“สุนัย” ภูมิใจถูกย้ายคนแรกเพราะรัฐบาลให้ความสำคัญ ย้ำระบบราชการเปราะบางทำให้ต้องวิ่งหานักการเมือง เชื่อจะมีข้าราชการดีๆ ขอย้ายมาช่วยงานที่ ป.ป.ท.อีกมาก แฉถูกลอยแพไม่มีแม้แต่ห้องทำงาน
วันนี้ (25 ก.พ.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เวลา 12.30 น. นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ช่วยราชการในเลขาธิการสำนักงานป้องกันแลปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยภายหลังนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแถลงเหตุผลในการโยกย้ายว่า ตนได้พูดคุยกับนายสมพงษ์ว่าจะทำงานในหน้าที่ใหม่ให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับครั้งที่ย้ายมาทำหน้าที่อธิบดีเอสไอ เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยปล่อยให้กรมเป็นไปตามเดิมก็อย่าทำดีกว่า นอกจากนี้ยังฝากให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) รักษาการอธิบดีดีเอสไอ ว่า อยากให้ดีเอสไอเป็นองค์กรแบบพลเรือน ไม่ต้องการให้ระบบพวกพ้อง เนื่องจากดีเอสไอไม่มีกองกำลัง มีแต่บุคลากรที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสหวิชาชีพ หากใช้วัฒนธรรมองค์กรแบบกองกำลัง จะทำให้เกิดความแตกแยก จึงควรหาทางหล่อหลอมบุคคลเข้าด้วยกัน ซึ่งมีกุญแจดอกเดียวคือใช้ความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวถามเรื่องการโอนย้ายกลับศาลยุติธรรม นายสุนัย กล่าวว่า เรื่องขอกลับศาลถึงอย่างไรก็ต้องกลับ เพราะที่นั่นเกษียณอายุราชการที่อายุ 70 ปี หากทำงานตรงนั้นจะเป็นประโยชน์แก่สังคมมากกว่า การย้ายกลับจึงไม่ใช่เรื่องความผิดหวังในการทำงาน เมื่อถึงเวลาก็ต้องกลับอยู่ดี เพราะอยู่ที่ดีเสไอจะเกษียณอายุราชการที่ 60 ปี หากไม่รีบก็จะกลับไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าระบบศาลมีการวางรากฐานยาวนาน กว่า 100 ปี บุคลากรผ่านการคัดสรรมาอย่างดี การแทรกแซงทั้งจากภายในและภายนอกทำได้ยาก ซึ่งต่างจากระบบช้าราชการพลเรือน ที่สามารถโยกย้ายได้ง่าย และทุกครั้งจะอ้างเหตุผลเรื่องความเป็นธรรม และนโยบาย ทำให้ข้าราชการต้องวิ่งเข้าหาการเมือง ยิ่งถ้าเป็นข้าราชการที่มีหน้าที่ให้คววามเป็นธรรมกับประชาขนก็จะยิ่งไม่เหมาะสม ในต่างประเทศมีการออกระเบียบห้ามมิให้การเมืองเข้ามามีอำนาจโยกย้ายข้าราชการบางตำแหน่ง ซึ่งในประเทศไทยคงต้องศึกษาหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ตนได้ทำรายงานการวิจัยเรื่อง ความอิสระของดีเอสไอจากการแทรกแซงโดยมิชอบ โดยพบว่าการแทรกแซงทำได้หลายรูปแบบมีทั้งแทรกแซงในด้านการบริหารและแทรกแซงงานคดี
นายสุนัย กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาอื่นทีมีข้อร้องเรียนต่างๆในดีเอสไอนั้น ตนยืนยันว่าทำงานทุกอย่างด้วยความโปร่งใส ไม่เคยตัดสินใจคนเดียวแต่มีการหารือในรูปแบบบคณะกรรมการ ล่าสุดการย้ายตึกที่ทำงานใหม่ ซึ่งถูกร้องเรียนว่าทำให้ข้าราชการไม่สะดวก กรณีดังกล่าวสามารถค้นเอกสารย้อนหลังได้เลยว่า อาคารสร้างเสร็จกว่า 1 ปี แต่ไม่ได้ย้ายเข้าทำให้ต้องเสียค่าเช่าเดือนละ 4 ล้านบาท ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องเสียเงินไปเปล่าๆ ช่วงแรกๆอาจลำบากไปบ้างแต่เมื่อศูนย์ราชการสร้างเสร็จจะสบายขึ้น ด้านปัญหาที่จอดรถได้ไปเจรจาขอใช้พื้นที่จอดรถชั่วคราวกับกองบัญชาการทหารสูงสุดเรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมพงษ์ระบุว่าช่วงแรกที่เซ็นคำสั่งนายสุนัยไม่พอใจ แต่สุดท้ายนายจรัญได้แจ้งต่อ รมว.ยุติธรรม ว่านายสุนัยยินยอม นายสุนัย กล่าวว่า ไม่ทราบ เรื่องนี้ต้องไปถามนายจรัญ เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่อยากพูดถึง การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ตนขอพูดเฉพาะประเด็นวิชาการ จะไม่พูดเรื่องข้อเท็จจริง และเรื่องความรู้สึกใดๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีซุกหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่สรุปสำนวนสั่งฟ้องส่งให้อัยการ หากอัยการสั่งสอบเพิ่มเติม และส่งสำนวนคืนให้ดีเอสไอจะเกิดการเปลี่ยนในทางตรงกันข้ามหรือไม่ นายสุนัย กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต ทุกอย่างมีสิทธิเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ ตอนนี้ยังพูดไม่ได้ ส่วนที่ตนเคยวางแผนการสอบสวนว่าจะขึ้นเบิกความบรรยายพฤติการณ์กระทำผิดในคดีนี้ด้วยตนเอง เพื่อให้ศาลเกิดความเข้าใจในคดีทางด้านการเงินที่สลับซับซ้อนได้ง่ายขึ้น ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าอัยการจะระบุชื่อตนในบัญชีพยานหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามถึงการทำงานในปปท.ซึ่งยังไม่มีการจัดตั้งสำนักงานนายสุนัยกล่าว่า ตนจะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้จัดสรรงบประมาณมาเช่าพื้นที่ ชั้น 25 อาคารสุขประพฤติ ซึ่งเดิมเป็นสำนักงานอธิบดีดีเอสไอไว้ให้ ป.ป.ท.ทำงานต่อ แต่ยังไม่ทราบว่าจะได้รับอนุมัติหรือไม่ ส่วนเรื่องบุคลากร ขณะนี้ทั้งสำนักงาน ป.ป.ท มีตนอยู่เพียงคนเดียว แต่กฎหมายกำหนดให้จัดตั้งสำนักงานให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 120 วัน ขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียง 3 เดือน ดังนั้นจะขอตัวนายธาริต เพ็งดิษฐ์ และนายพรชัย อัศววัฒนาพร รองอธิบดีดีเอสไอ มาเป็นรองเลขาธิการ ป.ป.ท. เพราะทั้ง 2 คนเป็นคดีคนเก่ง มีคุณธรรมเหมาะสมทำเรื่องปราบปรามทุจริต และคาดว่าจะมีข้าราชการดีๆ อีกหลายคนโอนย้ายมาช่วยงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ถูกย้ายเป็นคนแรก นายสุนัยกล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับตนและกรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่วนกรณีมีการจุดปะทัดหน้าดีเอสไอในช่วงเช้าวันนี้นั้น คนทำคงเป็นคนจีน จุดประสงค์ของการจุดปะทัด มองได้ 2 แง่ มีทั้งจุดเพื่อขับไล่สิ่งไม่ดี หรือจุดต้อนรับก็เป็นได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศขณะนี้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ ได้ทยอยกันเก็บข้าวของเพื่อย้ายไปอยู่ยังสถานที่ตั้งแห่งใหม่บนถนนแจ้งวัฒนะ แต่ที่ห้องทำงานของนายสุนัย ปรากฏว่าไม่พบการเคลื่อนไหว เช่น มีเจ้าหน้าที่ไปเก็บของ หรือเคลื่อนย้ายสิ่งของใดๆ ของนายสุนัยออกนอกห้อง ทั้งนี้ เนื่องจากมีรายงานว่านายสุนัย เตรียมที่จะขอสถานที่เดิมจากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม ให้เป็นที่ทำการของ สำนักงาน เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เนื่องจากแม้จะมีคำสั่งย้ายให้นายสุนัยไปช่วยราชการยัง ป.ป.ท.แล้ว แต่ก็ไม่มีสถานที่ทำงานแต่อย่างใด