่องของระเบียบที่สำคัญๆ ต่างๆ วางคน วางงบประมาณ ซึ่งเป็นงานเริ่มต้น และท่านเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในเรื่องนี้ เป็นระดับอธิบดีเท่ากัน ไม่ได้มีการโยกย้ายโดยลดตำแหน่งท่านใดๆ ทั้งสิ้น ผมได้พิจารณาอย่างดีแล้ว เมื่อเซ็นคำสั่งไปแล้ว ยังได้สอบถามปลัดกระทรวงยุติธรรมด้วยซ้ำไปว่า มันเป็นอย่างนี้ ท่านยังได้ตรวจสอบคำสั่ง ดูว่าคำสั่งมันผิดกฎหมายมาตรา 257 หรือเปล่าตามรัฐธรรมนูญหรือเปล่า ท่านยังเป็นห่วง เพราะท่านเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญอันนี้ เมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อยท่านยังบอกว่า ถูกต้องครับ

รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นปลัดกระทรวงยุติธรรมยังได้มาเรียนกับตนเรื่องท่านสุนัย ตนก็รู้สึกเสียใจตอนต้นๆ ว่าท่านสุนัยไม่อยากรับตำแหน่งนี้หรืออย่างไร ตนถึงได้ขอร้องปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งท่านก็มาบอกว่าท่านสุนัยโอเครับแล้ว

“อยากใช้คำพูดสั้นๆ ว่า หากผมพบท่านสุนัยครั้งแรก ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้าผมไปพบท่าน ผมจะไปกราบขอบพระคุณท่านที่ท่านรับตำแหน่งอันมีเกียรติอันนี้ เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญของกระทรวงยุติธรรมอย่างยิ่ง นี้คือที่มาที่ไปของการโยกย้ายท่านสุนัย ซึ่งเป็นเรื่องที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับกระทรวง ไม่ได้คิดล้างแค้น” นายสมพงษ์ กล่าว

รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อว่า ในประเด็นหลายอย่างที่ถูกมองว่า การโยกย้ายครั้งนี้เป็นการล้างแค้น เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับอดีต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่จะกลับมา มันเป็นไปไม่ได้ ท่านไปตรวจสอบให้แน่นอนว่า ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่องคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรีมันไปถึงไหนแล้ว มันไปที่อัยการเรียบร้อยแล้ว ตนโชคดีที่คดีไปแล้ว ไม่อย่างนั้นผมจะโดนข้อหานี้ด้วยซ้ำไป เพราะตนก็อยู่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณมาเหมือนกัน ก็ต้องบอกว่า โชคดี เรื่องอื่นไม่เห็นมีอะไร คดีที่ค้างมาก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า จะอำนวยความสะดวกอดีตนายกฯ หรือไม่ ตนก็บอกว่าไม่ กฎหมายก็ต้องเป็นกฏหมาย คุณก็ว่ากันไปตามกฎหมาย กระผมเองจะไปบังคับบิดพริวในเรื่องของกฎหมายได้ยังไร รัฐมนตรีมีอำนาจมากขนาดนั้นเชียวหรือ กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ทุกกระทรวง ทุกบวง ใช้กฎหมายเดียวกัน นั้นก็หมายความว่า รัฐธรรมนูญเดียวกันทั้งนั้น ต้องให้ความยุติธรรมกับทุกๆ คน

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ถามตนว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ ตนบอกว่า ตนไม่ให้เรื่องปกติท่านต้องเข้ามาอยู่ในกระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง และก็จะให้ความสำคัญ อำนวยความสะดวก สบายท่าน เหมือนกับอดีตนายกรัฐมนตรีทุกๆ คนที่ได้รับก็จะให้อย่างนั้น เพราะฉะนั้นตัดประเด็นไปเลย

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยนั้น นายสมพงษ์ กล่าวว่า อย่างที่ฝ่ายค้านออกมาพูด แต่อย่าไปพูดถึงชื่อท่านเลย ท่านก็เป็นถึงอดีตผู้พิพากษา ท่านรู้ดีว่าดำเนินการอย่างไร แต่ท่านก็เป็นคนเก่ง เป็นคนรอบรู้ มุมมองไหนที่มีทั้งมุมมองทางบวกและทางลบ ทั้งคูณทั้งหาร ท่านมองได้รอบท่านรู้ เพราะฉะนั้นเวลาที่ท่านจะออกมาในขณะที่ท่านเป็นฝ่ายค้าน ท่านก็ออกมาในทางลบของรัฐบาล อันนั้นเป็นเรื่องธรรมดา วันไหนว่างๆ รอไปถามท่านบ้างทางบวกมีบ้างไหม ท่านรู้ท่านก็ออกได้ ท่านเป็นคนเก่ง

“ผมเคารพในการตำหนิติเตียนของท่าน ผมไม่ตอบโต้ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีเงากระทรวงยุติธรรม ไหนๆ เอ่ยชื่อแล้ว ผมเคราพในการตำหนิของท่าน ท่านเป็นบุคลากรที่ผมเคารพนับถือ อยู่ในสภาการอภิปรายของท่านเก่งกาจ มีเหตุและผล แต่มุมการมอง เรามองได้หลายทางในวันนี้ท่านมองในมุมนี้ไม่เป็นไร แต่อีกวันท่านอาจมองอีกมุมก็ได้” รมว.ยุติธรรม กล่าว

นอกจากนั้น นายสมพงษ์ ยังกล่าวถึงเหตุผลที่แต่งตั้งพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) อดีตรองอธิบดีดีเอสไอ กลับมาเป็นใหญ่นั่งเก้าอี้อธิบดีดีเอสไอ ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีหน้าที่หลักๆ หรือมีความสำคัญอย่างไร นั้นคือการปราบปรามทุจริต ปราบปรามในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มีการสอบสวนสืบสวน จับกุม มีวิธีเทคนิคต่างๆ พ.ต.อ.ทวี เป็นอดีตรองผู้บังคับการกองปราบปรามมาก่อน และทำงานเกี่ยวกับปราบปรามสอบสวนสืบสวนที่มา กรมสอบสสวนคดีพิเศษมีความจำเป็นต้องใช้คนอย่างนี้ มีคนบอกว่า งานอะไรต่างๆ พ.ต.อ.ทวีไม่ได้ผ่านงานเหล่านี้ ไปดูเลยว่าพ.ต.อ.ทวีผ่านอะไรมาบ้าง งานที่เขาทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นอย่างไร ตนไม่ได้ไปยกย่อง แต่ดูจากประสบการณ์ อดีตของเขาที่ผ่านมา

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนทำไมไม่แต่งแต่รองอธิบดีดีเอสไออีก 2 ท่านคือ นายพรชัย อัววัฒนาพร และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ทั้งๆที่รองท่านหนึ่งมีความอาวุโสกว่านั้น อีกท่านมีอายุราชการ 6 ปีและเป็นรองฯ ส่วนพ.ต.อ.ทวีมีอายุราชการ 5 ปีกว่า การที่ไม่เอารองที่อาวุโสกว่า ต้องขอเรียนว่า รองที่อาวุโสนั้นมีความเก่งกาจในเรื่องอื่น ท่านเก่งในเรื่องกฎหมายมาก ท่านจะมีประโยชน์ในช่องทางอื่นอย่างนี้ดีกว่า ไม่ใช่ว่าในขณะที่รัฐบาลมีความต้องการให้การทำงานเกิดผล ในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 1 ปีในวันข้างหน้า มีความจำเป็นต้องใช้คนในลักษณะอย่างนี้ ทุกคนคงทราบดีว่า 1 ปี 6 เดือนทีผ่านมา มันมีอะไรก้าวหน้าบ้าง รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจึงจำเป็นต้องทำทุกสิ่งทุกอย่าง กระทรวงยุติธรรมต้องเอื้อความเป็นธรรมกับทุกหน่วยงาน แม้แต่ด้านเศรษฐกิจ คนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย เราต้องเอื้อให้เขาว่า ที่มาทำสัญญากับเราต้องได้รับความยุติธรรม อันนี้ต้องให้ความมั่นใจกับเขา การมามองดูว่า คนหนึ่งอาวุโส อีกคนหนึ่งอาวุโสกว่า สำหรับกระทรวงยุติธรรม ต้องดูความเหมาะสมของคนที่จะมาอยู่ตรงนั้น ส่วนท่านรองอีกท่านที่บอกว่าอาวุโสกว่า คือ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ต้องเรียนว่า ท่านเก่งกาจในเรื่องอื่น มีอย่างอื่นที่ท่านต้องทำอีกเยอะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรมจะเป็นคิวต่อไปหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า บางทีพวกเราสื่อมวลชนก็ดี บุคคลดีก็ดีที่มองคนละมุมกับทางรัฐบาลก็ย่อมคิดต่างๆนาๆไปทางนั้น ตนเรียนด้วยความเคารพว่าตนไม่มีจิตใจและไม่เคยคิดเลยว่าจะไปปลดท่านปลัดฯไปโยกย้ายท่าน ทั้งนี้ให้ไปท่านถามท่านปลัดได้เลยว่าตนคุยกับท่านยังไง ซึ่งผมขออภัยที่ผมไม่สามารถบอกกล่าวในที่นี่ได้ เพราะเป็นที่เข้าใจกันเราทำงาน

“ท่านปลัดเป็นคนเก่ง ต้องยอมรับว่าท่านเป็นคนเก่ง ผมต้องการที่จะช่วยกันทำงานให้กระทรวงนี้เจริญลุล่วงไปข้างหน้า แต่มันต้องเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เราต้องไปเป็นทางเดียวกัน อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ ฉะนั้นคำตอบของผมเกี่ยวกับท่านปลัดฯผมตอบไปแล้ว ไม่มี” นายสมพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ทำไมตำแหน่งเลขาฯป.ป.ท.ไม่ให้เป็นนายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษขึ้นมาเป็น นายสมพงษ์ กล่าวว่า ท่านทำงานมาด้วยเหมือนกัน เป็นคนช่วยประสาน แต่ถ้ามองในเรื่องของบทบาทในการทำงานท่านสุนัยเหนือกว่าเยอะ แต่ไปพูดยังงี้มันก็ไม่ดี เอาเป็นว่าท่านสุนัยเหมาะสมกว่า พูดยังงี้จะดีกว่า ขอโทษขอถอนคำว่าเหนือกว่าเยอะท่านเหมาะสมกว่าจริงๆ

“ท่านสุนัยท่านเป็นผู้พิพากษามาก่อน งานที่เราจะทำนี่คืองานไต่สวน งานเกี่ยวกับกำลังพล เกี่ยวกับงบประมาณ งานระเบียบต่างๆเพื่อที่จะวางให้ข้าราชการที่กรมนี้ทำงานอย่างราบรื่น”นายสมพงษ์ กล่าว

รมว.ยุติธรรม กล่าวย้อนถึงโครงสร้างของป.ป.ท. ด้วยว่า คณะกรรมการป.ป.ท. ก็จะเหมือนกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่ต้องผ่านสภาทั้ง 2 สภา ซึ่งภายใน 60 วันต้องมี ซึ่งตนไม้เคยเรียนเลยว่าต่อจากนี้ตนต้องดิ้นเป็นลิง เพราะต้องทำต้องสรรหา ต้องมีการเลือกตั้งประธาน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นป.ป.ช.น้อย อีกทั้งภายใน 120 วันคดีเก่าๆที่อยู่ที่ป.ป.ช.จะต้องส่งคืนมาอยู่ที่ป.ป.ท. อีก 6 พันกว่าสำนวน ดังนั้นถ้าหากว่าเราทำงานล่าช้าไป 1 วันอะไรมันจะเกิดขึ้น มันจะเกิดผลเสียหาย คดีอาจจะขาดอายุความมันจะเป็นอย่างนั้น เราต้องเร่งรัดทำงาน นี่คือความจำเป็นที่จะต้องทำ

“ผมถูกกรอบของกฎหมายบังคับอยู่ตรงนี้ ผมต้องทำ แต่ผมไม่อยากจะตอบโต้ เพราะสื่อมวลชนโทรมาผมก็เข้าใจ ถ้าผมเป็นสื่อมวลชนผมก็จะถามแบบนี้ ท่านมาล้างแค้นตามข่าวนี้ไหม ซึ่งถ้ามันไปอยู่กระทรวงอื่นมันก็คงหมดเรื่อง ขอวิงวอนท่านที่เคารพให้ความเป็นธรรมกับผมด้วยในเรื่องนี้ กระทรวงอย่างผมเขาเรียกว่ากระทรวงไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด คือมันต้องเป็นกลาง”นายสมพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่าตำแหน่งของนายสุนัยต้องผ่านมติครม.หรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า อันนี้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการในส่วนของกฎหมายการบริหารราชการแผ่นดินมาตรา 46 ซึ่งเรียกว่าโยกย้ายไปรักษาการ ซึ่งเรื่องนี้ตนได้เรียนให้ปลัดฯและเปิดดูกฎหมายกัน ทั้งนี้ในเรื่องนี้ตนคุยกับนายจรัญยาว เมื่อซักว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องมือที่มองไม่เห็นที่นายสมัครออกมาพูดก่อนหน้านี้หรือไม่ นายสมพงษ์ ปฏิเสธว่า ไม่เคยคิดก้าวไกลขนาดนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นเพราะเรื่องของการบริหารจัดการภายในดีเอสหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตนได้ยินข่าวแต่ยังไม่ได้ดูลึกขนาดนั้น เมื่อถามต่อว่าที่ผ่านมานายสุนัยขัดแย้งกับตำรวจในดีเอสไอหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ไม่รู้ อันนี้ยังไม่รู้ เดี๋ยวจะเข้าไปดูจะเรียกเข้ามาชี้แจงกันให้หมด รวมทั้งคดีค้างๆต่างๆก็จะนำมาดูให้หมดว่าเป็นยังไง

ทั้งนี้มีรายงานว่า จู่ๆนายสมพงษ์ก็กล่าวขึ้นมาลอยๆ ชื่นชมนายสุนัยว่า
“ต้องยอมรับว่านายสุนัยเป็นคนเก่ง เป็นคนดีในเรื่องนี้ แต่ในเรื่องเกี่ยวกับงานต่างๆผมไม่เคยเอามาพิจารณาเลย ไม่เคยเอามาดู และการพิจารณาครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของท่าน แต่รู้ว่าท่านทำประโยชน์ไว้เยอะ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนมีคำสั่งย้ายได้คุยกับนายสุนัยหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า เข้ากระทรวงวันแรกและเจอท่านครั้งเดียว ท่านงานเยอะ เมื่อถามว่าได้คุยกับนายสุนัยหรือยัง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย เพราะตนมองว่าเป็นเรื่องของความเหมาะสมต่างๆ ว่าประวัติท่านเป็นยังไง ท่านทำงานอะไรมา ความเก่งกาจท่านเป็นยังไง

เมื่อถามว่าคิดว่านายสุนัยจะเข้าใจหรือไม่เพราะมันสอดรับกับการที่นายกรัฐมนตรีให้ข้าราชการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมร้องเรียนเข้ามา นายสมพงษ์ กล่าวว่า การโยกย้ายเที่ยวนี้ตนโดนกรอบของกฎหมายบังคับ ตนไม่คิดไม่ได้ถามเลยว่าใครไม่ได้รับความเป็นธรรมตามที่ท่านนายกได้พูดไว้ ดังนั้นอันนั้นไม่มี ไม่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามเชื่อว่าท่านสุนัยคงเข้าใจ เพราะตนได้อธิบายให้ท่านปลัดกระทรวงฟัง

เมื่อถามว่าเป็นเพราะมีความต้องการให้ดีเอสมีการตรวจสอบแบบตำรวจใช่หรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ความจริงในเรื่องนี้จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก เพราะเป็นเรื่องของงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่อื่นต้องการที่จะมีแนวทางในการดำเนินการคล้ายตำรวจอยู่เหมือนกัน เพราะบางทีต้องจู่โจมต้องไปจับหรือเรียกมาสอบสวน ฉะนั้นงานต่างๆอาทิงานที่ตำรวจทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ต้องมาให้กรมนี้ทำ กรมนี้ก็มาสานงานตำรวจต่อไป

“ท่านปลัดกระทรวงยังปรารภ อย่างเรื่องคดีตำรวจตชด.ตำรวจไปสอบสวนกันเอง ทำไมไม่ใก่กรมสอบสวนคดีพิเศษในฐานะเป็นกลางทำ รวมทั้งคดีแชร์รถตู้ทำไมถึงต้องกรมกับตำรวจกับตำรวจสอบสวนกันเอง ซึ่งเขาก็ทำได้แต่ทำไมไม่ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทำ”นายสมพงษ์ กล่าว

เมื่อถูกซักว่า ท่านสาบานได้หรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวสวนขึ้นมาทันทีว่า “คุณจะให้ผมเป็นคุณสมัครหรือ” เมื่อถามย้ำว่าสาบานได้ไหมว่าไม่ใช้การย้ายเพราะนายสุนัยไปดูแลคดีตระกูลชินวัตร นายสมพงษ์ กล่าวว่า “ไม่ต้องสาบานครับ แต่จะไปกี่วัดให้บอกมา”

เมื่อถามว่าท้อใจบ้างหรือไม่ที่เข้าไปไม่เท่าไรก็เจอเรื่องแบบนี้ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ก็มีความรู้สึกแต่ความจริงจะรู้สึกท้อใจมากกว่าหลังจากที่ได้ให้ข้อมูลข่าวสารกับท่านที่เคารพวันนี้แล้ว แล้วยังเกิดมียังงี้มาอีกอันนั้นตนจะท้อใจว่าตนตั้งใจทำความดี

“จะสาบานยังไงทำได้หมด ไม่ติดขัดอะไรเลยทำได้ จิตใจผมบริสุทธิ์จริงๆ”รมว.ยุติธรรม กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการแถลงนายสมพงษ์ได้เดินมาหาผู้สื่อข่าวที่ท้าให้สาบานและบอกว่า “เดี๋ยวคุณไปวัดพระแก้วกับผมนะ”

/0110



กำลังโหลดความคิดเห็น